 ログイン
ログイン
‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...’ เสียงเคาะประตูดังสนั่นไปทั่วบ้าน ฉันที่กำลังล้างจานอยู่ จึงต้องรีบล้างมือ เพื่อเดินออกไปเปิดประตู ดูว่าใครกันที่มาหากันตั้งแต่เช้าในวันหยุดแบบนี้
ฉันเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนในยามเช้า ที่แท้ก็เป็นคุณป้าข้างบ้านคนดังนี่เอง ท่าทีของเขาดูสั่นกลัวเล็กน้อย มือสองข้างกุมกันแน่นถนัด แถมสายตายังไม่กล้าจะสบตาฉันด้วยซ้ำ
“มีอะไรเหรอคะ คุณป้า” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเย็นเฉียบ
“หนูฟ้าครามจ๊ะ คือว่า....”
“...” ฉันเงียบ กอดอกมองดูคุณป้าตรงหน้าอย่างเฉยเมย
ที่เห็นว่าเขามีท่าทีกลัวฉันแบบนี้ แท้จริงแล้วคุณป้าข้างบ้านกับฉันเรามีเรื่องกันมา
ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนป้าคนนี้อาละวาดด่ากราดหน้าปากซอยใส่คนไปทั่ว จนคนในซอยนี้เอือมระอากรนด่าหนักแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจะต้านสกิลปากร้ายของป้าเขาได้เลย
ฉันเพิ่งเลิกจากที่ทำงานต้องเดินผ่านตรงที่เกิดเรื่องพอดี กลับมัวเดินสนใจแต่มือถือ จึงกลายเป็นว่าฉันเดินชนป้าเขาอย่างจัง จากนั้นฉันจึงกลายเป็นเป้าสนามอารมณ์ให้กรนด่าหน้าปากซอยในวันนั้นให้คนเห็นกันไปทั่วจนเป็นจุดสนใจ
ฉันโดนป้าคนนี้ยืนด่าฉอด ๆ หาว่าไร้มารยาท แม้จะกล่าวขอโทษไปแล้ว แต่ป้าคนนี้ก็สรรหาคำด่า ขุดมาตั้งแต่พระเจ้าเหาขนมาสาดด่าหมดทุกเม็ด ฉันเองก็พยายามไม่สนใจอยากเดินผ่าน แต่ก็ถูกป้าดึงมือรั้งเพื่ออยากจะด่าต่อ
ความอดทนคนเรามันมีขีดจำกัด บวกกับเพิ่งกลับมาจากการทำงานที่แสนเหนื่อยล้า ฉันที่ยืนเงียบมาสักพัก จึงกัดฟันเอียงตัวเข้าไปกระซิบข้างหูคุณป้าเบา ๆ เพียงไม่กี่ประโยค
เมื่อคุณป้าได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งสีหน้าแห้งเผือกปล่อยฉันให้เดินเข้าซอยแต่โดยดี แม้คนรอบข้างจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าทำไมจู่ ๆ ป้าปากแซ่บคนนี้ถึงเงียบไป แต่เชื่อได้เลยว่าป้าตรงหน้าจะไม่แสดงกิริยาต่ำ ๆ ไล่ด่าคนอื่นอีกแล้ว
และการที่ป้าหอบตัวเองมายืนตัวสั่นถึงหน้าบ้านฉันแบบนี้ นั่นแสดงว่าที่ฉันพูดไปเป็นความจริงทั้งหมด
“ป้ามาทำอะไร จะพูดหรือไม่พูดเนี่ยเสียเวลาฉันนะ” ฉันเท้าสะเอวมองอย่างหาเรื่อง
“หนูฟ้าครามคนงาม ป้ามาดีนะมาดี ป้าแค่อยากรู้ว่า...เอ่อ...” ป้าเขายังไม่กล้ามองหน้าฉัน น่ารำคาญชะมัด
“ป้าจะถามฉัน ว่าทำไมฉันถึงรู้ว่า ป้าเคยมีผัวเก่าแถมยังตายไปแล้วใช่มั้ย”
“ใช่จ๊ะ ตั้งแต่ป้ามาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีใครรู้ว่าป้าเคยมีผัวเก่าที่ตายแล้ว ป้าเลยสงสัย เรื่องนี้ป้าไม่เคยบอกใครเลย”
“นั่นไง...” ฉันพยักเพยิดใบหน้าไปด้านหลังของป้า เธอหันหลังไปตามที่ฉันมอง
“หนูฟ้าคราม ป้าไม่เห็นอะไรเลย ยะ...อย่าทำให้กลัวสิ” สีหน้าคุณป้าเริ่มซีดเผือก
“ป้าไม่เห็น ใช่ว่าคนอื่นจะไม่เห็น ก็ผัวเก่าป้า เขายืนอยู่ข้างหลังคุณป้าทนโท่ ฉันเห็นตั้งแต่สองวันก่อนแล้วด้วย ตามติดป้าตลอด ดูลุงเขารักป้าเนอะ” ฉันพูดไปตามความจริง แม้ว่าสีหน้าของคุณลุงที่มองคุณป้าคนนี้จะออกไปทางอาฆาตมากกว่า
“อะไรนะ!!!!!” คุณป้าเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ถอยเซล้มลงพื้นด้วยความตกใจ ดวงตาเบิกโพลง ตัวสั่นระริก ฉันเห็นดังนั้นจึงนั่งยอง ๆ ลงต่อหน้าป้าคนนี้
“ป้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่คุณลุงตอนเสียชีวิตใส่เสื้อลายทาง เสียคาทีในบ้านใช่มั้ยล่ะ จะให้ฉันพูดด้วยมั้ยว่า เขาตาย...ยัง...ไง” ฉันจ้องมองป้ามองลึกเข้าไปยังดวงตาของเธอที่มีแต่ความวิตกจนน้ำตาคลอเบ้า
“ปะ...ป้าไม่ได้ทำอะไรนะ ป้าแค่...”
“ป้าไม่ต้องเล่าให้ฉันฟัง ฉันไม่ใช่นักสืบ หรือตำรวจ ฉันแค่รำคาญป้าที่ยืนด่าคนอื่นฉอด ๆ ก็เท่านั้น อีกอยากคุณลุงผัวเก่าป้าก็ตามมายุ่งวุ่นวายให้ฉันมาบอกป้าเนี่ย”
“ขะ..เขาอยากบอกว่าอะไร” สายตาป้ามองฉันด้วยความกลัวและวิงวอน
“อะแฮ่ม มึงเอาเงินที่มึงขโมยกูมาเสพสุขกับผัวใหม่ ไปคืนให้แม่กูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะคอยตามจองล้างจองผลาญมึงให้ไม่ตายดีทั้งมึงและผัวใหม่มึงแน่” ฉันเลียนเสียงผู้ชาย แม้จะฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่ก็อยากถ่ายทอดออกมาให้เหมือนที่สุด “คุณลุงว่ามาแบบนั้นแหละป้า”
“ห๊ะ!!!!! ไม่จริงงงงงงงงง ฉะ...ฉันไม่อยากตาย!!!” คุณป้าร้องเสียงสติไปแล้ว แต่การที่เขามากรีดร้องหน้าบ้านฉันแบบนี้ไม่ดีแน่ ฉันจึงต้องเขย่าตัวป้าที่นั่งกับพื้นให้เขาได้สติ
“นี่ป้า จะมาร้องหน้าบ้านคนอื่นหาพระแสงอะไรคะ แทนที่จะมากรีดร้องสู้ไปทำให้มันเข้าที่เข้าทางให้คุณลุงไปสู่สุคติ สำนึกผิด ไม่ดีกว่ารึไง”
“ป้าต้องทำไงบ้างหนูฟ้าคราม ช่วยป้าเถอะ ป้าขอร้อง ให้ป้าทำอะไรก็ยอม” คุณป้าจับมือฉันก้มหน้าวิงวอนด้วยน้ำตา เฮ้อปกติก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งอะไรสักหน่อย
“เรื่องกล้วย ๆ หนึ่งป้าต้องเอาเงินไปคืนแม่ของคุณลุง สองป้าต้องไปทำบุญให้คุณลุงด้วยความตั้งใจจริง ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน และสามเลิกทำตัวไปด่ากราดชาวบ้านได้แล้ว คุณลุงขอมาเท่านี้”
“ได้จ๊ะ ฝากบอกเขาทีป้าจะทำทุกอย่างเลย ป้าสำนึกแล้ว”
“ในเมื่อป้ารับปากแล้ว ก็ลุกขึ้นมาก่อน ใครเดินผ่านมา จะหาว่าฉันมีเรื่องกับป้าได้”
“จ๊ะ” ฉันพยุงคุณป้ายืนขึ้น ป้าปัดฝุ่นตามตัวก่อนจะขอตัวกลับ ในเมื่อความเกลียดชังหายกันแล้ว ฉันจึงเดินไปส่งป้าที่ประตูรั้วหน้าบ้านตัวเอง
เมื่อกำลังจะเดินเข้าประตูบ้าน คุณลุงก็มองฉัน จากใบหน้านิ่งงันก็ค่อย ๆ ยิ้มให้แล้วร่างของคุณลุงก็สลายหายไปกับตา
“ขอให้คุณลุงไปสู่สุคตินะคะ สาธุ” นั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำให้พวกเขาได้ พวกเขาเหล่านั้นแค่ต้องการความช่วยเหลือ และฉันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถมองเห็นความต้องการของพวกเขาได้ก็เท่านั้นเอง
พอถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยสินะ อย่างนั้นฉันจะขอแนะนำตัวก่อนนะ ฉันชื่อวิกานดา หรือเรียกว่าฟ้าครามก็ได้ค่ะ เห็นฉันอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ ในซอยหมู่บ้านแออัดแบบนี้ จริง ๆ ฉันรวยมากนะขอบอก พ่อแม่ฉันเสียไปแล้วเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อ ห้าปีก่อน ในขณะที่ฉันกำลังเรียนมหาวิทยาลัย และได้ทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้ฉัน ซึ่งฉันก็เก็บมันไว้ใช้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันฉันอายุ 28 ปี ทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่ง GM ซึ่งมี CEO เป็นเพื่อนสนิทชนิดที่ว่าฉันเป็นคนเดียวที่สามารถขึ้น มึง กู กับมันได้เป็นเรื่องปกติ และฉันเองก็มีหุ้นอยู่ที่นั่นนิดหน่อยด้วย เลยเป็นการทำงานที่ค่อนข้างสบายใจ และไม่กดดัน
นั่นอาจดูเป็นประวัติคร่าว ๆ ทั่วไป แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าฉันน่ะมีความสามารถพิเศษไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครอยากจะเหมือน นั่นคือฉันมีสัมผัสที่หก ไม่สิหรืออาจจะมากกว่านั้นเพราะดวงตาสีอ่อนของฉันเห็นมันอย่างจังไม่ว่าจะกลางวันกลางคืน จนตอนนี้แทบแยกไม่ออกแล้วว่า ใครเป็นผี ใครเป็นคน บางครั้งจึงสร้างความสับสนให้คนรอบข้าง ว่าฉันคุยกับใคร และดูมีนิสัยแปลกในสายตาของคนปกติ(ที่ไม่เห็นวิญญาณ)

ผมวิ่งแทบไม่เหลือสติ ลูกน้องก็รั้งผมไม่ได้ จนถึงห้องที่เธออยู่ เพียงแค่สายตาผมเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมันก็ทำให้ใจผมสลาย เธอเป็นอะไรไปทำไมใบหน้าถึงซีดเซียวขนาดนี้ หรือเพราะผมดูแลเธอไม่ดีไม่คอยสังเกตอาการของเธอ จนทำให้เธอป่วยแบบนี้กันผมลากเก้าอี้มาข้าง ๆ เตียงเธอ ก่อนจะนั่งลงกุมมือเธอแน่น และอยู่แบบนี้สักพักเพื่อสงบสติของตัวเองที่มันกำลังคิดมาก“พะ...พี่คะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่เรียกฉัน” เสียงของเธอที่เอ่ยมาอย่างแผ่วเบาทำให้ผมต้องรีบมองเธอ“ฟ้า....เป็นยังไงบ้าง หมอครับเมียผมฟื้นแล้ว หมอ...” พอผมเห็นเธอตื่น ผมก็ลุกวิ่งออกไปเรียกหมอทันที แม้ผมจะได้ยินเธอเรียกรั้งผมไว้ แต่ผมไม่สนผมต้องรู้จากหมอว่าเมียผมเป็นอะไรให้ได้แน่นอนว่าใช้เวลาไม่นานผมก็สามารถลากหมอเข้ามาในห้องได้ แม้จะโดนหมอค้อนมา ก่อนจะพามาห้องนี้ก็ตาม“หมอเมียผมเป็นอะไรครับ ทำไมหน้าเธอซีดแบบนั้น หมอ...”“ใจเย็น ๆ ครับผมกำลังจะอธิบาย” ผมเพ่งมองหมอ สลับกับเมียผมที่ตอนนี้ นั่งกุมขมับตัวเอง“จะให้ผมใจเย็นได้ไงครับ หมอดูสิ เมียผมกุมขมับเธอต้องปวดหัวเพราะป่วยแน่ ๆ ครับ หมอเอกซเรย์ศีรษะเมียผมรึยัง” ผมตื่นตระหนกจริง ๆ ก็ผมเป็นห
ในพิธีการ ผมยืนอยู่หน้าเวที ตอนนี้สมองผมแทบจะหยุดสั่งการ เสียงผู้คนแขกผู้มีเกียรติ เสียงของพิธีกร อะไรผมแทบจะไม่ฟัง จนเมื่อประตูไม้บานใหญ่เปิดออกเหล่าเพื่อนเจ้าสาวเดินนำถือตะกร้าโปรยดอกไม้ระหว่างเดิน แขกผู้มาร่วมงานปรบมือ จนท้ายสุดท้ายตาผมก็จดจ้องที่เดียวนั่นคือเจ้าสาวแสนสวยว่าที่ภรรยาของผมกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับคุณพ่อ(ในนาม) ที่กำลังเดินมาส่งตัวเธอให้ผม ตอนนั้นแหละที่ใบหน้านิ่งของผม อดยิ้มจนแทบแก้มปริไม่ได้วันนี้ภรรยาผมสวยมาก สวยชนิดที่อยากจะวิ่งไปโอบอุ้มซะตอนนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเธอยืนอยู่ตรงหน้าผม ใจผมยิ่งเต้นแรงรอยยิ้มของเธอทำให้ผมได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่มีความสุขฝ่ายเดียวพิธีการยังคงดำเนินต่อไป เรากล่าวคำสาบานร่วมกัน จวบจนแลกแหวน ก่อนจะจบที่จุมพิตพิสูจน์คำปฏิญาณ จากนั้นแขกที่มาร่วมงานก็ยืนขึ้นปรบมือแสดงความยินดีกันอีกครั้ง“เอาล่ะนา.......” เสียงของเธอยิ้มหันไปบอกสาว ๆ ที่ตอนนี้รอที่จะแย่งช่อดอกไม้ช่อหนึ่งจากมือของภรรยาผม“ฟ้า...พวกเราพร้อมแล้ว”“หนึ่ง...สอง...สาม...ฟิ้ว.....” สาว ๆ ทุกคนสายตาจับจ้องช่อดอกไม้ที่ภรรยาผมหันหลังโยนออกไปกันยกใหญ่ พอช่อนั้นใกล้หล่น มือจำนวนนับไม่ถ
ตอนพิเศษ 1(ฉบับเอ็ดเวิร์ด)วันนี้ผู้คนต่างหลั่งไหลมาโรงแรมของผมไม่ขาดสาย แน่นอนว่าวันนี้มีงานที่สำคัญสุดในชีวิตของผม ผมกำลังจะแต่งงานครับ ทุกคน ช่วยยินดีกับผมด้วยนะ เมียผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดี เธอคือคนที่เข้ามาทำให้หัวใจผมเต้นแรง และคอยช่วยเหลือผมอย่างเต็มใจเมื่ออยู่ในช่วงเวลาลำบากเอาจริง ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอก ตอนที่อยู่บ้านเกิดพ่อ (ก็ต่างประเทศนั่นแหละ) พวกผมก็ค่อนข้างเกเร ขาใหญ่ โหดร้าย เพราะสังคมที่นั่นคนอ่อนแออยู่ไม่ได้ไงที่นั่นการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธสงคราม การล้างแค้น เป็นเรื่องปกติที่ทางรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดีไม่ดีที่ประเทศนั้นยังคงดำรงอยู่ได้ก็คงเป็นเงินเทา ๆ ทั้งนั้นแหละจนเกิดเขตเสรีที่กฎหมายคุ้มครองไม่ได้ และพวกผมเองก็ดันเกิดที่นั่น ดังนั้นหากพวกเราไม่เข้มแข็ง ไม่ร้าย หรือ ไม่มีอิทธิพล เราก็จะเป็นฝ่ายถูกเหยียบให้จมดินซะเองแต่พอผมได้คุยกับ พ่อแม่ที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ ว่าอยากลงทุนอะไรที่สุจริตไว้บ้างเผื่อวันใดที่ประเทศนั้นล่มสลายจะได้มีแผนสำรอง แม่ผมก็แนะนำเป็นบ้านเกิดของท่านผมหันไปถามเพื่อนซี้อีกสองคนอย่าง ไอ้เจ กับ ไอตินที่เราผ่านอะไรด้
เรายืนอยู่หน้าหลุมศพของพ่อแม่ฉัน ต่างคนต่างถือช่อดอกลิลลี่คนละช่อ ฉันสูดอากาศให้เต็มปอดก่อนที่จะมองป้ายหลุมศพนั้นด้วยความคิดถึงจากหัวใจ“พ่อคะ แม่คะ ฟ้ามาเยี่ยมแล้วค่ะ ฟ้าสบายดีมาก ๆ” ฉันพูดแบบนั้นออกไปจ้องมองรูปตรงป้ายอย่างแน่วแน่ ไม่นานนักไอวิญญาณของพ่อแม่ก็ลอยล่องเหนือหลุมทำให้ฉันเบิกตาโตมองตาม ฉันเห็นผีมากมายก็จริงในโลกคนเป็น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อกับแม่ฉันในโลกคนเป็นนี้ เพียงใบหน้าพวกเขาปรากฏ แม้จะเลือนราง แต่ความคิดถึงมันก็ทำให้ไอวิญญาณตรงหน้าชัดเจนขึ้นได้ฉันน้ำตาเอ่อล้น จนคนข้าง ๆ หันมามองอย่างแปลกใจ“ฟ้าเป็นอะไรไปทำไมจู่ ๆ ร้องไห้แบบนั้นครับ”“ฮือ...ฮึ่ก..พี่คะ พ่อกับแม่มาหาฉันด้วยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นพวกเขาฮือ....หลังจากที่ ...พวกเขาจากฉันไป ฮือ....” ฉันร้องแบบนั้น จนรู้สึกได้ว่ามือหนาของเขากุมมือฉันแน่นอย่างอ่อนโยน พอฉันเริ่มตั้งสติได้ ก็หันไปมองพวกท่านอีกครั้ง“พ่อคะ แม่คะ นี่แฟนหนูเองนะคะ พี่เขาชื่อเอ็ดเวิร์ด เป็นคนเก่งมาก หล่อด้วยค่ะ ที่สำคัญพี่เขารักฟ้าและก็เป็นคนที่ฟ้ารักมาก ๆ ด้วย” ฉันที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าเพราะกลั้นไม่ไหว แต่ฉันเห็นนะว่า ไอวิญญาณของพว
51- คำสัญญาชั่วนิรันดร์ –ฉันขึ้นรถที่เรียกผ่านแอปไปกับพี่เอ็ดเวิร์ด ส่วนคุณมาตินบอกว่าจะตามไปซึ่งฉันก็ส่งโลเคชั่นให้แล้ว ตอนแรกที่คุณมาตินเห็นโลเคชั่น เขาก็มองหน้าฉันพลางเลิกคิ้ว ฉันก็ได้แต่ยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนเขาจะมองออกนะว่าจุดหมายปลายทางที่ฉันกำลังจะไปนั้นเป็นที่ไหน ที่ไม่รู้ก็มีแต่คนตัวโตหล่อคมคายข้างฉันนี่แหละ ก็ปล่อยให้พี่เขาไม่รู้แบบนี้ต่อไปแล้วกัน หึงดีนักรถเข้ามาในสถานที่แห่งหนึ่ง ถนนที่โล่ง ต้นไม้รอบข้างที่ราบรื่น พร้อมกับสนามหญ้าเขียวขจี ไปทั่วบริเวณ สวยงามประดับไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ตัดขอบด้วยท้องฟ้าสีครามสว่างสดใส ฉันมองผ่านจากบานกระจกรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นคุณลุงขับรถก็จอดให้พวกเราลงตรงลานจอดรถของสถานที่แห่งนี้ ฉันหอบช่อดอกลิลลี่ก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังเดินตามมา“พี่ดูสิ วิวที่นี่ สวยดีนะคะ”“อืม....” เขาตอบเพียงสั้น ๆ แต่ใบหน้าไม่มองฉันด้วยซ้ำ ทำเอาฉันต้องใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้หันมามองฉัน“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฟ้าไม่ได้หนีจะมาที่นี่คนเดียวตั้งแต่แรก ฟ้าอยากให้พี่มาด้วยจะตายไป แต่พี่บอกติดงานด่วนเองนินา”“จริงเหรอครับ”“จริงสิคะฟ้าจะโกหกทำไม
50- คนสำคัญ –(Fah Talk)หลังจากที่ฉันวิ่งแจ้นออกจากห้องทำงานของเขามาได้ ฉันก็ตรงดิ่งไปยังท่าเรือทันที เพราะตอนนี้ใกล้เวลาประชุมใหญ่ ฉันก็เป็นถึงผู้บริหารร่วมจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีไม่ได้ จะทำให้คนรอในห้องประชุมได้ไงจริงมั้ยล่ะฉันนั่งอยู่ในเรือด้วยใจเลื่อนลอย วันนี้ภารกิจฉันมีเยอะจริง ๆ แม้จะเสียดายที่วันนี้ พี่เอ็ดเวิร์ดติดลูกค้าคนสำคัญ ทำให้ฉันพาเขาไปด้วยไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรปีหน้าค่อยพาเขามาใหม่แล้วกัน ฉันจะมางี่เง่าบังคับเขาทำโน้นทำนี่ทั้งที่ยังเป็นแค่แฟน ก็คงไม่ดีล่ะนะฉันมาถึงบริษัทตรงเวลา และได้รับความเคารพจากพนักงานอย่างดีเช่นเคย แถมพวกเขายังอวยฉันมากกว่าเดิมไปมาก เพราะตั้งแต่ฉันทำโครงการร่วมกับโรงแรมคุณเอ็ดเวิร์ดสำเร็จ ก็ทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดโบนัสฉ่ำ ๆ ไงล่ะการประชุมวันนี้ ก็เป็นการประชุมของผู้ถือหุ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ของไอ้กรณ์ตัดสินใจยกหุ้นที่เหลือของเขาให้ฉัน แต่ยังไงเริ่มแรกเดิมทีบริษัทนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ ครอบครัวของไอ้กรณ์ และตัวไอ้กรณ์มันเอง ฉันจึงรับน้ำใจแค่บางส่วนแล้วกลายเป็นผู้ถือหุ้นลำดับสอง (ไม่เอาหรอก NO.1 ใครจะอยากออกงานสังคมกัน) ส่วนหุ้นบางต








