Nevermind : 9
หายไป
หลายวันผ่านไป คุณองศาไม่ได้กลับมาที่ห้องเลย แน่นอนว่าความว่างเปล่าที่ฉันต้องประสบพบเจอมันเหมือนกับว่าฉันวนไปอยู่ในห้องที่เป็นบ้านป้า ไร้ซึ่งเสียงและความสุขที่เคยก่อเกิดขึ้น หากแต่ต่างกันตรงที่ว่าห้องของคุณองศานั้นปลอดภัยทำให้ฉันนอนหลับได้อย่างเต็มที่ ครัวที่ปกติฉันจะต้องทำอาหารเพื่อให้คุณองศากินในตอนเช้า ทุกอย่างในครัวดูสะอาดมาก รวมไปถึงของสดในตู้เย็นก็แทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว ฉันถามเรื่องเขากับคุณนนท์ก็ให้เหตุผลว่าคุณองศาทำงานที่คาสิโนและบริษัทรถทุกวัน ไม่รู้ว่าที่ทำแบบนี้... ไม่อยากเจอหน้าฉันหรือเปล่า?
ฉันน่ะทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงเลย แต่ถึงตัวจะหายไปก็สั่งให้คุณนนท์ซื้อกับข้าวมาให้ฉันหรือไม่ก็ซื้อของสดเข้ามา ฉันไม่ทำกินเลยไง ถึงได้เน่าและก็ทิ้งไป หายไปก็แทนที่จะบอกกันสักหน่อย ทำแบบนี้ฉันก็รู้สึกผิดกับเรื่องนั้นน่ะสิ
และเพราะคุณองศาไม่อยู่ ฉันก็เลยมีเวลาหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของคุณธาม นั่นทำให้ฉันรู้ว่าทำไมชีวิตของเขาถึงได้กลัวความมืด พ่อกับแม่ที่เขาหมายถึงตอนที่หวาดกลัวมันเลวร้ายสำหรับเขาในวัยสิบขวบ เหมือนกับฉันเลย... เหมือนกับที่ฉันต้องทนเห็นบ้านไฟไหม้ไปต่อหน้าต่อหน้า บ้านที่มีกลิ่นไหม้ลอยคลุ้งมีสะเก็ดไฟดังเสียงระงมและในบ้านหลังนั้นมีพ่อกับแม่ ร่างของท่านทั้งสองถูกเผาไม่เหมือนชิ้นดี นับว่าเราคล้ายกันก็ตรงนี้อย่างที่เคยบอก
ประวัติครอบครัวคุณธามรวยมหาศาลมากๆ เลยล่ะ มีกิจการโรงแรมที่โด่งดังไหนจะบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีก แต่ที่น่าเห็นในคุณธามเห็นจะเป็นว่าพ่อของเขายิงตัวตายต่อหน้าต่อเขาและนี้อาจจะเป็นเหตุผลให้คุณธามมีอาการหวาดกลัว เห็นภาพเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ หรือเรียกอย่างว่าโรคจิตเภทชนิหนึ่ง ‘PTSD’ เกิดจากสภาวะจิตใจของผู้ป่วยได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์เลวร้ายและคุณธามมีอาการ flash back คือผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนตัวเองยังอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ จนเกิดอาการหวาดกลัวและวิตกกังวล สิ่งนั้นฉันเคยเห็นคุณธามเป็นมาก่อนหน้านั้น
เพราะแบบนี้คุณธามอาจจะมีผลทางด้านจิตใจเขาอาจจะเป็นโรคกลัวและโรควิตกกังวล เรื่องที่เขากลัวความมืดไม่ได้บอกนะว่าเกิดจากอะไร แต่ทำให้รู้ว่าคุณธามในวัยสิบขวบเห็นพ่อของเขายิงตัวตาย ส่วนแม่ของเขาไม่มีบอกว่าคือใครหรือไปไหน พ่อของคุณธามยิงตัวตายเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพและแบกรับต่อไปไม่ไหว จากนั้นทุกอย่างก็เป็นของคุณธามที่ทำหน้าที่แบกรับหน้าที่นี้ต่อจากพ่อเขา หากแต่ว่า... ฉันเองก็กังวลแทนเขาว่าคงไม่คิดอะไรสั้นๆ แบบนั้นหรอกนะ
ถึงฉันจะมีความหลังที่ค่อนข้างแยกแยะออกและไม่ได้มีปัญหาด้านสภาพจิตใจ เพราะฉันบอกตัวเองเสมอว่าพ่อกับแม่อยากให้ฉันรอดจากเปลวเพลิงนั้นก็หมายความว่าฉันควรมีชีวิตอยู่ต่อไป พอยิ่งได้รู้ว่าชีวิตของเราสองคนคล้ายกันมากแถมอายุที่เจอเรื่องราวแย่ๆ ก็เท่ากันอีกต่างหากแม้ว่าอายุของเราสองคนจะห่างกันถึงสิบสองปีก็ตามที
“แพร”
“เอม นิว” ฉันมองเพื่อนสองคนที่ทักทายฉันพลางสั่งกาแฟและเค้กไปนั่ง หลังจากปิดเทอมมาได้ครึ่งเดือนกว่าแทบไม่ได้เจอกันเลย เพื่อนเป็นห่วงก็เลยมาหาฉันที่ร้าน “มากันทำไม?”
“วันนี้ว่าจะชวนไปบ้านนิวอะ แม่นิวทำบาร์บีคิว ไปนะ”
“เออ...”
“หรือไง ต้องขออนุญาตมันก่อน” นิวประชดฉันจนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“นายก็เลิกประชดแพรสักทีเหอะ แพรอยู่กับเขาก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ชีวิตดีด้วยซ้ำไป”
“เหอะ”
“สำคัญคือยัยป้ามหาภัยไม่มีรังควานแพรด้วย เขาปกป้องแพรได้ดีขนาดนี้ เลิกโกรธแพรสักทีเถอะ” เอมพยายามทำให้นิวเข้าใจว่าสิ่งที่ฉันทำมันถูกต้องแล้ว คุณองศาปกป้องฉันได้จริงๆ และเขาก็ไม่ได้ทำร้ายฉันด้วย มีแต่ฉันเนี่ยล่ะที่เผลอทำร้ายเขาเรื่องนั้น ไม่ เลิกคิดซะแพรวา! “ตกลงไปนะแพร”
“ไปสิ แต่ฉันเลิกงานสองทุ่มครึ่งนะ”
“งั้นเดี๋ยวพวกฉันดูหนังรอแล้วกัน วันนี้พี่ดีนไปทำธุระกับทางบ้านน่ะ” พยักหน้ารับเอมก็ตักเค้กเข้าปาก แต่นิวจ้องหน้าฉันราวกับไม่พอใจที่ยังยืนยันคำเดิมว่าจะอยู่กับคุณองศาไปก่อนสักพัก ไม่สิ ยังไม่รู้เลยว่าสักพักมันจะนานแค่ไหน
พอให้หลังเพื่อนที่ไปดูหนังฆ่าเวลารอฉันเลิกงาน ฉันเข้ามาด้านหลังเพื่ออบครัวซองต์เพิ่มเนื่องจากในตู้โชว์หมดแล้ว มุกก็เลยต้องยินยอมออกไปหน้าเคาน์เตอร์แทน ล้วงมือลงหยิบสมาร์ทโฟนในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนต่อสายหาใครบางคน
“สวัสดีค่ะคุณนนท์”
(“แพรวา มีอะไรหรือเปล่าครับ?”)
“คือวันนี้แพรจะไปบ้านเพื่อนนะคะ ตอนเลิกงานพอดีที่บ้านเพื่อนทำบาร์บีคิวกินกัน แพรจะกลับไม่ดึกค่ะ”
(“ให้ผมไปรับไหม?”)
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแพรให้เพื่อนมาส่ง” รอปลายสายที่เงียบไปสักพัก
(“โอเคครับ งั้นก็กลับถึงห้องโทรบอกผมหน่อยนะ”)
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เมื่อโทรบอกคุณนนท์เรียบร้อย ฉันก็กลับมาทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออบขนมเสร็จต้องไปล้างห้องน้ำต่อด้วย ฉันกับมุกแบ่งหน้าที่กันมุกต้องทำความสะอาดเคาน์เตอร์ ล้างแก้วล้างจานใส่เค้กและเอาขยะไปทิ้ง พอเล่าให้ฟังว่าป้ามาดักรอมุกก็เลยอาสาไปทำให้ตรงนี้ เวลามาถึงสองทุ่มครึ่งพรุ่งนี้เป็นวันที่ร้านปิดหนึ่งวันคือวันอาทิตย์ ฉันก็กะว่าจะทำความสะอาดห้องที่ไม่ได้ทำตั้งแต่มาอยู่กับคุณองศา
ปิดร้านเรียบร้อยจังหวะนั้นเอมกับนิวก็มารับฉันพอดี รถของนิวจะเป็นแบบรถยนต์สี่ประตูแบบยกสูงอะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารถรุ่นอะไร ฉันขึ้นรถของนิวที่ขับออกจากตัวห้างสรรพสินค้าไม่นานก็มาถึงบ้านของเขา ณ เวลานี้สนามหญ้าหน้าบ้านกำลังจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกัน มีพ่อแม่ของนิวและพี่ชายของนิวที่ชื่อว่าพี่นัท พี่เขาทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าเนี่ยล่ะ ไม่รู้อะไรมาก ฉันยกมือไหว้พ่อกับแม่ของนิวซึ่งแม่ของนิวท่านใจดีกับฉันมากเลยนะ
“หนูแพร แม่คิดแล้วว่ายังไงหนูก็ต้องมา”
“ขอบคุณนะคะที่ชวนแพรมาด้วย”
“นิวเล่าให้แม่ฟังว่าหนูออกจากบ้านป้าแล้ว ดีแล้วล่ะ หนูจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีก” แม่ของนิวรู้ว่าฉันประสบพบเจอกับอะไรมาบ้าง บางทีท่านยังเคยให้ฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยนะ “แล้วหนูไปอยู่ที่ไหนจ้ะ?”
“แพร...”
“อยู่กับใครก็ไม่รู้ครับ คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก” ฉันหันไปมองนิวที่พูดเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย
“ตายจริง หนูไปอยู่กับใครเนี่ยแพรวา”
“คือเขาเป็นคนมีอิทธิพลมากๆ เลยค่ะ แล้วก็เพราะเขาทำให้ป้าไม่มารังควานแพร”
“คนดีใช่ไหม?” จะบอกว่าดีหรือเปล่าก็ไม่เต็มปากหรอก เพราะคุณองศาเองก็เผยธาตุแท้มาให้เห็นตอนตบหน้าผู้หญิงของตัวเอง แค่เห็นตอนนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่เคยแสดงด้านนั้นให้ฉันได้เห็นและฉันเชื่อว่ามันต้องมีแน่ “หนูย้ายมาอยู่กับแม่ได้เลยนะหนูแพร”
“ขอบคุณนะคะ ตอนนี้หนูอยู่กับเขาหนูมีความสุขดีค่ะ”
“...”
ทุกคนเงียบสนิทหันมามองฉันที่พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่มันถูกนี่นาฉันอยู่กับคุณองศาฉันมีความสุขดี นอนหลับเต็มตื่นและได้กินของอร่อยๆ ที่ไม่เคยได้กิน ไหนจะได้ทำงานและได้เรียนอย่างเต็มที่ มีเงินเก็บมากขึ้น
“หนูช่วยทำบาร์บีคิวนะคะ” ฉันรีบตัดบทและเดินไปหาเอมที่กำลังลงมือเอาหมูเสียบไม้เพื่อย่าง
“เธออยู่กับเขาแล้วมีความสุขมากเลยใช่ไหมแพร?”
“อือ” ตอบเพื่อนสาวที่เผยรอยิ้ม รอยยิ้มแบบนี้คืออะไรก่อนเอม
“อยู่ด้วยกัน ได้ทำอะไรด้วยกัน... คงจะมีความรู้สึกดีๆ ให้กันปะ”
“จะบ้าหรือไง!” ตะคอกเพื่อนจนครอบครัวนิวหันมามองฉันกับเอมที่โบกมือไปมา ราวกับบอกว่าไม่มีอะไร
“เสียงดังแบบนี้แสดงว่ามีแน่”
“ใครจะไปคิดแบบนั้นกับเขา”
“ทำไมล่ะ ถึงอายุจะห่างกัน... กี่ปีนะ”
“สิบสองปี” ถามเรื่องระยะห่างอายุฉันกับคุณองศาเพื่ออะไรก่อน
“ห่างกันสิบสองปี ไม่เป็นปัญหานี่นา หนุ่มสามสิบไม่ได้แก่สักหน่อย”
“...” ฉันไม่สนใจคำพูดเพื่อเอาหมูเสียบไม้และตามด้วยมะเขือเทศ,สับประรด เสร็จแล้วสามไม้แต่ยัยเอมยังไม่ได้สักไม้ มัวแต่ถามเรื่องของฉันกับคุณองศาอยู่นั่นแหละ
“สามสิบเขาว่ากำลังเข้าช่วงเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัว”
“จะพูดอะไรกันแน่เนี่ย?”
“ก็เรื่องของเขากับเธอ เป็นไปได้ไง อายุไม่ใช่ปัญหาที่ฉันจะพูดน่ะ”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาหรอก เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉันนะ อีกอย่างเขาน่ะอยู่สูงกว่าฉันมาก” คำพูดสุดท้ายแผ่วเบาพลางนึกไปถึงวันนั้นที่ฉันร้องขอให้คุณองศาจูบฉัน สุดท้ายเขาก็จูบแต่ทำต่อไม่ได้เพียงเพราะว่าเขามองฉันเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ฉันจะไปมีสิทธิ์คิดอะไรกับเขาได้ล่ะ ฉันต่ำต้อยเขาสูงส่ง... ฉันเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เขาเป็นถึงคนมีอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาล แค่เขาช่วยเหลือฉันให้ที่ซุกหัวนอนและดูแลอย่างดีไม่ให้ป้ามาทำร้าย แค่นี้มันก็มากพอสำหรับฉันแล้ว ได้มากจนไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณเขายังไงดี แค่มอบชีวิตของตัวเองให้เขามันก็น้อยไปสำหรับสิ่งที่เขามอบให้
“เธอสวยจะตาย”
“สวยแต่กินไม่ได้สักหน่อย” ฉันเชื่อว่าคุณองศาคงไม่มองผู้หญิงเพียงเพราะสวยหรอก อีกอย่างเขาก็ไม่มีใครด้วย คงจะมองหาคนที่เหมาะสมกับเขา อาจจะเป็นลูกคุณหนูตระกูลร่ำรวยหรือลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวคนหนึ่ง ไม่ก็เป็นสาวสวยรวยด้วยการมีบ่อน้ำมันสักคน เนี่ยผู้หญิงแบบนี้เหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว ผู้หญิงที่เท่าเทียมกับเขาทั้งฐานะ ชาติตระกูลหรือหน้าตาสวยน่ารักแต่มีฐานะ ส่วนฉันก็แค่สวยไม่ได้มีอะไรเลย มีแค่ตัวไม่มีสมบัติอะไรติดตัวมาสักนิด แถมยังโดนครอบครัวที่เหลืออยู่ทำร้ายทุบตี ชีวิตฉันน่ะมันแย่มากๆ แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดทำให้ฉันคิดสั้น คำพูดของคุณองศาที่เคยบอกว่าฉันยังตายไม่ได้ ยังวนเวียนอยู่ในหัวเสมอ “เรื่องของฉันกับคุณองศา ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแน่นอน”
“ทำไมเธอคิดแบบนั้นล่ะ”
“มันเป็นไปไม่ได้ไง เขาคิดกับฉันแค่น้องสาวเท่านั้นนะ”
“...”
“แค่น้องสาว สำหรับฉันเขาคิดแบบนี้ก็รู้สึกว่าได้รับมากไปด้วยซ้ำ” ใช่ มันมากไปด้วยซ้ำ แค่เขามองฉันเหมือนน้องสาวที่ต้องดูแลมันก็เกินพอแล้ว สำหรับฉันที่ไม่ควรได้รับอะไรจากเขา แต่เขาก็ยังเป็นคนดีที่ยอมลดตัวมายืนข้างฉัน มันเป็นการยืนข้างๆ กันในแบบที่ฉันไม่สามารถไปยืนข้างเขาได้ มันก็เท่านี้เอง อีกอย่างฉันเองก็คิดกับเขาแค่ผู้มีพระคุณเท่านั้น เขาเป็นผู้มีพระคุณ ไม่ควรคิดเกินเลยไปมากกว่านั้นทั้งที่รู้ตัวเองดีไง แพรวา...
“แต่ไม่คิดว่าสักวันมันจะเปลี่ยนเหรอ?”
“ไม่มีทางหรอก ยังไงก็ไม่มีทาง”
ใช่ ยังไงก็ไม่มีวันนั้นหรอก ฉันไม่มีทางคิดเกินเลยกับเขาและเขาเองก็ไม่เคยคิดเกินเลยกับฉันด้วย เขาย้ำเสมอว่าฉันเป็นใครสำหรับเขา เพราะฉะนั้นจนเราตายจากกันก็คงไม่เป็นอย่างที่เอมคิดแน่นอน
เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนนิดๆ ที่ปาร์ตี้บาร์บีคิวบ้านนิวจบลง นิวขับรถมาส่งฉันที่คอนโดก่อนไปส่งเอมที่บ้าน สองคนนั้นอยากจะขึ้นไปที่ห้องแต่ฉันก็ปฏิเสธทันทีว่าไม่ใช่ห้องของฉันไง จะให้เพื่อนทำตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด ฉันขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของคอนโดค้อมศีรษะให้กับคนของเขาที่เดินอยู่บนชั้นนี้สามสี่คน ยังไงฉันก็นอบน้อมไว้ก่อนฉันไม่ได้สำคัญขนาดที่เขาจะต้องโค้งคำนับไง ฉันไม่กล้าเดินเชิดไปอย่างเดียวหรอก บางทียกมือไหว้ด้วยซ้ำไป
ฉันเปิดประตูเข้ามาภายในห้องก็มืดสนิทเหมือนเดิมคือคุณองศาไม่กลับห้องเลยนับตั้งแต่วันที่เราจูบกัน แม้ว่ามันจะเป็นผลดีกับฉันที่ไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น แต่การที่เขาไม่กลับมาเลยก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดเหมือนกัน ราวกับความรู้สึกมันปะปนจนมั่วไปหมด ฉันวางกระเป๋าผ้าลงบนเตียงนอนที่เรียบร้อยไม่มีรอยยับนั่นก็เพราะฉันไม่ได้นอนบนเตียงเลย แต่เลือกมานอนบนโซฟาแทน ตรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายระหว่างที่นอนเล่นยังไม่หลับฉันก็หยิบสมุดวาดภาพที่นับตั้งแต่มาอยู่คอนโดคุณองศาฉันก็ไม่ได้หยิบมันขึ้นมาวาดรูปเลย พรุ่งนี้หยุดไปหาที่วาดรูปหน่อยดีกว่า เอาจริงฉันมีความสามารถเรื่องวาดรูปด้วยนะ แต่ถึงจะไม่เก่งมากก็เถอะ ฉันเลยพยายามฝึกฝนให้เก่งขึ้นไปอีก เผื่อสักวันวาดรูปออกไปขายได้ไง
ภาพที่วาดก็มีวิวซะส่วนใหญ่ อ่อ มีวาดรูปเอมกับนิวด้วย พรุ่งนี้จะไปวาดอะไรดีนะ...
ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายฉันเก็บกวาดห้องของคุณองศาทุกซอกทุกมุมรวมไปถึงการทำความสะอาดอ่างกุชชี่ด้วย วิธีทำก็ง่ายมากเลยล่ะ ฉันปล่อยน้ำออกจนหมดและเปิดน้ำใส่ลงไปใหม่เผื่อว่าคุณองศาจะกลับมาแช่ตัว เสื้อผ้าของเขาฉันก็ซักตากและรีดเรียบร้อยแขวนไว้ในตู้ห้องแต่งตัว เตียงนอนก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นเปลี่ยนผ้าปูและจัดจนเรียบเหมือนกับในโรงแรมเลย
“เสร็จสักที” กว่าจะเสร็จเล่นเอาฉันทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนพื้น ห้องแบบได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เลย ไหนจะบนเตียงที่ฉันฉีดน้ำหอมบนหมอนกลิ่นธรรมชาติ พอพักจนหายเหนื่อยฉันก็ลุกขึ้นเข้าไปอาบน้ำ สวมเสื้อยืดสีขาวและทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อตพร้อมกางเกงยีนส์ เอาสมุดวาดภาพใส่กระเป๋าผ้าเพื่อนั่งรถไปหาที่วาดรูป
ฉันเรียกแท็กซี่หน้าคอนโดให้ไปส่งที่สะพานข้ามแม่น้ำ ตรงด้านล่างจะเป็นสวนสาธารณะที่ติดริมน้ำ มาถึงฉันก็สูดลมหายใจเข้าเพราะที่นี่มีแมกไม้ให้ความร่มรื่น ด้วยเพราะเป็นวันหยุดก็เลยทำให้มีครอบครัวมานั่งปิกนิกกัน สายตาของฉันมองครอบครัวหนึ่งและพาให้นึกถึงพ่อกับแม่ของฉันเอง ฉันเคยอยากไปปิกนิกที่ทะเลด้วยนะ เคยเห็นเอมเอารูปมาให้ดูตอนที่ครอบครัวพาไปน่ะ เพราะตัวคนเดียวก็เลยทำอะไรแบบนั้นได้ยากนิดหน่อย ฉันหยิบสมุดวาดภาพออกมาพร้อมดินสอจากนั้นก็สเกตภาพของครอบครัวนี้ใช้เวลายี่สิบนาทีก็ออกมาในแบบที่ฉันต้องการ
Rrr
สมาร์ทโฟนของฉันดังขึ้นในกระเป๋ากางเกงยีนส์ หยิบขึ้นมาดูปลายสายก็ต้องมึนงงเล็กน้อย “สวัสดีค่ะ”
(“ร้านกาแฟเธอปิดเหรอ? ฉันมาที่ร้าน”)
“อ๋อ ร้านปิดทุกวันอาทิตย์ค่ะคุณธาม”
(“ถามจริง”)
“ค่ะ” ฉันตอบเขาพลางหัวเราะกับความเด๋อของเขา ไม่ได้อ่านป้ายหรือไงว่าหยุดทุกวันอาทิตย์น่ะ
(“แล้วเธออยู่ไหน?”)
“ฉันอยู่ที่สวนสาธารณะแถว xx ค่ะ”
(“ได้ เดี๋ยวฉันไปหา”)
กำลังจะบอกว่าไม่ต้องมาหรอก แต่คุณธามก็วางสายไปซะก่อน ฉันเก็บสมาร์ทโฟนลงกระเป๋ากางเกงตามเดิม จากนั้นก็เริ่มวาดรูปสิ่งที่ตัวเองเห็นรอบๆ พอได้มานั่งที่นี่รู้สึกช่วยให้ผ่อนคลายและทำให้สดชื่นมากเลยล่ะ เปลือกตาของฉันหลับลงสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เยอะที่สุด ฉันรู้แล้วล่ะถ้าวันหยุดงานฉันจะไปไหนดี มาที่นี่ดีกว่า
“อ๊ะ!” สะดุ้งตกใจทันทีที่แก้มรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่เย็นเฉียบ ถึงกลับต้องลืมตามองร่างสูงคุ้นตาที่ชูกระป๋องน้ำอัดลมสีแดงให้ฉันดู จากนั้นก็โยนให้รับแทบหลุดมือ “คุณธาม”
“เธอชอบมานั่งที่นี่หรือไง?” เอ่ยถามก็เดินอ้อมมานั่งข้างฉันแต่ระยะค่อนข้างห่างเพราะเก้าอี้ไม้เป็นแบบยาวไง ฉันมองคุณธามที่สวมเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าพับแขนถึงข้อศอก ผมรากไทรที่ปรกท้ายทอยก็มัดรวบไว้ แบบนี้คือเท่ชะมัดเลย มองเขาที่กระดกน้ำอัดลมผ่านลำคอพลางหันไปมองคนของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลังห่างพอควรประมาณสามสี่คน
“ฉันเพิ่งเคยมาค่ะ แต่มันดีมากเลยนะคะ”
“ก็จริง” ดวงตาของฉันเอาแต่จ้องใบหน้าหล่อเหลาด้านข้าง เขามองตรงออกไปยังแม่น้ำที่ไหลไปตามสายลม “อากาศดีด้วย”
“...” มองใบหน้าของเขาที่แหงนขึ้นมองไปบนต้นไม้ใหญ่ ยามที่แสงแดดเล็ดลอดตามใบไม้ผ่านมายังใบหน้าเขา
“มีปั่นเป็ดด้วยเหรอ?”
“คะ” ฉันหลุดจากภวังค์มองคุณธามที่ยกยิ้มมุมปาก ชี้นิ้วไปยังแม่น้ำและลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงราวเหล็กกั้นและฉันรู้แล้วว่าปั่นเป็ดที่ว่าคืออะไร มุมด้านหลังของคุณธามทำให้ฉันหยิบดินสอขึ้นมา จากนั้นสเกตรูปของเขาจากด้านหลัง แม้ว่าจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าแต่ก็ทำให้รู้ว่านี่คือเขา เมื่อสเกตเรียบร้อยฉันก็ลุกขึ้นเดินไปหยุดข้างเขาพลางยื่นสมุดวาดรูปให้เขาดู
“หือ?” คุณธามหันมามองฉันและดึงสมุดนั้นไปดู “เธอวาดรูปได้ด้วยเหรอ”
“ได้นิดหน่อยค่ะ”
“ไม่นิดหน่อยแล้วนะแพรวา” เขาเอ่ยชมฉันพลางมองรูปสเกตตัวเอง หันมายิ้มให้กับฉัน “ขอได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าคุณธามอยากได้ก็ถ่ายเอาไปสิคะ”
“ทำไม?”
“ฉันจะเก็บไว้ค่ะ ภาพทุกภาพที่วาดน่ะ”
“เอางั้นก็ได้”
พูดจบก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปที่ฉันสเกตภาพเขาไว้ไปสองสามภาพ เขาก็เปิดดูสมุดวาดภาพของฉันและเอ่ยชมไม่ขาดปาก แถมยังคุยว่าเมื่อก่อนเขาก็เคยวาดแต่เพราะมีอาการเป็นโรควิตกกังวลก็เลยไม่ได้วาดมันอีก พอฉันได้รู้ว่าคุณธามเป็นโรคจิตเภท มันก็ยิ่งทำให้ฉันเป็นห่วงเขามากและรู้สึกเห็นใจเขากับอดีตที่เขาประสบพบเจอ แต่ไม่อากหลีกเลี่ยงมันไปได้ ความเลวร้ายและฝันร้ายที่เขาต้องพบเจอมันตลอด มันทุกข์ทรมานและฉันก็หวังว่าสักวันเขาจะหาย จะได้ใช้ชีวิตต่อจากนี้ได้อย่างเต็มที่
“รักมากที่สุด” ในที่สุดคำที่ฉันอยากฟังก็ออกมากจากริมฝีปากแดงคล้ำ ดวงตาของฉันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาทันที“แพรก็รักเฮียองศาค่ะ”====================เสียงคลื่นทะเลสาดซัดเข้าฝั่งเมื่อฉันยืนกอดอกมองสายน้ำและทรายที่เหยียบอยู่ บ้านพักริมทะเลของเฮียองศาเวลานี้เราได้มาพักผ่อนหลังจากที่ผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เคยบอกว่าคงจะไม่ได้ที่นี่อีกสุดท้ายฉันกลับยืนมองมันอยู่ตรงนี้ ขณะที่ยืนลูบแขนตัวเองเพราะลมทะเลในตอนเช้าค่อนข้างหนาว ผ้าแพรสีน้ำเงินก็ถูกคลุมจากด้านหลัง หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ถึงแม้อายุจะนับไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเขาก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับว่าสตาฟมันเอาไว้“เข้าไปข้างในดีไหม หนาวตัวเย็นเลย”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรอยากอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวลูกเผลอวิ่งลงทะเล” ฉันกับเฮียองศามองเด็กผู้ชาหนึ่งคนที่กำลังนั่งเล่นก่อกองทรายเป็นรูปปราสาท ‘เด็กชายพายุ โยคินวาณิชย์สกุล’ อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนแรกของเราสองคนที่หน้าตาเหมือนฉันแต่นิสัยคล้ายพ่อ คิดดูว่าพายุเป็นเด็กฉลาดมากและก็มีมุมที่อ่อนโยนเหมือนกันฉันแค่นิดเดียวนะ นิดเดียวจริงๆ“งั้นเดี๋ยวเฮียไปดูลูกก่อน” พูดจบก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาลูกชายที่พอเห็นพ่อก
พูดจบก็จูงมือฉันขึ้นรถขับออกจากคาสิโน ไม่สิ ผับของเฮียก็ตรงมายังเส้นทางที่ไปบริษัทรถของเขานี่นา ฉันจำได้ดีเลยว่าเราเจอกันวันนั้นที่ฉันเก็บกระเป๋าเงินให้เฮียได้และหลังจากนั้นเราก็ได้เจอกัน ได้อยู่ด้วยกันจนมาถึงปัจจุบันนี้ รถของเฮียจอดลงที่หน้าบริษัทของเขาที่มีรถหรูราคาแพงโชว์เรียกลูกค้าระดับสูงๆ กันทั้งนั้น ฉันเดินตามเฮียองศามายังด้านข้างบริษัทมองเข้าไปข้างในก็ยิ่งมึนงงหนักไปอีกก็แค่ร้านกาแฟกับเค้กไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้มีร้านกาแฟด้วย ตอนเจอกับเฮียยังเห็นเป็นร้านขายของที่ระลึกอยู่เลยมาตอนนี้กลับกลายเป็นร้านกาแฟและเค้กไปด้วย มีคนเข้าไปในร้านค่อนข้างเยอะอาจเพราะตรงนี้เป็นย่านติดกับการค้าหลากหลายไหนจะมหาลัยอีก ไหนจะบริษัทอีกทำเลตรงนี้คือดีมากเลยนะ“มองไปข้างบนสิ” เฮียองศาให้ฉันมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แน่นอนว่าความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่มองป้ายผับของเฮียองศา ฉันหันไปมองเฮียที่จูงมือพาฉันเข้ามาในตัวร้านและมีพนักงานสองคนเห็นเฮียก็รีบมาต้อนรับ “นี่แพรวา เมียฉัน”“ค่ะคุณองศา”“เมียฉันเป็นเจ้าของร้านกาแฟนี้”“ฮะ เฮียคะ มันไม่มากไปเหรอคะ?” ฉันบีบฝ่ามือหนาแน่นจนเฮียองศาหันมายิ้ม“ชื่อร้า
พูดจบก็โน้มมาบดขยี้จูบบนกลีบปากฉันราวกับห่างหายมานานจนมันทับถมกลายเป็นความต้องการอย่างมากล้น เฮียผละจูบออกให้ฉันได้หายใจอารมณ์เวลานี้พลุ่งพล่านจนฉันไปไม่เป็นได้แต่หอบหายใจหนัก ขณะที่มือของฉันก็เลื่อนไปกอบกุมความเป็นชายของเฮียองศาเวลานี้มันอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแต่เฮียก็ยังคงไม่ได้ยอมให้มันออกมาสักที ไล่จูบมาถึงทรวงอกพลางครอบครองยอดอกฉันด้วยอุ้งปากที่ร้อนระอุ นั่นทำให้ฉันเสียวจนจิกนิ้วเท้าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบแน่น ริมฝีปากร้อนไล่มาถึงหน้าท้องแบนราบจากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งของฉันพาดบ่าสิ่งที่เฮียกำลังทำฉันรู้ดีถึงได้จิกเส้นผมหนานุ่ม ณ เวลานี้เฮียกำลังตักตวงความหอมหวานจากกลางกายสาวอย่างมูมมาม พอทำจนพาฉันไปถึงสวรรค์ชั้นที่เท่าไหร่ฉันไม่อาจรู้ได้ ฉันก็มองสบตากับเขาพลางย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาพลางรูดกางเกงยีนส์ของเฮียลงมาพลางกางเกงในซึ่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ตีโดนแก้มฉันเบาๆ“แพรกินเฮียบ้างนะคะ” ฉันมองสบตากับเฮียองศาที่กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อฉันใช้มือประคองความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาซึ่งเวลานี้กำลังแข็งและดิ้นไปมาในมือของฉัน จากนั้นฉันก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปสูดเอากลิ่นสาบเข้ามาในปดให้ได้มากที่สุ
ตอนพิเศษขอบคุณเธอที่เข้ามาในชีวิต / ขอบคุณเขาที่มอบทุกอย่างให้ ====================“เรามาแต่งงานกัน แพร”“...”“ฉันพูดจริงนะ” คุณองศาเดินมาหยุดตรงหน้าฉันพลางจับมือฉันที่วางอยู่ไปกุมไว้ กระทั่งพลุไฟเย็นหมดลงคุณองศาก็ดึงก้านมันออกวางไว้บนโต๊ะ บีบมือฉันแน่นพลางโน้มลงมากดจูบอย่างแนบแน่น “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง ถึงจะมีเธออยู่ข้างๆ กันไปตลอดชีวิต”“ตะ แต่ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วแพรคิดว่าคุณองศาอาจจะเจอใครที่ดีกว่า...”“ไม่มีใครดีมากกว่าเธอ” เขาส่ายหน้าไปมาราวกับบอกว่าไม่มีใครดีเท่าฉัน “ฉันเลือกแล้ว”“แพรยังไม่พร้อมนี่คะ” ตอบคุณองศาซึ่งเขาก็ไม่ได้โกรธฉันหรอกนะ เขายังยิ้มเอ็นดูฉันอีกต่างหาก “แพรเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่แพรไม่เคยได้ใช้ แล้วแพรกลัวว่าถ้าแต่งงานไปแพรอาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้”“สองปีที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ?” มันก็พอนั่นแหละ “หรือเธอไม่อยากแต่งกับฉัน”“ไม่ใช่นะคะ! แพรอยากแต่งกับคุณองศาค่ะ แต่ว่า...”“แต่อะไรอีกล่ะ เธอเนี่ยแต่ๆ บ่อยมาก”“แพรขอเวลาคิดได้ไหมคะ?” เอาจริงไม่ได้อยากปฏิเสธคำขอแต่งงานของคุณองศา ถึงตกใจพอตั้งสติได้ก็ดีใจเป็นบ้าเลยล
เช้าของวันที่ 31 ธค. คุณองศาขับรถมาส่งฉันที่ร้านกาแฟซึ่งปานก็รออยู่พร้อมพี่วิทย์ พอให้หลังคุณองศาฉันก็ให้ปานกับแฟนหนุ่มกลับไป แค่ฝากซื้อของก็เกรงใจจะแย่ คุณองศามาส่งฉันบอกว่าจะแวะไปทำธุระให้พ่อของเขา เขาน่ะจำวันเกิดตัวเองได้จริงปะเนี่ย? วันเกิดคุณองศาจำง่ายสุดเลยนะดูเขาแบบไม่ได้สนใจเลย เหมือนลืมว่าเที่ยงคืนของวันที่ 1 มค. ฉันจะเซอร์ไพร์สวันเกิดเขา จะมาทำหน้างงไม่ได้นะขอบอก ฉันขอให้คุณองศาแวะซื้อพลุไฟเย็นมาด้วยทางบ้านพักอนุญาตให้จุดแบบไม่มีเสียงเพราะงั้นก็เลยต้องใช้พลุไฟเย็นแทน เอาจริงฉันอยากจุดตอนที่วันปีใหม่ได้เริ่มอะไรใหม่ๆ แต่เริ่มใหม่กับคนดีคนเดิมอะนะ ฉันเข้ามาในห้องครัวร้านพี่รันที่ตอนนี้ปิดวันหยุด ก็จัดการทำคัพเค้กเจ็ดชิ้นตกแต่งด้วยมาการองโยเกิร์ตสตอร์วเบอรี มีน้ำตาลแบบวงกลมสีทองและสีเงิน ส่วนตกแต่งหน้าคัพเค้กฉันก็จะทำเป็นครีมสีชมพูทำเป็นดอกกุหลาบ ซึ่งทำคัพเค้กใช้เวลาก็ประมาณบ่ายนิดๆ ก็คงเสร็จ“ปานซื้อเทียนเป่าไม่ดับมาด้วยเหรอเนี่ย?” ขืนให้คุณองศาเป่าไม่ดับบอกเลยว่าคัพเค้กคงไม่ได้กินแต่ถูกโยนทิ้งและกระทืบมากกว่า เขาน่ะคงไม่ชอบอะไรแบบนี้ดีนะที่สั่งซื้อเทียนแท่งยาวเรียวคล้ายเทียนเ
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new year II Part 2“ส้มเต็มต้นเลยแหะ” คุณองศาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับลูกส้มที่สุกกำลังน่ากิน ฉันหยิบตะกร้าขึ้นมาเพื่อเลือกส้มกลับบ้านพักได้โดยชั่งตามน้ำหนัก ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางสวนที่มีผ้าปูสำหรับไว้ปิกนิก คุณองศาสั่งเครื่องดื่มและเค้กส้มซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเค้กส้มเลยล่ะ “เปรี้ยวหรือเปล่า?”“เดี๋ยวแพรเก็บเอาไปชั่งจ่ายเงินแล้วค่อยลองชิมดูค่ะ” ตอบโดยไม่มองหน้าเขาฉันก็เลือกส้มเต็มตะกร้าก็เอาไปชั่งที่เขามีไว้สำหรับแพคส้มกลับบ้านซึ่งเป็นแพคเกจที่น่ารักมากๆ เมื่อได้ถุงกระดาษที่ติดโล้โก้ของสวนฉันก็เดินกลับมาที่ปิกนิกเห็นคุณองศามองผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นพนักงานของที่สวนเอาเครื่องดื่มกับเค้กมาเสิร์ฟ ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าเขาและเอียงอายแถมยังคุยอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันไม่ได้ยินหรอกนะ “มาแล้วค่ะ”“เค้กมาพอดี” พนักงานผู้หญิงมองฉันพลางเดินออกจากตรงนี้ ฉันมองเค้กส้มที่น่ากินกับชาเขียวเย็นที่คุณองศาสั่งให้ราวกับรู้ว่าเป็นของโปรดของฉัน “เสียค่าส้มไปเท่าไหร่ เอาเงินฉันไป”“ไม่เป็นไรค่ะ แพรมีเงิน” ตอบคุณองศาโดยไม่มองหน้าเขาตักเค้กส้มกินซึ่งอร่อยขึ้นชื่อจริงๆ“อยากถ
“อื้ม พะ พอแล้วค่ะ” ดันใบหน้าหล่อเหลาให้ถอนจูบออก ให้ตายสิแพร! จะขาดใจจริงๆ นะ“คิดถึงเธอแทบบ้าแล้วแพร” คุณองศาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากล้น ฉันเองก็เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเล่นจูบจนเกือบจะพรากวิญญาณฉันมันก็ไม่ไหวนะ “ฉันจะตายจริงๆ นะถ้าเธอไม่ยอมให้สักที”“งั้นก็ตายไปเลยค่ะ” เค้นเสียงแข็งใส่เขาพลางเดินไปปิดแก๊สที่น้ำเดือดจนควันขึ้นแล้ว “ถ้าแพรอยาก แพรจะทำ”“...”“แต่ถ้าแพรไม่ แพรก็จะไม่ให้คุณองศาทำค่ะ”บอกเขาเด็ดขาดถึงจะมีเสี้ยวหนึ่งที่ดันอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาคลั่งขนาดนี้ ฉันก็ไม่ยอมง่ายๆ หรอกนะบอกไว้ก่อน คุณองศาน่ะต้องโดนฉันทรมานเรื่องนี้ไปอีกสักพักจนกว่าฉันจะใจอ่อน อย่างน้อยก็ให้สมกับที่เขาเคยเผลอใช้คำพูดไม่ดีกับฉันมาตลอดที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงจะมาง้อก็ใช่ว่าจะใจอ่อนเรื่องที่เขาอยากทำมันใจจะขาดตอนนี้ฉันเดินนำเขาอยู่นะ... หลังจากที่เดินตามเขามาตลอด ถึงเวลาที่คุณองศาต้องเดินตามกันบ้างเช้านี้ฉันนั่งเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองกับคุณองศาที่มีแค่ไม่กี่ชุด เขาคงไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาค้างที่นี่เกือบครึ่งเดือนล่ะมั้งคงคิดว่าถ้าหากเจอฉันและฉันจะกลับไปกับเขามันก็ไม่
Nevermind : 38Happy birthday & Happy new yearหลังจากที่คุณองศาเข้ามาในไร่กับฉันเพราะต้องการมาเป็นแมวเฝ้าเจ้าของ แถมเป็นแมวที่ดุเอามากๆ จนพี่รันเห็นยังขำเลยกระทั่งคุณองศาเดินเข้าไปในบ้านและเห็นรูปแต่งงานของพี่รันจากที่หน้าตาบูดบึ้งก็ยิ้มหน้าบาน แถมคุยกับพี่รันเรื่องไร่สตอร์วเบอรีอีกต่างหาก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างรวดเร็วสมกับเป็นคุณองศาหลายร้อยหน้าเลิกงานฉันกับคุณองศาก็มาที่ตลาดนัดคนเดิน เพราะพรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปทำงานคุณองศาบอกว่าเช้าก็เก็บเสื้อผ้าไปที่บ้านพักรีสอร์ทบนเขาได้เลย เขาจองเรียบร้อยเห็นบอกว่าคืนหนึ่งก็ปาเข้าไปเกือบคืนจะสามหมื่นอะ คิดดูว่าต้องอยู่ที่นั้นอีกสามวันจนถึงวันเคาน์ดาวน์ปีใหม่และวันเกิดคุณองศาเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเกิดตัวเองหรือรู้ก็ไม่แน่ใจ คุณองศาดูไม่ได้สนใจว่ามันเป็นวันเกิดตัวเอง รู้แค่ว่าจะไปพักผ่อนกับฉัน ไหนจะพาไปเที่ยวอีกซึ่งฉันอยู่ที่นี่มาสองปียังไม่เคยไปเที่ยวทั่วจังหวัดเลยด้วยซ้ำ“อืม อันนี้อร่อยอะแพร” หันไปคุณองศาที่กำลังใช้ไม้จิ้มจิ้มไส้อั่วกินซึ่งเขาให้ชิม ไม่ได้ให้กินจนหมดถ้วยนะดูหน้าแม่ค้าสิทำหน้าจะร้องไห้แล้ว “ชิมจนอิ่มเล
“เฮ้อ อยากจะบ้าตาย” คุณองศาเดินไปนอนบนเตียงต่อตามเดิม ฉันก็เลยพาตัวเองมานอนบ้างแต่ยังไม่ได้นอนหรอกนะเอาแต่จ้องตากันนั่นแหละ “ไม่อยากจะคิดว่าสองปีที่เธอหนีฉันมาจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้มากแค่ไหน”“แพรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพรน่ะป้องกันตัวเองเสมอ” ตั้งแต่คุณองศามาอยู่ด้วยกันมีดที่เคยใช้ป้องกันตัวก็ไม่ได้อยู่ใต้หมอนอีกต่อไป ราวกับว่าเขาคือที่พักพิงและคอยปกป้องฉันจากเรื่องที่มันไม่ดี สบายใจมากเลยล่ะ“ต่อไปนี้เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”“...”“จะอยู่กับเธอ ดูแลเธอไปจนวันตาย” คำพูดของคุณองศาทำให้ฉันเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจ “เราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันอีก”หลายวันผ่านไปเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็จะเป็นวันสิ้นปีที่คุณองศาหาที่พักเพื่อพาฉันไปพักผ่อน ตั้งแต่มีเขาเข้ามาในชีวิตบอกเลยว่าฉันกลับมามีความสุขอีกครั้งและเป็นความสุขที่เขาเป็นคนทำให้ด้วยนะ คุณองศาช่วงนี้เห็นบอกว่ามีธุระต้องไปจัดการแทนคุณพ่อของเขาที่โทรมาหาบอกว่าให้ทำธุระคือการไปดูแลรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะรู้ว่าพ่อของคุณองศามีหุ้นส่วนอยู่เห็นว่ากำลังจะซื้อขาดเลย เขาก็เลยไม่ได้มานั่งเฝ้าฉันที่ร้านบ่อยๆ ซึ่งมันดีม