Share

บทที่ 6

ที่อาพาร์ตเมนต์ห้องเช่า

ลูน่านอนอยู่บนโซฟาด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นขณะมองดูชายที่กำลังยุ่งอยู่ในห้องครัวผ่านหน้าจอโทรศัพท์

เมื่อตอนที่พวกเขายังอยู่ด้วยกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่โจชัวบอกว่าหิว เธอจะลุกขึ้นไปทำอาหารให้เขาเสมอไม่ว่าจะกี่โมงกี่ยาม ไม่ว่าจะเป็นกลางดึกหรือตีสองก็ตาม

เขาไม่เคยทำอาหารมาก่อนเลย เขาไม่เคยคิดจะเดินเข้าห้องครัวด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้เขากลับกำลังตั้งใจทำอาหารอย่างจริงจัง ทั้งหมดเพียงเพื่อเนลลี่ที่เขาเพิ่งจะได้เจอเพียงแค่ครึ่งวัน

เธอหลังตาลง

ดูเหมือนว่าเขาจะทำอาหารเป็น แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้มีค่ามากพอสำหรับเขา เขาถึงไม่เคยทำมันให้เธอทานเลย

โชคดีที่ทัศนคติของเขาที่มีต่อเนลลี่นั้นค่อนข้างดี

อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เลือดเย็นและโหดเหี้ยมเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอในตอนนั้น

ณ บลูเบย์วิลล่า

ในขณะที่เด็กหญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้เด็ก เนลลี่ก็มองไปยังอาหารหน้าตาดูแย่ที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอเขยิบชามคุกกี้ที่ลูน่าทำไว้ให้มาตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ “หนูไม่ค่อยหิวแล้วค่ะ คุณพ่อ หนูจะทานแค่นี้พอ”

โจชัวขมวดคิ้วในขณะที่เขามองดูคุกกี้ที่มีขนาดใหญ่กว่าเมล็ดถั่วเล็กน้อยเหล่านั้น “แค่นั้นมันจะพอเหรอ?”

เนลลี่เม้มปากด้วยความกังวลว่าเขาจะบังคับให้เธอทานอาหารที่น่าสยดสยองพวกนั้น เธอจึงรีบปิดจานของเธอเอาไว้ “หนูเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ หนูไม่ได้กินเยอะขนาดนั้น เพราะฉะนั้นแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ!”

จากนั้นเธอก็เหลือบมองอาหารสีคล้ำในจานโดยไม่ได้ตั้งใจขณะเดียวกันความกลัวก็แวบผ่านแววตาของเธอ

โจชัวอ่านทุกการเคลื่อนไหวและการแสดงออกที่ละเอียดอ่อนของเธอออก ไม่นานร่องรอยของความฉุนเฉียวก็เกิดขึ้นระหว่างคิ้วของชายผู้นั้น

เพียงไม่กี่นาที่หลังจากนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้จัดการคุกกี้จนเกลี้ยงชาม

เธอวางจานลงก่อนที่จะยิ้มและเงยหน้าขึ้นมองชายรูปร่างสูง “คุณพ่อคะ หนูจะขึ้นไปนอนข้างบนค่ะ!”

โจชัวลุกขึ้นยืนและอุ้มเธอขึ้นไปที่ชั้นบน

“หนูอยากฟังนิทานเรื่องนางเงือกน้อยค่ะ” ในขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงสีชมพูเล็ก ๆ ดวงตาที่กลมโตของเนลลี่ก็กะพริบให้ชายที่นอนอยู่ข้างเธอ “คุณพ่อเล่านิทานเก่งไหมคะ?”

โจชัวพลิกผ่านหนังสือนิทาน “ก็อาจจะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ชายผู้นั้นก็ขมวดคิ้วและเริ่มเล่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในทะเลน้ำลึก มีกลุ่มของนางเงือกแสนสวยอาศัยอยู่…”

“คุณพ่อ” เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองเขา “เสียงของคุณพ่อดุมากเลยค่ะ!”

โจชัวตกใจเล็กน้อย

เขาพยายามทำให้น้ำเสียงที่เย็นชาและทุ้มของเขาอ่อนลง ดังนั้นเขาจึงลองใหม่อีกครั้ง “อยู่มาวันหนึ่ง นางเงือกน้อย…”

“คุณพ่อเล่านิทานไม่เป็นใช่ไหมคะ?”

เด็กหญิงตัวน้อยเม้มริมฝีปากและเริ่มพึมพำอย่างไม่พอใจ “คุณพ่อของเนลลี่ยิ่งใหญ่มาก แต่เขาเล่านิทานไม่เป็น…”

โจชัวนิ่งเงียบ เขาสูดลมหายใจเข้ายาว “ไม่ต้องฟังนิทานหรอกลูก นอนเถอะ ตกลงไหม?”

“ไม่ตกลงค่ะ…”

น้ำตาเริ่มไหลรินอาบแก้มของเจ้าหญิงน้อย “ถ้าหนูไม่ได้ฟังนิทาน หนูจะฝันร้าย…”

หัวใจของโจชัวละลายเป็นแอ่งน้ำในขณะที่เขาจ้องมองใบหน้าที่มีน้ำตาคลอเบ้าของเด็กหญิงตัวน้อย

เขาลูบผมเด็กหญิงด้วยความรัก “พ่อจำได้ว่าแม่ของลูกไม่ได้ชอบร้องไห้ซะหน่อย บ่อน้ำตาตื้นแบบนี้ลูกไปได้มาจากใครนะ?”

เนลลี่ทำหน้ามุ่ย “คุณแม่ก็ชอบร้องไห้เหมือนกัน ตอนที่หนูยังเด็กกว่านี้ เวลาที่หนูตื่นขึ้นมากลางดึก หนูจะเห็นคุณแม่แอบเช็ดน้ำตาอยู่เสมอ”

คำพูดเหล่านั้นของเด็กหญิงทำให้เขาจุกราวกับว่าเขาโดนทุบเข้าที่หน้าอก

เขาจ้องมองเธออย่างเหม่อลอยและถามด้วยน้ำเสียงที่แหบเล็กน้อย “คุณแม่ของลูก… เธอร้องไห้บ่อยมากหรือเปล่า?”

“บ่อยค่ะ”

เนลลี่เม้มริมฝีปาก “แต่ในเมื่อคุณพ่อบอกว่าคุณแม่ไม่ชอบร้องไห้ บางที่คุณพ่ออาจจะพูดถูก เพราะบางทีการที่หนูบ่อน้ำตาตื้นหนูอาจจะได้มันมาจากคุณพ่อก็ได้นะคะ!”

โจชัวไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “พ่อไม่เคยร้องไห้”

เนลลี่เอนตัวพิงหัวเตียงในขณะที่เธอบีบมือเล็ก ๆ เข้าหากันราวกับว่ากำลังลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองใบหน้าที่เยือกเย็นและแข็งกระด้างของเขา “ตอนที่คุณแม่จากคุณพ่อไป คุณพ่อก็ไม่ร้องไห้เลยเหรอคะ?”

โจชัวตัวแข็งทื่อจากคำพูดของเธอ

เขามองเธออย่างลึกซึ้ง แต่ไม่พูดอะไรอีก

ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้น “นอนเถอะ พ่อยังมีงานที่ต้องทำอีก”

เนลลี่เม้มริมฝีปากในขณะที่มือเล็ก ๆ ของเธอจับที่ชายผ้าห่ม “แต่คุณพ่อ…”

“ไม่ดื้อนะ”

ชายคนนั้นเดินไปเปิดประตูโดยไม่หันกลับมามอง “พ่อจะไปตามหาคนที่เหมาะสมมาดูแลหนูเอง”

จากนั้นเขาก็เดินจากไป

เนลลี่นอนอยู่บนเตียงเล็ก ๆ เด็กหญิงพลิกตัวไปมาด้วยความกังวลและสับสน

เธอควรจะทำอย่างไรดี?

ดูเหมือนว่าเธอจะทำให้คุณพ่อโกรธอีกแล้ว...

ลูน่าเตรียมอาหารกลางวันง่าย ๆ ให้กับนีล ส่วนเธอไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลย

ถึงแม้ว่าเนลลี่จะคอยส่งข้อความหาเธอเพื่อทำให้เธอมั่นใจว่าเนลลี่จะปลอดภัย แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวของเธอจะต้องอยู่ห่างกับเธอนานเช่นนี้ เธอจึงยังคงกังวลอยู่

หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วนีลก็หยิบกระเป๋าของเขาและกำลังจะออกไป “คุณแม่ครับ น้าแอนน์รอผมอยู่ข้างล่างแล้ว ผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ!”

ลูน่าพยักหน้าก่อนที่เธอจะไปส่งเขาที่ชั้นล่าง

นีลเป็นเด็กฉลาดมาตลอด ก่อนที่พวกเขาจะย้ายมาที่นี่ เขาได้สมัครคอร์สเรียนศิลปะให้ตัวเองเอาไว้ และโรงเรียนอยู่ใกล้กับโรงพยายาลที่แอนน์ทำงาน ดังนั้นเธอจึงจะมารับเขาไปด้วย

ลูน่ารู้สึกปลอดภัยที่จะส่งลูกชายให้แอนน์ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ได้ผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายมาด้วยกันมากมาย

หลังจากที่ส่งนีลแล้ว ลูน่าก็กลับไปที่ห้องพักและเก็บจานที่นีลทาน ทว่าทันทีที่เธอเก็บจานชามเสร็จ กริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น

เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อวานนี้เอง แล้วใครกันที่จะมาเยี่ยมเธอได้? หรือว่านีลจะลืมอะไรหรือเปล่า?

เธอถอนหายใจและเปิดประตูพลางบ่นว่า “เมื่อไหร่ลูกจะ…”

คำที่เหลือติดอยู่ในลำคอของเธอทันทีที่เธอเห็นชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างนอก

โจชัวสวมเสื้อคลุมชั้นนอกสีเทา เขาดูห่างเหินและเย็นชา

"สวัสดี"

เขาดูแตกต่างจากท่าทางกดขี่ข่มเหงในบลูเบย์วิลล่า เขาดูสงบอย่างน่าประหลาดใจ “คุณลูน่า ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

ลูน่ายืนกอดอกพิงประตูในขณะที่สายตาของเธอเลื่อนไปมองที่ใบหน้าของเขาด้วยท่าทีสงบ “มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”

ทางเดินในห้องเช่านั้นคับแคบและค่อนข้างมืด มีกลิ่นชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศจนทำให้โจชัวรู้สึกอึดอัดใจ

ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “เราคุยกันข้างในได้ไหม?”

“ไม่ได้ค่ะ” ลูน่าเปลี่ยนท่ายืนของเธอเพื่อที่จะปิดกั้นช่องทางไม่ให้เขาเข้าไปได้ “คุณลินช์คะ ไม่ว่าคุณต้องการจะพูดอะไร คุณพูดตรงนี้ได้เลยค่ะ

“ฉันเป็นสาวโสดและมันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าคุณไม่เข้ามา เผื่อว่าคุณจะแอบอ้างว่าฉันพยายามจะทำอะไรคุณอีก”

เมื่อโจชัวได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นอีก

เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าพูดเช่นนั้นกับเขา และยังเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงที่มาสมัครงานเพื่อดูแลลูกสาวของเขา!

โดยปกติแล้ว เขาจะโบกมือและเดินจากไปหลังจากที่เขาตักเตือนเธอว่าเธอกำลังคุยกับใครอยู่

แต่สถานการณ์ในตอนนี้ช่างแตกต่างกัน

เขายังคงจำได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือคนโปรดของเนลลี่ เขาจึงพูดอย่างเฉยเมยอีกครั้งว่า “ลูน่า คุณถูกจ้างแล้ว ต่อจากนี้ไปคุณจะต้องดูแลเนลลี่ทุกวัน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status