Home / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

Share

บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

last update Last Updated: 2025-01-06 22:50:57

บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

แบบทดสอบที่เยว่หรูได้รับมีทั้งหมดสองฉบับ... หนึ่งฉบับเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับความรู้สมุนไพรเบื้องต้น แบบที่สองคือการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน... แบบทดสอบต้องตอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด หรือก็คืออัตนัยนั่นเอง...

ถึงแม้ว่าเยว่หรูจะเป็นแพทย์แผนจีนมาก่อน แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะสิ่งที่เธอถนัดและคุ้นเคยนั้น... เป็นความรู้และการรักษาแบบโลกเดิม คือปี 2020 มันคือการรักษาแบบประยุกต์ มีการรักษาแผนปัจจุบันเข้ามาร่วมด้วย หากทดสอบโดยให้รักษาจะไม่มีปัญหาเพราะเธอเคยทำมาแล้ว แต่การทดสอบตอนนี้นั้น... ต้องตอบตามแบบหนังสือ พลิกแพลงมากไม่ได้ เลยทำให้เยว่หรูใช้เวลาในการทดสอบเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพรค่อนข้างนาน

ทำแบบทดสอบได้... แต่ไม่รู้จะผ่านไหม ต้องรอดูอย่างเดียว มั่นใจมากไม่ดี... จงรู้ไว้ว่าในหนังสือเรียนกับสถานการณ์จริงแตกต่างกันมาก แล้วคนที่เรียนจบมาจนทำงานแล้วแบบเธอ... บางอย่างในหนังสือเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็หลงลืมเป็นธรรมดา และที่สำคัญหนังสือเรียนแพทย์แผนจีนของที่นี่ก็ไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก

"เสร็จแล้วค่ะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้คุณตา ก่อนจะมานั่งรอและมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัว เหมือนที่นี่ไม่ค่อยมีคนมากนัก หรืออาจไปประจำตามโรงพยาบาล ตามคลินิกแพทย์ของคอมมูน หรืออีกชื่อหนึ่งที่คนเรียกคือสถานีแพทย์ เพราะนโยบายของรัฐบาลจะต้องมีสถานีแพทย์ประจำคอมมูน ประจำโรงงานอุตสาหกรรม ต้องบอกว่าทุกสถานที่ต้องมีสถานีแพทย์ 

"ทำไมถึงเลือกมาสมัครเป็นผู้ช่วย หากพอรู้เรื่องสมุนไพรและการรักษาบ้างสามารถฝึกเป็นหมอเท้าเปล่าได้เลย หากทำงานก็สามารถมีเงินเดือนได้เลย การมาเป็นผู้ช่วยไม่ใช่ว่าจะได้เงินเดือนเลย" เขามองเด็กสาวที่ตัวเล็กและดูเด็กกว่าอายุที่แจ้งมาเสียอีก จากการที่ตรวจดูกระดาษคำตอบคร่าว ๆ ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้มีความรู้มากพอสมควร เหลือแค่ทดสอบภาคปฏิบัติเท่านั้นที่ยังไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้หรือเปล่า

"เพราะหนูอยากมีใบประกอบวิชาชีพจากสมาพันธ์ค่ะ มันง่ายต่อการทำงานไม่ว่าจะย้ายไปอยู่ไหน หนูก็ยังสามารถทำงานนี้ได้โดยไม่ต้องยื่นขอใหม่ค่ะ" เยว่หรูตอบไปตามความจริง การสมัครเป็นผู้ช่วยคือก้าวแรกเพียงเท่านั้น ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาการสอบชิงทุน ก็มาฝึกมือและมาเพื่อที่จะได้โอกาสด้วยเช่นกัน

"หากเข้าใจไม่ผิด... นี่คือก้าวแรก จริง ๆ แล้วหนูอยากเป็นหมอใช่ไหม" พอจะรู้แต่ก็ถามเพื่อที่จะพาไปทดสอบภาคปฏิบัติว่าควรพาไปที่ไหน ทดสอบแบบใด

"ใช่ค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าตอนนี้การเรียนหรือการรักษานั้นเขาใช้แบบผสมหรือว่ายังใช้แบบดั้งเดิม" เยว่หรูพอรู้ว่ายุคนี้แพทย์แผนปัจจุบันเริ่มเข้ามามีบทบาทแล้ว แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้การรักษาแบบไหน

"ตอนนี้ก็เริ่มมีการรักษาแบบผสม ส่วนมากคือการฝังเข็มให้ชาแทนการวางยาสลบ ต้องทำงานร่วมกันแพทย์แผนปัจจุบัน และเริ่มมีหลักสูตรนี้เปิดสอนแล้ว" คุณตายังคงบอกเล่า แต่ก็อ่านกระดาษคำตอบของเด็กสาวไปด้วย ยิ่งอ่านยิ่งน่าสนใจ เพราะนี่คือการรักษาที่สามารถนำไปใช้แบบเรียนและการรักษาแบบใหม่

"หากหนูผ่านและได้เป็นผู้ช่วย หนูจะมีโอกาสนั้นไหมคะ" เยว่หรูถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ในใจกลับกรีดร้องด้วยความดีใจ มันคือการรักษาแบบที่เธอถนัดเลยแหละ ในตอนแรกไม่ค่อยมั่นใจเรื่องการรักษา แต่พอไปถามที่โรงพยาบาลมา เธอก็พอได้คำตอบจากการสอบถามหลาย ๆ คน แต่ไม่รู้ว่ารัฐบาลให้มีหลักสูตรการเรียนการสอนแบบนี้แล้วด้วย

"อาจไม่ต้องเป็นผู้ช่วย หากเจ้าผ่านการทดสอบ แต่การทดสอบนี้ต้องใช้เวลานานพอสมควร ต้องไปทดสอบของจริงเลย นั่นคือ... ไปที่โรงพยาบาล" หากอยากรู้ว่าความสามารถมีจริงไหม สามารถควบคุมความกดดันและตื่นเต้นได้จะถือว่าดีเลยแหละ เมื่ออยากรู้ก็ต้องพาไปพบผู้ป่วยจริง!!

"เมื่อไหร่คะ" เยว่หรูตอบกลับ เธอนั้นพร้อมมาก ทดสอบได้เลยขอแค่โอกาสเท่านั้น เธอจะทำอย่างสุดความสามารถเลยแหละ

"หากนัดวันหลังได้ไหม เพราะวันนี้ตาต้องออกไปข้างนอก" วันนี้คือวันที่ไม่มีคนอยู่ที่สมาพันธ์ ต่างคนต่างมีงานกันทั้งนั้น และที่สำคัญเขาอยากไปเห็นการทดสอบด้วยตาของเขาด้วยเช่นกัน

ต้องบอกว่าแต่ละจังหวัดหรือเมืองจะมีสมาพันธ์แพทย์แผนโบราณอยู่ทุกเมือง แต่พวกเขาไม่ได้เปิดเพื่อรับการรักษา เขาเปิดเพื่อให้คำปรึกษา แพทย์ที่อยู่ในสังกัดของสมาพันธ์นั้นต้องไปประจำตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ทางสมาพันธ์และรัฐบาลเป็นคนระบุ พวกเขาจะได้เงินเดือนจากทางรัฐบาลโดยตรง แต่หากเป็นหมอเท้าเปล่า พวกเขาจะได้จากหน่วยชุมชนหรือคอมมูน

"หากเป็นเสาร์อาทิตย์ หนูสะดวกทั้งวัน แต่หากเป็นวันธรรมดาหนูต้องไปเรียนในช่วงเช้า แต่หากคุณตาจะทดสอบในช่วงวันธรรมดาก็ได้ค่ะ หนูจะลาคุณครูมาทดสอบ" เยว่หรูตอบไปตามตรง เพราะในใบแนะนำตัวนั้นระบุแล้วว่าเธอยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

"โรงเรียนของหนูอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลประจำจังหวัดใช่ไหม" เพราะไม่แน่ใจว่าใช่ที่เดียวกันไหมเลยต้องสอบถามให้แน่นอน

"ใช่ค่ะ" เยว่หรูตอบ แต่ในใจก็อยากทดสอบพรุ่งนี้เลยเสียด้วยซ้ำ

"ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นวันจันทร์หลังเลิกเรียน เจอกันที่โรงพยาบาล ส่วนวันพรุ่งนี้ให้ทดลองทำงานเป็นผู้ช่วยที่โรงพยาบาลก่อน แล้วให้เขียนรายงานมาส่งในวันจันทร์" เมื่อเจอคนที่สามารถส่งเสริมได้ต้องรีบคว้าไว้ก่อนที่หน่วยงานอื่นจะมาแย่งตัวไป หากเก่งจริงก็ส่งเสริม แต่หากที่เขียนมาทั้งหมดคือการท่องจำแล้วนำมาเขียน ก็ค่อยว่ากันอีกที เมื่อคิดได้แบบนั้นเลยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอาใบส่งตัวมอบให้เด็กสาว

"เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณตา" เยว่หรูกล่าวขอบคุณพร้อมกับอ่านรายละเอียดในกระดาษ 

"รายละเอียดมีบอกไว้หมดแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนได้ เจอกันวันจันทร์" คุณตาเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ" เยว่หรูกล่าวขอบคุณอีกครั้งพร้อมกับเก็บเอกสารในกระเป๋าให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินยิ้มออกไปด้วยความสุขใจ

ทางด้านคุณตาที่อยู่ในสมาพันธ์มองตามเด็กสาว พร้อมกับก้มลงมองกระดาษคำตอบ เรื่องนี้มันน่าแปลกมาก แต่แนวทางการรักษาที่เด็กสาวเขียนมานั้นมันคือการรักษาแบบใหม่ที่กำลังจะเปิดเป็นหลักสูตรให้เรียนในปีการศึกษาหน้า ยังไม่มีการเปิดเผย ยังไม่มีหนังสือออกมา แล้วเด็กคนนั้นเอาแนวทางนี้มาจากไหน

"กลับมาแล้วครับอาจารย์ ขอโทษที่ต้องให้อาจารย์มาเฝ้าสมาพันธ์แทนครับ" เด็กหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในสมาพันธ์ รีบกล่าวขอโทษขออภัยอาจารย์ผู้เป็นประธานของสมาพันธ์แพทย์แผนโบราณประจำจังหวัด เพราะมีเรื่องเขาเลยต้องขอออกมาไปทำธุระสำคัญ ปกติจะมีคนอยู่ที่สมาพันธ์ตลอด แต่วันนี้ทุกคนล้วนมีงานล้นมือจนต้องเดือดร้อนถึงอาจารย์หม่าประธานสมาพันธ์ ดีที่ท่านเป็นคนใจดี ไม่อย่างนั้นคงต้องปิดทำการในวันนี้แล้ว

"ธุระเรียบร้อยดีไหม" อาจารย์หม่าถามเด็กที่เขาให้มาช่วยงาน แต่สายตาเขายังจับจ้องอยู่ที่กระดาษคำตอบของเด็กสาว... อยากให้ถึงวันจันทร์เร็ว ๆ อยากดูฝีมือของเด็กคนนี้จริง ๆ 

ทางด้านเยว่หรูเดินออกมาแล้วก็มองดูบ้านของคนในเมือง ผู้คนไม่ได้พลุกพล่านมากนัก อาจเพราะตรงนี้ไม่ใช่แหล่งชุมชน ไม่ได้มีห้างหรือสถานที่สำคัญมากนัก การซื้อขายทุกอย่างก็ต้องใช้ตั๋วใช้คูปอง มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ คิดถึงตลาดมืดตามหนังสือที่เคยอ่านทันที อยากไปแต่ไม่มีเงิน อยากขายแต่ไม่รู้จะเอาอะไรไปขาย...

เดินไปด้วยปลงไปด้วย เคยอยู่ในโลกที่เสรี... มีกิจการเป็นของตัวเอง พอเจออะไรที่เหมือนโดนบังคับ ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งคนอื่น เลยทำให้เธอไม่ชอบสักเท่าไหร่ แต่เธอไม่มีทางเลือกมากนัก บางครั้งคนเราก็ต้องเลือกทำในสิ่งที่ไม่ชอบ... เพื่อไม่ให้ตัวเองอดตาย... เพื่อชีวิตครอบครัวดีขึ้น ตราบใดที่ไม่ได้ทำร้ายคนอื่น... เยว่หรูก็สามารถทำสิ่งที่ไม่ชอบได้

การจะมีกิจการหรือมีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นคงอีกนาน เพราะเธอมาอยู่ในยุค 60 ซึ่งกว่าจะมีการเปิดการค้าเสรี ยกเลิกการใช้ตั๋วหรือคูปอง... ก็ประมาณปี 80 ซึ่งอีกนานเลยทีเดียว เธอไม่สามารถรอเปิดร้านค้าขายหรือรอเปิดคลินิกเป็นของตัวเองได้ 

ต้องหาทางทำงานในโรงพยาบาลของรัฐบาล เพราะว่ามีสวัสดิการดีกว่าอย่างอื่น ต้องค่อย ๆ ขยับขยายไปเรื่อย ๆ ยังไม่รู้เลยว่า... จะมีชีวิตอยู่ถึงตอนที่เปิดการค้าเสรีหรือเปล่า อาจอดตายก่อนก็ได้หากไม่ดิ้นรน 

หากตามโลกเดิมที่เคยรู้ ในปี 60 นี้ต้องเจอกับภัยธรรมชาติ น้ำท่วม ภัยแล้ง รวมถึงปัญหาทางการเมืองและวัฒนธรรม แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่รู้นักเขียนนิยายเรื่องนี้จะอ้างอิงและหยิบยกเอาอะไรมาบ้าง แต่เหตุการณ์พวกนั้นคือเหตุการณ์ที่หนักมาก มีความเป็นไปได้ว่านักเขียนจะหยิบยกมา ทางที่ดีต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือเสมอ...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status