“เสือก! ใครอีกล่ะคราวนี้?” สิงโตสบถคำหยาบออกมาอย่างไม่พอใจ
“พี่สิงโต พูดแบบนี้ได้ไงคะ เขาชื่อกระทิง เป็นเพื่อนหนูเอง” กวางรีบอธิบาย “เพื่อน? เพื่อนผู้ชายที่แม่งขับรถส่งมึงหน้าบ้านสองรอบสองสัปดาห์อะนะ? กูควรเชื่อมึงแค่ไหนวะ?” สิงโตที่ตอนนี้แทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ด่ากวางเสียงดังลั่นบ้าน “ก็แค่เพื่อนจริงๆ พี่อย่ามากล่าวหาเขาแบบนั้น!” กวางพูดปกป้องเพื่อนชายของตัวเอง เพราะกระทิงไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย “กูไม่ได้กล่าวหา กูแค่สงสัยว่ามึงมันไว้ใจได้แค่ไหน หรือว่าจริงๆ มึงอยากให้มันมาส่งทุกวัน?” เขาเดินเข้ามาใกล้จนใบหน้าห่างกันแค่ไม่กี่คืบ “พี่พูดแบบนี้ทำไมอ่ะคะ หนูผิดเหรอที่มีเพื่อน?” กวางเริ่มไม่พอใจกลับบ้าง “ผิด ถ้าเพื่อนมึงแม่งทำหน้าเหมือนจะพามึงไปนอนหอ!” เสียงเขาดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ใบหน้าเหยียดใส่เต็มพิกัด มือหนากำแน่นอยู่ข้างตัว “มึงคิดอะไรของมึงวะกวาง กลับบ้านมืดค่ำมากับไอ้ผู้ชายแปลกหน้า แล้วกูต้องมายืนรอหน้าบ้านเหมือนควาย ไม่รู้ลูกบ้านกูไปไหน!” “พี่รอหนูเหรอ?” เขาชะงักนิดหนึ่ง ก่อนเบือนหน้าหนี “รอให้มึงกลับมาเจอคำด่าไง!” “หนูก็แค่ซื้อของมาทำกับข้าวให้พี่…” กวางอธิบายและอารมณ์เริ่มอ่อนลงเมื่อรู้ว่าพี่ชายรอเธอ “ไม่ต้องเลย! ข้าวไม่ต้องทำ! กูจะสั่งชาบูแดกให้จุกไปเลย ไม่ต้องให้มึงพาใครมาเสิร์ฟ!” กวางหน้าแดง ไม่รู้ว่าโกรธ อาย หรือขำกับท่าทีปากหมาห่วงน้องของพี่ชายตัวเอง “พี่สิงโต…เป็นห่วงหนูเหรอคะ” กวางพูดหยอก “เป็นห่วงพ่อง! มึงมันเด็กน่ารำคาญ! อย่าให้กูเห็นหน้าไอ้กระอะไรของมึงอีก! ถ้ามันมาส่งอีก กูจะโยนไข่ไก่ใส่หน้ามัน!” พูดจบ เขาหันหลังเดินหนีเข้าบ้านทันที ปล่อยให้กวางยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบ้าน มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ ห้องเรียน Lecture 3 เสียงพัดลมเพดานดังหึ่งๆ สลับกับเสียงอาจารย์ที่กำลังพูดเรื่อง “องค์ประกอบของการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา” กวางนั่งอยู่แถวกลางโต๊ะยาว ฝั่งขวาคือปลา เพื่อนสนิท ส่วนฝั่งซ้ายเป็นพระพายสาวประเภทสองผิวเนียนเป๊ะทุกระเบียดนิ้วในชุดนักศึกษารัดเอวที่มาพร้อมเครื่องสำอางครบเครื่องตั้งแต่เช้า “กวาง ตื่น! อาจารย์พูดถึง ‘เจตนาเล็งเห็นผล’ แล้ว เดี๋ยวเธอพลาดนะยะสาว!” พระพายกระซิบเบาๆ ขณะจดสรุปลงในไอแพดที่มีสติ๊กเกอร์ยูนิคอร์นแปะเต็ม “มึงจะจดจริงจังทำไมก็ไม่รู้ เรียนปี 1 ยังกับจะสอบผู้พิพากษา” ปลาเบ้ปากใส่พระพายแต่ยังไม่วางปากกา กวางขยับตัวนิดๆ พยายามสลัดความง่วงออกจากหัว นั่งหลังตรงแล้วพยายามตั้งใจฟัง ท่ามกลางสมาธิที่เริ่มจะเข้าที่ เสียงกระซิบแผ่วๆ จากด้านหลังแถวก็ดังขึ้น “กวาง หิวมั้ย? เดี๋ยวพักเที่ยงไปกินข้าวกัน” เสียงทุ้มๆ นุ่มๆของกระทิงเอ่ยถามกวาง “อือ กินร้านเดิมไหม?” กวางหันกลับไปยิ้มให้เบาๆ แล้วพยักหน้า “ร้านป้าเปิ้ลข้าวราดแกงใช่ปะ ได้เลย” “อุ๊ยตายแล้ว แอบหวานกันตั้งแต่ก่อนเที่ยงเลยเหรอคะน้องกวาง~” พระพายเหลือบตามองกระทิงแล้วเลื่อนสายตามามองกวาง “ไม่ใช่สักหน่อย!” กวางรีบเถียงหน้าแดง “เพื่อนผู้ชายแบบนี้อันตรายนะยะสาว กฎหมายอาญาคุ้มครองไม่ได้นะ ถ้าหลุดเป็นคดีหัวใจ~” พระพายหรี่ตาใส่เหมือนนักสืบ “เออ กูว่าชัดแล้วนะ ไอ้กระทิงช่วงนี้มันแปลกๆ” ปลาแอบหัวเราะในลำคอแล้วสะกิดกวางเบาๆ “แค่เพื่อนกัน! พวกมึงอย่าคิดมาก!” แต่ระหว่างที่เธอพูด แววตาของกระทิงที่มองมาจากด้านหลังกลับนิ่งและแน่นิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังเก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ใต้รอยยิ้ม . . . พอเลิกเรียนในคาบเช้า กลุ่มทั้งสี่เดินเรียงกันออกจากตึกเรียน พระพายกางร่มกันแดดให้ตัวเอง ส่วนปลายังเถียงเรื่องข้อกฎหมายกับกระทิงแบบสนุกๆ กวางเดินกลางทาง สีหน้าสดใสขึ้นเพราะความคุ้นเคยกับเพื่อนๆ แต่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่า… มีใครบางคนแอบมองเธออยู่จากชั้นสองของตึกฝั่งตรงข้ามสิงโตนั่นเอง เขายืนกอดอก มองเธอในระยะเงียบๆ อย่างคนที่ไม่ได้ไว้ใจผู้ชายคนไหนข้างๆ น้องสาวเลยแม้แต่น้อย โรงอาหารคณะกลางของมหาวิทยาลัย เวลา 12:45 น. โต๊ะริมสุดติดหน้าต่าง กวางนั่งกินข้าวกับพระพาย ปลา และกระทิง เสียงหัวเราะคละเคล้ากับจานข้าวราดแกงราคานักศึกษา “วันนี้พระพายแต่งหน้าสายเกาหลีมากเลยนะ ขนาดอาจารย์ยังชมเลย” ปลาแซว “ก็ต้องสิคะสาว ชีวิตสาวกฎหมายก็ต้องเนี้ยบทั้งหน้าและสมอง~” พระพายหัวเราะเบาๆ “เอ้อ กวาง พรุ่งนี้มีเรียนเช้าใช่ป่ะ เดี๋ยวเราแวะไปส่งอีกก็ได้ ไม่ต้องนั่งรถเมล์” กระทิงหันมาบอก กวางกำลังจะตอบ แต่เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาแบบเฉียบพลัน “ไม่ต้องหรอก” เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนทำเอาทั้งโต๊ะชะงัก แล้วทุกสายตาก็หันไปมอง สิงโต ที่ยืนอยู่ปลายโต๊ะในชุดเสื้อเชิ้ตดำกับกางเกงสแลค ดูไม่เข้ากับนักศึกษาธรรมดาทั่วไปแม้แต่นิด พระพายถึงกับกระพริบตาแรงๆ “เอ๊ะ…พี่คนนี้หล่ออ่ะ ใครวะกวาง?” กวางหน้าเสียทันที ลุกพรวดขึ้นแล้วรีบเดินไปหาสิงโต “พี่มาที่นี่ทำไมคะ” “ทำไมกูจะมาไม่ได้!!” เขากอดอกน้ำเสียงเย็นแต่ดวงตาคมยังจับจ้องมาที่กระทิงแบบไม่ปิดบัง “แล้วพี่มาทำอะไรที่คณะนิติศาสตร์เหรอคะ?” กวางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “กูมาคุยเรื่องจัดสัมมนาเชิงธุรกิจกับคณบดี” เขาตอบแบบไม่ใส่อารมณ์ แต่สายตาเหลือบมองโต๊ะที่กระทิงยังนั่งอยู่ “แล้วก็แวะมาดูว่าน้องกูแดกข้าวกับใครบ้าง” “แล้วกูก็ไม่ชอบผู้ชายหน้าไหนมาเสนอหน้าใกล้มึงเกินหนึ่งเมตร เข้าใจมั้ย?” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้กระซิบข้างหูกวางเบาๆ ก่อนจะผละออกไปและเดินผ่านโต๊ะแบบไม่เหลียวหลัง “พระเจ้าช่วย พี่เขาโคตรเถื่อน…แต่หล่อฉิบหายเลยแก!” พระพายหันไปมองปลาแล้วกระซิบทันที ปลาเม้มปากกลั้นขำ ส่วนกระทิงก็นั่งนิ่ง เหมือนพยายามวิเคราะห์สถานะของตัวเองอย่างเงียบๆ โต๊ะของกวางเงียบลงไปพักใหญ่หลังจากสิงโตเดินจากไป กลิ่นแกงเขียวหวานกับผัดเผ็ดปลาดุกที่เคยหอมฉุนน่ากิน กลับดูจืดลงถนัดตา “กวาง! พี่เขาเป็นใครกันแน่เนี่ย?” พระพายหันมามองกวางด้วยสีหน้าแบบคนที่รู้ว่ากำลังเผือกของดี “พี่ชายกูเอง” กวางตอบแบบเสียงเบา “ไม่ใช่แน่ ๆ!” พระพายดีดนิ้ว “พี่ชายธรรมดาไม่มีใครใส่เสื้อเชิ้ตอิตาลี แถมมียี่ห้อซ้อนทองแบบนั้นมาหาน้องสาวกลางวันแสกๆ หรอกนะยะ” พระพายขมวดคิ้ว หยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์อะไรบางอย่างเร็วๆคืนแรกของ “การพาลูกออกไปเที่ยวข้างนอก” ครั้งแรกในชีวิต พ่อสิงโตที่เคยเข้มงวดวันนี้กลายเป็นแด๊ดดี้มือใหม่ที่อุ้มกระเป๋าผ้าอ้อมแน่นกว่าใคร ส่วนกวาง…แม้จะเตรียมของมาพร้อมแต่หัวใจก็ยังเต้นแรงเพราะทุกอย่างคือครั้งแรกของครอบครัวคืนแรกของการพาลูกออกเที่ยวฉากนี้เกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเขาเลือก “Night Market เล็กๆ” ที่ไม่พลุกพล่านแต่มีไฟระยิบระยับและเสียงดนตรีสดบางเบาในอากาศตลาดกลางคืน เวลาประมาณ 18:45 น.“แน่ใจนะคะว่าพี่สิงโตเอาขวดนมมาแล้ว?” กวางถามพร้อมเช็คกระเป๋าของลูกซ้ำอีกที“ขวดนม ผ้าเปียก ผ้าอ้อมสำรอง ขวดน้ำร้อน ผ้าเช็ดหน้า เป้อุ้ม มีหมดครับ!” สิงโตพูดด้วยเสียงมั่นใจเหมือนกำลังรายงานต่อที่ประชุมบอร์ดมหาวิทยาลัย“แล้วตุ๊กตาปลาหมึกขอกระต่ายน้อยล่ะคะ?”“………..อยู่บนโซฟา”กวางหันไปมองเขา…สิงโตยกมือยอมแพ้ทันที“โอเคๆพี่จะวิ่งไปเอาเดี๋ยวนี้!”เดินในตลาดกระต่ายอยู่ในเป้อุ้มที่หน้าอกสิงโตเสียงเพลงเบาๆจากนักร้องริมทางดังคลอ ร้านค้าข้างทางประดับไฟด้วยแสงเหลืองอุ่นผู้คนเดินกันอย่างไม่เร่งรีบและกระต่ายน้อยลูกสาววัยไม่กี่เดือน ก็หลับตาพริ้มซบอกพ่อสิงโตยืนกุมมือลูกไว้หนึ่งข้า
ช่วงท้องเดือนที่ 6กวางนอนอยู่บนโซฟาหน้าท้องเริ่มโตจนลุกไม่คล่องพี่สิงโตเดินเข้ามาเช็ดเหงื่อให้ถามเบาๆ“ลูกดิ้นยัง”กวางยิ้มพลางวางมือเขาลงบนท้อง“ดิ้นแล้วค่ะ….รู้สึกเหมือนเขารู้ว่าใครแตะเลยนะ”สิงโตก้มลงจูบท้องเบาๆ“พ่อมันเคยโง่มามาก ขอให้หนูฉลาดเหมือนแม่แล้วกัน”ช่วงเวลานี้คือ “ของขวัญ” ที่ทั้งสองคนแลกมาด้วยการผ่านทุกสิ่งด้วยกันและไม่มีรางวัลไหนล้ำค่ากว่านี้อีกแล้ว...บ้านหลังใหม่เสร็จสมบูรณ์ระเบียงหันทางพระอาทิตย์ตกหน้าบ้านมีต้นทับทิมสองต้นที่ยังเตี้ยๆ แต่ยืนต้นมั่นคงในดินและนั่นคือคำมั่นสัญญาที่เขาเคยพูดไว้…วันที่ยังไม่มีอะไรแน่นอนวันนี้มันกลายเป็นความจริงโรงพยาบาล เวลา 02:13 น.“พี่สิงโต…มันเจ็บ…เจ็บจริงๆ…” เสียงของกวางสั่นเธอจับมือเขาแน่นในห้องรอคลอดน้ำตาซึมทั้งที่เธอพยายามจะเข้มแข็งและสิงโต…แทบจะหายใจไม่ออก“พี่อยู่นี่ๆ…กวาง พี่อยู่นี่” เขากระซิบซ้ำๆไม่หยุดเหมือนพยายามกล่อมเธอ กล่อมตัวเอง และกล่อมเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้นพยาบาลเปิดประตูเรียก“คุณพ่อคะ ต้องออกไปนั่งรอข้างนอกแล้วค่ะ”เขาไม่ขยับจนมือของกวางบีบเขาอีกครั้ง“พี่สิงโต…ขอบคุณนะคะที่อยู่กับกวางจนถึงวันนี้”เขาสะอึก
วันถัดไปห้องครัวเวลาเช้าเสียงน้ำจากกาต้มน้ำกำลังดังขึ้นเบาๆขณะกวางยืนหั่นผักบนเขียง ใส่แว่นตากรอบใส ชุดนอนลายเรียบๆที่พับแขนขึ้นครึ่งท่อน หน้าสดแต่กลับเป็นภาพที่ทำให้สิงโตยืนมองเธอเงียบๆอยู่ที่กรอบประตู“พี่สิงโตจะยืนดูแบบนี้ทุกเช้าเลยไหมคะ” กวางถามโดยไม่เงยหน้าแต่ยิ้มมุมปาก“ก็อยากดูทุกวันไปจนแก่” เขาตอบตรงๆแล้วเดินเข้ามาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ก่อนจะช่วยหยิบจานมาวางเตรียมเสิร์ฟอาหารเช้าชีวิตในบ้านหลังเดิม แต่มี “สองคน” จริงๆแล้วในที่สุด ไม่ใช่คนหนึ่งอยู่ อีกคนหนี หรือคนหนึ่งห่วง อีกคนเงียบ เขาเริ่มตื่นเช้าขึ้นไม่ใช่เพราะต้อง แต่เพราะอยากให้เธอเห็นเขาตื่นก่อนบ้างเธอเริ่มไว้ใจพอที่จะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะโดยไม่ล็อกหน้าจอเพราะเขากลับกลายเป็นคนที่เธอ “ไม่ต้องระวังใจ”ในวันที่ต่างคนต่างมีงาน…แต่ก็ยังเป็นทีมเดียวกัน“กวาง พี่พรีเซนต์งานเสร็จแล้วนะมารับเลยไหม หรือจะให้ไปรับที่สำนักงานกฎหมาย?” สิงโตโทรมาหาตอนบ่ายหลังจากรู้ว่าเธอมานั่งเตรียมแฟ้มงานที่มูลนิธิ“ไม่ต้องค่ะ พี่สิงโตไปกินข้าวกับเพื่อนเลย กวางจะกลับช้าหน่อยเดี๋ยวซื้อของกินกลับบ้านนะคะ”“โอเค งั้นพี่จะรีบกลับไปก่อน ไปเช็ดบ้านให้ แล้
สวนเล็กๆในมหาวิทยาลัย ช่วงเย็นกวางนั่งอยู่ที่ม้านั่งไม้ใต้ต้นจามจุรีที่เริ่มผลัดใบ อากาศอุ่นๆต้นฤดูร้อนกำลังเปลี่ยนภัทรเดินเข้ามาเงียบๆพร้อมกับกาแฟเย็นสองแก้วในมือ ยื่นให้เธอหนึ่งแก้ว“เธอชอบกินกาแฟแบบนี้เสมอเลยนะ” ภัทรยิ้ม“ขอบคุณค่ะ” กวางรับไว้เบาๆ“…เราเคยคิดนะ ว่าถ้ารู้จักกันเร็วกว่านี้ อะไรๆ อาจจะไม่เหมือนเดิม”เธอนิ่ง ไม่ตอบ สายตาเหมือนจะมองกาแฟ แต่จริงๆกำลังหนีตาเขา“แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่ากวางไม่ได้ ‘มองไม่เห็น’ เรา…แต่กวางแค่มีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว และเราคงไปอยู่ตรงนั้นแทนเขาไม่ได้”“…ขอโทษนะคะภัทร” กวางตอบเสียงเบา“ไม่ต้องขอโทษหรอก…เราต่างหากที่ควรขอบคุณ ที่เธอไม่เคยหลอกเราเลยแม้แต่นิดเดียว” ภัทรยิ้มบางเธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาสีหน้าอ่อนโยน เศร้าและซาบซึ้งในคราวเดียวกัน“เราจะถอนตัวนะ ไม่ใช่เพราะแพ้…แต่เพราะเราอยากให้เธอได้รักอย่างที่เธอสมควรจะได้” ภัทรพูดด้วยเสียงที่เหมือนถอนใจ“ขอบคุณค่ะ….ที่เข้าใจ” กวางเสียงสั่น“แต่ถ้าเขาทำให้เธอร้องไห้อีกครั้ง… เรายังจะยืนอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหน” ภัทรหัวเราะเบาๆบ้านเกียรติภูมิกวางกลับมาถึงบ้านท่ามกลางความเงียบของค่ำคืน เธอวางกระเป๋าไว้
กวางมองหน้าพี่สิงโตแววตาเขาไม่เร่ง ไม่ดึง ไม่บังคับ…แค่เฝ้ารอหญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ“หนูแน่ใจแล้วค่ะ…หนูอยากกลับมาอยู่ที่นี่”เสียงของเธอไม่ดังนักแต่หนักแน่นกว่าทุกครั้งที่เคยพูดสิงโตไม่พูดอะไรอีกแค่ก้าวลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งเธอมือเขายื่นมาข้างหน้าไม่ใช่เพื่อจับ ไม่ใช่เพื่อฉุด แต่เพื่อ ขอ ขอให้เธอเดินกลับเข้าบ้านนั้นไปพร้อมเขาอีกครั้งกวางยื่นมือไปจับช้าๆ สัมผัสอุ่นๆที่เธอเคยกลัวว่าจะเจ็บซ้ำ แต่ตอนนี้…มันไม่ใช่แล้ว มันคือการจับมือของคนที่ไม่ใช่แค่สำนึกผิด แต่เปลี่ยนแปลงเพื่อ คู่ควรกับการอยู่ข้างเธอเมื่อเปิดประตูบ้านเสียงทุกอย่างเงียบลงกลิ่นหอมที่คุ้นเคยโถงบ้านที่เคยว่างเปล่า…ดูอุ่นขึ้นเพียงเพราะ “เขาและเธอ” ยืนอยู่ในนั้นพร้อมกันอีกครั้ง“ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมนะ” สิงโตพูดเบาๆขณะถอดรองเท้ากวางก้มลงวางรองเท้าข้างๆเขาก่อนจะเงยหน้ามองสบตา“ไม่ค่ะ…มันเปลี่ยนไปแล้ว” กวางพูด“ยังไง?” เขาถาม“มันไม่ใช่บ้านของพี่สิงโตคนเดียวอีกต่อไปแล้วมันคือบ้านของเรา”และในวินาทีนั้น...สิงโตหลับตาลงเหมือนแบกรอคำนี้มาทั้งชีวิตเขาโน้มตัวไปโอบเธอไว้แน่น ไม่มีจูบ ไม่มีคำสัญ
ลานสวนหลังคณะนิติศาสตร์ ยามเย็นกวางเพิ่งออกจากห้องเรียนพิเศษนักศึกษาค่อยๆทยอยกลับ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นส้มอ่อนก่อนจะกลืนเข้ากับเงาไม้ ภัทรยืนรออยู่ตรงม้าหินเขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้…รอยยิ้มของเขาดูต่างออกไปเล็กน้อยนิ่งขึ้น จริงจังขึ้น.“กวาง…ผมขอเวลาสักสิบนาทีได้ไหมครับ วันนี้…ผมอยากพูดอะไรบางอย่าง”กวางพยักหน้าแม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างจุกอยู่ในอก“ผมรู้ว่าเราเพิ่งกลับมาทำงานด้วยกันไม่นาน และผมก็รู้ว่าคุณไม่ได้มีใจให้ผมตั้งแต่แรก…คุณสุภาพกับทุกคนแบบนี้” เสียงนุ่ม สุภาพ แต่แน่วแน่กวางนิ่ง ไม่พูดแทรก“แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครง่ายๆ คุณไม่ได้เป็นแค่คนเก่ง คุณเป็นคนที่ผมสบายใจเวลาอยู่ด้วย ผมไม่อยากเร่งคุณ ไม่อยากแข่งกับใคร…แต่อยากอยู่ข้างๆในวันที่คุณรู้สึกว่าเหนื่อย” เขาพูดจบพร้อมรอยยิ้มจริงใจและสายตาที่ไม่ขออะไรเลย นอกจากโอกาสกวางใจเต้นแรงเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาก่อนที่กวางจะได้ตอบอะไรเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นทางเดินก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงที่กวางจำได้ดี เสียงที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนหยุดเต้นไปชั่วครู่“พี่สิงโต…”เขายืนอยู่ตรงนั้นใต้เงาต้นชมพู