เสียงลมพัดผ่านช่องว่างของโน้ตกับเสียงประสานที่ไม่ชัดเจน มันคือภาพแรกที่ผมเห็นเมื่อคิดถึง '
อาณาจักรวิญญาณ' — โลกที่กั้นอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย, ระหว่างความทรงจำกับสิ่งที่ไม่อาจพูดได้ เพลงที่จับอารมณ์แบบนี้ได้ดีที่สุดสำหรับผมมักจะมีคุณสมบัติร่วมกันคือโทนเสียงบางเบาแต่หนักแน่น, การใช้เสียงมนุษย์แบบไม่เป็นคำ (vocalise) หรือเสียงประสานแผ่วๆ, และการผสมผสานระหว่างเครื่องดนตรีดั้งเดิมกับพื้นผิวอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำให้รู้สึกว่าโลกกำลังสั่นไหวอยู่ด้านนอกของเวลา ตัวอย่างเด่นๆ ที่เป็นตัวแทนคงต้องยกให้บางชิ้นจาก 'Spirited Away' ของ Joe Hisaishi เพราะเพลงอย่าง 'One Summer's Day' และธีมเบื้องหลังมีทั้งความใสของเมโลดีและความลี้ลับที่ทำให้บรรยากาศของโลกวิญญาณเป็นรูปธรรมขึ้นทันที
สิ่งที่ทำให้ธีมวิญญาณมีพลังคือการใช้พื้นที่ว่างในเพลง ในงานของ Arvo Pärt อย่าง 'Spiegel im Spiegel' การเว้นจังหวะและการซ้ำของโน้ตง่ายๆ กลับทำให้เกิดความว่างที่ลึกและชัดเจน ในภาพรวมผมมักจะชอบเพลงจากเกมอย่าง 'Journey' โดย Austin Wintory ที่ผสานคอรัสและสตริงอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกราวกับลอยข้ามทะเลทรายสู่โลกอื่น ส่วนในโทนที่เศร้าลึกแต่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ 'NieR: Automata' ของ Keiichi Okabe ใช้เสียงร้องแบบ choir และคำร้องที่ไม่ชัดเจนสร้างบรรยากาศเงียบๆ แบบที่ทำให้รู้สึกว่าโลกที่เราไม่ได้เข้าใจนั้นกำลังมองกลับมา เพลงอย่าง 'Weight of the World' หรือ 'Vague Hope' จึงเหมาะกับฉากที่มีวิญญาณหรือความทรงจำเก่าๆ รวมทั้งให้ความรู้สึกทางศีลธรรมอีกชั้นหนึ่ง
ท้ายที่สุดธีมใดจะเหมาะสุดขึ้นกับโทนของอาณาจักรวิญญาณที่เราตั้งใจจะเล่า ถ้าอยากได้ความลึกลับแบบ
เทพนิยายเก่าเพลงจาก 'Pan's Labyrinth' โดย Javier Navarrete ให้เสียงที่หม่นและอธิบายไม่ได้ ในขณะที่ 'Shadow of the Colossus' ของ Kow Otani ให้ความรู้สึกกว้างใหญ่และโศกศัลย์ เหมาะกับวิญญาณของโลกเก่าๆ ที่ยังคงโหยหาคำตอบ สำหรับฉากที่ต้องการผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมกับความเหนือธรรมชาติ เสียงเครื่องดนตรีญี่ปุ่นเช่น shakuhachi หรือ koto ที่แต่งเติมด้วย ambient reverb ก็ช่วยทำให้พื้นที่นั้นปะทะกับจิตใจผู้ฟังได้ตรงจุด บางครั้งการเลือกเพลงประกอบไม่ใช่แค่เรื่องทำนอง แต่เป็นการเลือกโทนสีของอารมณ์และช่องว่างที่ปล่อยให้ผู้ชมเติมความหมายเอง
สุดท้ายแล้วถ้าต้องให้ข้อสรุปแบบไม่ยึดติดมาก ผมมักจะเลือกชิ้นที่ผสมความเรียบง่ายของเมโลดีกับพื้นผิวเสียงที่มีมิติ — เสียงคนร้องเป็นตัวชี้นำทางอารมณ์, เสียงสังเคราะห์หรือรีเวิร์บเป็นตัวขยายความเป็นอื่น การฟังเพลงพวกนี้แล้วจินตนาการอาณาจักรวิญญาณจึงเป็นเหมือนการเดินเข้าไปในห้องที่มีหน้าต่างสู่ความทรงจำ; ทุกครั้งที่กลับไปฟังผมยังรู้สึกเหมือนพบรายละเอียดใหม่ๆ อยู่ดี