เช้าวันต่อมาแสงสว่างที่สาดส่องทอเข้ามาในห้องนอน ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาและรู้สึกหนักๆ อยู่ที่บริเวณหน้าท้องจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาดูและพบกับร่างกายที่เปลือยเปล่าของมาฟอร์ที่นอนหลับอยู่
ฉันค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากเขาให้ได้มากที่สุดและพยายามที่จะลุกขึ้นจากที่นอนก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างจัง
"อ๊ะ!!!ซี๊ดดด"ฉันร้องดังออกมาอย่างลืมตัวเมื่อช่วงล่างเกิดการเจ็บปวดมากเหมือนกับเมื่อคืนที่ผ่านมา ฉันมองลงร่างกายของตัวเองที่เปลือกเปล่าและรับรู้ได้เลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
คนตัวสูงค่อยๆ ลืมตาลุกขึ้นก่อนที่จะเดินลงมาหาฉันที่นั่งกองอยู่ที่พื้น ก่อนที่จะสอดมือเข้ามาเพื่อที่จะอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาวโดยที่เราสองคนนั้นกำลังเปลือยเปล่าอยู่ทั้งคู่ แต่เขากลับไม่ได้สนใจอะไรและวางฉันลงไปที่อ่างอาบนํ้าพร้อมกับเขา
"กินยานั้นมานานแค่ไหน"เขาพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของฉันอย่างดุดัน ฉันไม่รู้เลยว่าเขารู้ได้ยังไงว่าฉันทานยาอะไรหรือเขามั่ว
"นายหมายความว่าไงหรอ"ฉันทำเป็นตีหน้าซื่อไม่ยอมพูดอะไรออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงออกมาให้เขาเห็น แต่กลับต้องหุบยิ้มไปเมื่อคนตัวสูงกระชากข้อแขนของฉันเข้าไปหาเขาอย่างแรง
"อ๊ะ!!//อย่ามาทำหน้าซื่อ!! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกินยานอนหลับ ทำไมกัน!!!"เสียงตวาดดังลั่นออกมาทำเอาฉันแทบจะทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวทำได้แค่มองหน้าเขานิ่งๆ ไป
"ฉันนอนไม่หลับ"
"เธอรู้ไหมว่าถ้ากินเป็นเวลานานมันจะเป็นยังไง!!!เธอรู้บ้างไหมมิราส์!!!"ฉันพยักหน้าตอบกลับแต่ก็ยังคงจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่นิ่งๆ ฉันไม่ได้กินต่อเนื่องแต่แค่กินเวลาที่เครียดหรือนอนไม่หลับเท่านั้นเอง วันไหนที่ไม่ได้ทำงานหรือวันไหนที่กลับมาจากงานเช้าและนอนไม่หลับฉันก็แค่ใช้มันเป็นเครื่องมือก็แค่นั้น
"ทำไมฉันจะไม่รู้ แต่ฉันไม่ได้ทานต่อเนื่องจบนะ"ฉันพูดแค่นั้นก่อนที่จะพยายามลุกออกไปจากอ่างเพื่อล้างเนื้อล้างตัวที่ใต้ฝักบัวและทิ้งเขาไว้ตรงนั้นและเดินออกไปจากห้องนํ้าทันทีเพื่อที่จะออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอและช็อปของคณะ
คนตัวสูงที่เดินออกมาจากห้องนํ้าและยืนกอดอกมองหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนที่ฉันจะหยิบชุดทำงานของเขาที่เตรียมไว้ขึ้นมาและสวมใส่ให้เขาไป
"อย่ามาทำตัวแบบนี้กับฉันนะมิราส์ ต่อไปนี้เธอจะอยู่ในสายตาของฉันทุกฝีก้าว"เสียงดุดันของมาฟอร์พูดเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆ ตัวฉันและใช้มือเรียวหนาจับรั้งที่ต้นแขนของฉันไว้อย่างแน่นหนา
"ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก หนี้ของนายไม่สูญเปล่าแน่ นายไม่ต้องห่วงหรอก"ฉันพูดออกไปในขณะที่กำลังเดินมุ่งตรงไปที่ครัวเพื่อที่จะทำอาหารเช้าให้กับคนที่จ้องหน้าตาของฉันอย่างดุดันจ้องอย่างกับจะกลืนกินแทบจะทุกคำ
"รีบๆ ทำฉันหิว!!! อ่า!!! เก็บไว้ดีๆ ละ "มือหนาที่หยิบบัตรอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋าเงินสีดำหรูของเขาและวางไว้บนโต๊ะทานข้าวอย่างแรงจนทำเอาฉันตกใจแทบจะเป็นบ้า
"อะ....อะไรอ่ะ"พอตั้งสติได้แล้วฉันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปดูสิ่งที่เขาจะนำมาให้ฉันและนั้นคือบัตรเครดิต ไม่สินี้มันคือแบล็กการ์ดต่างหาก
"นี้เธอทานยานอนหลับจนไม่รู้อะไรเลยรึไง!!! ยามันทำให้สมองเธอหายไปงั้นหรอ"ฉันก้มลงพื้นเล็กน้อยเมื่อเขาตะคอกใส่ฉันและใช้มือหนาจับรั้งที่ต้นแขนของฉันไว้
"เปล่า นายให้ฉันทำไม"ฉันเดินเข้าไปหยิบบัตรการ์ดนั้นขึ้นมาแล้วยื่นกลับคืนไปให้เขา คนบ้าอย่างเขาก็ทำเป็นนั่งกอดอกนิ่งเฉยและเบี่ยงเบนใบหน้ามองไปทางอื่นแทน
"ฉันไม่รับคืน!!!เธอเป็นคนของฉันฉันรับผิดชอบเองทุกอย่าง เงินที่ยืมเพื่อนเธอมาก็คืนซะนะอย่าทำอย่างกับว่าผัวเธอจนเลย"พูดจบเขาก็ยืนขึ้นเต็มความสูงและเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง
"นี้มาฟอร์ ฉันไม่รับนะ แค่หนี้เก่าฉันก็ยังใช้ไม่หมดเลยนะ"ฉันรีบวิ่งเข้าไปตามเขาอย่างเร็วรี่ฉันวิ่งเข้าไปดักอยู่ตรงหน้าของคนตัวสูงและยื่นบัตรการ์ดคืนให้เขาไป
"เหอะ!!แค่เธอสนองเรื่องบนเตียงให้ฉันดีกว่านี้อะไรฉันก็ให้ได้หมดแหละ"เขาพูดจบก็แทรกตัวเดินออกไปจากในห้องนอนและกำลังจะมุ่งเดินตรงไปที่ประตูบานใหญ่สีขาวจึงทำให้ฉันต้องวิ่งเข้าไปยืนดักเขาอยู่ที่หน้าประตู
"เดี๋ยว!!"
"มีอะไร!!!"ฉันไม่แม้แต่จะจ้องมองเขาเลยด้วยซํ้าเพราะหน้าตายำเกรงของคนตัวสูงที่จ้องมองมาอย่างน่ากลัวและดุดัน
ฉันพยายามข่มความกลัวของฉันไว้และยื่นบัตรการ์ดให้เขาอีกครั้งแต่ก็ถูกคนตัวสูงแย่งออกมาจากมือและยัดใส่ลงไปที่กระเป๋าเสื้อช็อปของฉันไว้
"นาย!! ฉันขอเป็นเงินสดสัก....สองพันได้ไหม"ฉันต้องยอมจำใจพูดขึ้นมาเพราะตอนนี้เงินสดติดตัวของฉันก็ไม่มีแล้วสักบาทหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมยังต้องแบกหน้าขอยืมเงินเพื่อนเพื่อมาใช้จ่ายชั่วคราวอีกต่างหาก
คนตัวสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยด้วยซํ้าและหยิบแบงก์พันออกมาอยู่3ใบก่อนที่จะยัดลงไปที่กระเป๋าช็อปของฉันข้างเดียวกับช่องที่มีบัตรการ์ดอยู่
ทันทีที่ฉันจะยกมือไหว้เขาเพื่อมารยาทคนตัวสูงก็ก้มลงมาบดจูบริมฝีปากอมชมพูอย่างนุ่มนวลมือหนาเลื่อนขึ้นมาลูบไล้เรือนร่างบางร่างอย่างถือวิสาสะ
จ๊วบบบ~~~~
"อื้อออ~~~"เสียงครวญครางในลำคอที่เปล่งเสียงออกมาพร้อมกับใช้มือยกขึ้นไปคล้องคอเขาและจูบตอบอย่างเก้ๆ กังๆ ต่างจากมาฟอร์ที่เห็นว่าฉันจูบตอบเขาก็กลับบดขยี้ริมฝีปากแรงมากขึ้นเท่าเดิมอย่างร้อนแรงมากขึ้น
"เหอะ!!! เก็บไว้ใช้แค่นี้ขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอก"ฉันพยักหน้าตอบกลับเขาไปก่อนที่จะเหลือบมองไปที่นาฬิกาข้อมือของเขาและจับขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะเพราะตอนนี้มันใกล้จะถึงเวลาที่ฉันต้องเข้าเรียนแล้วถ้าต่อรถไปคงไปสายแน่ๆ
"เห้ยย!! สายแล้ว"ฉันรีบวิ่งเข้าไปที่โซฟาเพื่อหยิบกระเป๋าผ้าสะพายขึ้นมาและเตรียมที่จะวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที แต่ก็ถูกคนที่ยืนกอดอกจ้องมองการกระทําร้อนรนอยู่ที่หน้าประตูและจับรั้งข้อแขนฉันไว้
"เดี๋ยวฉันไปส่ง!"เขาพูดแค่นั้นและเดินลากฉันออกไปจากในห้องทันที มือข้างหนึ่งของเขาที่สอดใส่อยู่ในกระเป๋ากางเกงส่วนอีกข้างหนึ่งก็ลากฉันให้เดินตามเขามาต้อยๆ
กลิ่นนํ้าหอมแบรนด์เนมสุดหรูของเขาที่ลอยโชยออกมาจนได้กลิ่นอย่างชัดเจนจนฉันแทบไม่อยากจะหนีห่างจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว
พอมาถึงโรงจอดรถเขาก็ยื่นหมวกกันน็อคให้กับฉันและขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์หรูคันนั้นไปอย่างเงียบนิ่ง ฉันได้แต่กอดหมวกกันน็อคของเขานิ่งๆ และจ้องมองการกระทำของเขาไปทั้งชีวิตฉันแทบจะไม่ได้แตะของหรูหราพวกนี้เลยสักน้อย
ฉันเคยฝึกบิ๊กไบค์จากเพื่อนแต่มันก็ไม่ได้หรูหราขนาดนี้เลยด้วยซํ้า
"จะไปไหม!!!รีบๆ"ฉันพยักหน้าตอบกลับและรีบสวมใส่หมวกกันน็อคทันที ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถบิ๊กไบค์ซ้อนเขาไป แขนเรียวบางเผลอกอดเข้าไปที่เอวสอบของเขาอย่างหวาดกลัวเพราะความเร็วที่เขาขับมันทำให้ฉันหวาดกลัวแทบจะเป็นบ้า
@มหาลัย Queen👑 of kun คณะวิศวะ
รถบิ๊กไบค์หรูที่ขับเคลื่อนเข้ามายังหน้าคณะของมหาวิทยาลัยก็ต่างมีนิสิตนักศึกษาเกือบจะทุกคนที่จ้องมองมาเป็นสายตาเดียวกัน มันจึงทำให้ฉันต้องรีบลงรถและรีบไปจากเขาให้เร็วที่สุดเพราะกลัวจะถูกนินทาเอาได้ ทุกครั้งฉันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยด้วยรถเมล์ไม่งั้นก็เพื่อนๆ ไปรับแต่นี้ฉันดันมากับใครไม่รู้ซะอีก
"ฉันไปก่อนนะ"ฉันรีบยื่นหมวกกันน็อคให้กับคนบ้าอย่างเขาและพยายามจะรีบเดินออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดแต่ก็ถูกมือหนาของเขาจับรั้งไว้แน่น
"เดี๋ยวดิ!!"รอยยิ้มแสยะที่ดูเจ้าเล่ห์ของเขาทำเอาทุกวินาทีที่อยู่ตรงนั้นมันชั่งเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีอยู่รอมร่อแต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรและยืนนิ่งอยู่ข้างเขาตรงนั้น
ทันทีที่เขาถอดหมวกออกมาฟอร์ก็กระตุกข้อมือของฉันให้ล้มไปหาเขาพร้อมกับการก้มลงฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มทันที
"อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าของของฉันมีใครยุ่งอีกไม่งั้น....ฉันเอามันตายแน่"พอเขาพูดจบฉันก็รีบดีดตัวออกทันทีและจ้องมองใบหน้าเขานิ่งๆ
"ฉันไปก่อนนะ"ฉันไม่ได้ยกมือไหว้หรือบอกกล่าวอะไรไปมากกว่านี้และรีบวิ่งไปจากตรงนั้นทันทีแต่ก็เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบกับไวพจน์และจีจี้ที่ยืนมองดูอยู่
"พวกแก ปะไปกัน"ฉันยกยิ้มให้กับพวกเพื่อนๆ และรีบลากทั้งสองขึ้นไปที่ห้องเรียนทันที ตลอดทั้งทางก็ไม่มีใครได้พูดเอ่ยอะไรออกมาเลยด้วยซํ้าพวกเพื่อนๆ ของฉันที่เอาแต่จ้องมองมาอย่างสายตาขะมักเขม้นก่อนที่จะพากันมาถึงที่ห้องเรียนของฉันเอง
"แกเอาเงินฉันไป ถ้ามันมากพอฉันกับอีจีจี้จะหารครึ่งก็ได้ ฉันทนเห็นแกเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้วนะเว้ย"ฉันรู้ดีว่าเพื่อนๆ เป็นห่วงฉันมากแต่จะให้ทำอย่างไรล่ะมันเลือกไม่ได้หนิจะให้ไปยืมเงินเอามาคืนมาฟอร์ตอนนี้คนบ้าอย่างเขาก็คงไม่รับและเฉยเมยใส่ฉันอีกเป็นแน่แท้
ฉันไม่ได้ตอบอะไรและหยิบเงินในกระเป๋าที่มาฟอร์เอาให้คืนจีจี้ไปและกลับมานั่งอ่านชีทสรุปในคาบก่อนไปแต่นัยน์ตาของฉันในตอนนี้นั้นมีแต่คราบนํ้าตาที่ค่อยๆ ไหลหยดลงมาทีละน้อยๆ แต่โชคดีมากที่ฉันไม่ได้มัดผมจึงทำให้ผมมันปิดบังพอดี
"ไม่เป็นไรนะเว้ย มีอะไร .....ก็คุยกับพวกฉันได้ยังไงเราก็คือเพื่อนกัน"ทันทีที่มือเรียวแตะเข้ามาที่หัวไหล่ทำเอาฉันร้องไห้ออกมาไม่ยอมหยุดเพื่อนๆ ทั้งสองที่ต่างรับรู้ได้ทันทีก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่ไวพจน์เองจะใช้ผ้าบางๆ มาบังฉันไว้เพราะฉันไม่ชอบให้ใครเห็นตอนร้องไห้มากสักเท่าไหร่
"ฉันจะอยู่ข้างๆ แกเอง"ฉันพยักหน้าตอบกลับและพยายามข่มใจตัวเองให้หยุดร้องไห้ออกมาเพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องมากังวลอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้วทุกครั้งที่ฉันเครียดหรือร้องไห้ออกมาก็มีเพื่อนๆ ที่คอยปลอบอยู่ข้างๆ เสมอ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันรู้ว่าเพื่อนทั้งสองของฉันคอยเป็นห่วงฉันมากขนาดไหนไม่ว่าฉันจะลำบากหรือฉันมีปัญหาอะไรเพื่อนๆ ทั้งสองก็เป็นทุกข์กว่าฉันตลอดพวกเขาคอยแก้ปัญหาให้ฉันและคอยช่วยเหลือฉันในวันที่ฉันอ่อนแอและทั้งสองก็เปรียบเสมือนกับครอบครัวของฉันที่เหลืออยู่เลยก็ว่าได้
"ฉันโอเครแล้ว ไม่ต้องห่วงนะพวกแกฉันสบายดี"ฉันฝืนยิ้มออกมาให้กับเพื่อนๆ ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาในห้องแห่งนี้และเริ่มทำการสอนอะไรไป ฉันแทบจะไม่ได้เรียนเลยด้วยซํ้าเพราะไม่มีสมาธิมากพอจึงทำให้นั่งจดแบบงงๆ
ต่อพอฉันย้ายมาอยู่ที่ครอบครัวใหม่พ่อเป็นคนพาฉันไปเก็บของและเข้าไปในบ้านพร้อมกับท่าน การต้อนรับแรกที่ฉันเจอพอเดินเข้าไปในบ้านปุ๊บนํ้าในแก้วนํ้าดื่มก็สาดเข้ามาเต็มหน้าฉันอย่างจัง"มึงโง่ไหมอิมิราส์เงินตั้งมากตั้งมายมึงเอาไปบริจาค เหอะ!!!มึงรวยมากนักหรอ ห๊ะ!!!ในเมื่อมึงจะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้มึงก็ต้องจ่ายค่านํ้าค่าไฟด้วย เงินที่พ่อมึงหามาก็อย่าหวังว่าจะได้แตะ อ้อและที่สำคัญก็เอาเงินให้ลูกกูเป็นรายวันด้วย"พูดจบเธอก็เดินกระแทกไหล่ฉันออกไปจากที่บ้านเหลือเพียงฉันและพ่อที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฉันยืนนิ่งไม่กล้าตอบโต้แต่อย่างใดและเป็นฝ่ายพ่อที่พาฉันเข้าไปเก็บของต่างๆห้องเก็บของที่รกรุงรังและแคบเอามากๆมากกว่าห้องเก่าฉันอีกแต่ฉันก็ไม่ได้ซีเรียสและเก็บของต่างๆให้เข้าเป็นที่เป็นทางไป กว่าจะเสร็จก็เย็นพอดีฉันจึงเดินเข้าไปอาบนํ้าแต่งตัวพอออกมาก็พบกับน้องชายต่างแม่ของฉันที่ยืนหน้านิ่งถือผ้าห่มกับหมอนไว้
ตอนนี้ฉันและเขาได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วและแม่ของเขาก็สั่งให้พวกฉันเข้าไปอยู่ในบ้านเพราะอยากดูแลในช่วงนี้อีกด้วยท่านคอยเอาใจใส่ฉันมากและดูแลฉันดีที่สุดเลยด้วย แถมช่วงนี้แฟนหนุ่มของฉันก็ขี้อ้อนเอามากๆจนแทบจะไม่ยอมห่างกันเลยก็ว่าได้จะห่างกันจริงๆก็ตอนฉันไปเรียนและเขาไปทำงานแค่นั้นเช้าวันนี้ฉันมีเรียนสายจึงรีบแต่งตัวและเดินลงมาหาแม่มาฟอร์ที่ยืนทำอาหารอยู่ฉันไม่ได้คิดที่จะปลุกเขาเลยเพราะเมื่อคืนมาฟอร์ไปดื่มเหล้ากับแก๊งเพื่อนมาจนดึกฉันเลยไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของเขาจึงย่องลงมาเอง"ทำอะไรอยู่คะแม่""แม่ทำต้มจืดกับผัดผักอ่ะลูก ทานข้าวด้วยกันก่อนนะแล้วค่อยออกไปเรียน""ได้ค่ะแม่ ให้หนูช่วยนะคะ"พูดจบฉันก็เดินเข้าไปเป็นผู้ช่วยในครัวกับแม่ของมาฟอร์ท่านใจดีมากต่างกับวันแรกที่เจอเลยด้วยซํ้า ฉันยืนทำอาหารกับแม่ของเขาอย่างตั้งใจก่อนที่จะจัดจานเสิร์ฟแต่ยังไม่ทันไรก็มีเสียงโวยวายจากชั้นบนตะโกนออกมาลั่นบ้านจนทุกคนต่างพากันตื
หลังจากที่ฉันเป็นลมไปทุกอย่างวันนั้นก็ค่อยๆกลับมาแวะเวียนหาอีกครั้งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิมจนกระทั่งในตอนที่พี่มินเดินเข้ามาคุยกับฉัน ฉันค่อยๆเหงยหน้าขึ้นไปมองสองชายหญิงที่เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะขับรถเข้ามาและวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างเป็นห่วง ฉันไม่แม้แต่ที่จะตอบโต้หรือสนใจสิ่งรอบข้างเลยเหมือนหัวสมองของฉันมันชัตดาวน์หยุดอยู่แค่ว่าฉันยืนรอแม่กับเชอร์รี่แค่นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างค่อยๆถูกลบเลือนจากไปและมาโผล่อีกทีคือโรงพยาบาลในคืนแรกฉันยังคงนอนมองไปรอบๆห้องอย่างนิ่งๆและมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นหลังจากที่เชอร์รี่และแม่ของเธอเดินกลับบ้านไป ฉันยังคงมองออกไปนอกระเบียงอย่างหมดหนทางแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะถูกมัดแขนมัดขาไว้ที่เตียง จนกระทั่งจีจี้วิ่งเข้ามาหาฉันในห้องพักแต่ฉันก็ยังคงไม่ตอบโต้แต่อย่างใดแต่ทำได้เพียงมองหน้าเพื่อนเพียงแค่นั้น"มิราส์เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่"ฉันยังคงนิ่งและไม่ได้ตอบอะไรออกมาเพราะตอนนี้สภาพร่างกายฉันช็อคอยู่ฉั
เช้าวันต่อมาฉันก็ยังคงใช้ชีวิตในลูบอยู่เหมือนเดิมกับสามีที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ แต่วันนี้มันกลับแปลกไปจากทุกวันเพราะมันเหมือนกับว่าความสุขและรอยยิ้มของเขากลับมาเติมเต็มชีวิตฉันแล้วหลังจากที่หายไปตั้งแต่ที่เเม่ฉันเสียในวันนั้นรอยยิ้มของฉันก็ค่อยๆหายไปจนบางทีก็แทบจะไม่เหลืิออีกแล้วฉันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยอย่างทุกครั้งและพูดคุยกันไปตามปกติแต่วันนี้กลับไม่ปกติเพราะจู่ๆเชอร์รี่ก็เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับขนมอะไรบางอย่างในมือของเธอและยื่นเข้ามาอยู่ตรงหน้าฉัน"มึงมีอะไรกับเพื่อนกูวะ""กูก็แค่อยากจะมาขอโทษ อ่าขนมขนาดพี่มินตรามึงให้ให้อภัยได้ แล้วกูทำกับมึงแบบนี้มึงให้อภัยกูไม่ได้ก็แล้วแต่มึงนะ"พี่มินตรางั้นหรอ ฉันไม่รู้ว่าเชอร์รี่จะหมายถึงมินตราคนเดียวกับเพื่อนสนิทมาฟอร์รึเปล่าแต่ที่รู้ๆคือเชอร์รี่น่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้"หมายความว่าไง""ก็วันนั้นฉันเห็น
ต่อหลังจากที่ออกมาจากวัดเพื่อนทั้งสองก็ขับรถพาฉันกลับมาที่โรงพยาบาลอย่างใจลอย เพื่อนๆไม่ได้ถามไถ่อะไรฉันมากเพราะถ้าฉันเงียบอยู่แบบนี้ไม่ว่าอะไรก็ดึงฉันออกมาจากวังวนนี้ได้ฉันเดินตรงดิ่งไปเรื่อยๆจนถึงห้องของมาฟอร์ ชายฉกรรจ์ชุดดำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องผู้เป็นนายจำนวนมากพอเห็นฉันเดินมาก็ยิ้มต้อนรับเป็นอย่างดีฉันหลุดออกมาจากวังวนและก้มคำนับพร้อมกับรอยยิ้มให้กับพวกเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องอย่างเงียบๆเพราะภายในห้องสี่เหลี่ยมดูวังเวงพิกลราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลยด้วยซํ้า ฉันเดินเข้าไปในห้องก็พบกับคนตัวสูงที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงโดยในมือถือกล่องแหวนที่เมื่อวานเขามอบให้ฉันฉันจ้องมองมันนิ่งๆและไม่ได้เรียกเขาแต่อย่างใดใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทีละน้อยๆ พอเห็นฉันเขาก็รีบเก็บซ่อนกล่องนั่นไว้ที่เดิมและหันกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจ้องมองการกระทำนั้นจนเผลอยิ้มออกมาจนลืมตัว
"ฉันไปรับสายก่อนนะ"ฉันเดินก้มหัวออกไปที่ระเบียงห้องพักของเขาเพื่อที่จะพูดคุยกับคนในสายและนั้นคือกาฟิวส์ที่โทรเข้ามาหาฉันในเวลานี้ฉันจ้องมองมือถือของตนอยู่ได้สักพักจนสายมันตัดไปเองนํ้าใสๆค่อยๆไหลออกมาทีละน้อยอย่างใจเจ็บเมื่อปล่อยสายนั้นดับไปเองก่อนที่ฉันจะตัดสินใจโทรกลับหาน้องชายตัวแสบที่โทรเข้ามา"มีอะไร"(แกจะมาปะหรือไม่ว่าง ได้ยินว่าคุณมาฟอร์เข้าโรงพยาบาลถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร)"ถ้าว่างจะเข้าไป แค่นี้นะ"ฉันรีบตัดสายจากน้องชายทันทีและยืนมองภายนอกเพื่อตั้งสติก่อนที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับแม่ของมาฟอร์อีกครั้งหนึ่งแต่ก็ไร้วี่แววเพราะตอนนี้ที่เห็นคือมาฟอร์นอนจ้องมาทางฉันอยู่แล้วนิ่งๆPART MAFOR"ถ้าแกคิดจะจริงจังกับคนนี้ก็รีบแต่งงานทำอะไรให้มันถูกต้องซะ แต่ถ้าไม่ ก็รีบๆเขี่ยจะได้จบๆ