ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา의 모든 챕터: 챕터 461 - 챕터 470

478 챕터

บทที่ 461  

เซี่ยซางเขี่ยปลายจมูกของนางเบา ๆ “มารดาของพวกเขาช่างมีความรู้กว้างขวางนัก แม้ตั้งครรภ์พวกเขาแต่ก็ยังชอบอ่านตำราประจำ หลังจากนี้จะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนจนพวกเขาได้เป็นจอหงวนแน่” “หม่อมฉันศึกษาเองคงพอทำเนา แต่ให้สอนบุตรด้วยหม่อมฉันสอนไม่ได้เพคะ เช่นนี้จะทำอย่างไรดีเพคะ? มิสู้ให้ท่านพี่สอนเองเป็นอย่างไรเพคะ หม่อมฉันขอรับหน้าที่แค่ให้กำเนิดก็พอ ส่วนพวกเขาให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่แล้วกันเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกะพริบตาอย่างแสดงความฉลาด เซี่ยซางเองก็คิดจะปัดความรับผิดชอบเหมือนกัน “บัณฑิตส่วนมากที่สอบได้ในปีนี้ล้วนแต่เป็นศิษย์ของพ่อตาทั้งสิ้น ความสามารถในการให้วิชาความรู้สั่งสอนศิษย์ย่อมไม่มีผู้ใดกังขา ไม่สู้พวกเราฝากพวกเขาให้พ่อตาเป็นผู้อบรมสั่งสอนวิชาความรู้เป็นอย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มกว้าง “ความคิดนี้ดีเพคะ อีกทั้งยังต้องหาท่านอาจารย์เก่งๆ สักคนมาสอนวิชาต่อสู้ให้เขา ร่างกายจะได้แข็งแรง หากว่าให้กำเนิดเป็นบุตรี ข้าจะสอนนางร่ายรำด้วยตัวเอง นักสังคีตและนางรำในวังยากจะอธิบายด้วยคำพูดสั้น ๆ …” สองสามีภรรยาหารือกันแล้วว่าจะดูแลเจ้าตัวน้อยที่ยังไม่เกิดออกมาอย่างไร เจียงเฟิ่งหัวเองก็เคยคิดเอาไว้แ
더 보기

บทที่ 462  

แท้ที่จริงจางอวี่มั่วอยากเรียนทำอาหารจานโปรดของเจียงจิ่นเหยียนไว้ต่างหาก เจียงเฟิ่งหัวตักน้ำแกงให้เจียงจิ่นเหยียนและเซี่ยซางคนละถ้วย “กินข้าวก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันเถิด!” “หรวนหร่วน เจ้าคิดเห็นเช่นไรหรือ?” เซี่ยซางเป็นฝ่ายถามนางขึ้นมาก่อน คล้ายว่ากำลังหยั่งเชิงความคิดเห็นของนางต่อเซียวอวี้ เจียงเฟิ่งหัวเอ่ย “ข้ากำลังคิดถึงหวังชิง ชื่อของคนผู้นี้คล้ายติดอยู่ในความทรงจำ” เจียงจิ่นเหยียนถามขึ้น “เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร” เจียงเฟิ่งหัวเผยรอยยิ้มสบายใจให้พวกเขา “ข้าไม่รู้จักเขา และไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็คงไม่รู้ว่ามีข้าผู้นี้อยู่ด้วย ข้าจำได้ว่าเมื่อสามปีก่อนมีบัณฑิตจำนวนมากมายอยากฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านพ่อ ทว่าท่านพ่อเองก็ใช่ว่าจะรับทุกคนเป็นศิษย์ สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญก็คือคุณธรรมความประพฤติ และหวังชิงผู้นี้ก็เหมือนกับศิษย์คนอื่น ๆ ที่อยากให้ท่านพ่อเป็นท่านอาจารย์ของเขา” “พื้นเพของหวังชิงทำการค้าขาย ร่ำรวยอู้ฟู่ ดังนั้นเขาจึงยกหีบเงินทองสองหีบมาถึงจวนสกุลเจียง ทว่ากลับถูกท่านพ่อปฏิเสธไป แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดึงดัน ไม่รับเขาเป็นศิษย์ เขาก็ไม่ไป จนพวกข้าไป
더 보기

บทที่ 463  

เวลานี้ เห็นเพียงแววตาของเจียงเฟิ่งหัวดูอบอุ่นอ่อนโยนลงมาก ดวงหน้างดงามเพริศพริ้งดุจบุปผา นางเอื้อนเอ่ยคำชมหวานหูออกมา “ฝ่าบาททรงมีพระปรีชาสามารถองอาจห้าวหาญ เพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญ กุมอำนาจทั่วใต้ผืนฟ้า สูงส่งเหนือผู้ใด โจรใจทรามไหนเลยจะหลอกลวงได้ง่าย ๆ องค์รัชทายาทของพวกเรา เปี่ยมล้นด้วยสติปัญญา ดุจสายธารดาราอันพร่างพราว กว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด เปล่งประกายทั่วใต้หล้า รัชทายาทไหนเลยจะปล่อยให้คนชั่วช้าสามานย์ได้อำนาจลอยนวลไป” กล่าวอีกนัยหนึ่งหากชาติก่อนสกุลเจียงประสบปัญหาเช่นนี้ ต่อให้เจียงเฟิ่งหัวจะพยายามพูดเพียงใดล้วนไม่เป็นประโยชน์ สกุลเจียงต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่มีทางจะพลิกฟื้นกลับมาสู่จุดเดิมได้อย่างแน่นอน ชาตินี้นางได้ครองตำแหน่งชายารัชทายาทอย่างมั่นคงแล้ว ได้รับความไว้วางพระทัยจากทั้งฝ่าบาทและองค์รัชทายาท เสียงกระซิบข้างหมอนของนางมิได้เป็นเพียงลมล่องลอยสูญเปล่า เมื่อมีอำนาจถึงจะมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจา บัดนี้นางมีสิทธิ์ในการเอ่ยวาจาแล้ว สิ่งนี้คือความเป็นไปของโลก ได้ฟังวาจาของเจียงเฟิ่งหัว มุมปากของเซี่ยซางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยคำชื่นช
더 보기

บทที่ 464  

ท้องของนางใหญ่มากแล้วจึงได้แต่นอนตะแคง และยังจำเป็นต้องหนุนหมอนอีกใบที่หลัง มิเช่นนั้นแล้วนางจะนอนไม่สบาย นางลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขาใกล้กันเพียงคืบ นางเลื่อนปลายนิ้วไล้ไปบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่ ท่านจำได้หรือไม่ว่านับแต่ครั้งล่าสุดพวกเราไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้มานานกี่วันแล้ว” “กี่วันหรือ?” เขาถาม “คงหกเจ็ดได้แล้วกระมัง!” “สิบสี่วันแล้วเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวบอกจำนวนให้เขาฟัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “วันนี้หากท่านไม่กลับมา พวกเราก็มิได้พบหน้ากันครึ่งเดือนเต็มแล้วนะเพคะ หม่อมฉันนับวันรอจะได้พบท่าน เหมือนกับตอนที่ท่านไปทำศึกครานั้นหม่อมฉันก็ได้แต่เฝ้าคิดว่าสามีของหม่อมฉันจะกลับมาเมื่อใด” “นานเพียงนี้เชียวหรือ? วันเวลาผ่านไปรวดเร็วปานนี้เชียว? หรวนหร่วน ข้าเย็นชากับเจ้าแล้ว ตอนแรกเจ้าตั้งครรภ์ข้าก็มิได้อยู่ข้างกายเจ้า บัดนี้จวนจะคลอดเต็มทีแล้ว ข้าก็ยังมิได้อยู่เคียงกายเจ้าเลย เจ้าตัวคนเดียวลำพังคงลำบากมากแน่” เขาทอดกายนอนข้างเจียงเฟิ่งหัวและหันหน้ามาทางนาง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในวังหลวงให้ฟัง คล้ายกำลังอธิบาย “ข้าชุลมุนจนหัวหมุนแล้ว ไปถึงตำหนักไท่หัวข้าก็ยังปรับตัวไม่ค่
더 보기

บทที่ 465

วันต่อมาขณะประชุมสภาขุนนางยามเช้า พานไท่ฟู่มาถึงพระตำหนักจินหลวนด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวาย ประสิทธิภาพการทำงานของเขารวดเร็วฉับไว ขณะเดียวกันก็นำคำให้การของหวังชิงมาด้วยพานไท่ฟู่ทำความเคารพด้วยความนบนอบ “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”“ไท่ฟู่เชิญลุกขึ้นเถิด ท่านผู้เฒ่ามีเหตุอันใดจึงเข้าวังมาหรือ เฉาเต๋อเจ้ารีบไปหาที่นั่งให้พานไท่ฟู่เร็วเข้า” ฝ่าบาททรงรับสั่งด้วยเสียงเคร่งขรึม“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมเข้าวังมาก็เพื่อจะกราบทูลฝ่าบาทถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามสอบเคอจวี่ปีนี้พ่ะย่ะค่ะ” พานไท่ฟู่แม้อายุมากแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรงดี หัวหน้าขันทีเฉาย้ายเก้าอี้นุ่มมาให้แต่กระนั้นเขาก็มิได้ถือดีว่าตนเองอาวุโสและนั่งลงไปจริง ๆ เพียงแต่ค่อย ๆ เริ่มบรรยายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามสอบเมื่อวานให้อีกฝ่ายรับฟังอย่างละเอียดพวกเขาไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ลากตัวคนที่กองบัญชาการปัญจทิศรักษานครจับกุมได้เมื่อวานเข้ามาสอบปากคำทันที หนึ่งในนั้นได้กล่าวหาว่าผู้เข้าสอบนามว่าหวังชิงกระทำการทุจริตขณะสอบ กระทั่งพานไท่ฟู่ไปตรวจสอบถึงในเรือนของหวังชิงด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าเขายังมิได้ทำการสอบสวน
더 보기

บทที่ 466

“เฮ้อ ก็ใครขอให้ฝ่ายนั้นเขามีบุตรีงดงามถึงขั้นได้เกาะบารมีรัชทายาทกันเล่า ครอบครัวพวกข้าไม่มีธิดาสักคน ชาตินี้อย่าได้วาดหวังว่าจะมีโอกาสงาม ๆ เช่นนี้เลย”“จากบัณฑิตธรรมดาคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในกรมคลัง แม้ตำแหน่งเขาจะยังไม่โดดเด่น ทว่าการใช้เส้นสายของเขากลับแย่งอาชีพทำมาหากินของคนอีกจำนวนไม่น้อยไป ตำแหน่งนี้รัชทายาทยังจัดสรรให้เขาตั้งแต่สมัยยังเป็นเหิงอ๋องด้วย”“แล้วต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมคลัง และเป็นเพราะรัชทายาทเป็นคนเรียกตัวเขาไปร่วมศึก แค่ออกรบศึกเดียวสุดท้ายก็ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์เป็นโหวเจวี๋ยอย่างก้าวกระโดด หากมิได้เกาะชายกระโปรงอาศัยบารมีของน้องสาวคนอย่างเขาหรือจะก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ได้”“หากต้องอาศัยเพียงความรู้ความสามารถที่แท้จริงของเขาสอบเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักจริง เกรงจะยากกว่าการขึ้นสวรรค์เสียอีก”เพียงชั่วข้ามคืนคุณชายอันดับหนึ่งที่เคยมีพรสวรรค์สูงล้ำโดดเด่นกลับกลายเป็นคนเล่นเส้นสาย เป็นบุรุษที่อาศัยสตรีเลี้ยงดูในปากของคนอื่นไปแล้ว ไม่ต้องบอกว่าน่าอดสูเพียงใดครั้งนี้เขาสอบได้ที่สอง ทุกคนต่างก็เริ่มขยี้ตาแล้วมองเ
더 보기

บทที่ 467  

ฝ่าบาทพลิกอ่านคำให้การ และเมื่ออ่านจบ เขาแทบจะบันดาลโทสะทันที เอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “หน่วยราชองครักษ์ฟังคำสั่ง รีบไปค้นจวนสกุลเจียงหาเงินสกปรกให้พบ จับกุมเจียงหวยมาดำเนินคดี เราจะเป็นผู้ไต่สวนเขาด้วยตนเอง” ในคำให้การยังระบุไว้ว่าเจียงหวยแอบดูหัวข้อแบบทดสอบจากห้องทรงพระอักษรของฝ่าบาท เพราะหวังชิงไม่กล้ามั่นใจว่าข้อสอบนั้นเป็นจริงหรือเท็จ ดังนั้นเจียงหวยจึงอ้างว่าเห็นมาจากฝ่าบาทกับตาตนเอง เหตุนี้หวังชิงถึงได้วางใจ และท่องจำบทความจากนอกวังจนขึ้นใจ จากนั้นค่อยเข้ามาในสนามสอบเขียนคำตอบที่จำได้ออกมาตรง ๆ เช่นนี้จึงไม่ถูกจับได้ว่าทุจริตการสอบ คำให้การของหวังชิงที่พานไท่ฟู่เป็นคนไปสอบสวนมานั้นถือเป็นความลับระดับสูง เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องสำคัญ ไม่มีผู้ใดรู้ล่วงหน้า ทว่าเจียงเฟิ่งหัวอาศัยตรรกะและเหตุผลวิเคราะห์ออกมาเป็นคำให้การของพานไท่ฟู่ได้อย่างแม่นยำ ฮ่องเต้แอบคิดในใจ ‘เป็นความจริงที่ช่วงเวลานั้นเราได้เชิญเจียงหวยเข้าวังมาพูดคุยคลายความกลัดกลุ้มอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังชวนเล่นหมากล้อม ถึงขั้นสนทนาแลกเปลี่ยนวิชาความรู้ด้วยซ้ำ หากว่าเจียงหวยไม่ได้แอบเข้าไปดู ก็หมายความว่ามีคนอื่นเข้าไปอ่
더 보기

บทที่ 468  

เสี้ยวพริบตาทำเฉาเต๋อถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่ถามสักคำด้วยซ้ำว่าเหตุใดฝ่าบาทจะพิโรธ เขาให้กำเนิดบุตรธิดาที่ฉลาดปราดเปรื่องเหมือนชายารัชทายาทและอู่อันโหวได้อย่างไรกัน ได้ยินหัวหน้าขันทีเฉาแผดเสียงแหลม ๆ กล่าวทูลรายงานอยู่นอกพระตำหนัก “ทูลฝ่าบาท บัดนี้เจียงไท่ฟู่มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ให้เขาเข้ามา” ฮ่องเต้ตะคอกด้วยเสียงแข็งกร้าว เวลานั้น เห็นเพียงเจียงหวยสวมชุดขุนนางเดินเข้ามาอย่างเนิบช้า ในมือยังคงอุ้มตำราตั้งหนึ่งไว้พลางคุกเข่าลงทำความเคารพต่อฮ่องเต้ผู้อยู่เบื้องบนอย่างเคารพนบนอบ “กระหม่อมถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” พอคิดได้ว่าฝ่าบาทกำลังขุ่นเคืองพระทัย เขาก็ได้แต่ก้มตัวลงไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมา ฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขา ก็คิดในใจ คนอย่างเขาหรือจะกล้าแอบเอาข้อสอบจากห้องทรงพระอักษรออกไปขายรับเงินสินบนอย่างไม่สุจริต? เจียงหวยเห็นฝ่าบาททรงล่าช้าไม่ให้เขาลุกขึ้นเสียที ก็ได้แต่คุกเข่าต่อไปอย่างเคารพยำเกรง “เจียงหวย เจ้าย่อมรู้ว่าเราเรียกเจ้ามาเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอันใด?” ฝ่าบาทตรัสขึ้นก่อน “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” เจียงหวยตอบอย่างสัตย์จริง ฝ่าบาทเขวี้ยงม้วนคำให
더 보기

บทที่ 469  

“เจ้าก็ยังรู้จักเรียกร้องความยุติธรรม เราให้ความยุติกับศิษย์ของเจ้า แล้วความยุติธรรมของบัณฑิตอีกนับหมื่นนับพันทั่วใต้หล้าเล่าจะไปเรียกร้องจากผู้ใด เสาหลักของแผ่นดินที่อาศัยการขโมยมาเช่นนี้ เราจะเอามาใช้ประโยชน์อันใดหรือ” เจียงหวยรู้สึกอยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูง เป็นแค่ราชครูตัวเล็กๆ ในสำนักศึกษาหลวงก็ดีกว่าตั้งมากมายแล้ว อยู่อย่างไร้ความทะเยอทะยานก็ไม่ถูกผู้ใดคิดอาฆาตแล้ว เขาเอ่ย “กระหม่อมถูกใส่ความพ่ะย่ะค่ะ!” ในตอนนี้เอง หน่วยราชองครักษ์ก็รื้อค้นจนพบเงินที่หวังชิงกล่าวถึงจากจวนสกุลเจียงแล้ว “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมตรวจสอบจนเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ไปนำเข้ามา” ฝ่าบาทแอบคิดในใจ ‘มีเงินสกปรกอยู่จริงด้วย เช่นนี้คงปฏิเสธไม่ได้แล้วจริง ๆ’ เห็นเพียงผู้บังคับการซางนำหีบห่อจำนวนหลายชิ้นที่ยังไม่ได้เปิดออกมาวางเรียงไว้ตรงกลางท้องพระโรง ฝ่าบาทตรัสถาม “ของพวกนี้คืออะไร?” “เป็นเงินสินบนที่กระหม่อมยึดมาจากคลังของจวนสกุลเจียงพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงโปรดทอดพระเนตร” ผู้บังคับการซางเปิดหีบใบหนึ่งออกด้วยตนเอง เห็นเพียงว่าด้านในเต็มไปด้วยเงินทอง มันถูกวางเร
더 보기

บทที่ 470  

เจียงจิ่นเหยียนแม้ว่าทำการค้าด้านนอกด้วย แต่เขาก็ไม่เคยขนเงินเข้าเรือนเลยสักครั้ง เขากับหรวนหร่วนมีฐานลับแห่งหนึ่ง ซ่อนไว้ไกลแสนไกล เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนล่วงรู้ ทันใดนั้นเองเจียงหวยก็พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ทว่าตำราหมากรุกเล่นนี้กระหม่อมรู้ว่าเป็นของผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” ผู้บังคับการซางเอ่ย “มิใช่ของลูกศิษย์ที่ติดสินบนเจียงไท่ฟู่หรือ?” “สิ่งนี้เป็นตำราหมากรุกของเจียงเฟิ่งหัวบุตรีคนที่สามของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ จะเป็นของที่ลูกศิษย์ส่งมาได้อย่างไร ผู้บังคับการซางได้มาจากที่ใดหรือ ตำราเล่มนี้หรวนหร่วนของพวกเราหวงแหนยิ่งนัก ตอนออกเรือนก็เอาไปพร้อมสินเดิมติดตัวไปด้วย จะอยู่ในคลังของจวนสกุลเจียงได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังใส่เอาไว้ในกล่องของขวัญอีก” ฝ่าบาทพลิกอ่านตำราหมากรุกก็เผลอหลุดลอยเข้าสู่ห้วงภวังค์ พลางพึมพำกับตนเอง “มิน่าฝีมือการเดินหมากของนางถึงได้ปราดเปรื่องเพียงนี้ แม้แต่เรายังมิใช่คู่ต่อกรของนาง ที่แท้ก็เป็นเพราะแบบนี้เองหรือ” ทุกคนต่างงงงวยในศีรษะเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะดูจากสีหน้าของเจียงหวยแล้ว เขาดูไม่คล้ายว่ากำลังพูดโกหก “เจียงไท่ฟู่ ท่านอย่าเปลี่ยนเรื่องเลยดีกว่า ในเมื่อค้น
더 보기
이전
1
...
434445464748
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status