เสียงประสานเล็ก ๆ ที่โผล่ขึ้นมาตอนฉากกลางคืนคือสิ่งแรกที่ทำให้ฉันหลงรักซาวด์แทร็กของ 'บุหลันบัณรสี' — มันไม่หวือหวาแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ค่อย ๆ เผยความหมายเมื่อฟังซ้ำ
ในมุมมองของคนที่ฟังเพลงประกอบเยอะ ๆ ผมชอบที่สุดคือ 'ธีมหลัก' แบบบรรเลงที่ใช้เครื่องสายผสมกับพิมพ์เสียงเปียโนลอย ๆ แทร็กนี้ทำหน้าที่เหมือนเส้นเลือดแดงของเรื่อง: ทุกครั้งที่มันกลับมาในเวอร์ชันต่าง ๆ ฉากนั้นจะได้อารมณ์ใหม่ ๆ บางทีก็เป็นความหวัง บางทีก็เป็นความเศร้าที่ยังไม่คลี่คลาย ฉากสารภาพรักที่ทั้งสองนั่งกันใต้พระจันทร์ เพลงเวอร์ชันเปียโนเดี่ยวทำให้คำพูดที่ออกมาดูเปราะบางและจริงจังขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
อีกเพลงที่ผมยกให้โดดเด่นคือม็อติฟของตัวร้าย — ไมโลโทนต่ำ ผสมเสียงเครื่องเป่าและกลองจังหวะไม่ปกติ ทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยคำพูด ฉากเผชิญหน้าระหว่างสองฝ่ายก่อนบทสรุปตอนสุดท้ายใช้ม็อติฟนี้ตัดสลับกับธีมหลัก แบบที่หัวใจเต้นตามจังหวะกลองไปด้วย และเมื่อเพลงหยุดเพียงชั่วอึดใจ เงียบกลับทำให้ฉากหนักแน่นขึ้นจนผมนั่งนิ่ง ๆ เกือบไม่หายใจ
สุดท้ายมีเพลงปิดบทยาว ๆ ที่ใช้เสียงฟลุตกับเชลโล่เล่นสลับกัน มันเหมือนการปล่อยให้เรื่องเดินต่อไปในความเงียบหลังปลายฉาก ตัวแทร็กนี้แอบอ่อนโยนและปลอบประโลม เหมาะกับการฟังตอนหัวค่ำเมื่อต้องการความอบอุ่นจากงานศิลป์ เพลงประกอบของ 'บุหลันบัณรสี' ไม่ได้โดดเด่นเพราะความ
อลังการแบบเพลงประกอบบล็อกบัสเตอร์ แต่เพราะมันรู้ว่าต้องยืนอยู่ตรงไหนของเรื่องและกล้าใช้ความเรียบง่ายเพื่อเติมความลึกให้ฉากต่าง ๆ — นี่แหละที่ทำให้ผมยังกลับไปเปิดมันซ้ำอยู่เรื่อย ๆ