“ก็ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ถึงกับร้ายแรงนัก ล้วนแต่เป็นเพราะความโลภล้วนๆ กระหม่อมก็ทำได้เพียงไม่ร่วมมือกับพวกเขาเท่านั้น…”คำพูดของเจิ้งเป่าหรงเปี่ยมด้วยน้ำตาและเสียงสะอื้นเขาระบายความลำบากใจและความอัดอั้นทั้งหมดออกมาจนหมดสิ้นหลี่เฉินฟังอย่างเงียบงัน ไม่แสดงความเห็นใดๆแต่คำพูดเหล่านี้ กลับดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจผู้คนโดยรอบสิ่งที่ทุกคนตกตะลึงมิใช่เนื้อหาที่เจิ้งเป่าหรงกล่าวแต่เป็นคำสรรพนามที่เขาใช้เรียกตนเองว่ากระหม่อมขุนนางในราชสำนัก หากจะใช้คำว่า “กระหม่อม” กล่าวแทนตน จะใช้ได้ต่อหน้าใครบ้าง?ก็เพียงราชวงศ์เท่านั้นฮ่องเต้ ฮองเฮา ไทเฮา องค์รัชทายาท และพระชายารัชทายาทเพียงห้าพระองค์นี้เท่านั้นแม้จะเป็นนางสนมคนโปรดเพียงใด ขุนนางก็ยังใช้เพียง “ขุนนาง” หรือ “ขุนน้อย” มิใช่ “กระหม่อม”เมื่อนำสถานการณ์ในยามนี้มาประกอบกับวัยของหลี่เฉิน ต่อให้เจิ้งเป่าหรงไม่เอ่ยนามออกมาตรงๆ ตัวตนของหลี่เฉินก็ปรากฏเด่นชัดยิ่งนักหูกั่นตังที่ยังมีสติอยู่เบิกตากว้างจ้องมองหลี่เฉิน ในนัยน์ตาเหลือเพียงความหวาดกลัวสุดขีดขณะเดียวกัน ในสมองของเขา ตอนนี้มีเพียงคำนี้ลอยวนอยู่จบสิ้นแล้วท้ายที่สุด
Baca selengkapnya