บททั้งหมดของ คอร์สอบรมหลังทะลุมิติมาเป็นเบต้า: บทที่ 1 - บทที่ 10

11

บทที่ 1

ตอนตื่นขึ้นมา ผมปวดหัวจนหัวแทบจะแตก ในหัวมีข้อมูลต่าง ๆ นานาผุดขึ้นมาผมทะลุเข้ามาในนิยาย แถมยังเป็นนิยายนิยายโอเมก้าเวิร์สอีกต่างหากฝ่ายรุกเป็นอัลฟาลูกครึ่งจีนเยอรมัน ไม่อยากรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว แต่กลับมาเป็นครูฝึกส่วนตัวเอกฝ่ายรับนั้นฐานะทางบ้านยากจน เลยปกปิดฐานะโอเมก้าแล้วเข้าไปทำงานในสถานบันเทิงของฝ่ายรุกจากนั้นก็กลายเป็นฉากพวกคุณไล่ตาม ผมเผ่นหนี ทรมานร่างกายทรมานใจ บุกน้ำลุยไฟตามง้อภรรยาที่ไม่อาจบรรยายต่าง ๆ นานาอีกหลายต่อหลายตอนส่วนผม ก็เป็นส่วนหนึ่งในเกมของพระเอก เป็นเบต้าที่เข้าไปแทรกตรงกลางอย่างไม่เจียมกะลาหัวถึงอย่างไรตัวผมเองในโลกเดิมก็ตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปแล้ว ผมเลยรีบทำความเข้าใจกับข้อมูลในหัวให้เรียบร้อยเตรียมตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งพอดูแบบนี้แล้ว หึ นึกไม่ถึงว่าผมยังถือเป็นคุณชายน้อยจากครอบครัวมีเงินคนหนึ่งไม่เลวแฮะ!น่าเสียดายที่เป็นแค่เบต้า แข็งแกร่งไม่สู้อัลฟา ทั้งไม่ได้เลอค่าอย่างโอเมก้าเพ้อเจ้อน่า เบาต้านี่แหละถึงจะดี!ในฐานะที่เป็นโอตาคุคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นเพศชายที่ชอบผู้ชายแถมยังเป็นแฟนตัวยงของนิยายข้างถนนอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 2

ในฐานะเป็นลูกคนรองเบต้าซึ่งมีพี่ชายเป็นอัลฟา และมีน้องชายเป็นโอเมก้า อีกทั้งยังไม่ได้รับความใส่ใจจากพ่อแม่มาแต่เด็กพฤติกรรมผิดแผกนี้ก็ยังพอจะดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้บ้าง“เกิดเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้น?”ผมเกาหัวที่ยุ่งเหยิงเป็นรังนก สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจแค่อาทิตย์เดียว สำหรับโอตาคุเนี่ยเรื่องเล็กคุณแม่โอเมก้าที่หน้าตาสวยพริ้งอย่างกับสาวอายุยี่สิบกว่ากลอกตามองบน“ไม่ได้ไปกินเหล้าที่ไนต์คลับคืนเดียว แกก็ทรมานไปทั้งตัวแล้ว นี่คงไม่ได้ไปก่อเรื่องใหญ่โตอะไรไว้ข้างนอกแล้วไม่กล้ามุดหัวออกไปไหนหรอกใช่ไหม?”ผมสะดุ้งโหยง รีบส่ายหัวดิก“เปล่า ๆ เปล่าเลย! เพิ่งตกลงกับเพื่อนว่าจะออกไปคืนนี้นี่เอง”รับมือคุณแม่คนสวยลวก ๆ เสร็จ ผมก็พิมพ์ข้อความในโทรศัพท์“คืนนี้ไปได้”อีกฝ่ายตอบกลับอย่างรวดเร็ว“ที่เดิมนะ ห้องส่วนตัว 888”ผมเอ่ยถามออกไปด้วยความลังเลใจ ว่าคืนนี้มอยเซนจะมาหรือเปล่า?คราวนี้อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยเสียง พอกดฟังก็ได้ยินเสียหัวเราเยาะดังออกมาเป็นชุด“ฉันว่านายยอมแพ้เถอะ! ถ้าเขาเป็นแค่ครูฝึกตัวท็อปของเย่จุ้ยละก็ อย่างมากก็แค่จ่ายเงินให้มากอีกสักหน่อย ยังไงก็ได้คิวอยู่แหล
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 3

น้ำเสียงนี้มันเหมือนกับตะขอแหลมที่เกี่ยวกระชากให้หัวใจกระตุกผมเพิ่งคิดจะหันไป ก็ถูกมือสองข้างบีบไหล่เอาไว้โดยไม่ทันตั้งตัว บังคับให้ผมหันหน้าเข้ากำแพงต่อความร้อนแผ่ซ่านมาจากแผ่นหลังไม่หยุด ผมรับรู้ได้ว่าคนที่อยู่ด้านหลังนั้นตัวสูงกว่าผมไม่น้อยเลยทีเดียวผมก้มหน้า ริมฝีปากระเบา ๆ อยู่บริเวณปลายผม ทั้งลมหายใจก็รินรดอยู่แถวหูผมถึงกับขนลุกขนชัน อดใจไม่ไหวอยากจะเบี่ยงศีรษะออกมือที่อยู่บนไหล่ซ้ายผละออก ก่อนจะเปลี่ยนมากดขมับของผมไว้ด้วยสองนิ้วมือ เป็นอีกครั้งที่ผมถูกจำกัดการเคลื่อนไหว“จับได้แล้ว”ชั่วขณะนั้น น้ำเสียงน่าหลงใหลแปรเปลี่ยนเป็นงูพิษตัวหนึ่งราวกับว่ามีลิ้นงูกำลังไล้เลียอยู่ตามติ่งหูของผมจริง ๆผมค่อย ๆ เหลือบตาขึ้นช้า ๆ เห็นใบหน้าของชายหนุ่มด้านหลังจากเงากระจกทรงกลมโบราณที่ติดอยู่ทางมุมบนขวามือเขาเหมือนกับเดาได้ว่าผมจะแอบมองจากเงากระจก เลยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยผมกับเขาสบตากันผ่านกระจกดวงตาสีเขียวอมเทานั้นเหมือนหมาป่าในยามค่ำคืนมันแฝงไปด้วยรอยยิ้มอันโหดเหี้ยม“คิดได้หรือยังว่าตัวเองจะตายยังไงดี?”คุณพี่ครับ ผมขอเตือนคุณพี่ไว้เลยนะว่าให้รีบปล่อยผมเดี๋ยวนี้ไ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 4

ยื่นมือออกไปแตะซิปด้วยอาการตัวสั่นงันงก ทว่าเพิ่งแตะกางเกงสแล็กก็ถูกแส้ฟาดลงมาแล้วผมรีบหดมือกลับมา พลางมองมอยเซนด้วยความงุนงง แล้วถึงได้เห็นว่าเขามีสีหน้าสุดจะบรรยาย“ฉันให้นายถอดเสื้อผ้าตัวเองออก จะมาแตะกางเกงฉันทำไม?”ผมรู้สึกได้เลยว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาในพริบตาเอ่อนี่มัน ใครใช้ให้เขาพูดไม่ชัดเจนเองละมอยเซนเอื้อมมือไปบีบหว่างคิ้วสันจมูกเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาดังหึจากนั้นก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทั้งดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจ“นายศึกษาความรู้ในวงการเพื่อฉันมาเยอะไม่ใช่เหรอ? ไม่เข้าใจจริง ๆ หรือแสร้งทำเป็นไร้เดียงสากันแน่?”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะใช้มันสั่งสอนนายให้ดีเอง”ทันทีที่แส้สีม่วงสะบัดเบา ๆ ผมก็สะดุ้งโหยงไปทั้งตัวจนกระทั่งตอนที่ผมได้สติ คิดจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องมุดตัวลงไปกับเตียงอย่างรวดเร็วสติสัมปชัญญะค่อย ๆ กลับเข้าที่เข้าทาง แล้วเรื่องทุกอย่างเมื่อคืนนี้ก็ถาโถมเข้ามาในหัวทันทีตอนแรก ผมยังให้กำลังใจตัวเองอยู่ในใจแสร้งทำว่าตัวเองเป็นผู้กล้าที่ตกไปอยู่ในมือคนชั่วร้าย แล้วถูกเฆี่ยนตีสุดท้าย พอแส้ฟาดลงมาไม่กี่ครั้งก็ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแล้วรสชาตินั่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 5

ตกเย็น มอยเซนก็กลับมากินมื้อเย็นที่วิลล่าเนื่องจากการปรากฏตัวของซูหนาน กอปรกับผมที่ตั้งการ์ดป้องกันจิตใจไว้อีกชั้นหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกอับอายหรือกระวนกระวายอะไรทั้งสิ้นพอเจอเข้ากับอาหารมื้อเย็นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งหน้าตาน่ากินและย่อยง่าย ผมก็เริ่มอาละวาดทันที“ฉันจะกินมาม่า จะกินโค้ก!”ซูหนานเผยสีหน้าลำบากใจ เบนสายตาไปทางมอยเซนโดยไม่รู้ตัวถูกต้อง ผมจงใจหาเรื่องนั่นแหละ พวกคุณสองคนรีบไปรักกันได้แล้ว แล้วปล่อยผมสักที!มอยเซนคีบอาหารชิ้นหนึ่งเข้าปากอย่างเอื่อยเฉื่อย พอกลืนลงไปแล้วถึงได้พูดว่า“ไม่ต้องสนใจเขา ไม่กินก็ปล่อยให้หิวไป”เหอะ ๆ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่สนใจผมเลยสักนิดเดียวเมื่อคืนยังเรียกผมว่าหมาน้อยน่ารักอยู่เลย มาตอนนี้พอไม่ต้องใช้ประโยชน์แล้วก็บอกว่า ‘ไม่ต้องสนใจ’ ซะงั้น!มอยเซนเหลือบสายตามองผมเล็กน้อย“ตอนนี้ไม่กิน เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันจะเอาของอย่างอื่นป้อนเขาให้อิ่มเอง”ทันใดนั้นใบหน้าแดงเถือกของคนสองคนปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหารคนหนึ่งคือผม อีกคนคือโอเมก้าตัวน้อยผู้ใสซื่อซูหนานเขาอ้างว่าจะไปเช็ดล้างทำความสะอาดห้องครัว แ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 6

ผมมองกระจกแล้วตบแก้มเบา ๆเอาละ นี่แหละถึงจะเป็นผม ไม่ได้สวยหรือหน้าตาดีอย่างซูหนานขนาดนั้นผมชื่อเหอหมี เป็นแค่คนที่ปกติที่สุดในหมู่โอตาคุนับหมื่นในงานประมูล ผมกับซูหนานนั่งขนาบอยู่ข้างซ้ายข้างขวางของมอยเซนบนเวทีนำของสะสมออกมาแสดงไม่ขาดสายทั้งแบบใหม่เอย แบบเก่าเอย แบบแอบสแตรกค์อะไรพวกนี้เอย ผมนี่ฟังแล้วก็ง่วงเหงาหาวนอนซูหนานกลับดูเพลิดเพลิน แววตาเขาเปล่งประกาย ทั้งยังออกความเห็นบ้างเป็นบางครั้ง“ภาพนี้ คืออาจารย์ดาวินชี!”ผมถึงกับสะดุ้งตื่นทันทีสุดยอดเลย ของแบบนี้ก็ยังเอาออกมาประมูลได้?ไม่ใช่ว่าควรเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อะไรเทือกนั้นเหรอ“เป็นผลงานชิ้นเอกของหลานชายคนโตของน้าคนรองของพี่สาวคนที่เจ็ดของอาจารย์ดาวินชี”มอยเซนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยชมซูหนาน“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่านายจะมีความรู้ทางศิลปะลึกซึ้งไม่เบา”ซูหนานแย้มยิ้มไม่เผยฟัน แล้วว่าชมกันเกินไปแล้วน้าเล็กของเขาเป็นอาจารย์ศิลปะในสถาบันศิลปะลอนดอน แค่ได้ยินผ่านหูมาบ้างเท่านั้น……คุณจะพูดอะไรนี่พูดจบให้ครั้งเดียวไม่ได้หรือไง?มอยเซนหันหน้ามา แล้วโน้มตัวลงมาหาผมเล็กน้อย“ไม่มีอะไรที่สนใจเลย? ถ้านาย
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 7

กลับถึงวิลล่าก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว ผมอาบน้ำเสร็จด้วยความรวดเร็วก็ลงไปนอนบนเตียงผ่านไปไม่กี่นาที ความรู้สึกว่าที่นอนยุบลงไปเล็กน้อยก็ส่งมาจากด้านหลังท่อนแขนเรียวมีกำลังโอบอยู่บนเอวของผม บนหลังคอรับรู้ได้ถึงสัมผัสเบา ๆ ที่เหมือนจะมีแต่เดี๋ยวก็เหมือนจะไม่มี“ฝันดีนะ”อันที่จริงผมก็นับถือมอยเซนไม่น้อยนะ เพราะเขาเสแสร้งแกล้งทำได้ถึงบทบาทเกินไปเว้นเสียแต่มีธุระรัดตัวจนปลีกตัวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะกลับมาส่งผมเข้านอนที่นี่แน่นอนอย่างกับพวกเราเป็นคู่รักกันจริง ๆอ้อมกอด จุมพิต การพะเน้าพะนอบอกฝันดีเบา ๆ พวกนี้ มันทำให้คนเข้าใจผิดว่าตัวเองถูกรักได้ง่ายเหลือเกินความจริงถ้าเขาไม่ได้มีลูกเล่นมากมายขนาดนี้ ผมก็ยังกลัวอยู่เลยว่าตัวเองจะถลำลึกลงไปจริง ๆทว่าเมื่อถึงยามค่ำคืน ทันทีที่เห็นเขาล้วงแส้และของเล่นต่าง ๆ นานาออกมา ผมก็ยอมจำนนยามกลางวัน เมื่อเห็นซูหนานกับภาพหงส์คู่โบยบินของบรรพบุรุษตระกูลซู ผมก็ได้สติขึ้นมาไม่น้อยระยะห่างจากเวลาหนึ่งเดือนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆคืนวันที่หกก่อนถึงวันสุดท้าย มอยเซนอยากกอดผม แต่ถูกผมปฏิเสธ“ผมไม่สบาย ไม่มีอารมณ์”ผมคิดนะ ว่าถ้าเขาใช้ไม้แข็งก็จะพ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 8

ชั่วพริบตาถัดมาก็ถูกเขาบีบแขนพลิกกดลงบนเตียงผมร้องไห้เศร้าเสียใจไปพลาง ปากแข็งไปพลาง“ฮ่า ๆ คุณคิดว่าคนทั้งโลกจะหลงคุณจะเป็นจะตายกันหมดหรือไง?”“ยังจะเป็นครูฝึกมือทองอีก ขนาดผมเองคุณยังปราบไม่ได้เลย ฉวยจังหวะเกษียณมันตั้งแต่เนิ่น ๆ เถอะคุณน่ะ!”แรงบนตัวกดลงมาอีกอย่างแรง แล้วอยู่ ๆ ก็ปล่อยออกสิบวินาทีหลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังอย่างรุนแรงมอยเซนออกไปแล้วผมหยัดกายลุกขึ้นนั่ง เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งปลอกคอฝังเพชรสีเหลืองทอประกายอยู่พักหนึ่ง มันช่วยดึงความคิดของผมกลับมาผมเดินไป แล้วเก็บมันขึ้นมาทื่อ ๆ พลางกำไว้ในมือแน่นของที่ให้ผมแล้ว ทำไมจะไม่เอาละถึงอย่างไร ผมก็คิดไว้นานแล้วว่าจะเอาไปขายแล้วก็หนีคืนที่สามก่อนถึงวันสุดท้าย มอยเซนไม่กลับวิลล่าคืนวันที่สองก่อนถึงวันสุดท้าย เขายังคงไม่อยู่เหมือนเคยผมเก็บข้าวของจนกระเป๋าสะพายตุง เตรียมพร้อมหนีแล้วในวิลล่ามีบอดี้การ์ดที่มอยเซนทิ้งไว้อยู่สองคน ผมเลยไปหาซูหนาน“ฉันอยากยืมเสื้อผ้ากับหมวกของนายชุดหนึ่ง”เขาถามผมด้วยอารมณ์สองจิตสองใจว่าผมทะเลาะกับมอยเซนใช่หรือเปล่า“ตั้งแต่คืนนั้น คุณมอยเซนก็ไม่ยิ้มเลยนะครับ”ผ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 9

เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็ต้องพบว่าตนเองกำลังอยู่ในห้องแปลกตาห้องหนึ่ง“ตื่นเร็วดีนี่”ผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายดอกทั้งยังปลดกระดุมออกเสียกว้างกำลังนั่งอยู่ตรงข้ามผมครั้นเห็นรอยสักหมาป่าบนหน้าอกของเขา ผมก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้คือใครฉายาหลางซาน เป็นคู่แค้นคู่อาฆาตทางธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืนของมอยเซนเพียงแต่สถานบันเทิงที่อยู่ในสังกัดของเขาสกปรกโสมมเป็นอย่างยิ่งในนิยายต้นฉบับเล่าไว้ หนหนึ่งที่มอยเซนกับซูหนานระเบิดอารมณ์มีปากเสียงกันอย่างรุนแรงคือซูหนานจากมาอารมณ์โกรธ ผลคือถูกหลางซานฉวยโอกาสจับตัวไปจุดประสงค์เพื่อต้องการบีบบังคับมอยเซนให้ยอมสละพื้นที่ทางธุรกิจหลางซานกวาดสายตามองตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งน่าขยะแขยง“คิดไม่ถึงจริง ๆ เลยแฮะ คนอย่างมอยเซนที่ไม่เห็นหัวคนอื่นแบบนั้นจะตกอยู่ในมือของเบต้าคนหนึ่งได้”ผมทั้งโมโหทั้งร้อนใจ ปฏิเสธออกไปทันที“เขาไม่ได้ชอบฉันสักหน่อย... แค่เห็นฉันเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น!”หลางซานหัวเราะเยาะเหยียดหยาม“จ่ายเงินซื้อเพชรไปหนึ่งร้อยยี่สิบห้าล้านเพื่อเอาอกเอาใจของเล่นชิ้นหนึ่งให้ดีใจเนี่ยนะ นายเห็นมอยเซนโง่หร
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 10

ในปากเขาถูกสายรัดปากอุดเอาไว้ อยากจะร้องขอความช่วยเหลือก็ทำไม่ได้โชคดีที่ตอนผมหนีออกมาจากวิลล่าได้เอา ‘ของเล่น’ มีราคาที่ฝังทองกับฝังเพชรใส่กระเป๋ามาด้วยจำนวนหนึ่งเดิมทีเตรียมจะแงะมันออกมา แบบนี้จะขายง่ายกว่าใครจะไปคิดว่าได้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทนในที่สุดมอยเซนก็ได้สติกลับมา เขาสาวเท้ายาวเกี่ยวเอวผมมากอดผมยังโมโหไม่หาย เลยมอบฝ่ามือให้เขาทีหนึ่งเสียง ‘เพียะ’ ดังชัดแจ๋ว อากาศพลันหยุดนิ่งไปชั่วขณะตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป ผมถึงกับตัวแข็งทื่อไปหมด ทำคอแข็งไม่กล้าหันกลับไปมองเขาทว่าวินาทีต่อมา มอยเซนกลับก้มหน้าลงแล้วเข้ามาใกล้หลังหูของผม“ขอโทษ”หัวใจผมสั่นสะท้านในทันที เขากำลังขอโทษผมเหรอ?“เจ้าของที่ทำหมาน้อยหายน่ะแย่สุด ๆ เลย”ผมรีบสะบัดขาไปด้านหลังจะเตะเขาใครเป็นหมาของเขา!“ที่รัก...อย่าไปเลยนะ”ผมที่กำลังเตะต่อยอยู่ถึงกับหยุดชะงักไปทันที ใบหน้าที่ไม่ยินยอมถึงกับเห่อร้อนขึ้นมาบางส่วน“คุณปล่อยผมลงก่อน ผมยังซัดเขาไม่หนำใจ”น้ำเสียงของมอยเซนเย็นเยียบขึ้นเล็กน้อย“อย่าแตะของโสโครก”เท้าทั้งสองข้างเพิ่งแตะพื้น มือก็ถูกเขาดึงไปลูบพลางเช็ดเบา ๆพอถูกขัดจังหว
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
12
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status