All Chapters of ระบบของผู้เกิดใหม่: Chapter 21 - Chapter 30

หม่าชิงหลิน หรือ ท่านหญิงแห่งแคว้นไป๋ ผู้ฝึกตนอัจฉริยะที่มีอายุเพียง 17 ปี แต่ก็อยู่ในขั้นสร้างรากฐานขั้นต้นแล้ว ทั้งยังครอบครองรากวิญญาณแท้ธาตุโลหะเสียด้วย จึงไม่แปลกหากจะเป็นที่หมายปองของยอดบุรุษทั้งหลายครอบครัวตระกูลหม่า เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีอำนาจภายในแคว้นไป๋มายาวนาน แต่เมื่อมาถึงรุ่นของหม่าไจ่ ผู้เป็นบิดาของหม่าชิงหลิน เขากลับถอนตัวออกจากการเป็นขุนนางหันหน้าเข้าสู่การบ่มเพาะพลังอย่างแท้จริง ด้วยมีรากวิญญาณแท้ธาตุโลหะ จึงก้าวหน้าในหนทางนี้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีระดับพลังถึงขั้นทะเลวิญญาณขั้นต้น แต่น่าเสียดายที่ฮูหยินเพียงหนึ่งเดียวดันมีรากวิญญาณผสมจึงยังอยู่ในขั้นสร้างรากฐานธรรมมดาเท่านั้นบุตรชายคนโต หม่าซินเทา บุรุษหน้าตาหล่อเหลาและงดงามผสานในตัว ปัจจุบันอายุ 20 ปี อยู่ในขั้นสร้างรากฐานขั้นกลาง ครอบครองรากวิญญาณแท้ธาตุน้ำ เข้ารับการศึกษาในสำนักเทียบฟ้า เป็นบุรุษที่มีนิสัยกล้าหาญทั้งยังรักความยุติธรรม รังเกียจผู้ที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า จึงได้สร้างศัตรูไปทั่วบุตรชายคนรอง หม่าห้าวอี้ บุรุษที่ได้รับรูปโฉมจากมารดามาเกือบเต็มสิบส่วน จึงไม่ชอบออกนอกจวนอาศัยอยู่แต่เพียงในบ้านเท

ในระหว่างที่อิงหลิวนั่งรอการมาถึงของผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มโจรป่า การเคลื่อนไหวบางอย่างของเหล่าศิษย์ของสำนักเทียบฟ้าก็ทำให้นางแปลกใจไม่น้อย ภาพการเตรียมตัวในการรับมือและอุปกรณ์ที่นำออกมาเพื่อจัดวางค่ายกลล้วนสร้างความสงสัยให้กับนาง“แค่ช่วยชาวบ้านจัดการปัญหา ถึงกับต้องใช้ทรัพยากรมีค่าพวกนี้เลยหรือ” อุปกรณ์พวกนั้นล้วนเป็นสมบัติวิเศษระดับหนึ่งทั้งสิ้น ไม่ใช่ว่าสมบัติวิเศษล้วนหายากและมีราคา? แล้วนำออกมาใช้ในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาคิดอะไรกันแน่?“หรือว่า พวกเขาต่างเป็นนายน้อย และคุณหนูของตระกูลใหญ่โต ถึงได้กล้าหยิบสิ่งของพวกนี้ออกมาใช้โดยไม่เสียดาย”เสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งเรียกสายตานับสิบของศิษย์สำนักเทียบฟ้ารวมไปถึงเวรยามของหมู่บ้านให้หันไปมอง แต่เมื่อพวกเขาหันไปเห็นเท่านั้น ก็ต้องเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะคิด เพื่อจะมาจัดการกับชาวบ้านไร้พลัง ต้องใช้ผู้บ่มเพาะในระดับสร้างรากฐานเลยเหรอ“ศิษย์ของสำนักเทียบฟ้ามีสองคนที่อยู่ในระดับสัมผัสวิญญาณ ส่วนที่เหลือล้วนอยู่ในขั้นสร้างรากฐานมีทั้งขั้นสูง และขั้นกลาง ส่วนขั้นต่ำมีอยู่สองคน พวกเขาย่อมรับมือได้แน่” อิงหลิวใช้ทักษะตรวจ

อิงหลิวใช้เวลาที่เหลือของวันนี้ในการเพาะปลูกสมุนไพรในพื้นที่ว่าง สวนสมุนไพรขนาดใหญ่ของนาง ยังพอมีพื้นที่ว่างส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกใช้งาน ทั้งยังมีส่วนอื่น ๆ ด้วยที่นางสามารถเปลี่ยนมาปลูกสมุนไพรแทน อย่างบริเวณหลังประตูทางเข้าส่วนหน้าของบ้านพักของนาง ที่มีศาลาหินอ่อน และเรือนรับรองที่มีไว้สำหรับต้อนรับผู้ที่มาเยี่ยมโดยเฉพาะ ซึ่งทั้งหมดในบริเวณนี้ส่วนใหม่จะมีสมุนไพรที่มีรูปร่างงดงามถูกปลูกอยู่ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เป็นเพียงดอกไม้ทั่วไปเท่านั้น และส่วนที่เป็นดอกไม้นางจะถอนออก ปลูกเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่สามารถใช้ประโยชน์ได้แทนกลับมาในหมู่บ้านแถบชานเมือง เกิดความวุ่นวายขึ้นบางอย่าง ชาวบ้านจำนวนมากต่างแสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจต่อผู้ที่เป็นผู้ใหญ่บ้านเพราะการที่ศิษย์ของสำนักเทียบฟ้าลงมือช่วยเหลือในครั้งนี้ ก่อให้เกิดปัญหาย้อนหลังตามมา ทั้งการเรียกร้องค่าตอบแทนและขับไล่ชาวบ้านบางส่วนออกจากพื้นที่“พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่ไล่พวกข้าออกจากบ้านของพวกข้า”“ใช่ ๆ ที่ดินตรงนั้นเดิมเคยเป็นของต้นตระกูลพวกเรา พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ไล่พวกเรา”ผู้ใหญ่บ้านมองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน ก่อนจะหันหลังเดินกลับ

บานประตูไม้ขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทสร้างความกดดันให้กับผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ่งลวดลายของสัตว์อสูรที่ทำท่าราวกำลังคำรามก็ยิ่งสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้ที่กำลังจ้องมองมัน ทั้งหม่าหานจี้ หม่าหานคง ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ก่อนที่จะมีผู้ใดจะเคาะประตูหรือส่งเสียงเรียก ประตูไม้ตรงหน้าก็ถูกเปิดออกเสียก่อน อิงหลิวมองเห็นความตกใจที่ฉายอยู่บนดวงตาทั้งคู่ขององครักษ์คุ้นตาตรงหน้าทันที เป็นอย่างแรก“เจอกันอีกแล้ว” นางชิงเปิดปากเริ่มพูดคุยเสียก่อน หลังเห็นความตื่นตกใจที่ฉายชัดบนใบหน้าของชายตรงหน้า“ท่าน!!” หม่าหานจี้เผยสีหน้าตกใจ ก่อนจะเปิดปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดังก้องที่คุมไม่ได้“มีอะไร อาจี้” เสียงคุ้นเคยของผู้เป็นนายดังออกมาจากในรถม้า ก่อนที่เจ้าของเสียงจะก้าวเท้าลงมา“คุณชายใหญ่ จวนพักตรงหน้าเป็นของแพทย์โอสถที่พวกเรากำลังตามหา” หม่าหานคง รีบวิ่งไปรายงานผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“จริงหรือ!?” หม่าซินเทารีบเร่งฝีเท้าของตนไปยังจุดที่องครักษ์ของตนยืนอยู่ทันที“เอ่อ...ผู้อาวุโส ข้าสามารถเรียกแบบนี้ได้ไหม?” หม่าซินเทาเห็นโฉมหน้าของผู้ที่มอบโอสถให้น้องสาวของตน ก็รู้สึกถึงความประหลาดใจ แพทย์โอสถที่ยังอ่อน

“แล้วแนวทางบ่มเพาะแพทย์โอสถล่ะ ข้าไม่ต้องฝึกแล้วหรือ?” นางถามขึ้นด้วยความสงสัย“โฮสต์โปรดวางใจ แนวทางบ่มเพาะแพทย์โอสถ กับ แนวทางบ่มเพาะเซียนโอสถ นั้นเหมือนกัน เพียงแค่ว่า แพทย์โอสถ สามารถบ่มเพาะได้สูงสุดแค่เจ็ดดาวเท่านั้น และไม่สามารถบ่มเพาะไปสูงกว่านั้นได้ ยกเว้นแต่ว่าจะได้รับวาสนาบางอย่าง และโฮสต์ก็เพิ่งได้รับมา”“คะแนนความชอบธรรม?” อิงหลิวถามขึ้นมาทันที“ใช่ คะแนนความชอบธรรม ผู้คนที่ได้รับความชอบธรรมนี้ล้วนแต่ได้รับมาด้วยวิธีที่แตกต่างกัน บางคนได้รับมาโดยการสร้างชื่อเสียงให้ผู้คนหลายพัน หลายหมื่นคนเกิดความเลื่อมใสในตัวต่อคนผู้นั้น จนก่อเกิดเป็นความชอบธรรม” ยิ่งนางได้ฟังในสิ่งที่ระบบพูดขึ้นมา นางก็ยิ่งรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใหม่“บางคนลงมือขจัดสิ่งชั่วร้ายที่แฝงตัวอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน เพื่อก่อให้เกิดความชอบธรรม และยังมีบางคนสร้างภาพลักษณ์ว่าตนคือผู้ที่อยู่ในคำทำนาย หรือบุคคลที่ถือกำเนิดจากตำนานที่เล่าขานกันมา เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นคนผู้นั้นเกิดความศรัทธา ก็ล้วนก่อเกิดความชอบธรรมได้เหมือนกัน”“เพราะชาวบ้านคนธรรมดาหรือผู้ที่พบเห็นล้วนเกิดความเลื่อมใสอย่างแท้จริงสินะ แม้ว่าภาพลักษณ์ที่คนผ