บทที่ 3
กึด! เจ้าหญิงแอนเจลีก้ายืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สมเด็จเจ้าฟ้าชายยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หางตาของเจ้าชายจับจ้องมายังสีหน้าหวาดผวาของเจ้าหญิงแสนสวยอย่างคาดโทษ “เราแยกกันล่าสัตว์เป็นสองกลุ่มดีไหม ให้เด็กๆ ไปด้วยกัน ส่วนคนแก่อย่างเราแยกไปล่าสัตว์ด้วยกันอีกเส้นทาง” สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองกล่าวขึ้นมาอย่างรู้งาน “ดีครับ” พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามองไปที่พระราชบิดาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตาฉายแววความกังวลใจ แต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาว เจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพระราชบิดาและพระราชมารดาของเธออย่างสิ้นหวัง เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงทองคำ พยายามหาทางหนีจากอันตรายที่กำลังเผชิญ เธอไม่ต้องการเข้าป่าไปล่าสัตว์กับเจ้าชายคาร์ดอส ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจะกระทำต่อเจ้าหญิงในป่าดังคำขู่ แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงกลับมองผ่านสายตาของเธอไปราวกับมองไม่เห็นความสิ้นหวังที่ฉายชัดในดวงตาของลูกสาว พวกท่านมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับราชวงศ์ที่จะต้องพึ่งพาและขอคำปรึกษาจากพระบิดาของเจ้าชายคาร์ดอส จึงเลือกที่จะมองข้ามความหวาดกลัวของลูกสาวอย่างสิ้นเชิง “ลูกสาวเรากลัวเสียงปืน เราฝากท่านดูแลแองจี้ด้วย” สมเด็จพระราชินีนาตาชาพูดกับเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พระองค์ไม่ต้องกังวล อยู่กับกระหม่อม ลูกสาวของพระองค์จะปลอดภัย กระหม่อมจะดูแลลูกสาวของพระองค์เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ” สมเด็จเจ้าฟ้าชายคาร์ดอสตอบรับน้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความเยือกเย็น รอยยิ้มมุมปากของเขาแฝงไว้ด้วยความร้ายกาจ ทำให้เจ้าหญิงรู้สึกหวาดหวั่นยิ่งขึ้น ความผิดหวังและความสิ้นหวังท่วมท้นหัวใจของเจ้าหญิง ขณะที่เธอถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในเงื้อมมือของชายที่เธอเกลียดชังที่สุด และไม่มีใครที่จะช่วยเธอได้ เธอรู้ดีว่าในสถานการณ์นี้เธอไม่อาจหลีกหนีได้ เสมือนนกในกรงทองคำที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างสิ้นหวัง “ท่านพ่อ” เจ้าหญิงเอ่ยเชิงเว้าวอนผู้เป็นพ่อให้เห็นใจ “พ่อมีธุระต้องคุยกับคาร์โล ลูกอยู่กับเจ้าฟ้าชายไปก่อน” พระเจ้าโอเชียนนัสบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าชายคาร์ดอสอย่างสนิทสนมว่า... ”คาร์ดอส อาฝากน้องด้วยนะ“ ”ครับ“ เจ้าชายคาร์ดอสโค้งศีรษะตอบรับเล็กน้อย จากนั้นพระราชบิดาของเจ้าชายก็เชิญพระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงเดินแยกไปล่าสัตว์อีกทาง เจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่ายหน้าไปมาเบาๆ จ้องมองไปที่พระราชมารดาอย่างเว้าวอน มือบางทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เจ้าชายคาร์ดอสหลุบตามองมือบางที่กำลังสั่นเทาอย่างหนัก ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปาก สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตามีความกังวลใจแต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาว ในขณะที่หัวใจของท่านปวดร้าว พระราชบิดาและพระราชมารดาต่างรู้ดีถึงความหวาดกลัวของลูกสาว แต่ความจำเป็นในการพึ่งพาอำนาจและการสนับสนุนจากราชวงศ์สไมโลดอน ทำให้พวกท่านต้องทนทำเป็นไม่เห็นความทุกข์ใจของเจ้าหญิงแอนเจลีก้า แม้จะรู้สึกสงสารลูกสาวอย่างลึกซึ้ง ทว่าความกลัวและความจำเป็นในการคงสถานะและอำนาจในราชวงศ์ ทำให้ท่านไม่อาจปกป้องลูกสาวได้อย่างที่ต้องการ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าก้มหน้าลง หยาดน้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงบนพื้น หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ความหวังที่เคยมีว่าพระราชบิดาและพระราชมารดาจะยื่นมือมาช่วยกลับมลายหายไปเหลือแต่ความสิ้นหวังอันขมขื่น “อึก” เธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงลึกของความมืดที่ไม่มีทางออก เสียงสะอื้นเบาๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากขณะที่เธอก้มหน้าลง สองมือบางกำแน่นข้างลำตัวพยายามยับยั้งน้ำตาไม่ให้ไหลออกมามากไปกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ หยดน้ำตาที่อาบแก้มเนียนยิ่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและอ่อนแอในโลกที่ไม่เป็นธรรม “หึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ของเจ้าชายคาร์ดอสดังขึ้น รอยยิ้มเหยียดหยามที่ยิ้มออกมาทันทีที่เห็นน้ำตาของเธอ ทำให้หัวใจเธอแหลกสลายยิ่งขึ้น เธอรู้ดีว่าไม่มีใครที่จะมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ ความกลัวและความสิ้นหวังจึงโอบล้อมเธอไว้ เหลือเพียงความเงียบที่กดดันจิตใจของเธอให้จมดิ่งลึกลงไปในห้วงอารมณ์ที่ขมขื่นเกินทน “ถ้ากลัวฉันขนาดนั้น” นิ้วชี้ของเจ้าชายคาร์ดอสจับคางมนเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างเลือดเย็น “ก็ควรจะทำตัวให้เชื่องๆ เข้าไว้สิ เป็นสัตว์เลี้ยงของฉันก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสบีบปลายคางมนอย่างแรง ทำให้เจ้าหญิงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด พลางน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตาคู่สวย “อึก” “หึ” ยิ่งเห็นน้ำตาของเจ้าหญิง เจ้าชายก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ “อย่างที่ฉันเคยบอกเธอไป เชื่อฟังฉัน แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง” เจ้าหญิงจ้องมองใบหน้าของเจ้าชายด้วยความเกลียดชังอย่างเปิดเผย เขามีสิทธิ์อะไรที่บอกว่าเธอเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา และมีสิทธิ์อะไรมาข่มเหงเธอแบบนี้ เพียงแค่เขาถูกใจรูปลักษณ์ของเธอ เขาก็ทำทุกอย่างโดยไม่สนใจวิธีการ ไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดกับการกระทำของเขายังไง เขามันเลวระยำ เปรตกลับชาติมาเกิด สิ่งที่เขาทำกับเธอมันบัดซบสิ้นดี ไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน เธอเกลียดเขา แต่ในขณะเดียวกันเธอก็หวาดกลัวเขาเป็นอย่างมาก “เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่เธอไม่เชื่อฟังฉัน เธอจะโดนฉันลงโทษยังไง” เจ้าชายบีบปลายคางมนแรงขึ้น แรงจนคนถูกบีบรู้สึกเหมือนกระดูกที่คางจะแตกหักออกจากกัน “แต่ก็ยังดื้อ ทำไม แค่เชื่อฟังฉัน มันยากนักเหรอ” “อึก ปล่อยเรานะ!” เจ้าหญิงรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด ผลักมือหนาออกไปอย่างแรง ทำให้มือของเจ้าชายหลุดออกจากปลายคางมน ทำเอาเจ้าชายจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด ตวัดตาไปมองเจ้าหญิง มือหนาตะปบเข้าไปที่ลำคอระหงอย่างแรง ฮึก!! การกระทำอันป่าเถื่อนของเจ้าชายทำให้เหล่าข้าราชบริพารที่อยู่บริเวณนั้นเบือนหน้ามองอีกทาง พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าชายของพวกเขาทำนั้น โหดร้ายมากแค่ไหน แต่ด้วยอำนาจของเจ้าชายในตอนนี้ ล้ำหน้าของกษัตริย์ไปไกลแล้ว ทำให้พวกเขาไม่อาจเอ่ยแย้งหรือเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหญิงได้ “มานี่” เจ้าชายกระชากเรียวแขนของเจ้าหญิงให้เดินตาม ทำให้เจ้าหญิงสะดุ้งด้วยความตกใจ เจ้าชายเหวี่ยงร่างของเจ้าหญิงขึ้นไปบนหลังม้าสีดำตัวโปรดของเจ้าชายอย่างแรง แล้วเจ้าชายก็ตามขึ้นไปนั่งซ้อนด้านหลังของเจ้าหญิงอย่างรวดเร็ว มือหนาจับสายบังเหียนเพื่อการควบคุมม้าให้อยู่ในโอวาท ชักเชือกออกคำสั่งให้ม้าวิ่งไปตามคำสั่ง ทำให้ม้าวิ่งเข้าไปภายในป่าตามคำสั่งของเจ้าชาย เจ้าหญิงที่หวาดกลัวการขี่ม้า ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอย่างหนัก เพราะเมื่อเยาว์วัยเจ้าหญิงเคยตกม้าถึงขั้นขาหัก และโดนม้าถีบจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงเป็นภาพจำอันโหดร้าย หลังจากนั้นเจ้าหญิงจึงไม่ขี่ม้าอีกเลย แม้จะเดินผ่านม้าก็ยังไม่กล้าเดินผ่าน เจ้าหญิงแอนเจลีก้านั่งสั่นเกร็งบนหลังม้า น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มไม่หยุด ขณะที่เจ้าชายคาร์ดอสบังคับม้าให้วิ่งเข้าไปในป่า ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ราวกับเสียงกลองรบ เจ้าชายคาร์ดอสเหลือบตามองเจ้าหญิงที่ตัวสั่นเทาด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและสะใจ เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงของเล่นในมือของปีศาจร้าย ที่เขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ตามใจชอบ ม้าควบตะบึงเข้าไปในป่าลึก เสียงกีบม้ากระทบพื้นดังก้องในความเงียบของป่า เมื่อมาถึงลำธารที่มีน้ำตก เจ้าชายคาร์ดอสหยุดม้า พลิกตัวลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากเจ้าหญิงแอนเจลีก้าลงมาอย่างไม่ปรานี “อ๊ะ!” เจ้าหญิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกเหวี่ยงไปชนกับโขดหินข้างลำธาร ร่างบางกระแทกกับหินจนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง “เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสเดินเข้ามาหาเจ้าหญิงที่นั่งคุดคู้พยายามหนีจากเงื้อมมือของเขา เจ้าชายกระชากกระโปรงของเจ้าหญิงขึ้นโดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ที่ออกมาจากปากของเจ้าหญิง “อึก ได้โปรด อย่าทำเราเลยนะ อึก ปล่อยเราไปเถอะ” เจ้าหญิงร้องขอด้วยเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาไหลพรากอาบแก้มขาวเนียน “ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเป็นของฉัน” เจ้าชายคาร์ดอสกระชากตัวเจ้าหญิงขึ้นมาอีกครั้ง บังคับให้เธอยืนขึ้นก่อนจะดันร่างบางไปชนกับโขดหินอีกครั้ง “เธอจะต้องเรียนรู้ว่าการขัดขืนฉันมันไร้ประโยชน์” เจ้าชายกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูของเธอ มือหนากดปลายคางมนให้หันมาสบตาเขา สายตาที่ดุดันของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองด้วยสายตาของปีศาจ เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบแน่น ความกลัวและความเกลียดชังผสมผสานกันในหัวใจ เธอรู้ดีว่า ไม่ว่าจะร้องไห้หรือขอความช่วยเหลือจากใคร ก็ไม่มีใครที่จะมาช่วยเธอได้ในตอนนี้ เธออยู่ในกำมือของชายที่โหดเหี้ยมที่สุดที่เธอเคยพบเจอบทที่ 6สมเด็จเจ้าฟ้าชายโน้มใบหน้าลงมาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาและแข็งแรงตะปบลงบนทรวงอกใหญ่ราวกับต้องการครอบครองทุกอย่าง บีบขย้ำด้วยแรงที่มากพอจะทำให้ร่างบางสะดุ้งเฮือกใบหน้าของเจ้าหญิงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดผสมความตกใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาเข้าครอบครองยอดอกสีชมพูระเรื่ออย่างตะกละตะกลาม การดูดดึงนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและความกระหาย เหมือนเขาต้องการตอกย้ำความเหนือกว่าของตนในทุกการกระทำปึก! ปึก! ปึก! ปึก!ขณะเดียวกัน สะโพกสอบของสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ขยับเข้าใส่ด้วยจังหวะหนักหน่วงและไร้ความปรานี เจ้าหญิงแอนเจลีก้าผู้ไร้ทางสู้ ก็ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแน่น พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำตาใสไหลอาบแก้มซีดขาวราวกับหยดน้ำแข็งที่ละลาย เธออยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อปลดปล่อยความทรมานในหัวใจและร่างกาย แต่กลับไม่มีแม้แต่เสียงจะเปล่งออกมา ความเจ็บปวดที่ลึกล้ำเกินบรรยายกดทับเธอไว้จนรู้สึกราวกับถูกพันธนาการอยู่ในกรงที่ไร้ทางหลบหนีสมเด็จเจ้าฟ้าชายจัดแจงท่าทางให้เจ้าหญิงหันหลังให้ในท่าด๊อกกี้ มืออีกข้างบีบเอวคอดกิ่วแน่น จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่รัวๆปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! ปึก
บทที่ 5“อึก…เพราะท่านเลวแบบนี้ไง เราถึงปฏิเสธท่าน!” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมมองสบตาเจ้าฟ้าชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่คำพูดนั้นกลับเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจนดูเหมือนไม่มั่นใจสมเด็จเจ้าฟ้าชายก็ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำว่า...“งั้นเหรอ?”“....” เจ้าหญิงมองอย่างหวาดระแวง พลางแอบเขยิบตัวออกห่างเจ้าชายโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวแตะผิวแก้มของเจ้าหญิง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยอำนาจที่กดดันทุกอย่างรอบตัว “ถ้าคิดว่าคำพูดแค่นี้จะทำให้ฉันล้มเลิก…เธอคิดผิด” เสียงต่ำและหนักแน่นของเขาเอ่ยออกมา ราวกับประกาศชัยชนะที่อีกฝ่ายไม่มีวันหลีกเลี่ยงมือข้างหนึ่งของเขาบีบแน่นรอบลำคอระหง นิ้วมือกดลึกลงจนผิวเนื้อเริ่มขึ้นสีแดงจาง ส่วนอีกมือรั้งเอวบางเข้ามาชิดกับร่างกำยำอย่างแน่นหนา เจ้าหญิงก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างพยายามดึงข้อมือของเขาออก แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้เลยกับแรงของเขาสุดท้ายร่างเล็กก็ถูกตรึงไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก เสียงหอบสะท้อนเบา ๆ จากลำคอระหง ขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว น้ำตาเอ่อล้นออกมา แต่ถึงกระนั้น ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องกล
บทที่ 4“เพราะปิดภาคเรียนเราสองคนก็เลยไม่ได้เจอกัน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน เธอถึงกับทำตัวห่างเหินกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่ทุกถ้อยคำกลับฟังดูคุกคามอย่างน่าขนลุก ดวงตาคมกริบที่แฝงไว้ด้วยความร้อนแรงจ้องมองร่างบางตรงหน้าเหมือนผู้ล่าที่ไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดมือ มือหนาแตะลงบนไหล่บอบบาง ก่อนจะเลื่อนไล้ไปตามแขนเรียว ราวกับจะตอกย้ำว่าทุกส่วนของเธออยู่ภายใต้การครอบครองของเขา ปลายนิ้วหยาบกร้านลากไปบนผิวเนียนละเอียด ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้“ปล่อยเรานะ!”เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยออกมาด้วยความหวาดกลัวผสมความโกรธ เจ้าหญิงแอนเจลีก้าพยายามเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสที่ใกล้เข้ามาทุกที ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มแน่น ขณะที่มือบางทั้งสองข้างผลักแผงอกแกร่งออกสุดแรง แต่คนตรงหน้ากลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ราวกับว่าความพยายามของเธอเป็นเพียงแรงต้านที่ไร้ผล“ต้องให้ฉันทวนความจำให้ไหม?” คำพูดของสมเด็จเจ้าฟ้าชายแฝงไปด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าราวกับผู้ชนะที่มั่นใจในชัยชนะ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังชิดใบหู ทำเอาเธอแทบหยุดหายใจเมื่อเขาเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ “ว่าใค
บทที่ 3กึด!เจ้าหญิงแอนเจลีก้ายืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว สมเด็จเจ้าฟ้าชายยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ หางตาของเจ้าชายจับจ้องมายังสีหน้าหวาดผวาของเจ้าหญิงแสนสวยอย่างคาดโทษ“เราแยกกันล่าสัตว์เป็นสองกลุ่มดีไหม ให้เด็กๆ ไปด้วยกัน ส่วนคนแก่อย่างเราแยกไปล่าสัตว์ด้วยกันอีกเส้นทาง” สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โลที่สองกล่าวขึ้นมาอย่างรู้งาน“ดีครับ” พระเจ้าโอเชียนนัสที่ห้าตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าหญิงแอนเจลีก้ามองไปที่พระราชบิดาของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สมเด็จพระราชินีนาตาชาหันไปมองลูกสาวที่จ้องมองมาด้วยสายตาวิงวอน นัยน์ตาฉายแววความกังวลใจ แต่กลับยิ้มบางๆ ให้กับลูกสาวเจ้าหญิงแอนเจลีก้าส่งสายตาอ้อนวอนไปยังพระราชบิดาและพระราชมารดาของเธออย่างสิ้นหวัง เหมือนนกที่ถูกขังอยู่ในกรงทองคำ พยายามหาทางหนีจากอันตรายที่กำลังเผชิญ เธอไม่ต้องการเข้าป่าไปล่าสัตว์กับเจ้าชายคาร์ดอส ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเมื่อนึกถึงวิธีการอันโหดเหี้ยมที่สมเด็จเจ้าฟ้าชายจะกระทำต่อเจ้าหญิงในป่าดังคำขู่แต่พระราชบิดาและพระราชมารดาของเจ้าหญิงกลับมองผ่านสายตาของเธอไปราวกับมองไม่เห็นความสิ้นหวังที่ฉายช
บทที่ 2“ทูลฝ่าบาท“ เมื่อรัชทายาทเดินออกไปแล้ว ไอแซ็กก็เดินกลับเข้ามาหากษัตริย์ เพื่อเตือนสติกษัตริย์ไม่ให้ตามใจพระราชโอรสจนก่อให้เกิดสงครามใหญ่“มีอะไร”“กระหม่อมขอทูลว่าการมีปัญหากับคนผู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นั้นไม่ใช่เพียงเป็นหลานชายของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ แต่ยังเป็นหลานชายของประธานาธิบดีเดมอนด้วย และเบื้องหลังของคนผู้นั้นก็เป็นประธานสภามาเฟีย ผู้ควบคุมมาเฟียทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกอยู่ในตอนนี้”“....”“หากมีปัญหากับซากุระ เดมอนจะต้องแทรกแซงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันถล่มเรา ฝ่าพระบาททรงไตร่ตรองดูอีกครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ””....““แม้ประเทศของเราจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกมายาว แต่หากสองมหาอำนาจอันดับสองและสามของโลกทรงร่วมมือกัน ประเทศของเรามีความเสี่ยงสูงที่จะพ่ายแพ้สงครามพ่ะย่ะค่ะ”“ซากุระมีเดมอน แต่เรามีซาเรสตาและโรดามอร์ โรดามอร์คือมหาอำนาจอันดับสี่ของโลก ส่วนซาเรสตาคือมหาอำนาจอันดับห้าของโลก นอกจากนี้ เรายังมีจำนวนประเทศพันธมิตรมากกว่าซากุระและเดมอน ความต่างตรงนี้จะทำให้เราชนะสงคราม”“ฝ่าพระบาท ซากุระไม่ได้มีเพียงเดมอน แต่ทุกประเทศทั้งท
บทที่ 1(เหตุการณ์ทุกอย่างภายในนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติขึ้นมาจากจินตนาการของนักเขียน มิได้มีเจตนาที่จะเสนอข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์หรือข้อเท็จจริง และไม่ได้มีเจตนาสร้างความเกลียดชัง ขัดแย้งหรือแตกแยกใดๆ)”สหายของลูก คือหลานชายคนเดียวของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิพ่ะย่ะค่ะ”สหายผู้นั้นที่เจ้าฟ้าชายกำลังเอ่ยถึงก็คือ ไฟ เจ้าชายมาเฟีย ลูกครึ่ง ซากุระ-เดมอน-ไทย เป็นเจ้าชายแห่งฟีนิกซ์ บิดาของไฟเป็นน้องชายแท้ๆ ของสมเด็จพระจักรพรรดิโออุจิ จักรพรรดิซากุระองค์ปัจจุบัน“อะไรนะ?” กษัตริย์ดูตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่า ว่าที่พระคู่หมายของผู้หญิงที่ลูกชายต้องใจ จะเป็นถึงหลานชายของจักรพรรดิซากุระ ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่ครองบัลลังก์ประเทศมหาอำนาจอันดับสองของโลก ในเวลานี้ประเทศซากุระเป็นมหาอำนาจรองบริทแลนด์ เป็นรองเพียงแค่บริทแลนด์ ประเทศเดียวซากุระเป็นมหาอำนาจอันดับสองของโลก ที่มีอำนาจทางการทหารแข็งแกร่งไม่แพ้ประเทศใดในโลก ด้วยเทคโนโลยีทางทหารที่ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพสูงสุด มีระบบการป้องกันที่ทันสมัย ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและระบบที่สามารถตอบสนองทุกสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกองทัพซากุระประกอบด้