หลังจากที่ตื่นนอนจากการหลับไปได้ไม่นานฉันก็ต้องพยุงตัวเองพยายามฝืนลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปสอบ
ร่างกายของฉันมันเหมือนกับศพเดินได้อยู่รอมร่อฉันจ้องมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่อยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะรีบหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมเข้ามาด้วยสวมใส่และเดินออกไปแต่งแต้มเติมสีสัน
ฉันเดินเข้าไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงที่มีคนตัวสูงนอนนิ่งอยู่อย่างเป็นตายก่อนที่มือเรียวจะยื่นเข้าไปสะกิดแขนของเขาอย่างสั่นคลอน
"นาย....นาย ฉันไปสอบก่อนนะ"พูดจบฉันก็กำลังจะหมุนตัวเตรียมที่จะเดินออกไป แต่ก็มีเสียงแหบแห้งที่ดังออกมาจึงทำให้ฉันต้องหันกลับไปดู
"เดี๋ยว~"
"มีอะไรหรอ นายอยากได้อะไร ฉันจะเตรียมไว้ให้"ฉันพูดออกมาอย่างเกรงกลัวคนตรงหน้าที่จ้องมองมาอย่างดุดันบนที่นอนด้วยทรงผมที่ยุ่งเหยิง
"สอบเสร็จกี่โมง"ฉันไม่แม้แต่จะเหงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาเลยด้วยซํ้าเพราะตอนนี้คนตัวสูงค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนและเดินไปหยิบหน้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวสอบไว้
"ฉะ...ฉันสอบเสร็จก็ประมาณ4โมงเย็นอ่ะ"
"สอบเสร็จก็โทรมา ฉันจะไปรับแล้วอย่าให้ใครมาทับที่ฉันล่ะเพราะฉันไม่ชอบกินของร่วมกับใคร ลูกน้องฉันรออยู่ที่โรงจอดรถมันจะไปส่งเธอ รีบไปได้ละ"พอพูดจบฉันก็รีบวิ่งออกไปทันทีด้วยรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ใส่อยู่ด้วยเป็นประจำ
พอวิ่งมาถึงที่โรงจอดและขึ้นรถหรูนั้นไป ภูผาคนสนิทของมาฟอร์ที่ยืนรออยู่นอกรถและเปิดประตูต้อนรับอยู่
ฉันเดินขึ้นรถเข้าไปนั่งอย่างเงียบๆ และก้มลงมองโทรศัพท์นั้นอย่างใจจดใจจ่อเมื่อไร้ข้อความที่ส่งมาจากครอบครัวแต่เป็นของเพื่อนๆ แทน
ฉันไม่เสียใจเลยด้วยซํ้าแต่รู้สึกนอยด์ๆ ที่พ่อไม่เคยแม้แต่ส่งข้อความมาถามไถ่ ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไรหรือไปไหนพ่อก็แทบจะไม่เคยทักมาเลย
และตลอดทั้งทางบนรถนั้นก็เงียบลงเลยทันทีเพราะไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาเลยด้วยซํ้า สายตาและท่าทางของภูผาคนสนิทของมาฟอร์ก็ไม่แตกต่างจากเจ้านายของเขาเลยเพราะทั้งเจ้านายและลูกน้องมีนิสัยที่คล้ายคลึงกันมาก
@มหาลัย Queen👑 of kun คณะวิศวะ
หลังจากที่ถึงมหาลัยฉันก็รีบลงรถหรูสีดำคันนั้นทันทีและเดินมุ่งตรงไปหากลุ่มเพื่อนที่นัดกันเอาไว้ ฉันไม่ได้ทักทายลูกน้องของมาฟอร์เลยด้วยซํ้าเพราะหน้าตาที่นิ่งถื่ออยู่แบบนั้นทำเอาฉันเกร็งเอามากเลยทีเดียว
"เห้ยยย เป็นไงบ้างแก"
"นั่นดิวะ พวกฉันติดต่อแกไม่ได้เลยนะเว้ย"เพื่อนทั้งสองที่เห็นฉันพวกเขาก็รีบวิ่งมาหาฉันทันที แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรและเลือกที่จะส่ายหัวแทนการตอบรับนั้นไปพร้อมกับเดินไปฟุบนั่งลงที่ม้าหินอ่อนที่เพื่อนๆ ได้นั่งอยู่
"ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย ติวให้หน่อยดิเหลือเวลาอยู่ นะๆๆๆ"ฉันขอร้องอ้อนวอนเพื่อนให้ช่วยติวให้เพราะเมื่อคืนฉันแทบจะไม่ได้อ่านหนังสือสอบเลยแม้แต่น้อย อ่านแค่คืนก่อนแต่ก็ใช่ว่าจะเข้าใจหมด
"เอ่อๆๆ สอบเสร็จเล่าด้วย"ฉันพยักหน้าตอบเพื่อนๆ และหยิบชีทขึ้นมาพร้อมกับพวกมันที่มาช่วยติวให้ฉันในเวลาที่ไม่มากสักเท่าไหร่ ฉันตั้งใจฟังและจดตามสิ่งที่พวกมันสอนทุกอย่างทุกคำพูด
และมันก็ถึงเวลาเข้าสอบพวกฉันเดินเข้าไปในห้องสอบที่เงียบงันพวกเราเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะที่มีกระดาษข้อสอบวางอยู่ พอนักศึกษาวิศวะทุกคนเดินเข้ามาครบจนหมดและนี้ก็ถึงเวลาสอบแล้วด้วยอาจารย์สาวจึงเริ่มให้สัญญาณในการเริ่มสอบ
ถึงแม้ว่าฉันจะพึ่งได้ติวแต่สำหรับฉันแล้วฉันเป็นพวกที่เข้าใจง่ายและเข้าใจเร็วเอามากๆ ถ้าได้อ่านหนังสือวนซํ้าอีกครั้ง สิ่งที่พวกเพื่อนๆ ติวให้เมื่อกี้มันก็เข้าสมองฉันหมดและมีในข้อสอบที่อาจารย์ได้ทำโจทย์ไว้อีกด้วย
พอหมดเวลาสอบนักศึกษาทุกคนก็ต่างพากันทยอยส่งข้อสอบและเดินออกไปจากห้องรวมถึงฉันด้วย วันนี้ทั้งคาบฉันแทบจะไม่มีสมาธิในการสอบเลยด้วยซํ้าเพราะความคิดต่างๆ นานา ที่แทรกเข้ามาในหัวสมองอยู่ตลอดเวลาก่อนที่เพื่อนๆ ของฉันจะวิ่งเข้ามาจับหัวไหล่ของฉัน
"คุยกันหน่อย!!!"เสียงของไวพจน์ที่พูดออกมาอย่างกดดัน สายตาของเพื่อนทั้งสองที่จ้องมองมาทำเอาฉันแทบจะหลบสายตาหนีแทบไม่ทันก่อนที่พวกมันทั้งสองจะลากฉันไปยังที่นั่งประจำของพวกเรา
"มิราส์แกยอมที่จะเอาตัวเองเข้าแลกเลยหรอวะ แทนที่แกจะขอยืมเงินพวกฉันอ่ะ ศักดิ์ศรีของแกยังมีอยู่ปะมิราส์"ใช่ตั้งแต่เกิดมาฉันแทบจะเก็บคำว่าศักดิ์ศรีของฉันเอาไว้และไม่ยอมให้มันเสียไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าจะลำบากขนาดไหนแต่นี่ฉันเลือกไม่ได้จริงๆ เพราะจุดนั้นที่ฉันเจอทำเอาฉันแทบจะทำอะไรไม่ถูกเลยก็ว่าได้
"เห้ยยไวน์พูดแรงไปป่าววะ ถ้ามันเลือกได้มันจะทำปะ ฉันเข้าใจนะแก เอางี้แกเอาเงินพวกฉันไปก่อนแล้วค่อยเอามาคืน"พอพูดจบจีจี้ที่กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเพื่อที่จะเตรียมโอนเงินมาให้ฉันก็ถูกเสียงดุดันเสียงหนึ่งตัดบทออกมาจึงทำให้พวกเราทั้งสามถึงกับนิ่งไปเลยทีเดียว
"ไม่จำเป็น!!!!"ฉันค่อยๆ หันไปมองต้นเสียงนั้นและไม่ใช่ใครที่ไหนเพราะนั้นคือเจ้าหนี้ของฉันนั้นเอง มือเรียวหนาเดินเข้ามาจับข้อแขนของฉันอย่างแรงและดึงตัวฉันให้ลุกขึ้นไปยืนข้างเขา
"อ๊ะ!! มาฟอร์ฉันเจ็บ"ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อมือหนาของเขาจับรั้งที่ข้อแขนอย่างแรงจนเกิดรอย
"กลับบ้านได้ละ พวกเธอก็อย่าสะเหล่อยุ่งเรื่องนี้ฉันไม่ต้องการเงิน!!!"คนตัวสูงออกแรงดึงฉันให้ออกไปจากตรงนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะมีมือหนาของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาจับต้นแขนของฉันไว้
"เดี๋ยวก่อนครับ ก็เพื่อนผมติดหนี้พวกผมก็แค่จะคืนงะ....//อย่าเสือกให้มากนักยัยนี้เป็นของฉัน ถ้าไม่อยากตายก็ปล่อย!!!!"ยังไม่ทันที่ไวพจน์จบคนตัวสูงก็รีบพูดแทรกพร้อมกับดึงตัวฉันให้ไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างแรง
สายตาของเพื่อนๆ ที่มองมาทางฉันที่ตอนนี้พยายามดีดดิ้นตัวเองออกมาเล็กน้อยแต่ก็ทำไม่ได้เพราะแรงที่มากล้นของมาฟอร์จึงทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งไปในทันที
"พวกแกไม่ต้องห่วงนะเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก เรากลับกันเหอะ"ฉันพูดออกมาพร้อมกับจ้องมองใบหน้าเพื่อนทั้งสองสลับกันไป ก่อนที่คนตัวสูงจะลากฉันไปที่รถหรูสีขาวของเขา
พอขึ้นรถมาฉันก็ก้มดูข้อมือของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือสีแดงอยู่บนข้อมือขาวจากการกระทำที่โหดร้ายของคนข้างๆ เมื่อกี้
"เธอจำเอาไว้นะ เธอจะไม่มีวันหนีจากฉันไปได้ถ้าฉันไม่ได้เอ่ยปากไล่เธอไปเอง!!!!!"ฉันพยักหน้าตอบกลับคนข้างกายก่อนที่เขาจะขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง ฉันทำได้แค่นั่งถื่ออยู่ตรงนั้นไม่ได้พูดจาอะไรและหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
"มาฟอร์"
"อะไร!!"เสียงตวาดที่ดังลั่นทำเอามือไม้ของฉันสั่นไปทั่วร่างกายและไม่กล้าจ้องมองใบหน้าของเขาเลยด้วยซํ้า
"คือ .....ฉันขอไปทำงานได้ไหม เงินที่เหลือในบัญชีของฉันใกล้หมดแล้วอ่ะแถมค่าเทอมก็ยังไม่ได้จ่าย นะมาฟอร์"ฉันพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงสั่นคลอน ก็จริงที่ฉันถูกไล่ออกจากงานแต่ก็ใช่ว่างานที่อื่นจะไม่มีให้ทำ ค่าเทอมฉันก็แบกหน้าไปคุยกับอาจารย์ให้ขอเลื่อนออกไปก่อนอีกไม่กี่สัปดาห์นี้เพราะทุนที่เขามอบให้จ่ายออกให้แค่80%ที่เหลือฉันต้องจ่ายเอง
"ไม่จำเป็น!!"เสียงราบนิ่งที่กล่าวออกมาทำเอาฉันเหวอไปเลยทีเดียว แล้วถ้าเขาไม่ยอมให้ฉันไปทำงานแล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนใช้และจ่ายค่าเทอมล่า
"แต่ค่าเทอมฉันต้องจ่ายแล้วนะ ฉันมีเงินในธนาคารไม่กี่บาทเอง อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยมาฟอร์"
"เดี๋ยวฉันจัดการให้ เธอเป็นคนของฉัน แค่ทำหน้าที่อีตัวบนเตียงให้มันดีๆ ก็พอ"อีตัวบนเตียงงั้นหรอ ฉันทวนคำพูดของเขาอยู่ในใจ เพราะคำนี้มันยิ่งตอกยํ้าในสิ่งที่ไวพจน์พูดเมื่อกี้เรื่องศักดิ์ศรีของฉัน
"เดี๋ยวฉันจะให้ภูผาจัดการเรื่องค่าเทอม ส่วนเงินของเธอฉันจะให้เดือนละ2หมื่นไม่น้อยไปใช่ไหมล่า"ฉันทำได้แค่พยักหน้าตอบเขาเท่านั้นและไม่กล้าที่จะเอ่ยปากออกมาเลย
"เดี๋ยวนะนาย แต่ฉันติดหนี้นายอยู่ถ้านายทำแบบนี้หนี้ฉันก็เพิ่มสิ"เมื่อค่อยๆ ตั้งสติแล้วคิดทบทวนในสิ่งที่เขาพูด ฉันจึงข่มตัวเองและหันไปมองใบหน้าคมคายของเขาแล้วพูดออกมา
"ไม่เพิ่มหรอก เธอก็ทำงานให้ฉันก็คือว่าเป็นเงินเดือน ผู้หญิงอย่างเธอทำงานแค่นี้จ่ายเยอะฉิบหาย"และหลังจากจบประโยคนั้นทั้งสองก็เงียบไปทันทีก่อนที่จะพากันมาที่คอนโดของเขา ฉันเดินตามหลังมาฟอร์อย่างเงียบๆ และไม่คิดที่จะพูดให้เขารำคาญ
"อาบนํ้าให้หน่อย!!"
"ทำไมไม่อาบเองอ่า"ฉันพูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะโตขนาดนี้ยังอาบนํ้าเองไม่ได้เลยแต่มาฟอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรและจ้องหน้าฉันอย่างอาฆาตแค้น
"งั้นเดี๋ยวฉันไปเปิดนํ้าให้ เสร็จแล้วจะเรียก"
หลังจากที่เดินเข้ามาในห้องนํ้าฉันก็รีบจัดการกับอ่างอาบนํ้าสุดหรูของเขาโดยที่เขากำลังยืนอยู่ที่ในห้องเมื่อในอ่างเต็มไปด้วยนํ้าและฟองเต็มไปหมด ฉันจึงเดินออกมาจากห้องนํ้าและถอดเสื้อช็อปออกก่อนที่จะเดินไปหามาฟอร์ที่โต๊ะทำงานของเขา
"เสร็จแล้ว"คนตัวสูงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใดและพยักหน้าให้ฉันก่อนที่ฉันจะเดินกลับไปที่ในห้องนํ้าตรงเดิมฉันยืนรอเขาที่ข้างอ่างอาบนํ้าโดยมีมาฟอร์ยืนกอดอกมองอยู่ตรงหน้า
"ถอดให้ด้วย"ฉันยังคงนิ่งและค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าของเขา มือเรียวเล็กค่อยๆ ยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาทีละเม็ดๆ จนเม็ดสุดท้ายพร้อมกับค่อยๆ ถอดออกจากร่างกายกำยำของคนตัวสูงเผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอนอย่างสวย
"กางเกงด้วย!!!"ฉันพยักหน้าตอบกลับและค่อยๆ ถอดเข็มขัดหนังหรูสีดำออกจากเอวสอบของเขาและเดินไปวางไว้ที่อ่างล้างหน้าที่อยู่ไม่ไกลมากนัก สองเท้าเรียวรีบจํ้าก้าวเดินเข้ามารูดชิปกางเกงขายาวสีดำลงอย่างเชื่องช้า
ซึ๊ดดดดดด (เสียงซิปรูด)
"ถอดต่อดิวะ!!!"ฉ้นต้องจำใจใช้มือเรียวของฉันค่อยๆ ถอดกางเกงขายาวสีดำนั้นออกจากแข่งขาของเขาตามด้วยบ๊อกเซอร์จนตอนนี้ไอ้นั่นของเขาก็พยายามดันทุรังที่จะออกมาจากกางเกงในของเขาอยู่เต็มทนแต่ครั้งนี้คนตัวสูงกลับใช้มือของเขาเองถอดมันออกและรีบลงอ่างไป
ฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ตัวเขาและรีบจัดการถูไถเรือนร่างของเขาให้สะอาดสะอาดไปทั่วร่างกายอย่างช้าๆ โดยที่คนตัวสูงนั้นทำได้แค่นั่งหลับตาพริ้มอยู่ในอ่าง
"ไอ้คนนั้นคือแฟนเธอใช่ไหม!!"เสียงราบนิ่งพูดออกมาในขณะที่มือเรียวของฉันกำลังถูขัดแขนแกร่งของเขาอยู่อย่างเบามือ
"ฉันไม่มีแฟนสักหน่อย นั้นเพื่อนฉัน"มาฟอร์ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใดแต่ทำได้แค่พยักหน้าให้ฉันเท่านั้นเองใบหน้าคมคายของเขาในตอนนี้ดูไม่มีพิษมีภัยที่สุดแล้วและยิ่งดูลึกๆ ยิ่งตกหลุมรักในตัวของเขาที่เสน่ห์มากล้นแบบนี้
"เดี๋ยวฉันจะไม่อยู่ หาไรทานเองนะคงกลับดึกหน่อย ถ้าดีก่อนนอนไม่ต้องใส่อะไรนอนเลยก็ได้นะ"มาฟอร์พูดแค่นั้นทำเเอาฉันเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยในคำพูดของเขา
"ทะ...ทำไมหรอ"
"เหอะ!!!จะไม่ต้องมาเสียเวลาถอดไง"พูดจบแค่นั้นเขาก็สะบัดแขนแกร่งของเขาออกจากฉันทันทีและหันมาล้างเนื้อล้างตัวด้วยตนเอง
"ไปทานข้าวซะฉันให้คนจัดการให้แล้ว"ฉันพยักหน้าตอบกลับและเดินไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
หลังจากทานข้าวเสร็จมาฟอร์ก็แต่งตัวและรีบเดินออกไปจากห้องแห่งนี้เหลือไว้แต่ความว่างเปล่าแต่ฉันกลับดีใจเอามากๆ และนั่งทำการบ้านไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่อาบนํ้าเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ความว่างเปล่าของห้องนอนพร้อมกับความเงียบงันทำให้ฉันเริ่มคิดฟุ้งซ่านออกมา ภาพในวันที่พ่อพูดกับฉันแบบนั้นเหมือนอยากไล่ฉันไปให้พ้นๆ มันแทรกซึมเข้ามาในสมองของฉันไม่ยอมหยุด ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้รักพ่อมากแต่ฉันเชื่อใจและไว้ใจพ่อมากที่สุดว่าเขาจะเป็นคนที่ฉันเชื่อใจและรักฉันมาก แต่เปล่าเลยเขากลับเลือกครอบครัวของเขาและทิ้งฉันไว้ให้กับคนแปลกหน้าชั่วช้าอย่างมาฟอร์
ฉันปิดหนังสือลงเมื่อหยดนํ้าตาเริ่มไหลตกลงหนังสือมากขึ้นและเดินไปปิดไฟพร้อมกับรีบเข้านอนทันที ในหัวที่มีแต่เรื่องคิดมากมายจึงทำให้สายธารนํ้าตาไหลออกมาไม่ยอมหยุดจนฉันต้องเดินไปหยิบยานอนหลับในกระเป๋ามาทานเพื่อที่จะช่วยให้นอนหลับลงได้บ้าง
ต่อพอฉันย้ายมาอยู่ที่ครอบครัวใหม่พ่อเป็นคนพาฉันไปเก็บของและเข้าไปในบ้านพร้อมกับท่าน การต้อนรับแรกที่ฉันเจอพอเดินเข้าไปในบ้านปุ๊บนํ้าในแก้วนํ้าดื่มก็สาดเข้ามาเต็มหน้าฉันอย่างจัง"มึงโง่ไหมอิมิราส์เงินตั้งมากตั้งมายมึงเอาไปบริจาค เหอะ!!!มึงรวยมากนักหรอ ห๊ะ!!!ในเมื่อมึงจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้มึงก็ต้องจ่ายค่านํ้าค่าไฟด้วย เงินที่พ่อมึงหามาก็อย่าหวังว่าจะได้แตะ อ้อและที่สำคัญก็เอาเงินให้ลูกกูเป็นรายวันด้วย"พูดจบเธอก็เดินกระแทกไหล่ฉันออกไปจากที่บ้านเหลือเพียงฉันและพ่อที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันยืนนิ่งไม่กล้าตอบโต้แต่อย่างใดและเป็นฝ่ายพ่อที่พาฉันเข้าไปเก็บของต่างๆห้องเก็บของที่รกรุงรังและแคบเอามากๆมากกว่าห้องเก่าฉันอีกแต่ฉันก็ไม่ได้ซีเรียสและเก็บของต่างๆให้เข้าเป็นที่เป็นทางไป กว่าจะเสร็จก็เย็นพอดีฉันจึงเดินเข้าไปอาบนํ้าแต่งตัวพอออกมาก็พบกับน้องชายต่างแม่ของฉันที่ยืนหน้านิ่งถือผ้าห่มกับหมอนไว้
ตอนนี้ฉันและเขาได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วและแม่ของเขาก็สั่งให้พวกฉันเข้าไปอยู่ในบ้านเพราะอยากดูแลในช่วงนี้อีกด้วยท่านคอยเอาใจใส่ฉันมากและดูแลฉันดีที่สุดเลยด้วย แถมช่วงนี้แฟนหนุ่มของฉันก็ขี้อ้อนเอามากๆจนแทบจะไม่ยอมห่างกันเลยก็ว่าได้จะห่างกันจริงๆก็ตอนฉันไปเรียนและเขาไปทำงานแค่นั้นเช้าวันนี้ฉันมีเรียนสายจึงรีบแต่งตัวและเดินลงมาหาแม่มาฟอร์ที่ยืนทำอาหารอยู่ฉันไม่ได้คิดที่จะปลุกเขาเลยเพราะเมื่อคืนมาฟอร์ไปดื่มเหล้ากับแก๊งเพื่อนมาจนดึกฉันเลยไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของเขาจึงย่องลงมาเอง"ทำอะไรอยู่คะแม่""แม่ทำต้มจืดกับผัดผักอ่ะลูก ทานข้าวด้วยกันก่อนนะแล้วค่อยออกไปเรียน""ได้ค่ะแม่ ให้หนูช่วยนะคะ"พูดจบฉันก็เดินเข้าไปเป็นผู้ช่วยในครัวกับแม่ของมาฟอร์ท่านใจดีมากต่างกับวันแรกที่เจอเลยด้วยซํ้า ฉันยืนทำอาหารกับแม่ของเขาอย่างตั้งใจก่อนที่จะจัดจานเสิร์ฟแต่ยังไม่ทันไรก็มีเสียงโวยวายจากชั้นบนตะโกนออกมาลั่นบ้านจนทุกคนต่างพากันตื
หลังจากที่ฉันเป็นลมไปทุกอย่างวันนั้นก็ค่อยๆกลับมาแวะเวียนหาอีกครั้งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิมจนกระทั่งในตอนที่พี่มินเดินเข้ามาคุยกับฉัน ฉันค่อยๆเหงยหน้าขึ้นไปมองสองชายหญิงที่เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะขับรถเข้ามาและวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างเป็นห่วง ฉันไม่แม้แต่ที่จะตอบโต้หรือสนใจสิ่งรอบข้างเลยเหมือนหัวสมองของฉันมันชัตดาวน์หยุดอยู่แค่ว่าฉันยืนรอแม่กับเชอร์รี่แค่นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างค่อยๆถูกลบเลือนจากไปและมาโผล่อีกทีคือโรงพยาบาลในคืนแรกฉันยังคงนอนมองไปรอบๆห้องอย่างนิ่งๆและมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นหลังจากที่เชอร์รี่และแม่ของเธอเดินกลับบ้านไป ฉันยังคงมองออกไปนอกระเบียงอย่างหมดหนทางแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกมัดแขนมัดขาไว้ที่เตียง จนกระทั่งจีจี้วิ่งเข้ามาหาฉันในห้องพักแต่ฉันก็ยังคงไม่ตอบโต้แต่อย่างใดแต่ทำได้เพียงมองหน้าเพื่อนเพียงแค่นั้น"มิราส์เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่"ฉันยังคงนิ่งและไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพราะตอนนี้สภาพร่างกายฉันช็อคอยู่ฉั
เช้าวันต่อมาฉันก็ยังคงใช้ชีวิตในลูบอยู่เหมือนเดิมกับสามีที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ แต่วันนี้มันกลับแปลกไปจากทุกวันเพราะมันเหมือนกับว่าความสุขและรอยยิ้มของเขากลับมาเติมเต็มชีวิตฉันแล้วหลังจากที่หายไปตั้งแต่ที่เเม่ฉันเสียในวันนั้นรอยยิ้มของฉันก็ค่อยๆหายไปจนบางทีก็แทบจะไม่เหลืิออีกแล้วฉันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยอย่างทุกครั้งและพูดคุยกันไปตามปกติแต่วันนี้กลับไม่ปกติเพราะจู่ๆเชอร์รี่ก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับขนมอะไรบางอย่างในมือของเธอและยื่นเข้ามาอยู่ตรงหน้าฉัน"มึงมีอะไรกับเพื่อนกูวะ""กูก็แค่อยากจะมาขอโทษ อ่าขนมขนาดพี่มินตรามึงให้ให้อภัยได้ แล้วกูทำกับมึงแบบนี้มึงให้อภัยกูไม่ได้ก็แล้วแต่มึงนะ"พี่มินตรางั้นหรอ ฉันไม่รู้ว่าเชอร์รี่จะหมายถึงมินตราคนเดียวกับเพื่อนสนิทมาฟอร์รึเปล่าแต่ที่รู้ๆคือเชอร์รี่น่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้"หมายความว่าไง""ก็วันนั้นฉันเห็น
ต่อหลังจากที่ออกมาจากวัดเพื่อนทั้งสองก็ขับรถพาฉันกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างใจลอย เพื่อนๆไม่ได้ถามไถ่อะไรฉันมากเพราะถ้าฉันเงียบอยู่แบบนี้ไม่ว่าอะไรก็ดึงฉันออกมาจากวังวนนี้ได้ฉันเดินตรงดิ่งไปเรื่อยๆจนถึงห้องของมาฟอร์ ชายฉกรรจ์ชุดดำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องผู้เป็นนายจำนวนมากพอเห็นฉันเดินมาก็ยิ้มต้อนรับเป็นอย่างดีฉันหลุดออกมาจากวังวนและก้มคำนับพร้อมกับรอยยิ้มให้กับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆเพราะภายในห้องสี่เหลี่ยมดูวังเวงพิกลราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยด้วยซํ้า ฉันเดินเข้าไปในห้องก็พบกับคนตัวสูงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงโดยในมือถือกล่องแหวนที่เมื่อวานเขามอบให้ฉันฉันจ้องมองมันนิ่งๆและไม่ได้เรียกเขาแต่อย่างใดใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทีละน้อยๆ พอเห็นฉันเขาก็รีบเก็บซ่อนกล่องนั่นไว้ที่เดิมและหันกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจ้องมองการกระทำนั้นจนเผลอยิ้มออกมาจนลืมตัว
"ฉันไปรับสายก่อนนะ"ฉันเดินก้มหัวออกไปที่ระเบียงห้องพักของเขาเพื่อที่จะพูดคุยกับคนในสายและนั้นคือกาฟิวส์ที่โทรเข้ามาหาฉันในเวลานี้ฉันจ้องมองมือถือของตนอยู่ได้สักพักจนสายมันตัดไปเองนํ้าใสๆค่อยๆไหลออกมาทีละน้อยอย่างใจเจ็บเมื่อปล่อยสายนั้นดับไปเองก่อนที่ฉันจะตัดสินใจโทรกลับหาน้องชายตัวแสบที่โทรเข้ามา"มีอะไร"(แกจะมาปะหรือไม่ว่าง ได้ยินว่าคุณมาฟอร์เข้าโรงพยาบาลถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร)"ถ้าว่างจะเข้าไป แค่นี้นะ"ฉันรีบตัดสายจากน้องชายทันทีและยืนมองภายนอกเพื่อตั้งสติก่อนที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับแม่ของมาฟอร์อีกครั้งหนึ่งแต่ก็ไร้วี่แววเพราะตอนนี้ที่เห็นคือมาฟอร์นอนจ้องมาทางฉันอยู่แล้วนิ่งๆPART MAFOR"ถ้าแกคิดจะจริงจังกับคนนี้ก็รีบแต่งงานทำอะไรให้มันถูกต้องซะ แต่ถ้าไม่ ก็รีบๆเขี่ยจะได้จบๆ