Lahat ng Kabanata ng พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี: Kabanata 1261 - Kabanata 1270

1440 Kabanata

บทที่ 1261

นางใจหวิววาบ ห้องหนังสือทั้งห้องเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตำราบนชั้นต่างร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย แท่นหมึกกลิ้งตกจากโต๊ะ ทิ้งรอยดำไว้บนพรมผืนงามเสียงครืนจากที่ไกลดังมาเป็นระลอก คล้ายฟ้าร้อง และก็เหมือนดั่ง... ภูเขาทรุดเฉียวเนี่ยนยึดขอบโต๊ะไว้เพื่อทรงตัว หัวใจเต้นระรัวไม่หยุดนางรู้ดี นี่คือกลไกที่เสิ่นม่อลงมือวางไว้แต่แรก เขาต้องการผนึกห้องลับนั้นตลอดกาล ไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนการหลับใหลชั่วนิรันดร์ของเขากับเหยาวั่งซูได้อีกแผ่นดินไหวสะเทือนอยู่ราวครึ่งชั่วยามจนเมื่อทุกสิ่งสงบลง เฉียวเนี่ยนจึงเดินโซเซออกจากห้องหนังสือ“ท่านเจ้าสำนัก!” มีคนรับใช้รีบวิ่งมาพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่รู้ด้วยเหตุใด เขาด้านหลังพังถล่มไปครึ่งหนึ่ง โชคดีที่บ่อน้ำพุโอสถยังอยู่ดีขอรับ”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนเผลอวิ่งไปเขาด้านหลังโดยไม่รู้ตัว มองเห็นเสิ่นเยว่ตั้งแต่ไกลนางสูดลมหายใจลึก เดินไปจนถึงข้างเสิ่นเยว่ ก็เห็นว่าที่เนินเขาเดิมกลับหายไป กลายเป็นแอ่งยุบขนาดใหญ่ ดินกับหินทับถมกันอยู่ก้นหลุม ราวกับมีมือยักษ์กดพื้นนั้นให้ทรุดลง“เมื่อก่อนท่านอาจารย์ห้ามข้ามิให้มาที่นี่เสมอ” เสียงของเสิ่นเยว่ดังแผ่วเ
Magbasa pa

บทที่ 1262

ณ แคว้นถังเมืองอวี๋โจวในฤดูใบไม้ร่วง มักมีฝนที่ตกอย่างกะทันหันและยืดยาวฉู่จืออี้ยืนอยู่ริมหน้าต่างชั้นสองของหอจุ้ยเซียน นิ้วเรียวยาวค่อยๆ แหวกมุมม่านไม้ไผ่ สายตาทอดมองผ่านม่านฝนออกไปยังถนนเบื้องล่างเขาสวมอาภรณ์ยาวสีน้ำเงินคราม ที่เอวห้อยจี้หยกเก่ารูปทรงเรียบง่าย มองแวบแรกดูไม่ต่างจากพ่อค้าทั่วไป มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่คมกริบดั่งเหยี่ยวเท่านั้น ที่เผยให้เห็นถึงบรรยากาศอันไม่ธรรมดา“ท่านลูกค้า ชาของท่านขอรับ” เด็กรับใช้วางถ้วยชาที่มีไอร้อนลอยกรุ่นลงอย่างแผ่วเบา แล้วถอยออกไปโดยไม่ส่งเสียงฉู่จืออี้ไม่หันกลับ เพียงพยักหน้าเล็กน้อยท่ามกลางกลิ่นชาหอมกรุ่น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังมาจากทางบันได ทุกย่างก้าวราวกับพยายามควบคุมแรงไว้ แต่ก็ยังแฝงความปวดร้าวบางอย่างไว้ในนั้นประตูถูกผลักออก ชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งก้าวเข้ามาเขาสวมเสื้อฟางกันฝน หมวกงอบกดต่ำจนแทบมองไม่เห็นหน้า หยาดน้ำฝนหยดจากชายเสื้อกันฝนลงพื้น ทิ้งรอยเปียกเป็นวงเข้มฉู่จืออี้หันกาย ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางผู้มาเยือนเอาหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลเป็นเจ้าสิบนั่นเอง“พี่ใหญ่” เสียงเจ้าสิบแหบต่ำ เต็มไปด้วยคว
Magbasa pa

บทที่ 1263

ลมกรรโชกนอกห้องแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบกับขอบหน้าต่างอันบางเบาฉู่จืออี้ทอดสายตาลงยังแผงอกของเจ้าสิบ “ข้าดูแผลเจ้าหน่อย”เจ้าสิบหน้าซีดลงเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะคลายเสื้อออก เผยให้เห็นผ้าพันแผลสีขาวที่ถูกเลือดสดซึมจนแดงไปทั้งผืน“หนึ่งเดือนก่อน ข้าถูกลอบโจมตีตอนสืบหาที่ที่เจ้าสามปรากฏตัวครั้งสุดท้าย” เจ้าสิบกัดฟันแกะผ้าพันแผลออก เผยให้เห็นบาดแผลอันเหี้ยมโหดที่ลากจากกระดูกไหปลาร้าถึงซี่โครง เนื้อหนังแหวกแยกยังไม่สมานดี “อีกฝ่ายลงมืออำมหิตนัก ทุกกระบวนท่าล้วนหมายเอาชีวิต หากมิใช่เพราะคืนนั้นฝนตกถนนลื่น ข้าคงไม่พลัดตกน้ำจนรอดมาได้...”ฉู่จืออี้จ้องมองบาดแผลนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเริ่มเย็นชา “แนวคมดาบเฉียงขึ้น เป็นคนถนัดซ้าย เจ้าพอมองเห็นหน้ามันหรือไม่?”“ไม่เห็นขอรับ” เจ้าสิบขมวดคิ้ว “ฟ้ามืด พวกมันสวมชุดพรางยามราตรี มีกันอย่างน้อยสิบคน ฝึกฝนมาดี ทำงานสอดประสานกัน ไม่ใช่โจรภูเขาธรรมดา”ฉู่จืออี้หยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นจิบหนึ่งคำ แล้วเอ่ยต่อ “ทางเซียวเหิงเป็นเช่นไร?”“ข่าวคราวสุดท้ายจากเซียวเหิงก็เมื่อห้าเดือนก่อน เขาบอกว่าจะติดตามองค์ชายสองแห่งแคว้นถังไปล่าสัตว์ที่แดนเหนือ” เจ้าสิบ
Magbasa pa

บทที่ 1264

ในที่สุดฉู่จืออี้ก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีนัยยะ "เจ้าแค่ไปเคาะประตูเสีย"เด็กรับใช้เดินออกไปด้วยความงุนงงเจ้าสิบทำหน้าฉงน "พี่ใหญ่ ข้างห้องคือ?"ฉู่จืออี้ไม่ตอบ รินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก เหล้าในจอกกระเพื่อมเป็นระลอกสะท้อนดวงตาลึกล้ำของเขาบริเวณบันไดมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น หากไม่ตั้งใจฟังก็แทบจะถูกเสียงเอะอะด้านล่างกลบจนหมดปลายนิ้วของฉู่จืออี้หยุดอยู่ตรงขอบจอกชั่วขณะ แล้วก็เคาะต่อไปอย่างมีจังหวะเสียง "เอี๊ยด" ดังขึ้น ประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดออกร่างหนึ่งในเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีขาวยืนอยู่หน้าประตู ยืนต้านแสงจนมองไม่เห็นใบหน้า เห็นเพียงเหรียญเหล็กนิลที่เอวสะท้อนแสงเย็นวาบในแสงโคม"ท่านอ๋อง" น้ำเสียงของผู้มาเยือนเย็นเยียบดุจน้ำแข็งแตกกระทบกัน "ไม่ได้พบกันเสียนานเลยขอรับ"ฉู่จืออี้เหลือบตามองออกไป ก็เห็นว่าเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลมู่ มู่ซ่างเสวี่ยทันใดนั้นจึงผายมือเชิญให้นั่ง "คุณชายใหญ่มู่มาด้วยตนเอง ข้าน้อยฉู่รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก"มู่ซ่างเสวี่ยยังไม่ได้นั่งลงทันที แต่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ มองฉู่จืออี้จากที่สูง "เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไร?""ตั้งแต่ข้ากับเจ้าสิบก้าวเข้
Magbasa pa

บทที่ 1265

ฉู่จืออี้แววตาสว่างวาบขึ้นมาที่ซ่อนของเจ้าสิบถูกอีกฝ่ายรู้ตำแหน่งอยู่แล้ว!ไม่อาจมองข้ามตระกูลมู่ได้เลยจริงๆ"เช่นนั้นที่คุณชายใหญ่มู่มาวันนี้ มีเรื่องอันใด?" เสียงของฉู่จืออี้อ่อนลงเล็กน้อย แต่ยังคงแฝงด้วยความระแวดระวังมู่ซ่างเสวี่ยเก็บผ้าไหมกลับเข้าแขนเสื้อ "พาท่านอ๋องเข้าสู่เมืองหลวง""อ้อ?" ฉู่จืออี้เลิกคิ้ว "ในฐานะนักโทษงั้นหรือ?""ในฐานะแขก" มู่ซ่างเสวี่ยแก้ "ท่านเจ้าตระกูลอยากพบท่าน"สิ้นเสียงนั้น ก็ได้ยินเจ้าสิบเอ่ยอย่างร้อนรน “พี่ใหญ่ ไปไม่ได้นะขอรับ!”ตระกูลมู่มีอำนาจล้นฟ้าในแคว้นถัง หากฉู่จืออี้ตามมู่ซ่างเสวี่ยเข้าเมืองหลวงไป ก็ไม่ต่างอะไรกับเดินเข้าสู่ถ้ำเสือ!แต่ฉู่จืออี้ต้องไปในเมื่อพวกพ้องของเขาทุกคนอยู่ในเงื้อมมือตระกูลมู่ เช่นนั้นแม้ในเมืองหลวงของแคว้นถังจะเต็มไปด้วยคมดาบเพลิงไฟรออยู่ เขาก็ต้องไป!ดังนั้น เขาจึงมองมู่ซ่างเสวี่ยแล้วกล่าวเสียงทุ้ม “ข้าต้องแน่ใจว่าเจ้าสิบจะกลับไปถึงเมืองอู้โดยปลอดภัย”“พี่ใหญ่!” เจ้าสิบอุทาน “ข้าไม่ไป!”ฉู่จืออี้ขมวดคิ้ว มองเขา “เจ้าไม่ไป แล้วใครจะส่งข่าวให้ข้า?”องครักษ์พยัคฆ์ไม่อาจพินาศทั้งหมดในแคว้นถังได้เจ้าสิบอ้าปา
Magbasa pa

บทที่ 1266

ครึ่งเดือนต่อมาฤดูหนาวของแคว้นถังมาถึงเร็วกว่าของแคว้นจิ้งเล็กน้อยเมื่อคืนเมืองอวี๋โจวมีหิมะตกโปรยปรายตลอดทั้งคืน ราวกับตั้งใจจะกลบเมืองทั้งเมืองให้จมหายไปใต้หิมะสีขาวนั้นฉู่จืออี้ยืนอยู่ริมหน้าต่างของโรงแรม มือคีบจดหมายที่เพิ่งได้รับจากนกพิราบสื่อสารลายมือบนกระดาษนั้น เขาคุ้นเคยยิ่งกว่าใคร เป็นลายมือของเจ้าสิบปลายนิ้วเขาลูบไปตามขอบกระดาษเพื่อยืนยันรอยสัญลักษณ์ลับที่แทบมองไม่เห็นดูท่า เจ้าสิบคงปลอดภัยจริงๆ แล้วด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น มู่ซ่างเสวี่ยในอาภรณ์ไหมสีน้ำเงินเข้มก้าวเข้ามาในห้อง ป้ายเหล็กนิลที่คาดเอวแกว่งเบาๆ ตามจังหวะก้าว “ท่านอ๋องวางใจได้ เดินทางเข้าเมืองหลวงกับข้าเถอะ”ฉู่จืออี้จุดไฟเผาจดหมายในมือ มองมันกลายเป็นขี้เถ้า “คุณชายมู่รักษาคำสัญญาดีจริง”“ตระกูลมู่ของเรามีวาจาเป็นสัญญาเสมอ” มู่ซ่างเสวี่ยยืนอยู่ตรงประตู แสงอาทิตย์สาดจากด้านหลังเขาทอดเงายาวลงบนพื้น “รถม้าเตรียมพร้อมแล้ว ท่านอ๋องจะออกเดินทางเมื่อใดก็ได้”ฉู่จืออี้ยกห่อสัมภาระที่เก็บไว้เรียบร้อยขึ้น สายตาเข้มขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”นอกโรงแรม เหล่าองครักษ์ชุดหนึ่งยืน
Magbasa pa

บทที่ 1267

คืนนี้ เกรงว่าจะไม่สงบแล้วยามดึกสงัด สถานีพักม้าทั้งแห่งจมอยู่ในความเงียบงันฉู่จืออี้นอนบนเตียงโดยยังไม่ถอดเสื้อผ้า ข้างมือวางดาบสั้นที่ชักออกจากฝักแล้วแสงจันทร์ลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้ สาดเงาระยับลงบนพื้นทันใดนั้น เสียง "แคร้ก" เบาๆ ดังขึ้นจากบนหลังคา คล้ายกระเบื้องที่ถูกเหยียบฉู่จืออี้ลืมตาขึ้นทันที กลั้นลมหายใจ พลิกตัวลงจากเตียงอย่างไร้เสียงขณะเดียวกัน ห้องของมู่ซ่างเสวี่ยที่อยู่ติดกันดังเสียงทึบขึ้นหนึ่งครั้ง แล้วตามด้วยเสียงการต่อสู้!ฉู่จืออี้ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พุ่งออกจากห้องถีบประตูห้องมู่ซ่างเสวี่ยเปิดออกทันทีในห้อง มีชายชุดดำสามคนกำลังรุมโจมตีมู่ซ่างเสวี่ย หนึ่งในนั้นฟันดาบยาวเฉียดแขนเสื้อของมู่ซ่างเสวี่ยจนขาด เลือดสดไหลรินลงตามแขนฉู่จืออี้พุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดั่งสายฟ้าฟาดแทงเข้าหานักลอบสังหารที่อยู่ใกล้ที่สุดนักลอบสังหารคนนั้นตอบสนองไว หมุนตัวขึ้นมาป้องกัน แต่ไม่ทันเห็นว่าดาบของฉู่จืออี้เปลี่ยนทิศกลางคัน แทงทะลุคออีกคนที่แอบจู่โจมอยู่ด้านข้างเลือดพุ่งกระเซ็นเปื้อนกระดาษหน้าต่าง ราวดอกเหมยสีแดงผลิบานมู่ซ่างเสวี่ยฉวยโอกาสตอบโต้ ดาบอ่อนในมือพลิ้วดั่งงู
Magbasa pa

บทที่ 1268

สำหรับคำพูดของมู่ซ่างเสวี่ย ฉู่จืออี้ไม่ได้ใส่ใจมากนักในสายตาของเขา คนตระกูลมู่ไม่น่าไว้วางใจ รวมถึงมู่ซ่างเสวี่ยด้วยท้ายที่สุดแล้ว ตอนนั้นเซียวเหิงก็จากไปพร้อมกับคนตระกูลมู่ แต่ตอนนี้กลับโยนความผิดทั้งหมดให้แก่องค์ชายสอง เรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดนี้จะมีความลับมากน้อยเพียงใด ยังไม่อาจทราบได้ศพสองร่างในห้องถูกยกออกไปแล้ว คราบเลือดก็ถูกเช็ดจนสะอาด แต่ในอากาศยังคงอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดจางๆทุกหยาดทุกหยด ล้วนกระตุ้นประสาทของฉู่จืออี้อย่างรุนแรงฉู่จืออี้เก็บซ่อนความเย็นชาในดวงตา หันไปทางมู่ซ่างเสวี่ย แล้วเอ่ยว่า “คุณชายใหญ่พักผ่อนเถิด คืนนี้เหล่านักลอบสังหารคงไม่กลับมาอีกแล้ว”มู่ซ่างเสวี่ยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ขอบคุณฉู่จืออี้อีกครั้ง “เรื่องคืนนี้ ขอบคุณท่านอ๋องมาก”ฉู่จืออี้แย้มยิ้มมุมปาก แล้วหมุนกายกลับเข้าห้องของตนไปรุ่งขึ้นขบวนออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่เห็นได้ชัดว่าภายในแถวมีคนหายไปหลายคน เป็นพวกที่ออกไปตามล่านักลอบสังหารเมื่อคืนคงไปแล้วไปลับสินะ?ดวงตาของฉู่จืออี้มืดครึ้ม แต่เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ขึ้นรถม้าตามเดิมขณะเดียวกัน ที่เมืองอู้ในแคว้นจิ้ง ฝนโปรยปราย
Magbasa pa

บทที่ 1269

รู้ว่าพี่สิบเป็นห่วงตนเอง รอยยิ้มบนใบหน้าเฉียวเนี่ยนก็เข้มขึ้นเล็กน้อย “พี่สิบวางใจเถอะ บัดนี้ข้าคือเจ้าสำนักราชาโอสถ”ได้ยินดังนั้น พี่สิบยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไปเขาจ้องเฉียวเนี่ยนอยู่ตรงนั้นอย่างเหม่อลอยพักใหญ่จึงค่อยเอ่ย “จะ เจ้าว่าอะไรนะ? จะ เจ้าบอกว่าเป็นเจ้าสำนักราชาโอสถ?”“อืม” เฉียวเนี่ยนพยักหน้าหงึกๆ “ตอนนี้ข้าเก่งมากเลย ทั้งวิชาแพทย์ก็เก่ง ทั้งการถอนพิษก็เก่ง หากข้าไปแคว้นถัง ก็ต้องช่วยพี่ใหญ่ได้แน่!”พี่สิบมองเฉียวเนี่ยนอยู่พักหนึ่ง กว่าปฏิกิริยาจะตามทันก็เหมือนจะเข้าใจในความหมายของนางในที่สุดแต่ก็ยังโบกมือ “ไม่ได้! ไปไม่ได้!”“พี่สิบ!”“ไม่มีการต่อรอง!” พี่สิบขมวดคิ้วแน่น “ต่อให้วิชาแพทย์เจ้าเก่ง การถอนพิษก็เก่ง แล้วจะมีประโยชน์อะไร? หากถูกคนตระกูลมู่จับตัวไป เจ้าคิดบ้างไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น? พวกมันอยากให้เจ้าไปหาสมบัติ จะให้หาอย่างไร? ใช้เนื้อเจ้าหรือใช้เลือดเจ้า?”ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเฉียวเนี่ยนก็เปลี่ยนสีโดยไม่รู้ตัวนางนึกถึงท่านย่าทวดเหยาวั่งซู และก็นึกถึงท่านอาจารย์เสิ่นม่อด้วยแต่พี่สิบยังคงยืนกราน “บอกความจริงให้เจ้ารู้เลยแล้วกัน! ที่พี่ใหญ่ให้ข้าอยู่เมือ
Magbasa pa

บทที่ 1270

พี่สิบไปที่ครัว เตรียมกับข้าวทั้งเนื้อและผักให้เฉียวเนี่ยนเขาถืออาหารมาถึงหน้าห้องของเฉียวเนี่ยน อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแม้จะเป็นเพราะไม่มีทางเลือก แต่ที่เขากักขังเฉียวเนี่ยนไว้โดยพลการ ก็นับว่าไม่สมควรอยู่บ้างดังนั้น เสียงที่เอ่ยออกมาจึงแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนอย่างประหลาด “เนี่ยนเนี่ยน พี่สิบทำอาหารให้เจ้าด้วยนะ ลองชิมดูสิ”ภายในห้องไม่มีเสียงตอบรับพี่สิบคิดว่าแน่ล่ะ เฉียวเนี่ยนต้องกำลังโกรธเป็นแน่ จึงยกมือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่มาเปิดประตูเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ตรงโต๊ะในมือถือถ้วยชา สีหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะมองพี่สิบสักนิดท่าทางเช่นนี้ ชัดเจนว่าโกรธแน่ๆพี่สิบก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดอยู่บ้าง ยิ้มออกมา “ฝีมือพี่สิบนี่ถึงกับทำให้พี่สะใภ้สิบชมไม่หยุดเลยนะ มา ลองชิมหน่อย”พูดไปพลาง เดินเข้าไปในห้องไปด้วยทว่าไม่ทันคาดคิด กลับมีฝุ่นร่วงลงมาจากคานไม้เก่าด้านบนกะทันหันร่างหนึ่งในเงามืดบนคาน ดำหม่นราวปีศาจไร้น้ำหนัก พุ่งทะยานลงมาโดยไร้สัญญาณ!ความเร็วของการเคลื่อนไหวทิ้งไว้เพียงเงาเลือนลาง พร้อมกลิ่นหอมของสมุนไพรที่แปลกประหลาดและรุนแรง ปั่นป่วนอากาศในห้องที่ไม่ได้รับก
Magbasa pa
PREV
1
...
125126127128129
...
144
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status