.
.
“...กูไม่ได้พูดเล่น”
อนณพูดกับเพื่อนสาวของตนด้วยสีหน้าจริงจังแต่อลิซตอบกลับเขาด้วยท่าทีออดอ้อน การที่เธอทำแบบนี้มันคือการเชิญชวนเขาชัดๆ ถ้าผู้หญิงตรงหน้าของเขาไม่ใช่อลิซ เขาคงไม่คิดหนักแบบนี้แน่ และผู้หญิงตรงหน้าคงได้สลบเหมือดคาเตียงไปแล้ว ชายหนุ่มดึงมือออกโดยไม่พูดอะไรก่อนจะหันไปดึงผ้าห่มมาคลุมตัวของเธออีกครั้ง และหยัดตัวเต็มความสูงพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ แต่อลิซก็ยังไม่วายจะดึงรั้งแขนแกร่งของเขาไว้
“มึงรังเกียจกูหรอ?”
“...เปล่า...ไว้มึงมีสติค่อยพูดแบบนี้กับกูใหม่”
พูดจบอนณก็เดินออกจากห้องนอนของเขาไปพร้อมกับปิดประตูให้ก่อนที่ตัวเองจะยืนพิงประตูและเอามือกุมขมับของตนอยู่อย่างนั้น ภายในใจแอบขุ่นเคืองตัวเองไม่น้อยที่ปฏิเสธไปอย่างนั้น แต่เขาไม่อยากมีอะไรกับอลิซโดยที่เธอไร้สติแบบนี้ เพราะเขารู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาจะเสียใจภายหลังแน่ๆ
“อนณ...ใจแข็งไว้นะมึง”
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะภาพเรือนร่างของเพื่อนสาวยังคงติดอยู่ในหัวอยู่เลย ไหนจะสีหน้าแบบนั้นของเธออีก และเขายังต้องคอยย้ำตัวเองว่าเธอคือเพื่อน แต่ร่างกายของเขากลับไม่ได้เป็นไปตามความคิดเลย มันซื่อตรงกับความรู้สึกของเขาจนน่าหงุดหงิด อนณก้มมองเบื้องล่างที่ตื่นตัวขึ้นเต็มที่ก่อนจะถอนหายใจ และคิดว่าต้องหาทางจัดการเจ้าตัวที่ตื่นขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้าเขา
เช้าวันถัดมา
ติ่งต่องๆๆๆๆๆ
อนณที่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาที่เขาใช้เป็นที่นอนเมื่อคืน เพราะเสียงกดกริ่งหน้าห้องดังขึ้นไม่พัก ก่อนที่เขาจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูอย่างหัวเสีย เพราะนี่มันพึ่งจะเจ็ดโมงเช้าแต่กลับถูกก่อกวนทั้งที่เขานอนยังไม่เต็มอิ่มเลยด้วยซ้ำ เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องอย่างหัวเสียก่อนจะเห็นหน้าหล่อๆ ของเพื่อนๆ ที่ยืนเรียงหน้าสลอนอยู่หน้าห้องด้วยรอยยิ้มร้าย
“กว่าจะเปิดนะ มัวทำอะไรอยู่หรอไอ้เพื่อนรัก”
จีซัสพูดพร้อมกับเข้าไปล็อคอนณเชิงหยอกล้อ ก่อนที่คนอื่นๆ จะแกล้งต่อยเขาอย่างล้อเลียน เพราะคิดว่าเมื่อคืนอนณอาจจะข้ามเส้นคำว่าเพื่อนไปแล้วแน่ๆ ดูจากอาการของอลิซแล้ว คนอย่างอนณไม่พลาดแน่ๆ
“อะไรของมึงไอ้หมอ จะให้กูทำอะไรล่ะ ก็นอนดิไอ้เพื่อนเวร” -อนณ
“ใช่หรอ? ดูจากสภาพไอ้ลิซเมื่อคืนไม่น่ารอด” -แทนไท
“พวกมึงเป็นเพื่อนกูมากี่ปี? ทำไมถึงคิดว่ากูจะทำแบบนั้น” -อนณ
“เพราะเป็นเพื่อนรักกับมึงมานานเลยรู้ว่ามึงมันร้าย” -จีซัส
“มึงคงจะ...ยังไม่ได้ข้ามเส้นคำว่าเพื่อนหรอกนะ” -ลุคค์
“ข้ามเชี่ยไร เมื่อคืนกูนอนโซฟา ไม่งั้นกูคงไม่มาเปิดประตูให้พวกมึงหรอกไอ้พวกเวร”
อนณพูดอย่างหัวเสียพร้อมกับใบหน้าที่อึ้งทึ่งของเพื่อนๆ เพราะมันก็จริงอย่างที่อนณว่า ถ้าได้ทำเรื่องแบบนั้นแล้วคนอย่างอนณคงจะไม่ปล่อยให้รอดรับเช้าวันใหม่ที่สดใสได้อย่างแน่นอน ต่อให้อะไรเข้ามากวนเขาก็จะไม่สนใจ และมายืนทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงนี้แน่ๆ จีซัส แทนไท และลุคค์ ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ที่เพื่อนของพวกเขาพลาด ทั้งที่ใครๆ ก็ดูออกว่าอนณรักเพื่อนสาวของเขามากแค่ไหน แถมรักในแบบที่เกินกว่าเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน
“เออๆ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะมองหน้ากันไม่ติด”
ลุคค์พูดปัดๆ พร้อมยกยิ้มและไม่ได้ซักไซ้ถามอะไรต่อ เพราะพวกเขาเองก็ต้องรีบไปทำงาน ขืนซักไซ้ต่อคงได้เถียงกันอีกยาวแน่ๆ และเดี๋ยวจะไปทำงานสายกันหมด
“งั้นพวกกูไปทำงานก่อนนะ” -จีซัส
“เออ” -อนณ
เพื่อนๆ ตบบ่าของอนณเบาๆ ก่อนจะพากันเดินไปยังหน้าคอนโดเพื่อเรียกรถแท็กซี่และไปเอารถหรูที่จอดทิ้งไว้ในผับของลุคค์ อนณเห็นเพื่อนๆ ไปกันหมดแล้ว เขาจึงปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าห้องนอนของตนที่มีเพื่อนสาวแสนสวยนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเดินไปดึงผ้าห่มออกทำให้คนที่นอนหลับอย่างสบายใจถึงกับสะดุ้งก่อนอลิซจะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ
“อือ...”
“ตื่นได้ล่ะ วันนี้กูมีงานเช้า และมึงก็ต้องไปทำงานด้วย”
อลิซขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนจะพยักหน้ารับเพื่อนหนุ่มคนสนิท ความรู้สึกหนาวเหน็บจนขนลุกซู่ทำให้อลิซก้มมองตัวเองก่อนจะพบว่าบนร่างของเธอเหลือเพียงบราปีกนกและแพนตี้ตัวน้อยเท่านั้น ดวงตาสวยเบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างตกใจพร้อมกับรีบเงยหน้ามองเพื่อนรักของตน
“ไม่ต้องมามองกูเลย มึงเป็นคนถอดเอง”
“เฮ้อ...งั้นก็โล่งอก”
“กูเป็นคนเอาผ้าห่มปิดให้”
“ฮะ? ...เอ่อ...แล้วมึง...เห็น...”
“ทำไม? ...เห็นมึงแก้ผ้าแล้วทำไม?”
“ป...เปล่าๆ งั้นก็ออกไปเซ่ จะยืนมองทำซากอะไรล่ะ”
อลิซตอบพลางหลบสายตาคมของเพื่อนชายที่จ้องมองเธอไม่วางตา ก่อนเธอจะหันไปแผดเสียงใส่เขา เพราะรู้สึกว่าเขาจ้องมองเธอนานจนเธอเริ่มเขินเองเสียแล้ว อลิซดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเพื่อหลบสายตาคมนั้นอย่างเขินๆ
“หึ...แค่นี้ทำเป็นเขิน...ทีเมื่อคืนไม่เห็นเขินแบบนี้เลย แถมยังใจกล้า...”
“เมื่อคืน? ... ท...ทำไม?”
“...มึงรู้อยู่แล้วหรือแกล้งไม่รู้?”
อนณหรี่ตาคมมองอลิซที่ไม่กล้าสบตาเขาเวลาเขาถามอย่างสงสัย ใบหน้าที่แดงเรื่อขึ้นของเพื่อนสาวมันเหมือนบ่งบอกว่าเธอจำเรื่องเมื่อคืนได้อย่างไงอย่างนั้น อลิซไม่ได้ตอบอะไรอนณจึงเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะโน้มตัวลงไปจ้องมองใบหน้าของอลิซใกล้ๆ อลิซเอนตัวหลบตามสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าหล่อของผู้เป็นเพื่อนเริ่มใกล้เกินไป
“อะ...อะไร...”
“มึงยังไม่ตอบกูเลย”
“ก็...ก็...”
“หืม? ...”
ใบหน้าของอนณใกล้เข้าไปเรื่อยๆ อลิซก็หนีเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ล้มตัวลงราบกับเตียงเพราะการกดดันของอนณ และเขาเองก็คร่อมร่างเธอไว้และยังไม่วายมองเธออยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเพื่อนหนุ่มใกล้แค่คืบและเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมถอยออกไปแน่ๆ อลิซจึงรีบมุดลงใต้ผ้าห่มเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวถึงใบหู
“หึๆ ...เมื่อคืนยังยั่วกูอยู่เลย แล้วตอนนี้มึงจะกลัวอะไร?”
“มึงเลิกแกล้งกูเถอะ ถ้ามึงจะทำมึงทำไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ก็เมื่อคืนมึงไม่มีสติ ตอนนี้มึงมีสติกูอยากทำตอนนี้มากกว่า”
“ฮะ?! จะบ้าหรอ...เราเป็นเพื่อนกัน”
“ขนาดมึงรู้อย่างนั้นยังกล้ายั่วกูนะ”
“กูไม่ได้ตั้งใจโว้ย!”
อลิซเถียงเพื่อนของตนทั้งที่ยังอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างนั้น อนณอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมากับท่าทางของเพื่อนสาวที่ดูเขินอย่างจริงจัง ก่อนลุกออกจากตัวของเธอไปยืนข้างเตียงแทน อลิซจึงโผล่หน้าขึ้นมาจากผ้าห่มพร้อมส่งสายตาอาฆาตใส่เพื่อนหนุ่มคนสนิทที่แกล้งเธอ
“ฮ่าๆๆ มึงนี่แม่งเหมือนเต่าเลย”
“มึงชอบแกล้งกูอ่ะ”
“แล้วมึงจะเขินทำไม กูเพื่อนมึงนะ”
“มึงก็ไม่ได้ขี้เหร่นะอนณ มึงหล่อระดับซูเปอร์สตาร์เป็นใครจะไม่เขิน”
“ปกติไม่เห็นมึงเขิน”
“ก็...กูพึ่งตื่น...ก็มีตกใจบ้าง”
“เหรอ”
“ออกไปได้แล้ว กูจะอาบน้ำไปทำงาน”
“อาบด้วยกันเลยไหม? ยังไงก็ไม่เขินอยู่แล้วจะได้ไม่เสียเวลา”
“ไอ้บ้า...เพื่อนที่ไหนเขาอาบน้ำด้วยกัน ออกไป๊!”
อลิซพูดพร้อมกับขว้างหมอนใส่อนณที่ยังคงยืนหน้าระรื่นกวนประสาทเธออย่างนั้น ก่อนที่อนณจะยอมกลับห้องไปแต่โดยดีเพราะเขาเองก็มีคิวงานที่ต้องไปแต่เช้าเหมือนกัน เมื่อทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย อนณก็ยังไม่วายจะอาสาไปส่งอลิซที่บริษัท เขาบอกว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว แม้อลิซจะค้านว่าไม่ต้องแต่เพื่อนรักของเธอก็ไม่ยอมอยู่ดี จนแล้วจนรอดเธอก็ต้องมาทำงานพร้อมกันกับเขาอยู่ดี
“เดี๋ยวเย็นนี้กูมารับ”
“ไม่ต้องก็ได้”
“แล้วมึงจะกลับยังไง?”
“กลับได้น่า แค่นี้สบายมาก”
“ไม่ กูจะมารับและมึงต้องรอกูมารับด้วย”
อนณยื่นคำขาดก่อนที่อลิซจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ รถตู้สีดำทึบแล่นมาจอดยังหน้าบริษัทของเธอ อลิซเตรียมตัวจะลงจากรถแต่ก็ถูกอนณคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน อลิซหันไปมองหน้าเพื่อนของตนอย่างสงสัย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
“อะไรหรอ?”
“เปล่า...”
“เปล่าก็ปล่อยสิ”
“คือ.....”
“สรุปว่ามีอะไร?”
“จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดเถอะครับไอ้พระเอก เรามีนัดกับผู้กำกับนะเว้ย”
แซมที่มองดูพวกเขาจากกระจกหลังอยู่นานได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าและยิ้มเหมือนรู้ทันเด็กในสังกัดของตน อนณส่งสายตาดุผ่านกระจกให้แซม ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับอลิซที่ยังคงทำหน้าสงสัย
“ตั้งใจทำงานนะ อย่าลืมรอกูมารับตอนเย็น วันนี้กูเลิกเร็ว”
“แค่นี้? ...แชทมาก็ได้มั้ง”
“เออ...แค่จะบอกว่าตั้งใจทำงาน”
“กูก็ตั้งใจของกูทุกวัน”
“มึงนี่ขยันทำลายบรรยากาศนะ”
“บรรยากาศอะไรอีกอ่ะ?”
อลิซยังคงทำหน้างง แต่อนณกลับพ่นลมหายใจยาวเมื่อดูเหมือนว่าเพื่อนสาวของเขาจะไม่ยอมเข้าใจความหมายของคำพูดตนเลย แต่ก็ไม่แปลกเพราะอลิซยังไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไง ขนาดเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเธอ แต่ก็คิดเสมอว่าเพราะรักเพื่อนและอีกอย่างพวกเขาสนิทกันมานานมากอาจจะคิดว่าเหมือนคนในครอบครัวก็ได้
“ไปทำงานเถอะ”
“อ้าว...”
อนณพูดตัดบทก่อนที่อลิซจะลงจากรถทั้งที่ยังไม่หายสงสัย รถตู้แล่นไปจนลับตาแต่อลิซพึ่งจะเผยรอยยิ้มอย่างเขินๆ กับตัวเอง ถึงมันจะแปลกๆ แต่เธอกลับดีใจที่เขาพูดออกมาแบบนั้น และไหนจะท่าทีแปลกๆ นั้นอีก มันชวนให้คิดไปไกลเสียจริงๆ
“อลิซเอ๊ย...เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย...อนณเป็นเพื่อนแกมานานแล้วนะ”
อลิซพูดอย่างเขินๆ พร้อมกับยืนบิดอยู่คนเดียวหน้าบริษัทก่อนจะสะบัดความคิดเมื่อครู่ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองมีสติ เธออาจจะแค่หวั่นไหวเท่านั้นอาจจะเพราะเธอโสดมานานเกินไปก็ได้ อลิซคิดแบบนั้นก่อนจะเดินเข้าไปทำงาน
.
.
.
“สรุปพวกมึงยังไง?” - แทนไท ลุคค์ แซม พูดขึ้นพร้อมกัน“อ้าว พวกมึงยังไม่รู้หรอ?” -จีซัส“ถามไอ้ลิซดิ” -อนณ“อ้าว ทำไมโยนมาให้กูอ่ะ” -อลิซ“พูดกับผัวดีๆ ดิ” -อนณ“อะไรของมึง อนณมันปล้ำกูไงเลยต้องยอม” -อลิซ“อ้าว! ไอ้เหี้*นณ” ทุกคนหันไปคาดโทษอนณก่อนจะรุมต่อยเขาหยอกๆ จีซัสเองก็ไม่วายร่วมวงด้วย อนณเอามือกันตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปสบตากับจีซัส“มึงรู้แล้วไม่ใช่หรอไอ้จี” -อนณ“เออ แต่อยากร่วมวงด้วย” -จีซัส“มึงนี่ตัวดีเลยไอ้หมอ” -ลุคค์“กูเปล๊า” -จีซัส“กูไม่ได้ปล้ำมัน ไอ้ลิซมันเรียกกูไปหาเอง” -อนณ“พวกมึงจะเชื่อกูหรือเชื่อมันอ่ะ” -อลิซ“ไม่เชื่อทั้งคู่อ่ะ พอๆ กันเลยพวกมึงสองตัว” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้า อลิซมองดูทุกคนอย่างยิ้มๆ ภายในใจคิดว่าไม่อยากให้บรรยากาศอย่างนี้หายไปเลย พวกเพื่อนๆ คือสิ่งที่เธอเหลืออยู่“ถ้ากูคบกับอนณพวกมึงจะเปลี่ยนไปไหม?” -อลิซ“มึงพูดอะไรของมึง เพื่อนนะไม่ใช่ผัว” -จีซัส
“พี่อลิซ!...คุณอนณ..” ต้นชาหันไปเห็นอลิซก่อนจะเรียกชื่อของเธอ สายตาของเขาเลื่อนไปที่มือของอลิซที่อนณจับกุมไว้แน่น ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชายต่างแม่ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพวกเขาเดินจับมือกันเข้ามาในห้องพักรักษาตัวของผู้เป็นพ่อ“แก! แกยังจะกล้าทำแบบนี้กับอลิซอีกหรอ!! ไอ้เลว!!” อิ่มอุ่นผู้เป็นแม่เลี้ยงเดินเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวของอลิซออกมา แต่อนณกลับดึงอลิซไปข้างหลังแล้วเอาตัวบังไว้ เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงเบากับผู้เป็นแม่เลี้ยงจนทำให้สีหน้าของเธอนั้นถึงกับตกใจ“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายของคุณรู้ความจริงก็อย่าเสียงดังไป...ยายชุลีบอกผมหมดแล้ว เรื่องนี้ผมจะบอกพ่อเอง อย่ายุ่ง!”“แก! กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวของฉัน!!”“ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไว้กับยายแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ลูกสะใภ้ของคุณเท่านั้น” อลิซพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลลงมาอาบสองแก้ม อิ่มอุ่นมองลูกสาวของตนอย่างเจ็บปวดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับลูกสาวจริงๆ“แม่...แม่ขอโทษ
“พ่อมึงปลอดภัยแล้ว” จีซัสเดินเข้ามาบอกเพื่อนของเขาที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่หลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินมาพร้อมกับบ่าอนณเบาะๆ เพื่อปลอบใจ อนณเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าและเพื่อนของเขาคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องของพ่ออย่างเดียว“ไปคุยกับกูที่ห้องทำงานก่อนไหม?”“อืม”จีซัสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำงานของเขาโดยมีอนณเดินตามหลังไป ปล่อยให้ต้นชาและแม่อิ่มนั่งเฝ้ารอพ่อของเขาออกจากห้องฉุกเฉิน เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่นำพาครอบครัวของเขาและอลิซมาเจอกัน ดันมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน อนณคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกันมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงไม่พ้นอลิซที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา และเขากลับเอาน้องสาวตัวเองทำเมีย“มีเรื่องอะไร?”“พ่อกูบอกว่าอลิซ....เป็นน้องสาวกู..”“ฮะ?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเหี้*มากนะ”“กูสิเหี้* ...ก็กูไม่รู้” อนณพูดก่อนจะน้ำตาไหลพรากออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน มือหนากุมขมับปิดบังหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา จีซัสถอนหายใจก่อนจะตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้ง
“กูรักมึง...เกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว”“.........”“แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองไง เพราะเหมือนยังไงมึงก็ไม่มองกูเป็นอื่น”“แล้วทำไม...”“เพราะกูข้ามเส้นนั้นมาเอง ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนคู่ขา หรืออะไรอย่างนั้นนอกจากแฟนมึง”“อนณ...”“ตั้งแต่ได้กับมึงมากูไม่คิดอยากจะไปเอากับใครอีกเลย...กูสัญญาว่าจะไม่แรดอีก”“คือ...”“คบกับกูได้ไหม?”“มึงคือว่า....”“เป็นแฟนกันเถอะนะ”“ไม่ได้...” อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าจริงจัง และเธอก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาเพื่อนของตน“ทำไม? ...ลิซ มองหน้ากูแล้วตอบ”“อนณ...มึงมีคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้ว” อนณเอื้อมมือไปจับใบหน้าสวยนั้นให้หันกลับมามองเขา อลิซตอบทั้งน้ำตา คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าที่จริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเข้นเสียงลอดไรฟันถามเพื่อนสาวอย่างใจเย็น“มึง...ไปเจอพ่อกูมาใช
“ขอโทษนะครับ ช่วยหลีกทางหน่อย” อนณพูดอย่างไม่คิดจะสนใจผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะบิดม้วนต้วนเป็นไข่ม้วนพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาแค่ไหนก็ตาม ถ้ายุ่งเรื่องมันก็เหยิงไปกว่านี้“อะ...เอ่อ...คือว่า...”“.........”“พี่ลิซไม่มาด้วยหรอคะ? พอดีมีเรื่องจะคุยกับพี่ลิซเรื่องงาน”“ไม่มาครับ” อนณตอบเสียงเรียบพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นแทน สาวเจ้าก็ยังคงทำท่าขวยเขินใช้แขนบีบอกให้ชิดติดกันจนเป็นร่อง เสื้อยืดเจ้าหล่อนก็คอลึกเสียเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่อนณไม่มอง“งั้นพานุ่นไปที่คอนโดด้วยได้ไหมคะ? นุ่นว่าจะนั่งแท็กซี่ไปแต่ไม่รู้ทางเลย”“คงจะไม่ดีมั้ง”“นะคะ...นุ่นไม่รู้ทางจริงๆ” หญิงสาวพูดก่อนจะกระโดดเข้าเกาะแขนอนณอย่างตั้งใจให้เจ้าอกเจ้าเต้าของตนชนแขนเขา อนณผงะตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก มารับปากก็คงจะเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ“เข้าใจแล้ว...ช่วยปล่อยมือด้วย” อนณตอบพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นมองหน้าหญิงสาวและแขนของเขาสลับกันเป็นเชิงบอก นุ่นมองหน้าอนณพร้อมกับยิ้มก่อนจะยอมปล่อ
“จะรีบเสร็จก่อนกูได้ยังไง...นี่พึ่งเริ่มเองนะ” เขายกยิ้มร้ายก่อนจะจับกำแก่นกายใหญ่ของตนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับรูดมันเข้าออกอีกสองสามครั้งแล้วจับแก่นใหญ่นั้นจ่อปากทางแคบ เพื่อนสาวเบิกตากว้างพึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันอลังการขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ...และคิดว่าไอ้นั่นหรอที่มันเข้าไปในกายเธอเมื่อคืน...“อ๊ะ!!! อ๊ายยย!! ยัง..เจ็บอยู่เลย...” อลิซถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับไอ้แท่งนั้นยัดเข้าไปก่อนจะดันมันเข้าไปทีเดียวมิดลำ เขาทำหน้าเหยเกเพราะภายในยังคงรัดแน่นไม่คลาย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“อืมมมม...มึงอย่ารัดกูแน่นนักสิ...จะขยับไม่ได้อยู่แล้ว” เขาไม่พูดเปล่าพร้อมขยับสะโพกออกก่อนจะกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนักๆ รอบนี้เขาจะไม่กัดฟันทนทำแบบเนิบๆ อีกต่อไป สะโพกหนาเริ่มโยกเป็นจังหวะที่เขาต้องการเพราะความคับแคบและบีบรัดแน่นทำให้เขาต้องขบกรามอย่างข่มอารมณ์“อ๊า! อ๊า!” เสียงครางใกล้ๆ หูทำเอาอารมณ์ของเขาคุกรุ่นกว่าเดิม ใบหน้าสวยของเพื่อนสาวยบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์แรงราคะนั้นมันทำให้เขาอดใจไม่ไห