บททั้งหมดของ วังวนแห่งรัก หมอหญิงพลิกชีวี: บทที่ 651 - บทที่ 660

694

บทที่ 651

เจียงซุ่ยฮวนเพิ่งวางแผ่นหน้ากากบำรุงผิวให้จิ่นซิ่ว ตอนนี้กำลังใช้ผ้าเช็ดมือ เมื่อได้ยินคำกล่าวก็ชะงักไป ก่อนเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของพระองค์เพคะ”จิ่นอวี๋หันไปมองบันไดชั้นล่าง เกรงว่าสตรีและเจ้าหนูที่อยู่เบื้องล่างจะได้ยิน จึงกดเสียงต่ำกล่าวว่า “เมื่อสองสามวันก่อนที่จวนตระกูลเสวีย เจ้าเองเป็นคนบอกข้าว่าเสวียหลิงอาการหนัก ทั้งยังเกลี้ยกล่อมข้าให้ถอนหมั้น”“ผ่านไปไม่กี่วัน เสวียหลิงกลับหายดี แถมยังจะนำทัพบุกหนานเจียง เช่นนี้มิใช่แสร้งป่วยหรอกหรือ”เจียงซุ่ยฮวนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “องค์หญิงจิ่นอวี๋ ก่อนอื่นหม่อมฉันขอชี้แจงว่าหม่อมฉันเคยกล่าวว่าอาการของเจ้าชายเสวียนั้นหนักหนา แต่หม่อมฉันก็กล่าวด้วยว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับวาสนาของเขาเอง”“โรคของเขากำเริบรุนแรงนัก ตัวยาที่หม่อมฉันสั่งจ่ายเพียงเพื่อช่วยเสริมเท่านั้น หากจะหายหรือไม่ก็ต้องอาศัยเจตจำนงของเขาเองเพคะ”“คาดว่าเจ้าชายเสวียคงปรารถนาจะช่วยเหลือใต้หล้าแทนฝ่าบาทจึงตั้งใจจะนำทัพไปบุกหนานเจียง ทำให้จิตใจอยากเอาชีวิตรอดลุกโชนขึ้นมา โรคจึงทุเลาอย่างรวดเร็ว มิใช่เพราะหม่อมฉันขู่ให้พระองค์ตื่นตระหนก”เพียงไม่กี่คำ ท
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 652

“หมอหลวงเจียง หากข้าอยากให้เจ้าทำเรื่องหนึ่งให้ ต้องให้เงินเจ้าสักเท่าใด” จิ่นอวี๋ถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมาเจียงซุ่ยฮวนอดสงสัยมิได้ นางดูเป็นคนโลภนักหรือ ใยจึงต้องเอ่ยถึงเรื่องเงินขึ้นมาก่อนนางคิดเช่นไร ก็ตอบเช่นนั้น “องค์หญิงจิ่นอวี๋ พระองค์ทรงเห็นว่าหม่อมฉันหน้าเงินหรือเพคะ”จิ่นอวี๋ยิ้มเยาะ “หมอหลวงเจียง มิใช่เจ้าหน้าเงิน แต่ผู้คนในใต้หล้าล้วนหน้าเงิน”เจียงซุ่ยฮวนลูบจมูก ถามกลับว่า “พระองค์อยากให้หม่อมฉันทำสิ่งใดหรือเพคะ”“ง่ายมาก เจ้าจงไปยังจวนตระกูลเสวียในฐานะหมอหลวง แล้วเติมบางอย่างลงในยาของเสวียหลิง” จิ่นอวี๋กล่าวเจียงซุ่ยฮวนอดถามด้วยเสียงสูงมิได้ “พระองค์อยากให้ข้าวางยาหรือ”“ชู่... เบา ๆ สิ อย่าให้จิ่นซิ่วได้ยิน” จิ่นอวี๋ถลึงตาใส่เจียงซุ่ยฮวน “ข้าไม่ได้จะให้เจ้าใช้ยาพิษ เพียงแค่เติมของบางอย่างที่เสวียหลิงจะไม่รู้ตัว แต่จะส่งผลต่อเขาตลอดชีวิต”เจียงซุ่ยฮวนยังไม่เข้าใจ คือสิ่งใดกันข้าได้ยินมาว่าเมิ่งชิงแอบให้ท่านพี่เจ็ดกินยาไร้บุตร เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ จนเมิ่งชิงเป็นคนพูดออกมาเอง” เสียงของจิ่นอวี๋เบาลงเรื่อย ๆ “เช่นนั้นเจ้าจะให้เสวียหลิงกินยานั้นได้หรือไม่”“องค์หญิงจ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 653

เจียงซุ่ยฮวนพยักหน้า “วางใจเถิด ข้าจะปิดปากเงียบไม่แพร่งพรายเรื่องนี้เป็นอันขาด”“เราสองคนอยู่ในเรือลำเดียวกัน หากเจ้าปริปาก...เจ้าก็รู้ว่าผลจะเป็นเช่นไร” จิ่นอวี๋กล่าวพลางก้าวลงบันไดพร้อมม่ายตงหยวนจิ่วที่ซ่อนอยู่หลังบันไดได้ยินความเคลื่อนไหว ก็รีบปล่อยมือกระโจนลงมาที่ชั้นล่างมายืนรวมกับไป๋หลีและพวกจิ่นอวี๋เดินผ่านพวกเขาไปพร้อมม่ายตง ไป๋หลีถามขึ้นว่า “พวกข้าขึ้นไปได้หรือยัง”“ขึ้นไปเถอะ” จิ่นอวี๋ไม่แม้แต่จะมองนาง ก้าวเท้าเดินไปยังกลุ่มฮูหยินเหล่าขุนนางด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “ท่านฮูหยินหลี่ ท่านฮูหยินชี พวกท่านก็อยู่ที่นี่หรือ ช่างบังเอิญเสียจริง...”บนชั้นสอง เจียงซุ่ยฮวนผลักประตูห้องบานหนึ่งเข้าไปจิ่นซิ่วที่นอนอยู่บนเตียงได้ฟื้นจากการหลับใหล ใบหน้ายังมีแผ่นหน้ากากบำรุงผิวแปะอยู่ เสียงที่พูดออกมาจึงอู้อี้ “เจ้าและท่านพี่รองของข้าคุยอะไรกันอยู่ด้านนอก”“ไยข้าถึงได้ยินนางเรียกชื่อข้า แล้วพูดถึงยาไร้บุตรกับเครื่องประดับอะไรนั่นเล่า”เจียงซุ่ยฮวนยกมือปิดปาก ถามอย่างตกใจว่า “พระองค์ได้ยินทั้งหมดหรือเพคะ”“ใช่แล้ว พวกเจ้าคุยอะไรกันแน่” จิ่นซิ่วถามจี้“มิ มิได้ หม่อมฉันบอกพระองค์มิไ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 654

เจียงซุ่ยฮวนรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างไม่เนียนนัก “องค์หญิงจิ่นซิ่ว พระองค์อยากส่องกระจกหรือไม่เพคะ”แม้จิ่นซิ่วจะกำลังโกรธจัดก็ยังกล่าวว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าอยากรู้ว่าสภาพใบหน้าข้าเปลี่ยนไปเช่นไร”เจียงซุ่ยฮวนยื่นกระจกให้ จิ่นซิ่วมองใบหน้าตนในกระจกแล้วนิ่งอึ้งผิวพรรณของนางขาวขึ้นกว่าตอนมา จุดดำบนจมูกก็หายไป แต่ดวงตาแดงเรื่อด้วยความโกรธ พอมองดูแล้วกลับน่าสงสารนัก“งามนัก ข้างามเหลือเกิน” นางอดชื่นชมมิได้ เดิมทีตั้งใจจะหาเรื่อง แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้ว ก็ไร้สิ่งให้ตำหนิจิ่นซิ่วส่องกระจกอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นคล้ายจะคิดบางอย่างได้ มือที่ถือกระจกก็เผลอปล่อยให้ร่วงลงพื้นเจียงซุ่ยฮวนทุบอกอย่างโล่งใจ โชคดีที่กระจกแข็งแรงไม่แตก ไม่เช่นนั้นคงต้องซื้อใหม่อีก“ข้ารู้แล้ว!” จิ่นซิ่วกระทืบเท้าลงกับพื้น เผอิญย่ำโดนกระจกจนแตกกระจาย“ท่านพี่รองต้องอิจฉาข้าแน่ อิจฉาที่ข้างดงามกว่านาง จึงคิดกลั่นแกล้งข้าเช่นนี้”“เอิ่ม...” เจียงซุ่ยฮวนแสร้งทำเป็นเจ็บอก “อาจจะเป็นเช่นนั้นเพคะ”จิ่นซิ่วสีหน้าหม่นคล้ำ กล่าวอย่างกราดเกรี้ยว “ท่านพี่รอง ในเมื่อเจ้าก็คิดร้ายกับข้า ก็อย่าโทษข้าเลยหากข้าไม่เกรงใจ”น
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 655

“องค์หญิงทั้งสอง พวกท่านเป็นพี่น้องกัน หากมีสิ่งใดไม่พอใจก็ควรจะพูดคุยกันดีดีเถิดนะเพคะ”“ใช่แล้ว มีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็บอกกันดี ๆ อย่าได้ทะเลาะวิวาทกันเลย”ฮูหยินหลายท่านพยายามแยกจิ่นอวี๋และจิ่นซิ่วออกจากกัน แต่หนึ่งในฮูหยินกลับบังเอิญโดนเล็บใครบางคนทิ่มเข้าตา จึงร้อง “โอ๊ย!” แล้วหลบไปข้างๆบรรดาหญิงรับใช้ที่เหลือต่างหวาดกลัวว่าจะได้รับเคราะห์ร่วมไปด้วย จึงพากันเบียดเสียดหลบมุมไปอยู่กันเป็นกลุ่มผู้ที่ต่อแถวซื้อเครื่องบำรุงผิวข้างนอกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็กลัวจนไม่กล้าเข้าไป ได้แต่ยืนดูจากข้างนอกเจียงซุ่ยฮวนเมื่อเห็นว่าแผนยุยงให้แตกคอกันระหว่างทั้งคู่สำเร็จ จึงกัดริมฝีปากแน่นยืนอยู่หลังบ่าวรับใช้ กลัวว่าตัวเองจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวนางรู้ดีว่าจิ่นอวี๋และจิ่นซิ่วสองพี่น้องมาที่นี่ต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่ จิ่นอวี๋ต้องการให้เสวียหลิงสิ้นเชื้อสาย แถมจิ่นซิ่วก็ดูเหมือนตั้งใจมาก่อกวนหากไม่ใช่เพราะนางยั่วยุให้จิ่นซิ่วเบนความสนใจไปที่อื่น ตอนนี้จิ่นซิ่วคงมาสร้างความเดือดร้อนให้นางแล้วเป็นแน่จิ่นอวี๋ผู้ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนดูปางตาย ผมถูกกระชากราวจนยุ่งเหยิงราวกับรังนก เครื่องปร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 656

พละกำลังของนางแข็งแกร่งยิ่งนัก จิ่นซิ่วใช้แรงทั้งตัวก็สลัดไม่หลุด จึงกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “ไปให้พ้น อย่ามาขวางข้า!”เจียงซุ่ยฮวนก็อยากปล่อยให้ทั้งคู่ทำร้ายกันเอง แต่ที่นี่เป็นพื้นที่ของนาง ถ้าจิ่นซิ่วทำร้ายจิ่นอวี๋จนสาหัส ร้านนี้คงไม่มีวันเปิดได้อีกแน่ขณะนี้ทั้งคู่เป็นศัตรูกันแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่นางพึงปรารถนา“องค์หญิงจิ่นซิ่ว ขอให้ใจเย็นลงก่อนเถิดเพคะ” เจียงซุ่ยฮวนพูดเสียงเข้ม “ท่านทั้งสองเป็นองค์หญิง จะทรงทำร้ายกันต่อหน้าผู้คนมิได้เป็นอันขาด”“เจ้าก็พูดง่ายน่ะสิ นางทำหน้าข้าเป็นแบบนี้ จะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร” จิ่นซิ่วโกรธจัด พอเห็นใบสวยของเจียงซุ่ยฮวนก็ยิ่งลุกเป็นไฟ“ถ้าเช่นนั้นข้าข่วนหน้าเจ้าบ้าง ดูว่าเจ้าจะใจเย็นได้หรือไม่”เจียงซุ่ยฮวนที่ยังหน้าไม่เปลี่ยนสีกล่าวว่า “องค์หญิงเพคะ แทนที่พระองค์จะระบายโทสะ พระองค์ควรเป็นห่วงโฉมหน้าตนเองเสียมากกว่านะเพคะ”“บาดแผลยังไหลเลือดอยู่ หากไม่รีบรักษา อาจทิ้งรอยแผลเป็นได้นะเพคะ”“หา!” จิ่นซิ่วได้ยินเช่นนั้นก็รีบทิ้งเศษกระจกในมือทันทีเจียงซุ่ยฮวนเองก็ปล่อยมือในเวลาเดียวกันจิ่นซิ่วมือหนึ่งกุมแผลที่หน้า อีกมือก็กระชากเสื้อเจียงซุ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 657

เจียงซุ่ยฮวนชะงักมือกล่าวว่า “องค์หญิงจิ่นซิ่ว แผลอยู่บนใบหน้า หากตะโกนเสียงดังจะเย็บไม่ได้ดีนะเพคะ”จิ่นซิ่วจึงต้องจำใจหุบปาก กำผ้าปูที่นอนแน่นทนเจ็บไปเรื่อย ๆ จนเป็นลมไปในที่สุดผ่านไปประมาณสิบห้านาที เจียงซุ่ยฮวนก็เย็บแผลเสร็จ พันด้วยผ้าพันแผลเรียบร้อยนางหยิบขวดน้ำมันสะระแหน่เล็กๆ มาจุ่มใต้จมูกจิ่นซิ่ว แล้วเขย่าตัวนางเบา ๆจิ่นซิ่วค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาในอาการงุนงง “นี่ข้าอยู่ที่ไหนกัน”เจียงซุ่ยฮวนไม่ตอบ นำขวดสะระแหน่มาใต้จมูก “มาเพคะ สูดลึกๆ อีกหนึ่งครั้ง”จิ่นซิ่วหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ลมเย็นแล่นจากโพรงจมูกขึ้นไปยังสมอง ทันใดนั้นก็รู้สึกสดชื่นกลับมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ข้าจำได้แล้ว” จิ่นซิ่วบ่นพึมพำ “พี่สองทำลายข้าจนเสียโฉม ข้าถือเศษกระจกไว้จะทำร้ายใบหน้าของนาง แต่ถูกเจ้าขวางไว้”เจียงซุ่ยฮวนพยักหน้า “ใช่เพคะ”จิ่นซิ่วทั้งโกรธทั้งโล่งใจ โกรธที่จิ่นอวี๋ข่วนหน้านางแต่กลับไม่ถูกลงโทษ ดีใจที่เจียงซุ่ยฮวนเข้ามาขวางไว้ได้ทันแม้เสด็จพ่อจะรักนางแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วจิ่นอวี๋ก็คือธิดาโดยสายเลือด ทั้งยังมีพระสนมโจวกุ้ยเฟยคอยหนุนหลังหากนางทำร้ายจิ่นอวี๋ เสด็จพ่อคงเข้าข้างจิ่นอวี๋
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 658

“ช่างเถอะ” เจียงซุ่ยฮวนหัวเราะเบา ๆ พลางก้มหน้า “ข้ามีเรื่องจะบอกเขามากมาย คราหนึ่งคงพูดไม่หมด”“พอครั้งหน้าข้าเจอเขา ข้าจะบอกเขาด้วยตัวข้าเองดีกว่า”ไป๋หลีพยักหน้า แล้วถอยออกไปยืนข้าง ๆชาที่อยู่บนโต๊ะส่งไอร้อนลอยขึ้นมา แล้วจางหายไปในอากาศเจียงซุ่ยฮวนหันไปมองข้างนอก เมื่อวานยังอากาศสดใส แต่วันนี้ท้องฟ้ากลับหม่นหมองลงกลุ่มเมฆดำครึ้มเหนือเมืองหลวง ลมหนาวพัดแรงจนกรอบหน้าต่างสั่นไหว ในกระแสลมยังมีเกล็ดหิมะเล็ก ๆ ปะปนมาด้วยในสภาพอากาศเช่นนี้ มีเพียงคนไม่กี่คนบนถนนที่กำลังรีบเร่งกลับบ้านท่ามกลางลมหนาว“จะมีหิมะตกหนักแล้ว” เจียงซุ่ยฮวนพึมพำ “อีกสามวันก็ถึงพิธีบวงสรวงใหญ่ นี่ไม่ใช่ลางดีเลย”แคว้นต้าหยวนมีธรรมเนียมโบราณ ในพิธีบวงสรวงใหญ่ จะให้องค์ชายองค์หนึ่งขึ้นรำบวงสรวงอธิษฐาน หากวันนั้นฝนตกหนักถือเป็นลางดี องค์ชายผู้นั้นมีโอกาสได้ขึ้นครองราชย์แต่ถ้าตกหิมะหนัก นั่นถือเป็นลางร้ายในพิธีบวงสรวงครั้งนี้ผู้ที่รำบวงสรวงคือฉู่อี้ ขณะนี้พระสนมจีกุ้ยเฟยคงกำลังร้อนใจอยู่เป็นแน่ณ พระราชวังห้องนอนส่วนพระองค์ของจีกุ้ยเฟยช่างยุ่งเหยิง ตรงกลางห้องตั้งโต๊ะเซ่นไหว้ ผลไม้และเทียนถูกโยนลงพื้
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 659

“สถานะของสวี่เหนียนเช่นนั้น ถึงข้าจะออกจากที่นี่ไปอย่างองอาจ ก็ไม่มีใครกล้าขวางข้า”อาเซียงเห็นด้วย “พระสนมทรงตรัสได้ชัดแล้วเพคะ”“นั่นสิ แล้วสวี่เหนียนล่ะ” จีกุ้ยเฟยมองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่ได้พบเขามานานหลายวันแล้ว”“น่าจะออกไปนอกวังเพื่อจัดการงานบางอย่าง”“ก็ใช่ ตั้งแต่เขาทราบชาติกำเนิดของตัวเอง ก็มีเรื่องให้ทำมากนัก” จีกุ้ยเฟยยิ้ม “ตอนข้าตกหลุมรักเขาครั้งแรก เขายังเป็นหนุ่มยากจน”“ดูแล้วข้าไม่ได้เลือกผิดคนจริงๆ”อาเซียงกล่าว “จริงเพคะ พระสนมทรงมีดวงตาที่เฉียบแหลม”ในขณะที่ทั้งสองสนทนากัน ก็มีขันทีผู้หนึ่งเดินเข้ามากล่าว “ทูลพระสนม ท่านอัครอัครเสนาบดีมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”จีกุ้ยเฟยผลักอาเซียงออกเบาๆ แล้วเอยว่า “ให้เขาเข้ามาเถิด”อาเซียงมองไปยังโต๊ะเซ่นไหว้และผลไม้ที่ตกกระจัดกระจาย กล่าวว่า “พระสนมเพคะ ต้องเก็บกวาดตรงนี้ก่อนหรือไม่เพคะ”“ไม่ต้อง ปล่อยไว้เช่นนี้แหละ” จีกุ้ยเฟยหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าปาก “ญาติผู้พี่ของข้าก็น่าขันนัก ตอนข้าเดือดร้อนขอความช่วยเหลือ เขาเอาแต่แกล้งโง่คอยปฏิเสธ…”อาเซียงสงสัย “ท่านอัครอัครเสนาบดียังไม่เข้ามา พระสนมทรงทราบได้อย่างไรหรือเพคะว่าเขาเกิดเร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 660

"แผนใดหรือ" อัครอัครเสนาบดีเอ่ยถามจีกุ้ยเฟยกล่าว "ผู้คนล้วนเชื่อว่าปีศาจน้อยนั้นคือภูตแปลงร่างมา ถือพลังจิตแห่งสวรรค์""ดังนั้นในวันพิธีบวงสรวงใหญ่ ให้ท่านทูลเกล้าขอให้เจียงเม่ยเอ๋อร์นำมันมา""เหตุใดกัน" อัครเสนาบดีไม่เข้าใจจีกุ้ยเฟยกล่าวเสียงเย็น "ท่านพี่ชาย ข้าจะบอกเจ้าตามตรง ปีศาจน้อยนั้นได้ตายไปแล้ว"อัครเสนาบดีลุกขึ้นด้วยความตกตะลึง "ตายเมื่อใด ท่านส่งคนไปจัดการหรือ""ข้าเคยพูดแล้วว่าการพึ่งพาผู้อื่นนั้นสู้พึ่งตนเองไม่ได้" จีกุ้ยเฟยจิบชาอย่างใจเย็น ก่อนกล่าวต่อว่า "เจียงเม่ยเอ๋อร์และฉู่เจวี๋ยฉลาดนัก พวกเขาหาเด็กทารกมาสวมรอยแทนปีศาจน้อย จึงไม่มีผู้ใดจับได้จนบัดนี้""ข้าเข้าใจแล้ว!" อัครเสนาบดีเดินไปมาในห้องด้วยความตื่นเต้น "ปีศาจน้อยตัวจริงสิ้นชีพไปแล้ว เจียงเม่ยเอ๋อร์กับฉู่เจวี๋ยย่อมนำมันมาไม่ได้ ผู้คนจะรับรู้ถึงความลับที่พวกเขาอำพรางไว้""เช่นนี้ ข้าสามารถกล่าวได้ว่า หิมะที่ไม่เป็นมงคลครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะการกระทำของเจียงเม่ยเอ๋อร์และฉู่เจวี๋ย" อัครเสนาบดีหัวเราะดังลั่น "ส่วนฉู่อี้ก็จะสามารถร่ายรำบวงสรวงอธิษฐาน ได้สำเร็จ ส่วนฉู่เจวี๋ยและเจียงเม่ยเอ๋อร์ จักต้องรับโทษฐาน
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
1
...
6465666768
...
70
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status