หลังจากที่ทั้งคู่เห็นผู้ชายที่ยืนทำหน้านิ่งๆ แต่ทำเอาทั้งกวางและกระทิงถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว สายตานิ่งๆแต่อมหิตและไม่เป็นมิตรแบบนั้นทำให้กระทิงรีบยกมือไหว้และรีบวิ่งกลับไปขึ้นรถในทันที
ปึ้งงง! บรื้นนนนนน!! “ พี่ชายกวางดุซะมัด! ” พอปิดประตูรถยนต์กระทิงก็พูดขึ้นมาด้วยอาการลุกลี้ลุกลนพร้อมกับสตาร์ทรถยนต์และขับออกไปในทันที “ สวัสดีค่ะ ” พอกระทิงขับรถออกไปจนสุดลูกหูลูกตาแล้วกวางก็ยกมือไหว้ผู้เป็นพี่ชายที่เปลี่ยนท่ายืนจากเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเป็นยกมือขึ่นกอดอกแทน แต่สายตาที่อมหิตนั้นยังไม่เปลี่ยน “ ไปเรียนวันแรกก็พาผู้ชายมาถึงหน้าบ้าน! ถ้ากูไม่อยู่คงจะพาเข้าบ้านกูเลยสินะ!! ” สิงโตเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแต่แฝงไปด้วยความโกรธจนกวางที่ฟังแล้วถึงกับหน้าหงอยไปเลย “ เปล่านะคะพี่ชาย นั่น...กระทิงเพื่อนใหม่ของกวางเองค่ะ กระทิงอาสามาส่งเพื่อนๆทุกคนเลย มีทั้งปลา พระพาย และกวางที่บ้านอยู่ไกลที่สุด ” กวางอธิบายให้พี่ชายของเธอฟัง เพราะเธอไม่อยากให้พี่ชายมองเธอไม่ดี เพราะจะต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายปีเลย เธอเลยไม่อยากมีปัญหากับพี่ชายของเธอ เธอรู้ว่าเธอเป็นแค่ผู้อาศัย เธอรู้ดี เธอเลยไม่อยากต่อล้แต่อเถียงกับพี่ชายมาก อะไรยอมได้ก็ยอมไปก่อน “ ไม่ได้ถาม ” สิงโตพูดพร้อมกับเดินหันหลังเข้าบ้านไปทิ้งให้กวางยืนทำหน้างงๆแล้วกวางก็เดินตามหลังเขาเข้าบ้านไปต้อยๆ “ พี่สิงโตหิวข้าวมากไหมคะ กวางจะขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ” กวางที่รู้หน้าที่ว่าต้องทำอาหารเช้าและอาหารเย็นไว้ให้พี่ชายทุกวัน ยกเว้นอาหารเที่ยง เพราะเธออยู่ที่มหาวิทยาลัยเลยทำอาหารให้ไม่ได้ เพราะพี่ชายไม่กินอาหารที่ไม่สด ไม่ทำใหม่ หรือที่เรียกว่าไม่ชอบกินอาหารค้างไว้นานเป็นชั่วโมงนั่นเอง กวางเลยเอ่ยถามเขาก่อนเพราะกลัวเขาจะโมโหหิวแล้วดุเธอเอา “ เอาที่มึงสะดวก กูไม่ได้เรื่องมาก ” สิงโตพูดพร้อมเดินเข้าไปห้องข้างๆห้องครัวแล้วหย่อนก้นนั่งลงที่โซฟารับแขกสีดำขนาดใหญ่ “ ค่ะ ” กวางตอบพร้อมกับวิ่งแจ้นขึ้นบันไดเพื่อไปที่ชั้นสองห้องนอนของตัวเองอย่างรีบๆ เพราะกลัวพี่ชายจะโมโหหิว กวางรีบวิ่งลงบันไดมาด้วยชุดลำลองเธอใส่เสื้อยืดสีเทาไร้ลวดลายพร้อมกับกางเกงขาสั้นสีดำทำให้เห็นขาเรียวเล็กขาวๆของเธอ “ มาแล้วค่าาาา ” กวางยืนอยู่หน้าห้องรับแขกแล้วเอ่ยบอกกับพี่ชายที่นั่งไขว้ขาไถ ipad ซึ่งเขาทำอะไรไม่รู้ดูหน้าตาเครียดๆและเธอก็ไม่กล้าถามมากด้วยเดี๋ยวโดนพี่ชายดุเอาและตรงหน้าก็จะมีทีวีสีดำจอใหญ่ตั้งอยู่ สิงโตเหล่ตามองกวางเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “ อยู่บ้านก็ใส่รองเท้าด้วย ไม่สบายมากูไม่พาไปโรงพยาบาลนะ ” สิงโตพูดพร้อมกับหันหน้าไปที่ ipad ต่อ “ รับทราบค่าาา ” กวางตอบรับด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนที่จะวิ่งเบาๆไปที่ชั้นรองเท้าที่อยู่หน้าประตูบานใหญ่สีดำและหยิบรองเท้าที่ใส่ในบ้านคู่สีชมพูน่ารักๆออกมาเพื่อที่สวมใส่ กวางเอะใจนิดหน่อยที่มีรองเท้าสีชมพูผู้หญิงๆด้วย 1 คู่ เพราะคู่อื่นๆมีแต่สีดำหมดเลย แต่พอคิดได้ว่าพี่ชายมีแฟนเลยคิดว่าเป็นของแฟนพี่ชายที่พี่ชายซื้อเอาไว้ให้เพราะมันยังไม่แกะถุง คิดได้ดังนั้นกวางเลยเก็บรองเท้าคู่สีชมพูไว้ที่เดิมและหยิบรองเท้าคู่สีดำที่ยังไม่แกะถุงคู่ใหม่ออกมาสวมใส่แทน หลายวันผ่านไป สิงโตนั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี มือข้างหนึ่งกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา ส่วนอีกข้างเท้าคาง ร่างสูงๆ ในชุดเสื้อยืดลายเรียบกับกางเกงขาสั้นดูหงุดหงิดชัดเจน ดวงตาคมกริบเหลือบไปมองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง “หนึ่งทุ่มยี่สิบห้าแล้ว ยังไม่กลับอีก” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดไลน์ค้างไว้ แต่ก็ไม่พิมพ์อะไรซักที “กูจะไม่ทัก…กูจะไม่เป็นห่วง…กูจะไม่ถามว่าอยู่ไหน” …แต่พออีกสามนาทียังเงียบ “ไอ้บ้าเอ๊ย!” เขาลุกพรวดจากโซฟา เดินไปยังประตูหน้าบ้าน เปิดออกมาแล้วกวาดตามองถนนหน้าบ้านอย่างหงุดหงิดรั้วสีดำที่ยังปิดสนิทอยู่ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออกโดยรีโมตเปิดประนูอัตโนมัติที่เขาได้ให้เธอเอาไว้ ในจังหวะนั้นเอง รถแท็กซี่สีชมพูก็จอดที่รั้วหน้าบ้านพอดี ประตูรั้วก็เปิดออกพร้อมร่างเล็กๆ ในชุดนักศึกษาที่ดูยับและเหงื่อชุ่มนิดหน่อย “พี่สิงโต หนูขอโทษค่ะ รถติดมากเลย แถมฝนทำท่าจะตกอีก…” กวางรีบอธิบายเหตุผลให้พี่ชายฟังทันทีหลังจากเธอกลับบ้านช้าผิดเวลากว่าปกติ “มึงรู้มั้ย กูจะต้มมาม่ากินอยู่แล้ว” เขาพูดเสียงนิ่งแต่แฝงอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่ “หนูรีบสุดๆ แล้วนะคะ พี่จะด่าหนูก็ได้ แต่อย่ากินมาม่าเลย เดี๋ยวหนูทำกับข้าวให้เดี๋ยวนี้!” กวางรีบก้มหน้าหิ้วถุงของเข้าไปในครัว ทิ้งไว้แต่เสียงรองเท้ากระทบพื้นเบาๆ และกลิ่นหอมของเหงื่อที่ปนมากับลมเย็น สิงโตยืนพิงกรอบประตู ถอนหายใจหนักๆ ก่อนพูดกับตัวเองเบาๆ “รีบอะไรนัก…ใครเขาจะเป็นห่วง…” แต่รอยยิ้มมุมปากกลับเผยขึ้นบางๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย อีกสิบห้านาทีต่อมาที่โต๊ะอาหาร เสียงจานกับช้อนถูกวางลงตรงหน้าเขา กลิ่นผัดกะเพราหอมฉุนแตะจมูก สิงโตมองจานข้าวตรงหน้าแล้วแค่นเสียงเบาๆ “พี่ไม่พอใจหนูขอโทษนะคะ…แต่หนูพยายามที่สุดแล้วจริงๆ” กวางรีบเอ่ยขอโทษที่วันนี้มาช้า สิงโตตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ เงียบ…แล้วค่อย ๆ กลืนลงไป “อร่อย…” เขาพึมพำ “หืม?” กวางชะงัก “กูบอกว่ารีบไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวไม่สบาย กูไม่ชอบคนเป็นภาระ” เขาพูดเร็วๆ ก่อนตักคำต่อ “แต่...ว่า...” “ไม่ต้องพูดมาก เดี๋ยวกูเก็บจานให้ก็ได้…แค่วันนี้นะ อย่าคิดว่ากูใจดี” กวางยิ้มกว้างขึ้นทันที ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างว่าง่าย ส่วนคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ… วันถัดไป รถยนต์สีขาวคันเดิมจอดนิ่งหน้ารั้วบ้านเป็นครั้งที่สองในรอบสองสัปดาห์ กวางลงจากรถยนต์ในมือถือถุงขนมปังกับไข่ไก่ที่เพิ่งแวะซื้อมาจากตลาด “ขอบใจนะกระทิง ไว้วันหลังเลี้ยงข้าวตอบแทน” กวางที่ถือของพะรุงพะรังเอ่ยขอบใจเพื่อนชายที่อาสาพาไปซื้อของที่ตลาดนัมเบอร์ทรีและยังอาสามาส่งอีก เพราะหลายวันก่อนฝนตกกว่าจะถึงบ้านก็ปาไปเกือบสองทุ่ม รอบนี้เลยยอมให้กระทิงมาส่งที่บ้านเพราะกลัวกลับช้าและพี่ชายดุอีก “ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่ส่งนิดเดียวเอง กวางระวังของตกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันที่คณะ” “อือ บ๊ายบาย” กวางโบกมือนิดๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้าน…แต่ยังไม่ทันเปิดประตู ร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่ในเงามืดของเฉลียงหน้าบ้านก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมสายตาคมๆแบบมองทะลุไส้บ้านเกียรติภูมิช่วงค่ำเสียงออดดังขึ้นกวางเดินลงไปเปิดประตู“ไง กวาง~” เบอร์รี่ยืนถือร่มส่งยิ้มหวานที่ดูจริงใจเกินไป“ขอโทษนะ พอดีฝนตกแล้วฉันมีนัดแถวนี้แต่โดนเทเลยคิดว่า…ขอค้างที่นี่สักคืนได้ไหม?”กวางชะงักหันไปมองสิงโตที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัว สิงโตหยุดเดินไปทันทีที่เห็นเบอร์รี่บรรยากาศเงียบชั่วขณะ กวางเหลือบมองไปที่สิงโต ดวงตาอ่านไม่ออก แต่ในอกกลับเต้นผิดจังหวะไปหมด“จะนอนก็เอาสิ ห้องว่างเยอะแยะ” สิงโตพูดโดยไม่หันมากลางดึกบรรยากาศบ้านที่เย็นยะเยือกกวางนอนพลิกตัวไปมาเสียงฝนยังตกใจเธอไม่สงบเลยสักวินาทีห้องฝั่งตรงข้ามมีแสงลอดออกมาจากใต้ประตูเสียงเบอร์รี่หัวเราะเบาๆกับสิงโตดังลอดออกมา…หรือมันดังขึ้นในหัวเธอเอง?เสียงบางอย่างในใจของกวางกำลังถามว่า“…ถ้าไม่รู้สึกกับเขาแล้วจริงๆจะหวงขนาดนี้ทำไม?”...เวลาเช้าบ้านเงียบๆ มีเพียงเสียงจานกระทบกันเบาๆในครัว กวางเดินลงมาในชุดลำลองธรรมดาแต่ภาพที่เห็นตรงหน้า…ทำให้เธอชะงักเบอร์รี่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผากของสิงโตขณะที่สิงโตนั่งพิงโต๊ะอาหารหน้าตาไม่แสดงความรำคาญใดๆ“ก็แค่เช็ดเหงื่อ แกจะทำท่าจะฆ่าฉันทำไมอะ สิงโต~” เบอร์รี่หัว
มหาวิทยาลัยกวางเดินถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่โถงคณะนิติศาสตร์ แสงไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นเงาสะท้อน เสียงรองเท้าส้นสูงดังกังวานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เบอร์รี่หยุดตรงหน้าเธอยิ้มบางๆ ในมือของเธอมีดอกกุหลาบสีดำช่อเดียวกับที่เคยถือวันแรกที่กลับมา“เธอคือ…กวาง ใช่ไหม? ฉันชื่อเบอร์รี่นะ… ยินดีที่ได้เจอกันสักที”“ฉันรู้จักคุณค่ะ… คุณเป็นเพื่อนเก่าสิงโต” กวางยิ้มตอบด้วยมารยาทแต่แววตาสงสัย“แค่เพื่อนเก่าเหรอ… ถ้าเธอหมายถึงช่วงที่เรานอนห้องเดียวกัน แชร์ทุกเรื่องในชีวิต กอดกันทุกคืนเวลาฝันร้าย…เธออาจต้องใช้คำอื่นแล้วล่ะ” เบอร์รี่หัวเราะเบาๆ“พี่สิงโตไม่เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังเลยค่ะ” กวางนิ่ง เธอเริ่มรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทันแต่ยังพยายามเก็บอารมณ์“นั่นสินะ คนที่พยายามลืม บางทีมันอาจไม่ใช่เพราะลืมได้…แต่อาจเป็นเพราะลืมไม่ได้ต่างหากล่ะ” เบอร์รี่ตอบเรียบๆเบอร์รี่เดินจากไปทิ้งกลิ่นน้ำหอมจางๆไว้ในอากาศกวางยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิมมือกำเอกสารแน่น ริมฝีปากเม้มสนิทแต่สายตาเธอ…เริ่มสั่นไหวอย่างปิดไม่มิดลานเปลี่ยวหลังคณะนิติศาสตร์ เวลาหัวค่ำฝนเพิ่งหยุดตกหยดน้ำยังเกาะตามใบไม้ไฟริมทางสลัวสะท้อนแสงสีทองบนใบหน้าของกวางที
ห้องทำงานของ “ภาคภูมิ” พ่อของสิงโต เวลาประมาณ 10 โมงเช้า สิงโตในเสื้อเชิ้ตตัวเก่า กางเกงยีนส์ขาดเข่านั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมในห้องทำงานของพ่อมือหนึ่งจับบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดอีกมือถือโทรศัพท์แนบหูด้วยสีหน้าที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน“ฮัลโหล… พ่ออยู่มั้ย กูจะคุย” เสียงปลายสายเงียบไปนิดก่อนตอบรับภาคภูมิอยู่ในห้องอ่านหนังสือเก่าๆติดกับห้องทำงานทันทีที่ได้ยินเสียงลูกชายเขาก็เดินออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง“มีอะไร ไอ้ราชสีห์? ปกติไม่โทรหาพ่อเลยนี่”สิงโตเงียบ… ก่อนพูดเสียงนิ่งๆ“พ่อ… ถ้ากูบอกว่า กูทำให้กวางย้ายออกไปเอง…มึงจะเกลียดกูปะ”ภาคภูมิชะงัก สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนอย่างจับจ้อง เขาเดินเข้ามานั่งลงตรงข้ามลูกชาย โดยไม่พูดขัดเลยแม้แต่นิดเดียว“พ่อ… กูไม่รู้ว่าทำไมกูต้องทำตัวเหี้ยๆแบบนั้นกับเขา แต่กูแค่… กลับบ้านแล้วมันเงียบจนทนไม่ไหว” เสียงของสิงโตเริ่มแผ่วลงแต่ไม่ได้สั่น ไม่ใช่เพราะเขาไม่เจ็บ แต่เพราะเขา “ไม่ยอมให้เสียงสั่น”“กูไม่อยากให้เขาอยู่กับกูเพราะความรักหรืออะไรไร้สาระทั้งนั้น…กูแค่…อยากให้เขากลับบ้าน…”ภาคภูมิมองลูกชายที่มักหยิ่งทะนงในทุกเรื่องวันนี้กลับนั่งตรงหน้าในสภาพเหมือนคนพ่ายแพ้และพู
เสียงของเสือฟังดูเหนื่อยและหนัก“กวาง… ไอ้สิงโตโตมัน… รถชนเมื่อคืน”“ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล BMC ห้องฉุกเฉิน…”“ยังไม่ฟื้น แต่ปลอดภัยแล้ว… แค่… เขาไม่ได้บอกใครเลยนอกจากพวกพี่”กวางเงียบไป“เขาเมาหนักมากเลยนะ… ก่อนจะขับรถออกไปคนเดียว เมื่อคืนมันเรียกชื่อเธอตอนเมา… ทั้งคืนเลยว่ะ”กวางยังคงเงียบ น้ำตาคลอ… แต่ยังไม่หล่น“ขอบคุณที่บอกนะคะพี่เสือ…แต่กวาง… คงไม่ไปค่ะ”เสือเงียบ“แน่ใจนะกวาง…มันไม่มีใครเลยตอนนี้นะ”“เขาเคยมีค่ะ…แต่เขาเป็นคนผลักทุกคนออกไปเอง… โดยเฉพาะกวาง กวาง… ไม่ใช่น้องสาวเขา ไม่ใช่ใครในชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็พูดไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ…”เสียงในสายเงียบก่อนที่กวางจะพูดเบาๆจบสายด้วยน้ำเสียงสั่นไหวที่สุด“ขอให้เขาหายดีค่ะ… เท่านี้”ติ๊ดกวางวางสาย หันหน้าไปทางหน้าต่าง แสงเช้าอ่อนๆสาดเข้ามาทางม่านบาง เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกช้าๆเหมือนคนที่กำลังฝืนเดินต่อทั้งที่หัวใจยังบอบช้ำ“พอแล้ว… กวางต้องหยุดเจ็บเองให้ได้…”โรงพยาบาลเสียงเครื่องวัดชีพจรยังดังเป็นจังหวะสิงโตนอนอยู่บนเตียงริมฝีปากขยับเบาๆเหมือนละเมอ“…กวาง… อย่าไปนะ…”แต่ไม่มีใครได้ยินและไม่มีใครตอบกลับเขา…...ช่วงบ่ายวันอ
บนดาดฟ้าบ้านสิงโตกลับมาถึงบ้านที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เขาขึ้นไปบนดาดฟ้า จุดบุหรี่ สูดลมกลางคืนแรงๆ มือหนึ่งสั่น มือหนึ่งถือมือถือที่ไม่กดโทรหาใครแต่เปิดรูปถ่ายกวางตอนที่แอบถ่ายไว้ในมือถือตัวเองรูปเธอนั่งกินข้าว ยิ้มเงียบๆข้างเตาในครัว“มึงมีคนดูแลแล้วใช่มั้ย…ดีแล้ว… ดีแล้วเว้ย…”แต่เสียงที่พูดออกมามันสั่นจนไม่เหลือความแน่ใจน้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนมุมปากก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นหัวเราะฝืนๆ“มึงแม่งเก่งว่ะกวาง…ไปจากกูได้จริงๆ…”…“แต่กูแม่ง… ไปจากมึงไม่ได้เลย…”วันถัดไปข่าวลือกระฉ่อนในกลุ่มไลน์คณะมีคนแอบถ่ายรูปกระทิงซื้อดอกไม้ให้กวาง โพสต์พร้อมแคปชัน “หวานจนแสบตา”คอมเมนต์ถล่มว่า “รักวัยมหาวิทยาลัยคู่ใหม่กำลังมา”สิงโตนั่งในรถมองโพสต์นั้นผ่านมือถือเงียบๆ มือเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะโยนมือถือกระแทกเบาะข้างแล้วทุบพวงมาลัยรถเต็มแรง!“กูแม่ง… มึงจะไปจริงๆใช่มั้ยวะ…” เสียงคำรามจากในอกเหมือนสัตว์ที่รู้ตัวว่า มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้...ผับราชสีห์ในค่ำคืนที่ฝนตกสิงโตนั่งอยู่ในผับของตัวเอง โต๊ะ VIP ชั้นล่างที่ไม่เคยนั่ง รอบกายไม่มีใคร มีแค่เสียงฝนข้างนอก กับเหล้าเข้มในมือเขาไม่ชวนใคร ไม่ให้
ผับราชสีห์ห้อง VIP หลังผับปิดเสือ มิกซ์ และเม้าท์มานั่งกินเหล้าด้วยกัน เสียงเพลงเบาลงเหล้าเข้าขวดที่สามแล้ว สิงโตนั่งพิงโซฟา หน้าตาไม่ไหว เสื้อยับ แววตาแดงเหมือนอดนอนมาเป็นวันๆ“มึงเงียบเป็นบ้าเลยช่วงนี้นะไอ้ราชสีห์ หรือเพราะน้อง…” เสือเอ่ยขึ้นอย่างห่วงๆ“กวาง…” ชื่อหลุดจากปากสิงโตเอง เบาแผ่ว แต่ชัดเจนพอให้ทั้งโต๊ะเงียบ“เหี้ยอะไร กูแค่พูดชื่อคน…แม่งมีคนชื่อกวางเยอะจะตาย” เขาชะงักตัวเองไปเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะวางแก้วดังปังแล้วหัวเราะในลำคอแต่เพื่อนทั้งโต๊ะมองหน้ากันเงียบ มิกซ์กับเม้าท์ไม่พูดอะไรแต่สีหน้าชัดว่ารู้แล้วเสือถามอีกคำ… “แล้วมันเกี่ยวมั้ยวะ กับที่หายหัวไปสามวันก่อนหน้านั้น?”“กูไปนอนกับผู้หญิงมาเว้ย! มึงอย่ามาทำเป็นรู้ดี!” สิงโตตะคอกแต่แววตากลับเปล่าเปลี่ยวจนเจ็บแทนจากนั้นเขาก็ก้มหน้าเงียบแล้วพูดเบาๆเหมือนพูดกับใครสักคนที่ไม่อยู่ตรงนั้น“มึงจะหายไปนานแค่ไหนวะกวาง…หายไปจากบ้านก็พอแล้ว อย่าหายจากตรงนี้อีกเลย…”ไม่มีใครตอบ.....มีแค่เสียงเหล้าไหลลงแก้วต่ออีกคืนคืนฝนตก หอพักของกวางกวางนั่งกอดหมอนอยู่ริมหน้าต่าง ข้างนอกฝนโปรย กวางเผลอเปิดแชตเก่าของตัวเองกับสิงโต… แต่เขาไ