บทที่ 2
“ทูลฝ่าบาท“ เมื่อรัชทายาทเดินออกไปแล้ว ไอแซ็กก็เดินกลับเข้ามาหากษัตริย์ เพื่อเตือนสติกษัตริย์ไม่ให้ตามใจพระราชโอรสจนก่อให้เกิดสงครามใหญ่ “มีอะไร” “กระหม่อมขอทูลว่าการมีปัญหากับคนผู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นไม่ใช่เพียงเป็นหลานชายของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ แต่ยังเป็นหลานชายของประธานาธิบดีเดมอนด้วย และเบื้องหลังของคนผู้นั้นก็เป็นประธานสภามาเฟีย ผู้ควบคุมมาเฟียทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกอยู่ในตอนนี้” “....” “หากมีปัญหากับซากุระ เดมอนจะต้องแทรกแซงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันถล่มเรา ฝ่าพระบาททรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ”....“ “แม้ประเทศของเราจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมายาว แต่หากสองมหาอำนาจอันดับสองและสามของโลกทรงร่วมมือกัน ประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้สงครามพ่ะย่ะค่ะ” “ซากุระมีเดมอน แต่เรามีซาเรสตาและโรดามอร์ โรดามอร์คือมหาอำนาจอันดับสี่ของโลก ส่วนซาเรสตาคือมหาอำนาจอันดับห้าของโลก นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนประเทศพันธมิตรมากกว่าซากุระและเดมอน ความต่างตรงนี้จะทำให้เราชนะสงคราม” “ฝ่าพระบาท ซากุระไม่ได้มีเพียงเดมอน แต่ทุกประเทศทั้งทวีปเอเชียเป็นพันธมิตรกับซากุระทุกประเทศพ่ะย่ะค่ะ” “ในเอเชีย...นอกจากซากุระ ก็มีแค่จีน ที่ยังพอทำให้เรารู้สึกหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย แต่ประเทศอื่นๆ กระจอกเกินกว่าจะเข้าร่วมสงคราม ไม่ต้องกังวลไปหรอก บริทแลนด์ไม่เคยแพ้สงคราม และจะไม่มีวันแพ้” @วันต่อมา ในยามเช้าของวันต่อมา พระเจ้าโอเชียนนัสและสมเด็จพระราชินีนาตาชา พร้อมกับพระราชธิดาก็เดินทางมาถึงพระราชวังจากัวร์ พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้า กษัตริย์แห่งเฮลิโอสและสโคลเดน พระองค์ทรงมีพระราชโอรส-ธิดา ร่วมกันทั้งหมดสี่พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายฟิลิปป์ ดยุกแห่งเซอร์เบอรัส พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ดยุกแห่งไดร์วูล์ฟ พระราชโอรสพระองค์ที่สอง เจ้าหญิงแอนเจลีก้า เป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สามและเป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว เจ้าชายอาร์เธอร์ ดยุกแห่งเกรย์วูล์ฟ พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็ก ในวันนี้ พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ของพระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าไม่ได้มาด้วย เพราะไม่ได้รับเชิญ มีเพียงเจ้าหญิงแอนเจลีก้าเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้มาร่วมคณะล่าสัตว์กับพระราชบิดาและพระราชมารดา ตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง โดยการเดินทางมารวมล่าสัตว์ครั้งนี้ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าไม่ได้อยากมาด้วยเลยสักนิด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของพระราชบิดาได้ เมื่อเดินทางมาถึง กษัตริย์ทั้งสองประเทศก็กล่าวทักทายกันอย่างสนิทสนม เมื่อเจ้าหญิงแอนเจลีก้าพบหน้าเจ้าฟ้าชายคาร์ดอส เจ้าหญิงก็สะดุ้งตกใจเบาๆ ด้วยความหวาดกลัว สายตาของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสจ้องมองมาที่เจ้าหญิงแอนเจลีก้าตั้งแต่เดินออกจากวัง มาจนกระทั่งตอนนี้ ก็ไม่ได้ละไปจากใบหน้าอันงดงามของเจ้าหญิงแอนเจลีก้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าหญิงแอนเจลีก้า มีดวงตาสีน้ำเงินฟ้า ริมฝีปากอวบอิ่ม เป็นสีกุหลาบ ผิวกายขาวเผือก ผมสีส้มแดงธรรมชาติ จมูกโด่งเรียวเป็นสัน มีส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เจ้าหญิงแอนเจลีก้าเป็นผู้หญิงที่ได้รับการโหวตให้เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยที่สุดในโลกมานานหลายปี และความสวยกับรูปร่างอันแสนเพอร์เฟคของเจ้าหญิง ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสอยากจะได้เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามาครอบครอง เป็นอย่างมาก การมองอย่างเปิดเผยของเจ้าฟ้าชายคาร์ดอส ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคาม รู้สึกอึดอัดและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เจ้าหญิงจึงก้มหน้าหลบสายตา แม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหญิงโดนสายตาคุกคามของเจ้าฟ้าชายจ้องมองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ชิน ไม่เคยชินเลยสักครั้ง "เจ้าหญิง“ เจ้าฟ้าชายคาร์ดอสเอ่ยทักทายเจ้าหญิงแอนเจลีก้าต่อหน้าพระราชมารดาและพระราชบิดาของเจ้าหญิง ”....“ มือบางกำกระโปรงแน่นพลางช้อนตามองคนทักทาย เจ้าหญิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ไม่ยอมเอ่ยทักทายกลับ ทำให้สมเด็จเจ้าฟ้าชายไม่พอใจ “เราดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้ง” เจ้าชายยื่นมือออกไปเพื่อจะจับมือทักทาย ”....“ ทว่าก็ไร้การตอบสนอง เจ้าหญิงกำกระโปรงของตัวเองแน่นขึ้น ทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สอง รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นอกจากเจ้าหญิงจะไม่ทักทายกลับแล้ว หนำซ้ำยังไร้การตอบสนอง ทำราวกับว่าเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสและพระราชบิดา ไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ เหมือนจงใจไม่ให้ค่า ทั้งที่ก็ยืนหัวโด่กันอยู่ นี่ถือเป็นการเสียมารยาทอย่างร้ายแรง สมเด็จพระราชินีนาตาชาเห็นลูกสาวทำตัวไม่เหมาะสม ก็รีบสะกิดและส่งสายตาเอ็ด ทว่าเจ้าหญิงก็ยังคงนิ่งเฉย “ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรบริทแลนด์ เจ้าหญิงแอนเจลีก้า” สมเด็จเจ้าฟ้าชายเอ่ยทักทายอีกครั้ง แต่เจ้าหญิงก็ยังคงก้มหน้าเงียบเหมือนเดิม ทำให้พระราชบิดาและพระราชมารดารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก พระราชบิดาพระราชมารดาของเจ้าหญิงและผู้ติดตามต่างส่งสายตามาที่เจ้าหญิงเชิงสั่งให้เจ้าหญิงทักทายสมเด็จเจ้าฟ้าชายกลับไปเดี๋ยวนี้ คนของฝั่งของเจ้าหญิงดูร้อนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะสถานการณ์ภายในราชวงศ์วูล์ฟ ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก หากสร้างศัตรูเพิ่มเกรงว่าราชวงศ์วูล์ฟจะต้องถูกกวาดล้างเร็วมากขึ้น พระบิดาของเจ้าหญิงเดินทางมาตามคำเชิญก็เพราะว่าต้องการให้กษัตริย์คาร์โลช่วยเหลือ ราชวงศ์สไมโลดอน ของกษัตริย์คาร์โล เป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลกและมีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้ พระเจ้าโอเชียนนัสจึงต้องการให้กษัตริย์คาร์โลช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ก่อนที่สถานการณ์ภายในประเทศจะย่ำแย่บานปลายไปมากกว่านี้ ทว่าเจ้าหญิงแอนเจลีก้ากลับไม่ให้ความร่วมมือกับพระราชบิดาแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังจะเพิ่มความยากลำบากให้กับพระราชบิดาและราชวงศ์ มากขึ้นไปอีก “เจ้าบ้านทักทายแล้ว จะไม่ทักทายเจ้าบ้านกลับหน่อยเหรอครับ เจ้าหญิง” สมเด็จเจ้าฟ้าชายกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลติดตลกเหมือนว่ากำลังหยอกเย้าเอ็นดู ทว่าความจริงกำลังคาดโทษ ‘เขาช่างเสแสร้ง ตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเขาไม่ใช่คนดีแบบนี้ เขามันคนเลว เลวที่สุดที่ฉันเคยพบเจอมาทั้งชีวิต‘ เจ้าหญิงเอ่ยในใจอย่างเกลียดชัง “....” แต่ถึงคนตรงหน้าจะพูดอย่างนั้น เจ้าหญิงก็ยังคงไม่ทักทายกลับ ทำเพียงแค่ถอนสายบัวตามธรรมเนียม ที่เจ้าหญิงที่ไม่ใช่รัชทายาท ต้องถอนสายบัวต่อหน้าเจ้าชายรัชทายาท เพื่อแสดงความเคารพต่อตำแหน่งของเจ้าชายที่มียศสูงกว่า “ลูกรัก” สมเด็จพระราชินีนาตาชาสะกิดลูกสาว ทำให้เจ้าหญิงจำใจยื่นมือไปทักทายสมเด็จเจ้าฟ้าชาย เจ้าชายยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับมือเจ้าหญิง “ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบฝ่าบาท” เจ้าหญิงกล่าวทักทายกลับตามมารยาทอย่างฝืนใจ สุดๆ สมเด็จเจ้าฟ้าชายยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปพูดข้างกกหูของเจ้าหญิงให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคนว่า... “เข้าป่าเมื่อไหร่เธอโดนแน่”บทที่ 20“แก้ตัว”เจ้าชายคาร์ลอสเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่น่ากลัวราวกับใบมีดบางเฉียบที่เฉือนลึกจนคนฟังตัวแข็งทื่อ แม้แต่เจ้าหญิงแอนเจลีก้าที่นั่งอยู่ข้างกายก็รู้สึกเหมือนร่างแข็งเป็นหิน เลือดในกายหยุดไหล “ถ้าทำงานดี ไอ้เวรนั่นมันไม่มีทางแตะเส้นทางของเราได้ อีกเรื่อง…” คำพูดหยุดลงเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าชายจะปรายตามองด้วยสายตาที่เย็นชาราวน้ำแข็ง “โคเคนล็อตนี้คุณภาพต่ำกว่าที่มันควรจะเป็น”ความเงียบงันเข้าปกคลุมทั้งห้อง ในขณะที่มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟหน้าซีดเผือด เหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นตามไรผม“พวกแกคิดว่าฉันโง่พอที่จะไม่รู้เรื่องนี้สินะ” “....” มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟนั่งตัวสั่น แต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปาก“ลดคุณภาพเพื่อเก็บส่วนต่างเข้ากระเป๋าตัวเอง” เจ้าชายเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน เสียงต่ำหนักของเจ้าชายทำเอาหัวใจของทั้งสองแทบหยุดเต้น สายตาของเจ้าชายที่มองมายังพวกเขานั้นเย็นชาเหมือนไม่ใช่มนุษย์“มะ...ไม่มีทางครับท่าน...พ...พวกเราไม่มีวันทำแบบนั้น” มิสเตอร์บิลละฮ์รีบโพล่งออกมา เสียงสั่นจนฟังแทบไม่เป็นคำ“ถ้าฉันเชื่อคำพูดของพวกแก…” เจ้าชายหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาถือ มุมปากบิดยิ้ม
บทที่ 19เจ้าชายคาร์ลอสปรายตามองพวกเขา ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย เจ้าชายเอนหลังพิงโซฟาในท่าทางผ่อนคลายอย่างคนที่รู้ว่าตัวเองอยู่เหนือทุกสิ่ง ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าคริสตัลใสที่บรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นมาจิบ ละเลียดชิมรสชาติเข้มข้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระดกมันรวดเดียวจนหมดแก้ว กังเสียงกระแทกแก้วลงบนโต๊ะหินอ่อนดังขึ้นเบาๆ ทำให้ทุกคนในห้องหยุดหายใจชั่วคราว เจ้าชายยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง สายตาคมกริบกวาดมองไปที่มิสเตอร์บิลละฮ์และมิสเตอร์อัชรอฟ“โคเคนล็อตใหม่ครับท่าน” มิสเตอร์บิลละฮ์ยื่นถาดเงินที่วางผงสีขาวบริสุทธิ์ให้เจ้าชายเจ้าชายคาร์ลอสแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้ถาด มือหนายกขึ้นปัดผมด้านหน้าเล็กน้อยให้พ้นจากดวงตา จมูกโด่งคมคายโน้มลงไปสูดผงสีขาวอย่างช่ำชอง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะที่ผงโคเคนไหลผ่านปลายจมูกตรงเข้าสู่ร่างกาย เสียงสูดดังหวีดในความเงียบของห้อง ทำให้ทุกคนในที่นั้นมองเขาด้วยสายตาที่ยำเกรง เจ้าชายผละใบหน้าออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเอามือปัดจมูกเบาๆ เพื่อขจัดคราบผงที่ติดอยู่ เขาพิงตัวกลับไปบนโซฟาอีกครั้ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มกวนๆ ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและอันตราย เจ้าหญิ
บทที่ 18แม้เจ้าหญิงจะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่ไข่สั่นก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำเอาร่างบางนั่งตัวเกร็ง สะโพกและต้นขาสั่นระริกจนยากจะควบคุม สองมือบางกำพนักเก้าอี้แน่น ใบหน้าเรียวขึ้นสีแดงระเรื่อ ผมยาวสลวยก็ตกลงมาปรกแก้มนวลเพราะอาการหอบหายใจแรงจากความกระดากอาย“หึ” องค์รัชทายาทที่นั่งไขว่ห้าง แค่นหัวเราะในลำคอหนาออกมาเบาๆ สายตาคมกริบกวาดมองจากใบหน้าที่แดงเรื่อไล่ลงไปยังกลางหว่างขา ซึ่งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานสีใส เจ้าหญิงก้มหน้าหลบสายตานั้น มือบางกำกระโปรงแน่น ดวงตากลมโตเอ่อคลออย่างพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะหนีออกไปจากสถานที่นี้ให้ได้องค์รัชทายาทแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงไข่สั่นออกมาจากช่องทางรักบวมช้ำ“อ๊ะ” เจ้าหญิงก็สะดุ้งเจ็บเบาๆ รีบดึงกระโปรงลง เจ้าชายมองท่าทีนั้นด้วยความสมเพช ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก แล้วยื่นให้เธอเจ้าหญิงตวัดตาขึ้นมองเขาอย่างลังเล ทั้งรู้สึกอายและขุ่นเคืองในเวลาเดียวกัน แม้จะเกลียดเขาแทบขาดใจ แต่ในสถานการณ์นี้ เธอกลับไม่อาจปฏิเสธได้ เธอยื่นมือไปรับเสื้อคลุมมาคลุมกระโปรงไว้อย่างไม่เต็มใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาขยับกว้างขึ้น พึงพอใจที่เห็นเธอยอมรับความช่วยเหลือจากเ
บทที่ 17มือหนาขององค์รัชทายาทแหวกแพนตี้ออกให้พ้นทาง ก่อนจะแยกกลีบบวมช้ำ ลูบไล้เบาๆ บริเวณคลิตอริส สัมผัสอ่อนโยนแต่หนักแน่น ทำเอาเจ้าหญิงตัวสั่นเล็กน้อย ร่างสะดุ้งเป็นระยะๆ ทุกการสัมผัสราวกับกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา ที่ร้องไห้ ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แต่เป็นความรู้สึกที่เกินจะควบคุมมือหนากระตุ้นคลิตอริสแรงขึ้น ทำให้น้ำหวานสีใสค่อยๆ ไหลเยิ้มออกมาเปรอะเปื้อนปลายนิ้วหนา องค์รัชทายาทมองดูน้ำหวานสีใสบนนิ้วของตัวเองพลางยกยิ้มมุมปากก่อนจะค่อยๆ สอดนิ้วชี้เข้าไปในช่องทางแคบๆ สัมผัสลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม เจ้าหญิงก็ตัวสั่น มือเล็กๆ จับมือหนาของเขาไว้แน่น ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากอวบอิ่มก็เม้มแน่น พยายามกลั้นเสียงครางที่กำลังจะหลุดออกมา“ยะ...อย่าเพคะ...” เสียงเจ้าหญิงแผ่วเบาและสั่นเครือ ดวงตากลมโตหันมององค์รัชทายาทด้วยความเว้าวอน “ไม่ชอบนิ้ว?”“...เพคะ”“เอาดุ้นแทนไหมล่ะ?” “ไม่เพคะ” เจ้าหญิงปฏิเสธทันทีองค์รัชทายาทแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน มันเป็นไข่สั่นไร้สายระยะไกล ควบคุมผ่านมือถือ เจ้าหญิงผู้ไม่ประสีประสาเรื่องลามก
บทที่ 16“แต่จะว่าไป เจ้าชายฮินาโตะก็หล่อใช่ย่อยนะ” หญิงสาวคนหนึ่งในชุดสีแดงสดพูดขึ้น “หล่อแล้วยังไงล่ะ?” หญิงสาวอีกคนยักไหล่อย่างไม่แยแส “เจ้าชายเอเชียก็คือเจ้าชายเอเชีย จะไปเทียบกับเจ้าชายยุโรปได้ยังไง? ไม่มีทาง”“ใช่ ยังไงพวกเราชาวยุโรปก็เหนือกว่าอยู่ดี” อีกคนเสริมขึ้นอย่างภูมิใจ “ผิวขาว ผมบลอนด์อย่างพวกเรา คือจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง”เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในกลุ่ม พวกเธอเหลือบตามองไปยังเจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้แสนสวย แต่ดูเหมือนความสวยนั้นจะไม่ช่วยให้พวกหล่อนหยุดนินทาได้“เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก็สวยอยู่หรอก” หญิงสาวชุดแดงพูดอีกครั้ง แต่เธอทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงแหลมต่ำ “แต่ก็นะ…ถึงจะสวยแค่ไหน ก็ไม่เหมาะกับองค์รัชทายาทของพวกเราอยู่ดี”“จริง เจ้าหญิงหัวแดง ผิวเผือกอย่างเธอน่ะเหรอ? จะคู่ควรกับตำแหน่งราชินีของจักรวรรดิเรา ไม่มีทางหรอก” หญิงสาวผมบลอนด์หัวเราะหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจที่ไม่ปิดบัง“พูดถึงเรื่องนี้…” หญิงสาวในชุดเดรสสีเขียวเอ่ยขึ้นบ้าง เธอปรายตามองไปทางเจ้าหญิงแอนเจลีก้าด้วยความไม่พอใจ “ตั้งแต่อดีตมา เชื้อพระวงศ์ของเราก็เลือกเจ้าสาวที่ผมบลอนด์ทั้งนั้น เพื่อร
บทที่ 15เจ้าชายคาร์ลอสเดินเข้ามาในห้องบรรทม โดยมีเจ้าหญิงแอนเจลีก้านั่งอยู่บนเตียงนอน กำลังทานยาที่ถูกนำมาให้ แต่เมื่อเห็นองค์รัชทายาทเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอก็ยังคงไม่แสดงอารมณ์มากนัก เธอเพียงปรายตามองเขาผ่านเสี้ยวหนึ่งของดวงตา แล้วก็หันไปทานยาต่ออย่างไม่สนใจ ไม่พูดอะไรเลย“นี่มิสซิสเดลล่า จะเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้าประจำตัวของเธอ ในตอนที่เธอเป็นราชินีข้างกายฉัน” องค์รัชทายาทเอ่ยแนะนำหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ยืนอยู่ข้างหลัง เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก็ปรายตามองมิสซิสเดลล่าเพียงแวบเดียว มิสซิสเดลล่ารีบโค้งศีรษะอย่างเคารพด้วยท่าทางนอบน้อม “มิสซิสเดลล่าจะดูแลเรื่องเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ในทุกวัน” “…” เจ้าหญิงยังคงเงียบ ไม่มีคำตอบให้กับคำแนะนำนี้ แต่เธอก็หันไปมองอย่างเฉยชา“มิสเคเชีย จะเป็นสไตลิสต์ประจำของเธอ มิสเคเชียจะดูแลเรื่องชุดสำหรับออกงานสำคัญให้กับเธอ” เจ้าชายพูดต่อไป มิสเคเชียยืนอยู่ข้างมิสซิสเดลล่าก็โค้งศีรษะให้เจ้าหญิงด้วยความเคารพ เจ้าหญิงก็เพียงเหลือบมองไปที่มิสเคเชียเพียงแวบเดียว “ส่วนมาดามคีร่า เธอรู้จักแล้ว มาดามคีร่าจะดูแลทุกเรื่องของเธออีกที” มาดามคีร่า หรือ มาดามโรมัวร์ ก็โค้งศ