ความโหดร้ายในสองเรื่องนี้พูดด้วยสำเนียงต่างกันมากจนเราต้องหยุดฟังทั้งสองข้างก่อนจะตัดสินใจว่าอะไรหนักกว่ากัน
เราเจอความเหนียมใจแบบไม่ปรานีใน '
fire punch' ที่นำเสนอโลกแช่แข็งซึ่งความทุกข์กลายเป็นพลังขับเคลื่อนของตัวละคร มุมมองของเรื่องเน้นไปที่ผลลัพธ์ของความรุนแรงที่ถูกป้อนกลับมาเป็นวงกลม—ไม่ใช่แค่การแก้แค้นแต่เป็นการถูกกลืนกินโดยความเจ็บปวดเอง ฉากการต่อสู้แบบยาวและเน้นการทรมานทางร่างกายกับจิตใจทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าความโหดไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือ แต่กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่คนต้องอยู่รอด
ในทางกลับกัน 'Chainsaw Man' เล่นกับความรุนแรงเหมือนเป็นดนตรีที่มีจังหวะรวดเร็ว สลับตลกร้ายกับเศร้าอย่างฉับพลัน เรารู้สึกว่าเรื่องนี้วางตัวละครไว้ตรงกลางของความไร้ความหมาย แต่ยังคงมีช่องว่างให้ความอบอุ่นเล็ก ๆ เพื่อนๆ และความอยากได้อยากมีของ Denji ทำให้ความรุนแรงมีน้ำหนักทางอารมณ์ที่ต่างออกไปจากความโหดที่ต่อเนื่องใน 'Fire Punch' ศิลป์การจัดเฟรมของ 'Chainsaw Man' ยังใช้การเคลื่อนไหวและการแหวกกรอบเพื่อสร้างความเร็ว ในขณะที่ 'Fire Punch' มักเลือกภาพนิ่งที่ลากให้รู้สึกบีบคั้น
รวมภาพรวมแล้ว เรามองว่า 'Fire Punch' เหมือนบทกวีแห่งความหายนะที่ย้ำความโหดเป็นแก่นกลาง ขณะที่ 'Chainsaw Man' เป็นซิมโฟนีที่ผสมเกลียวของความฮาและโหดจนเผลอร้องไห้ตาม การอ่านสองเรื่องนี้ติดต่อกันจะทำให้รับรู้ว่าความรุนแรงในมังงะไม่ได้มีหน้าตาเดียว แต่มันสะท้อนเจตนารมณ์ของผู้เขียนและทัศนคติที่แตกต่างต่อมนุษยธรรมได้อย่างชัดเจน