 LOGIN
LOGINแต่งงานมาแปดปี ฉันได้รับมรดกหลายพันล้านที่คุณปู่ทิ้งไว้ให้ฉันกับสามีที่เป็นมาเฟีย แต่ในขณะที่ทนายกำลังดำเนินการโอนทรัพย์สิน กลับพบว่าทะเบียนสมรสของฉันเป็นของปลอม มรดกมหาศาลทั้งหมด จะตกเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว “คุณเจียง ระบบแสดงว่าคุณได้หย่าร้างไปเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้วครับ ตอนนี้ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณโจวจือเหยียนคือ... ซูหว่านฉิงครับ” “ตอนนี้คุณอยู่ในสถานะโสด” “นั่นหมายความว่าคุณโจว จะไม่สามารถมีสิทธิ์ได้รับมรดกในส่วนนี้ได้ครับ” ซูหว่านฉิง คือรักแรกตอนที่คุณโจวไปเรียนที่ต่างประเทศ เมื่อเห็นข้อความที่ทนายส่งมา ฉันจ้องมันอยู่นานอย่างไม่อาจเชื่อสายตา ที่แท้ความรักและการเอาใจใส่ของโจวจือเหยียนตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นเพียงแค่คำโกหกหลอกลวงทั้งนั้น เดิมทีฉันวางแผนจะบอกเขาในวันครบรอบแต่งงานว่าฉันกำลังท้อง... ลูกคนนี้เป็นสิ่งที่เราทั้งคู่เฝ้ารอคอยมาตลอดแปดปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาคงจะไม่ได้รอคอยสิ่งนี้เหมือนฉัน ฉันลูบหน้าท้องอย่างแผ่วเบา แม้ลูกแฝดของฉันจะไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร สำหรับสถานที่ที่เต็มไปด้วยคำหลอกลวงนี้ สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำคือหนีไปให้ไกลที่สุด
View Moreแต่โจวจือเหยียนกลับเหมือนคนเสียสติเขาไม่ปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก แต่ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน ฉันก็มักจะเห็นเขาอยู่ในระยะไม่ไกลเสมอฉันได้แต่ถอนหายใจ รู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงไม่สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสงบแน่ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจยุติการเดินทางท่องเที่ยวเร็วกว่ากำหนด แล้วกลับบ้านตลอดทาง ฉันพยายามจะหนีให้พ้นสายตาของโจวจือเหยียน จนในที่สุดฉันก็กลับมาถึงบ้านใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างปลอดภัยฉันเปลี่ยนทั้งที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ แต่โจวจือเหยียนก็หาฉันจนเจออยู่ดีเขายืนอยู่หน้าบ้านของฉัน ดูโทรมมากเมื่อเห็นฉัน สายตาของเขาก็มีประกายความดีใจ“หรานหราน ในที่สุดคุณก็ยอมเจอผมแล้ว” เขาพูด “ผมตามหาเธอมาตลอด”ฉันจ้องไปที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา ไม่ได้พูดอะไร“หรานหราน ผมสำนึกผิดแล้ว คุณให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ”โจวจือเหยียนพูดขอร้องอ้อนวอน “ลูกไม่ควรขาดพ่อ คุณอยากให้เขาเกิดมาก็ไม่มีพ่อเหรอ?”ฉันก้มเอามือลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้น แล้วตอบอย่างหนักแน่นว่า “ถึงไม่มีคุณ ฉันก็จะเลี้ยงลูกจนโตได้”“และเมื่อเขาเติบโตขึ้น ก็จะไม่มีวันยอมรับพ่อที่เคยนอกใจได้หรอก”โจวจือเหยียนได้ยิ
หลังจากมาถึงสวิตเซอร์แลนด์ ฉันก็ปล่อยวางทุกอย่างลงเลิกคิดถึงโจวจือเหยียน เลิกจมอยู่กับอดีตฉันตั้งใจพักฟื้นร่างกาย และใช้เวลลาไปกับการท่องเที่ยวที่นี่มีทิวทัศน์งดงาม อากาศบริสุทธิ์ ทำให้จิตใจของฉันสงบและเบิกบานฉันได้ไปเที่ยวชมเทือกเขาแอลป์ สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะฉันเดินทอดน่องริมทะเลสาบลูเซิร์น มองผิวน้ำที่สงบจนรู้สึกผ่อนคลายฉันยังได้ไปเมืองซูริก สัมผัสเสน่ห์ของมหานครที่คึกคักระหว่างการเดินทาง ฉันได้เห็นความงดงามของโลกใบนี้ และเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้นที่แท้ ชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่โจวจือเหยียน โลกใบนี้กว้างใหญ่มากชีวิตของฉันเมื่อก่อน มันช่างจืดชืดและแคบเหลือเกินวันหนึ่ง ฉันเดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งบังเอิญเจอชาวเมืองกำลังจัดงานขบวนพาเหรดวันคริสต์มาสพอดีถนนทั้งสายประดับไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ เต็มไปด้วยความครึกครื้นผู้คนแต่งกายในชุดเทศกาล เต้นรำ หัวเราะ และร้องเพลงกันอย่างสนุกสนานบรรยากาศรื่นเริงนั้นทำให้หัวใจฉันอบอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฉันจึงร่วมเดินไปกับขบวนพาเหรดด้วยในขบวนพาเหรด มีคู่สามีภรรยาสูงวัยคู่หนึ่งพวกเขาจับมือกัน ใบห
โจวจือเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนผลักประตูห้องเข้าไปเขาจ้องงซูหว่านฉิงด้วยสายตาเย็นยะเยือก แล้วถามว่า“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไร?”ซูหว่านฉิงมองไปที่เขา รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที“อาเหยียน คุณ... คุณฟังผิดแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”โจวจือเหยียนกลับบไม่หลงกลอีกต่อไป เขากวาดตามองไปรอบห้อง พบว่าหน้าจอโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะยังสว่างอยู่เขาเดินเข้าไปดู บนหน้าจอ คือบทสนทนาในแชตระหว่างซูหว่านฉิงกับฉัน“เจียงอวี่หรานเธอมันนังผู้หญิงแพศยาทางที่ดีตายอยู่ข้างนอกนั่นแหละ อย่าได้กลับมาอีกเลย!”“เห็นแล้วใช่ไหม? ซุปนี่โจวจือเหยียนต้มให้ฉันเองเลยนะ! ชั่วชีวิตเธอคงไม่มีวันได้กินหรอกใช่ไหม?”“เจียงอวี่หราน เธอสมควรแล้วที่ต้องเป็นหม้ายตัวคนเดียว!”คำพูดดูถูกร้ายกาจ แต่ละคำมันทิ่งแทงหัวใจของเขาเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ซูหว่านฉิงจะเป็นคนแบบนี้ไฟโทสะของเขาลุกโชน เลยยกมือตบหน้าซูหว่านฉิงเต็มแรง“นังสารเลว! เธอกล้าทำแบบนี้กับหรานหรานได้ยังไง!”ซูหว่านฉิงถูกตบก็มึนงงไปหมด เธอยกมือขึ้นกุมแก้ม มองไปที่โจวจือเหยียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ“อาเหยียน คุณ... คุณตบฉันเพราะนังแพศยาคนนั้นเหรอ?”“อย่าลืม
ฉันจากมาแล้วแต่โจวจือเหยียนกลับเริ่มเสียศูนย์ตอนที่เขาดูแลซูหว่านฉิงอยู่ที่โรงพยาบาล โจวจือเหยียนดูใจลอยอยู่ตลอดเวลาภาพแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของฉันเมื่อคืนยังคงผุดขึ้นมาในหัวของเขาสายตาแบบนั้น เขาไม่เคยเห็นมาก่อนความรู้สึกไม่สบายใจแล่นขึ้นมาจนจุกอก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว คิดอยากจะติดต่อฉัน“อาเหยียน ฉันอยากกินแอปเปิ้ล คุณปอกให้ฉันหน่อยได้ไหม?”เสียงของซูหว่านฉิงดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดเขาเขามองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง แล้วเหลือบมองซูหว่านฉิง สุดท้ายก็เก็บโทรศัพท์ไป“ได้สิ เดี๋ยวฉันปอกให้”คืนนั้น โจวจือเหยียนอยู่เฝ้าซูหว่านฉิงทั้งคืนเช้าวันต่อมา เขาถึงได้กลับบ้านแต่ทันทีที่เขาเปิดประตูบ้าน กลับพบว่าบ้านนั้นว่างเปล่าของของฉัน หายไปจนหมดเขายืนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งตามหาไปทั่ว“หรานหราน! หรานหราน!”เขาตะโกนเรียกชื่อของฉัน แต่ไม่มีใครตอบรับเขาค้นทุกห้อง ทุกซอก ทุกมุม แต่ไม่เจอแม้แต่เงาของฉันเขาเริ่มร้อนรน รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเริ่มโทรติดต่อฉันอย่างบ้าคลั่งแต่ โทรศัพท์ของฉันปิดเครื่อง และไม่มีการตอบกลับข้อความเขาเริ่มโทรหาญาติและ
คืนนั้น โจวจือเหยียนพาซูหว่านฉิงกลับมาที่บ้าน เขายังลงมือทำอาหารด้วยตัวเองอีกระหว่างมื้อเย็น เขาคอยคีบกับข้าวและซุปให้เธอไม่ขาดมือ รู้ทุกอย่างว่าเธอชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร“หว่านฉิง ซุปนี่รสอ่อน น่าจะถูกปากเธอนะ”“นี่ ปลาที่เธอชอบ กินเยอะๆ หน่อยเถอะ จะได้บำรุงร่างกาย”ฉันนั่งมองท่าทีที่สนิทสนมของพวกเขา น้ำตาคลอเบ้า ฉันก้มหน้าลง กินข้าวเงียบๆฉันไม่สามารถแสดงอารมณ์รุนแรงใดๆ ออกมาได้ ไม่สามารถให้โจวจือเหยียนรู้ว่าฉันกำลังเปลี่ยนไปเพราะถ้าเขารู้ว่าฉันมีแผนจะไป เขาย่อมไม่มีวันปล่อยฉันไปแน่อีกทั้งตอนนี้ฉันยังมีลูกของเขาอยู่ในท้อง เรื่องนี้จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด...“อาเหยียน คุณดูแลฉันขนาดนี้ คุณเจียงจะไม่โกรธเอาเหรอ?”ซูหว่านฉิงมองฉันแวบหนึ่ง ก่อนตั้งใจพูดขึ้นมาโจวจือเหยียนอึ้งไป ก่อนจะรีบตอบว่า“เธอไม่โกรธหรอก หว่านฉิง ตอนนี้เธอท้องอยู่นะ ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ”“หรานหรานเองก็เป็นผู้หญิง เธอเข้าใจดี”ฉันก้มหน้า ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์หลังมื้อเย็น ฉันออกมาเดินเล่นคนเดียวในสวนพอเดินมาถึงศาลา ก็เห็นซูหว่านฉิงเดินมาทางนี้“คุณเจียง ออกมาเดินเล่นค
โชคดีที่ซูหว่านฉิงไม่ได้ล้มแรงมาก หลังจากหมอตรวจอาการตามขั้นตอนทั่วไปเสร็จแล้ว โจวจือเหยียนก็พาเธอกลับเข้าห้องพักฟื้นทันทีฉันยืนอยู่หน้าประตู มองโจวจือเหยียนวุ่นวายดูแลเธอด้วยความใส่ใจ ฉันเหมือนมือที่สามที่เข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของคนอื่น“อาเหยียน ให้คุณเจียงเข้ามาเถอะ”เสียงของซูหว่านฉิงดังแผ่วลอดออกมา น้ำเสียงดูอ่อนแรงมากโจวจือเหยียนเหลือบมองฉัน เขาหลบสายตาไม่กล้ามองฉันตรงๆฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย“คุณเจียง อย่าโทษอาเหยียนเลยนะคะ”ซูหว่านฉิงพิงอยู่กับพนักเตียง ใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด“เป็นฉันเองที่ขอให้เขาเรียกคุณมา มีบางเรื่อง เราควรคุยกันให้เข้าใจ”ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรเลยสักคำโจวจือเหยียนนั่งลงข้างฉัน เขาจับมือของฉันเอาไว้สีหน้าของเขาดูรู้สึกผิดเล็กน้อย ริมฝีปากเริ่มขยับ เหมือนอยากพูดแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง“หรานหราน มีบางเรื่อง ฉันอยากอธิบายให้เธอเข้าใจ”เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อว่า:“ฉันกับหว่านฉิง กลับมาเจอกันอีกครั้งในงานเลี้ยงสังสรรค์”“ตอนนั้นมีคนจงใจมอมเหล้าเธอ ฉันทนดูไม่ได้เลยเข้าไปช่วย”“คิดไม่ถึงเลยว่า พวกเร

Comments