All Chapters of รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์: Chapter 1121 - Chapter 1129

1129 Chapters

บทที่ 1121

มีประสบการณ์ล้ำหน้ากว่าพันปีในภายหน้า อีกทั้งยังมีวิสัยทัศน์ในด้านการสร้างกองทัพยุคใหม่ หลี่เฉินจึงเชี่ยวชาญในเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างของราชสำนักและกองทัพเป็นอย่างยิ่งแผนผังการวางยุทธศาสตร์ทั้งหมดล้วนบรรจุอยู่ในสมองของเขาแท้จริงแล้วในสายตาของหลี่เฉิน สิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือการนำบทบาทงานการเมืองของกองทัพยุคใหม่เข้ามาใช้ในกองทัพ ทว่าไม่สอดคล้องกับสภาพบ้านเมือง ไม่เข้ากับระดับอารยธรรมของสังคม และไม่สอดรับกับระบบการปกครองของแผ่นดิน หลี่เฉินจึงทำได้เพียงละวางความคิดนี้แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังรวบอำนาจทหารจากจวนผู้บัญชาการทั้งห้ากับกรมยุทธนาการเดิมมารวมเป็นหนึ่ง แล้วแบ่งแยกออกเป็นสามส่วนความสัมพันธ์สามเส้า เป็นโครงสร้างที่มั่นคงที่สุดเสมอทั้งสามฝ่ายต่างถ่วงดุล ตรวจสอบกันและกัน โดยที่หลี่เฉินไม่จำเป็นต้องลงมือทำสิ่งใดมากมาย สามกรมนี้ก็จะเกิดการแข่งขันกันเองโดยธรรมชาติการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์เช่นนี้ นั่นแหละคือสิ่งที่หลี่เฉินต้องการบรรลุเขาเพียงต้องดูแลแกนกลางผู้นำของทั้งสามกรมให้ดี ก็สามารถควบคุมกองทัพทั่วทั้งแผ่นดินได้โดยอ้อมซูเจิ้นถิงเดิมทีเข้าใจว่า การปฏิรูปของหลี่เฉินคงเปลี
Read more

บทที่ 1122

ส่วนตำแหน่งบุคลากรในสำนัก หลี่เฉินจำต้องควบคุมไว้ในมือและสำหรับความนัยที่หลี่เฉินซุกซ่อนไว้ ซูเจิ้นถิงก็เห็นทีจะเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วเขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท แม่ทัพคนแรกแห่งสำนักเสบียง หากให้หูซื่อฟานดำรงตำแหน่ง พระองค์เห็นว่าเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”หลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหูซื่อฟานเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเทพสงคราม มีความจงรักภักดีต่อเทพสงคราม และภักดีต่อสกุลซูอย่างยิ่งดูจากการที่เขาร่วมปราบกบฏครานี้ ระดมกองทัพเหลียวตงฝ่าฟันกว่าพันลี้โดยไม่ย่อท้อ ก็ย่อมเห็นได้ว่าแม่ทัพเฒ่าผู้นี้ได้เดิมพันเกียรติยศและชีวิตทั้งชีวิตลงไปแล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาอายุมากแล้วเขาเคยกล่าวไว้แต่แรกแล้วว่า หลังจากครั้งนี้อยากจะวางมือและด้วยวัยของเขา หลี่เฉินก็มีแผนจะหาผู้สืบทอดที่เหมาะสมเพื่อให้เขาได้เกษียณอย่างสงบแต่ในเวลานี้ ความคิดของซูเจิ้นถิงกลับเปิดแนวทางใหม่ให้กับหลี่เฉิน“หูซื่อฟานเป็นผู้บัญชาการแนวหน้า รู้ดีว่าทหารต้องการสิ่งใด รู้ถึงความสำคัญของสำนักเสบียง ตำแหน่งนี้ในยามสงบอาจดูไม่โดดเด่น แต่หากเกิดศึกสงครามเมื่อใด ก็จะกลายเป็นหัวใจหลักเสมอ นับแต่โบราณ
Read more

บทที่ 1123

แผนการปฏิรูปสีหน้าของจางปี้อู่กับฟู่อวี้จือเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียบทันทีคำนี้ พวกเขาได้ยินมาจากปากของจ้าวเสวียนจีเป็นครั้งแรกแม้ไม่รู้ว่าจ้าวเสวียนจีได้ข่าวมาจากที่ใด แต่พวกเขารู้ดีว่า จ้าวเสวียนจีไม่มีทางหยิบเรื่องสำคัญถึงเพียงนี้มาพูดเล่นแน่“แผนการปฏิรูปนี้… แท้จริงแล้วจะปฏิรูปสิ่งใดกันแน่?” ฟู่อวี้จือเอ่ยถามจ้าวเสวียนจีตอบด้วยเสียงทุ้มว่า “ข้าก็ไม่ทราบรายละเอียด รู้เพียงว่าองค์รัชทายาทวางแผนนี้มานานแล้ว ส่วนรายละเอียด เนื้อหา ล้วนไม่ปรากฏ แต่สิ่งที่ชัดเจนในเวลานี้คือ แผนการนี้กำลังจะถูกนำเสนอออกมา อย่าลืมว่า พรุ่งนี้คือการเข้าเฝ้าเช้าครั้งแรกในรอบเดือน ต้องมีเหตุการณ์ใหญ่แน่นอน”จางปี้อู่สีหน้าหนักแน่น กล่าวว่า “แล้วเราจะรับมืออย่างไร?”จ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “ทำได้เพียงก้าวไปทีละก้าว ดูสถานการณ์ไปก่อนเท่านั้น”ครึ่งชั่วโมงต่อมา จางปี้อู่กับฟู่อวี้จือก็ลุกขึ้นขอลา“ท่านทั้งสอง สถานการณ์ในยามนี้ยากลำบากยิ่งนัก แต่ยิ่งเป็นยามคับขัน ก็ยิ่งเห็นจิตใจที่แท้จริง เวลานี้สำหรับพวกเราก็อาจนับว่าเป็นโอกาสเช่นกัน”จ้าวเสวียนจีเดินมาส่งทั้งสองถึงหน้าห้องหนังสือ พลางเอ่ยด้
Read more

บทที่ 1124

พอได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับกองทัพเหลียว หัวหน้าคนรับใช้ก็รู้ในทันทีว่าเรื่องเช่นนี้ตนไม่มีสิทธิ์ซักถามแม้แต่คำเดียว เขาจึงโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยรับคำสั่งขอรับ”เขารีบเดินไปยังห้องหนังสือ ก็เห็นว่าบนโต๊ะมีจดหมายฉบับหนึ่งจริงๆ หัวหน้าคนรับใช้เห็นแค่เพียงคำว่า “เรียนโดยตรงถึงองค์รัชทายาทเย่หลี่เสินเสวียน แห่งแคว้นเหลียว” บนซอง หัวใจก็เหมือนถูกบีบรัดทันทีเขายกจดหมายขึ้นด้วยสองมือ ไม่แม้แต่จะเหลือบดูเพิ่มอีกครึ่งตา ก่อนจะเก็บซ่อนไว้แนบกาย จากนั้นก็รีบออกไปทำหน้าที่ทันทีเขารู้ดีว่า ถึงตนจะหัวหลุดก็ยังไม่เป็นไร แต่หากจดหมายฉบับนี้เกิดปัญหาแม้แต่น้อย ตนคงจะมีชะตาที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายขณะเดียวกัน จางปี้อู่กับฟู่อวี้จือก็มาถึงหน้าจวนจ้าวพอดีเกี้ยวที่เป็นของทั้งสองคนจอดเรียงอยู่หน้าประตูจวนจ้าว รอให้ทั้งสองขึ้นเกี้ยวกลับบ้านจางปี้อู่ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เมื่อก่อนประตูจวนจ้าวนี่เปลี่ยนธรณีทุกสองสามปี เพราะคนเข้าออกมากเสียจนเหยียบจนพัง แต่มาตอนนี้ ดูท่าคงไม่ต้องเปลี่ยนไปอีกนานแล้วล่ะ”ฟู่อวี้จือเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “จวนข้าก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก ท่านจาง”จางปี้อู่หันไปมองยั
Read more

บทที่ 1125

ฟู่อวี้จือรู้สึกว่าคำพูดของจางปี้อู่นั้นรุนแรงและสุดโต่งเกินไป แฝงไปด้วยความไม่ไว้วางใจและความคับข้องใจต่อจ้าวเสวียนจีแต่เขาก็จำต้องยอมรับว่า สิ่งที่จางปี้อู่พูดนั้นก็มีเหตุผลอยู่บ้างเวลานี้ เรืออย่างสำนักราชเลขากำลังรั่วซึมจนเต็มไปหมด ทว่าความคิดแท้จริงของจ้าวเสวียนจีคืออะไร พวกเขากลับไม่เคยล่วงรู้เลยฟู่อวี้จือขมวดคิ้วแน่น เอ่ยว่า “ท่านจาง สิ่งที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง เพียงแต่ข้าคิดว่า ขุนนางอาวุโสคงมีเหตุผลของตน”“เหตุผลอะไรนักหนา!”จางปี้อู่กระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ “เวลานี้สถานการณ์ก็ย่ำแย่ถึงเพียงนี้แล้ว เขาแม้จะกล่าวว่าเป็นโอกาสดีให้เราจัดระเบียบคนในใหม่ จะได้ไม่เป็นเป้าสายตาเช่นเมื่อก่อน แต่เขาเคยคิดหรือไม่ว่า ตำหนักบูรพาจะให้โอกาสเราจัดคนใหม่อีกครั้งหรือ?”“อย่าว่าแต่จวนข้ากับจวนเจ้าเลย แม้แต่จวนจ้าวบัดนี้ก็กลายเป็นเขตหวงห้ามที่ผู้คนไม่กล้าเหยียบย่าง กลัวว่าจะถูกระบุว่าเป็นพวกของสำนักราชเลขา แล้วโดนโจมตี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สำนักราชเลขาก็เหลือแต่ชื่อ ไม่มีตัวตนอีกแล้ว!”ฟู่อวี้จือยิ้มขมขื่นแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้น ท่านจางคิดจะทำอย่างไร?”“ข้าไม่ต้องทำอะไรหรอก”จางปี
Read more

บทที่ 1126

“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กเท่านั้นเอง”หลี่เฉินโบกมือไปมา ท่าทางไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย“เจ้าไปเถอะ”เสี่ยวกุ้ยจื่อตอบรับอย่างนอบน้อมสุดชีวิต ขณะกำลังลุกขึ้นจะเดินจากไป ก็ได้ยินหลี่เฉินถามขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวว่า “จริงสิ ในลิ้นชักชั้นล่างสุดของโต๊ะทรงพระอักษรของข้า มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ไม่มีชื่อผู้ส่ง เจ้าพบหรือไม่?”เสี่ยวกุ้ยจื่อตอบไปตามสัญชาตญาณทันทีว่า “เห็นแล้วขอรับ บ่าวมิได้แตะต้อง…”แต่คำพูดเพิ่งหลุดออกจากปาก เขาก็เห็นแววตาเย็นเยียบของหลี่เฉินในทันใด จึงรู้ตัวว่าพูดพลาดไปเสียแล้วหน้าเขาซีดเผือดในบัดดล ทรุดก้นลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ราวกับตกตะลึงจนหมดสติ“เจ้ากล้าดีนัก”หลี่เฉินก้าวมาหาเสี่ยวกุ้ยจื่อ มองเขาจากบนลงล่างด้วยสายตาเย็นชา“แม้เจ้าจะมีเจตนาดีช่วยข้าจัดโต๊ะ แต่จำเป็นต้องเปิดลิ้นชักด้วยหรือ?”เสี่ยวกุ้ยจื่อตกใจจนร่างสะท้านคล้ายถูกวิญญาณตามตัวกลับคืนมาปฏิกิริยาแรกของเขากลับกลายเป็น…หนีหลี่เฉินมองเขาวิ่งหนีไปด้วยแววตาเหมือนมองคนโง่ที่นี่คือตำหนักบูรพา มียอดฝีมือระดับเซียนเดินดินไปมาไม่ขาดสาย แล้วขันทีน้อยผู้หนึ่งจะหนีไปไหนได้?เป็นไปดังคาด เพิ่งวิ่งไปถึงประตู
Read more

บทที่ 1127

“ตำหนักบูรพารวมขันทีและนางกำนัลแล้วมีอยู่ราวร้อยคน แม้เจ้าจะเป็นข้าราชการประจำพระองค์ของข้า รับหน้าที่ดูแลบ่าวไพร่ทั้งหมดโดยตำแหน่ง แต่คนมากถึงเพียงนี้ เจ้าย่อมไม่อาจควบคุมดูแลได้ทุกคนแน่นอน”“การป้องกันแต่ต้นย่อมดีกว่าการห้ามปรามในภายหลัง จะให้จับตามองขันทีและนางกำนัลทุกคนอย่างเข้มงวด ย่อมเป็นไปไม่ได้แต่แรก”หลี่เฉินดึงวั่นเจียวเจียวให้ลุกขึ้น ปลอบโยนว่า “เพราะฉะนั้น เรื่องพวกนี้ไม่ต้องใส่ใจนัก ต่อไป โต๊ะของข้า ห้ามผู้ใดแตะต้อง จำไว้เพียงข้อนี้ก็พอ”วั่นเจียวเจียวพยักหน้าแรงๆ กล่าวด้วยความตั้งใจว่า “ฝ่าบาทวางพระทัย บ่าวจะเฝ้าระวังอย่างดี จะไม่ให้ผู้ใดแตะต้องโต๊ะทรงพระอักษรแม้แต่น้อยเพคะ”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ โบกมือแล้วว่า “เจ้าอยู่รับใช้ไป ข้าจะจัดการราชการบางอย่าง”ในฐานะผู้ควบคุมอำนาจแท้จริงของจักรวรรดิต้าฉิน ภาระบนบ่าของหลี่เฉินหนักหนาขึ้นทุกวัน ราชการที่ต้องจัดการด้วยตนเองก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตอนนี้หลี่เฉินจึงเข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้ในประวัติศาสตร์จึงมักมีอายุสั้น เพราะใครก็ตามที่ต้องทำงานหนักติดต่อกันวันละสิบกว่าชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด ไม่มีผู้ใดจะทนได้ไหวแต่เขาไม่อาจหลีกเลี
Read more

บทที่ 1128

คำพูดของหลี่เฉินทำให้หัวใจของสวีจวินโหลวเต้นแรงขึ้นทันทีเขาเริ่มตระหนักได้ว่า การถูกเรียกตัวมาพบในคืนนี้ อาจมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าที่ตนเคยคิดไว้มากนักเขากลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก ก่อนจะก้มศีรษะตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมทราบ”หากจะบอกว่าไม่รู้เรื่อง นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้เท่ากับคิดว่าองค์รัชทายาทเป็นคนโง่ หลอกลวงเขาเล่นแถมเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธเสียด้วย รู้ก็คือรู้ ไม่รู้ก็คือไม่รู้หลังจากเหตุการณ์กบฏ องค์รัชทายาทก็เริ่มลงมือกวาดล้าง ครั้งนี้จับและประหารขุนนางมากกว่าสิบปีที่ผ่านมารวมกันเสียอีก แถมล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางระดับสำคัญของส่วนกลางทั้งสิ้นคนกับตำแหน่งก็เหมือนหลุมกับหัวไชเท้า มีเท่าไหร่ก็พอดีกันพอดีเป๊ะพอตำแหน่งว่างขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่ามีคนอีกเท่าไหร่ที่กำลังดิ้นรนเสาะหาช่องทางจะได้เข้าไปแทนที่ เพื่อไต่ขั้นขึ้นไปอีกระดับขณะสวีจวินโหลวยังว้าวุ่นอยู่ในใจ หลี่เฉินก็พูดขึ้นอีกว่า “เวลานี้ราชสำนักขาดคน ข้ามีความคิดจะส่งบัณฑิตจากการสอบจอหงวนรุ่นล่าสุดเข้าไปรับตำแหน่งในแต่ละกรมล่วงหน้า”“เจ้าก็เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของรุ่นก่อน ข้าย่อมพิจารณาเจ้าไว้เช่นกัน ตอนนี้ข
Read more

บทที่ 1129

“บ่าวรับคำสั่งเพคะ”วั่นเจียวเจียวโค้งคำนับงดงามพลางยิ้มกล่าวหลี่เฉินลุกขึ้น ไม่ได้กลับไปยังตำหนักหลัง แต่ตรงไปยังตำหนักพักผ่อนด้านหนึ่งของตำหนักฝึกพระราชกรณียกิจ ที่ใช้พักเมื่อทำงานจนดึกอีกด้านหนึ่ง สวี่จวินโหลวแทบจะโลดเต้นด้วยความดีใจ รีบวิ่งกลับบ้านจากตำหนักบูรพาอย่างรวดเร็วบ้านของเขาในเมืองหลวง แน่นอนว่าเป็นบ้านของสวีฉังชิงเมื่อเห็นสวี่จวินโหลวกลับมาดึกดื่น สวีฉังชิงที่เข้านอนไปแล้วก็ลุกขึ้นมาทันที“วันนี้มิใช่วันหยุด ทำไมถึงกลับบ้านดึกถึงเพียงนี้? เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?” สวีฉังชิงเอ่ยถามใบหน้าของสวี่จวินโหลวเปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น เขารีบตอบว่า “ท่านอา ข้าได้โอกาสแล้ว!”สวีฉังชิงยังไม่เข้าใจนัก ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ใจเย็นให้มาก ตอนนี้เจ้าเป็นรองหัวหน้าสำนักจานซื่อ ดูแลตำหนักบูรพาภายในภายนอกทั้งหมด เจอเรื่องใดก็ต้องมั่นคงรอบคอบ ห้ามแสดงท่าทีกระโดกกระเดกเช่นนี้”แม้จะถูกเตือน สวี่จวินโหลวก็ยังกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ฝ่าบาทรับสั่งจะมอบตำแหน่งใหม่ให้ขอรับ!”คำพูดนี้ทำให้สวีฉังชิงชะงักไปทันทีเรื่องราวในราชสำนักช่วงนี้ ใครๆ ก็รู้กันทั้งเมืองรวมถึงตัวเขาเองด้วย
Read more
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status