หอประชุมคณะนิติศาสตร์
เวลา 18.00 น. เสียงเพลงจังหวะเบาๆ จากลำโพงเก่าก้องไปทั่วห้อง หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์กระพริบนิดๆ เป็นจังหวะกับเสียงหัวเราะของปลาและพระพายที่กำลังฝึกเดินโพสท่าบนเวที “โอ๊ย! เดินยังไงไม่ให้ดูเหมือนมิสทิฟฟานี่อะพระพาย~” ปลาแซว “นี่มันบุคลิกนางงามนะยะ! ไม่ใช่เดินลากขาเหมือนซอมบี้อย่างแก!” พระพายเถียง อีกมุมหนึ่ง กระทิงกำลังยืนสอนจังหวะการหมุนตัวให้กวางอย่างใจเย็น “เอางี้ กวางหมุนซ้าย แล้วหยุดตรงหน้าเรา…ใช่ แบบนั้นแหละ แล้วพอหยุดก็สบตาเรานิดนึงนะ ให้กรรมการรู้สึกว่าพวกเรามี connection” “สบตานิดนึง…แบบนี้?” กวางเงยหน้าขึ้นมอง “ใช่ แบบนั้นเลย…เราว่ากวางทำได้ดีมากเลยนะ” กระทิงยิ้ม สรรพสนามเรียกกวางเริ่มเปลี่ยนจากเรียกกวาง ‘มึง’ ในบางทีตอนนี้กระทิงเรียกแทนกวางด้วยชื่อกวาง “อื้อ…ขอบคุณนะ” กวางหน้าแดงเล็กน้อย รีบหันหน้าหนี . . . เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นดัง “กึก…กึก…” ช้าและมั่นคง ก่อนชายในชุดสูทสีเข้มจะเดินเข้ามาในแสงไฟ พระพายเป็นคนแรกที่หันไปเห็น แล้วเบิกตากว้าง “พี่สิงโต?!” ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน รวมถึงกวางที่เหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะ สิงโตยืนพิงกรอบประตูมือล้วงกระเป๋ากางเกง เสื้อเชิ้ตดำปลดกระดุมสองเม็ดบน หล่อโคตร หงุดหงิดโคตร และ…คุมอารมณ์ไม่อยู่สุดๆ “ไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ ว่าซ้อมกับมันถึงค่ำ”เสียงเขาต่ำ ชัด และก้องไปทั่วห้องจนคนอื่นเงียบ “มันก็แค่การซ้อมค่ะพี่ ไม่ได้มีอะไร” กวางรีบอธิบายด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลกลัวเพื่อนๆจะเดือดร้อนอีกรอบ “ไม่ต้องอธิบาย กูเห็นหมดแล้ว…เห็นตั้งแต่มึงสบตา เห็นตั้งแต่มึงยิ้มให้มัน เห็นตั้งแต่มึงแตะมือกัน…” สิงโตพูดอย่างเก็บอารมณ์เอาไว้แทบไม่อยู่ “มันก็แค่การแสดงค่ะ!” กวางรีบแก้ตัวให้ตัวเองกับกระทิงอีกรอบ “กูไม่สนว่ามันแสดงหรือไม่ กูไม่ชอบ!” สิงโตเดินตรงมาคว้าข้อมือกวางแรงๆ จนเธอสะดุ้ง “พี่ครับ ผมว่าอย่าทำรุนแรงกับกวางเลย มันเป็นหน้าที่ของพวกเราจริงๆนะครับ” กระทิงรีบขยับเข้ามาขวาง “มึงคิดว่ากูเชื่อว่านั่นคือ ‘แค่หน้าที่’ เหรอ?”สิงโตหันไปจ้องหน้ากระทิงด้วยแววตาเดือดจัด “หรือมึงอยากได้มากกว่านั้น…ถึงได้ทำหน้าสุนัขหวงกระดูกแบบนั้นตอนสบตากับน้องกู?” “พอได้แล้วค่ะพี่! หนูโตแล้ว หนูเลือกได้ว่าจะยืนข้างใคร!” กวางรีบดึงแขนออกจากมือพี่ชาย คำพูดนั้นทำให้ทั้งห้องเงียบลงราวกับไม่มีอากาศหายใจ สิงโตสบตาเธอแน่นิ่งปล่อยมือเธออย่างช้าๆ ก่อนจะกระซิบเบา ๆ “งั้นก็ลองดู…ว่าไอ้คนที่มึงเลือกมันจะดูแลมึงได้ดี…เท่ากูมั้ย” แล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา พระพายกับปลารีบเดินมากอดปลอบกวางที่ยืนนิ่งเหมือนถูกตัดขาดจากความรู้สึก กระทิงยืนอยู่ข้างๆ พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง “กวาง…เราขอโทษนะ ที่ทำให้ทะเลาะกัน…” “ไม่ใช่ความผิดนายหรอกกระทิง” กวางหันหน้าไปยิ้มให้กระทิงเล็กน้อยเพราะกลัวกระทิงจะโทษตัวเอง โดยที่ตัวเธอเองนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้แล้วเหมือนกัน นับวันพี่ชายทำตัวหนักขึ้นเรื่อยๆ ’ถ้ามึงยังทำตัวแรดแบบนี้กูจะฟ้องแม่มึง‘ คำนี้ที่เขาพูดกับกวางที่บ้านบ่อยๆ ทั้งที่กวางยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย บ้านเกียรติภูมิ เวลา 21.30 น. ปังงงง!!! เสียงประตูรั้วหน้าบ้านถูกปิดเสียงดัง กวางเดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดโดยไม่แม้แต่จะหันมองคนขับรถคันดำที่ตามมาห่างๆจากลานจอดรถ สิงโต ฝก้าวเข้ามาในบ้านช้าๆ ถอดนาฬิกาแล้ววางมันแรงลงบนโต๊ะกระจกเขาไม่พูดไม่จาแต่สายตาเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่เจ้าตัวก็ไม่เข้าใจ กวางเดินลงมาจากชั้นสองอีกครั้ง ชุดนักศึกษายังไม่ได้เปลี่ยน เส้นผมหลุดลุ่ยจากการฝึกซ้อม แต่ดวงตาเธอยังคงสว่าง…แม้จะแดงก่ำ “พี่ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนั้นกับหนูนะ” กวางเดินเข้าไปหาพี่ชายที่ห้องรับแขกตอนนี้กวางมีอารมณ์ที่ไม่คงที่ตั้งแต่เกิดเรื่องที่มหาวิทยาลัยเธอก็ควบคุมอารมณ์ที่เอาไว้ไม่อยู่ สิงโตนั่งลงบนโซฟาเงียบๆหยิบรีโมทเปิดทีวี แต่หน้าจอกลับไร้สัญญาณ “อย่าทำตัวเหมือนหนูเป็นน้องสาวแท้ๆของพี่ได้ไหมคะ!!?” กวางเริ่มพูดเสียงดังขึ้นและหนักแน่น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาใส่พี่ชายรู้เลยว่าตอนนี้เธอโกรธพี่ชายเป็นอย่างมาก “กูไปห้ามมึงเมื่อไหร่?” เขาพูดโดยไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่โดย และเขาก็ไม่ได้หันหน้าไปหาน้องสาวที่ยืนอารมณ์ไม่ดีอยู่แม้แต่น้อย “พี่พูดแบบนั้นกับกระทิง ต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าอาจารย์ ต่อหน้าคนทั้งคณะ!” เธอเดินเข้ามาประจันหน้า ไม่กลัว ไม่ถอย และไม่อดทนอีกต่อไป “ทำไมพี่ต้องทำให้หนูรู้สึกผิดกับสิ่งที่หนูควรจะภูมิใจด้วย?” กวางพูดออกมาตามที่ตัวเองเก็บกดมานานหลายวันและมันหลายรอบแล้ว “ภูมิใจอะไรล่ะ…กับแค่เดินไปเดินมากับผู้ชายแล้วทำตาหวานใส่กันกลางเวทีแบบนั้น?” สิงโตเหยียดยิ้ม มุมปากกระตุกนิดๆ แบบคนที่พยายามกวนอารมณ์คนอื่นให้หงุดหงิดกว่าเดิม “หนูไม่ได้ทำตาหวานให้ใครทั้งนั้น พี่ต่างหากที่ทำตัวไม่มีเหตุผล” กวางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว เสียงเธอสั่น แต่ชัดเจน “เพราะกูเห็นว่ามันไม่สมควรไงล่ะ” สิงโตเถียง “แล้วอะไรล่ะที่สมควรในสายตาพี่สิงโต? หนูต้องนั่งอยู่บ้าน ห้ามแตะผู้ชาย ห้ามยิ้ม ห้ามใช้ชีวิตที่เป็นชีวิตของหนูอย่างงั้นเหรอคะ!?” กวางก็สู้ไม่ถอย สิงโตเงียบ…นานกว่าปกติ เพราะเขาไม่เคยเห็นกวางน้องสาวกล้าเถียงเขาเลยแต่ครั้งนี้เธอกลับเถียงเขาไม่ยอมถอย “ก็แค่อยากให้มึงอยู่ห่างๆ มัน” สิงโตยังไม่ยอมลุกขึ้นจากโซฟาและยังไม่หันมาเผชิญหน้ากับกวาง แต่คำพูดที่เขาโพล่งออกมาในที่สุด…แฝงความสั่นไหวแบบที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร “ทำไมล่ะคะ พี่กลัวอะไร? กลัวว่าหนูจะหายไปจากสายตาพี่เหรอคะ!” เธอก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด สบตาเขาตรงๆ “กูไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้น! กูก็แค่…ไม่ชอบเห็นมึงทำตัวสนิทกับมัน มันน่ารำคาญ เข้าใจมั้ย?! กูรำคาญ!” เขาตะคอกสวนทันที น้ำเสียงดังจนก้องบ้าน “รำคาญ…หรือหวงคะ?” กวางที่รู้อยู่แล้วว่าพี่ชายอย่างสิงโตไม่คิดจะหวงเธออย่างแน่นอนแต่เธอก็แค่อยากจะกวนประสาทเขาคืนก็แค่นั้น “มึงอย่าคิดเข้าข้างตัวเองนักเลยกวาง กูจะหวงมึงทำไม ก็ไม่ใช่ใครสักหน่อย” สิงโตลุกพรวดขึ้นจากโซฟา ใบหน้าตึงจัด เขามองหน้าเธอด้วยแววตาราวกับจะพูดอะไรสักอย่าง…แต่สุดท้ายก็แค่เบือนหน้าไป คำพูดนั้น…เหมือนตบหน้าเธอแรงๆ แต่กวางยืนนิ่ง ไม่หลบ ไม่ร้องไห้ แค่พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ใช่สิ…ไม่ใช่ใครเลยนี่เนอะ…ก็แค่พี่ชายไม่แท้ ที่ไม่คิดจะมองหนูในฐานะอื่นเลย ขอโทษที่ทำให้พี่รำคาญ หนูจะพยายามหายไปจากสายตาพี่ให้มากที่สุด…ถ้ามันจะทำให้พี่สบายใจ” เธอเดินขึ้นชั้นสองอีกครั้งทิ้งให้สิงโตยืนนิ่งอยู่ลำพังในห้องรับแขกที่เงียบเกินไปมีแค่เสียงทีวีที่ยังไม่มีสัญญาณดัง “ซ่า…” คล้ายใจเขาในตอนนี้คืนแรกของ “การพาลูกออกไปเที่ยวข้างนอก” ครั้งแรกในชีวิต พ่อสิงโตที่เคยเข้มงวดวันนี้กลายเป็นแด๊ดดี้มือใหม่ที่อุ้มกระเป๋าผ้าอ้อมแน่นกว่าใคร ส่วนกวาง…แม้จะเตรียมของมาพร้อมแต่หัวใจก็ยังเต้นแรงเพราะทุกอย่างคือครั้งแรกของครอบครัวคืนแรกของการพาลูกออกเที่ยวฉากนี้เกิดขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเขาเลือก “Night Market เล็กๆ” ที่ไม่พลุกพล่านแต่มีไฟระยิบระยับและเสียงดนตรีสดบางเบาในอากาศตลาดกลางคืน เวลาประมาณ 18:45 น.“แน่ใจนะคะว่าพี่สิงโตเอาขวดนมมาแล้ว?” กวางถามพร้อมเช็คกระเป๋าของลูกซ้ำอีกที“ขวดนม ผ้าเปียก ผ้าอ้อมสำรอง ขวดน้ำร้อน ผ้าเช็ดหน้า เป้อุ้ม มีหมดครับ!” สิงโตพูดด้วยเสียงมั่นใจเหมือนกำลังรายงานต่อที่ประชุมบอร์ดมหาวิทยาลัย“แล้วตุ๊กตาปลาหมึกขอกระต่ายน้อยล่ะคะ?”“………..อยู่บนโซฟา”กวางหันไปมองเขา…สิงโตยกมือยอมแพ้ทันที“โอเคๆพี่จะวิ่งไปเอาเดี๋ยวนี้!”เดินในตลาดกระต่ายอยู่ในเป้อุ้มที่หน้าอกสิงโตเสียงเพลงเบาๆจากนักร้องริมทางดังคลอ ร้านค้าข้างทางประดับไฟด้วยแสงเหลืองอุ่นผู้คนเดินกันอย่างไม่เร่งรีบและกระต่ายน้อยลูกสาววัยไม่กี่เดือน ก็หลับตาพริ้มซบอกพ่อสิงโตยืนกุมมือลูกไว้หนึ่งข้า
ช่วงท้องเดือนที่ 6กวางนอนอยู่บนโซฟาหน้าท้องเริ่มโตจนลุกไม่คล่องพี่สิงโตเดินเข้ามาเช็ดเหงื่อให้ถามเบาๆ“ลูกดิ้นยัง”กวางยิ้มพลางวางมือเขาลงบนท้อง“ดิ้นแล้วค่ะ….รู้สึกเหมือนเขารู้ว่าใครแตะเลยนะ”สิงโตก้มลงจูบท้องเบาๆ“พ่อมันเคยโง่มามาก ขอให้หนูฉลาดเหมือนแม่แล้วกัน”ช่วงเวลานี้คือ “ของขวัญ” ที่ทั้งสองคนแลกมาด้วยการผ่านทุกสิ่งด้วยกันและไม่มีรางวัลไหนล้ำค่ากว่านี้อีกแล้ว...บ้านหลังใหม่เสร็จสมบูรณ์ระเบียงหันทางพระอาทิตย์ตกหน้าบ้านมีต้นทับทิมสองต้นที่ยังเตี้ยๆ แต่ยืนต้นมั่นคงในดินและนั่นคือคำมั่นสัญญาที่เขาเคยพูดไว้…วันที่ยังไม่มีอะไรแน่นอนวันนี้มันกลายเป็นความจริงโรงพยาบาล เวลา 02:13 น.“พี่สิงโต…มันเจ็บ…เจ็บจริงๆ…” เสียงของกวางสั่นเธอจับมือเขาแน่นในห้องรอคลอดน้ำตาซึมทั้งที่เธอพยายามจะเข้มแข็งและสิงโต…แทบจะหายใจไม่ออก“พี่อยู่นี่ๆ…กวาง พี่อยู่นี่” เขากระซิบซ้ำๆไม่หยุดเหมือนพยายามกล่อมเธอ กล่อมตัวเอง และกล่อมเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้นพยาบาลเปิดประตูเรียก“คุณพ่อคะ ต้องออกไปนั่งรอข้างนอกแล้วค่ะ”เขาไม่ขยับจนมือของกวางบีบเขาอีกครั้ง“พี่สิงโต…ขอบคุณนะคะที่อยู่กับกวางจนถึงวันนี้”เขาสะอึก
วันถัดไปห้องครัวเวลาเช้าเสียงน้ำจากกาต้มน้ำกำลังดังขึ้นเบาๆขณะกวางยืนหั่นผักบนเขียง ใส่แว่นตากรอบใส ชุดนอนลายเรียบๆที่พับแขนขึ้นครึ่งท่อน หน้าสดแต่กลับเป็นภาพที่ทำให้สิงโตยืนมองเธอเงียบๆอยู่ที่กรอบประตู“พี่สิงโตจะยืนดูแบบนี้ทุกเช้าเลยไหมคะ” กวางถามโดยไม่เงยหน้าแต่ยิ้มมุมปาก“ก็อยากดูทุกวันไปจนแก่” เขาตอบตรงๆแล้วเดินเข้ามาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ก่อนจะช่วยหยิบจานมาวางเตรียมเสิร์ฟอาหารเช้าชีวิตในบ้านหลังเดิม แต่มี “สองคน” จริงๆแล้วในที่สุด ไม่ใช่คนหนึ่งอยู่ อีกคนหนี หรือคนหนึ่งห่วง อีกคนเงียบ เขาเริ่มตื่นเช้าขึ้นไม่ใช่เพราะต้อง แต่เพราะอยากให้เธอเห็นเขาตื่นก่อนบ้างเธอเริ่มไว้ใจพอที่จะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้บนโต๊ะโดยไม่ล็อกหน้าจอเพราะเขากลับกลายเป็นคนที่เธอ “ไม่ต้องระวังใจ”ในวันที่ต่างคนต่างมีงาน…แต่ก็ยังเป็นทีมเดียวกัน“กวาง พี่พรีเซนต์งานเสร็จแล้วนะมารับเลยไหม หรือจะให้ไปรับที่สำนักงานกฎหมาย?” สิงโตโทรมาหาตอนบ่ายหลังจากรู้ว่าเธอมานั่งเตรียมแฟ้มงานที่มูลนิธิ“ไม่ต้องค่ะ พี่สิงโตไปกินข้าวกับเพื่อนเลย กวางจะกลับช้าหน่อยเดี๋ยวซื้อของกินกลับบ้านนะคะ”“โอเค งั้นพี่จะรีบกลับไปก่อน ไปเช็ดบ้านให้ แล้
สวนเล็กๆในมหาวิทยาลัย ช่วงเย็นกวางนั่งอยู่ที่ม้านั่งไม้ใต้ต้นจามจุรีที่เริ่มผลัดใบ อากาศอุ่นๆต้นฤดูร้อนกำลังเปลี่ยนภัทรเดินเข้ามาเงียบๆพร้อมกับกาแฟเย็นสองแก้วในมือ ยื่นให้เธอหนึ่งแก้ว“เธอชอบกินกาแฟแบบนี้เสมอเลยนะ” ภัทรยิ้ม“ขอบคุณค่ะ” กวางรับไว้เบาๆ“…เราเคยคิดนะ ว่าถ้ารู้จักกันเร็วกว่านี้ อะไรๆ อาจจะไม่เหมือนเดิม”เธอนิ่ง ไม่ตอบ สายตาเหมือนจะมองกาแฟ แต่จริงๆกำลังหนีตาเขา“แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่ากวางไม่ได้ ‘มองไม่เห็น’ เรา…แต่กวางแค่มีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว และเราคงไปอยู่ตรงนั้นแทนเขาไม่ได้”“…ขอโทษนะคะภัทร” กวางตอบเสียงเบา“ไม่ต้องขอโทษหรอก…เราต่างหากที่ควรขอบคุณ ที่เธอไม่เคยหลอกเราเลยแม้แต่นิดเดียว” ภัทรยิ้มบางเธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขาสีหน้าอ่อนโยน เศร้าและซาบซึ้งในคราวเดียวกัน“เราจะถอนตัวนะ ไม่ใช่เพราะแพ้…แต่เพราะเราอยากให้เธอได้รักอย่างที่เธอสมควรจะได้” ภัทรพูดด้วยเสียงที่เหมือนถอนใจ“ขอบคุณค่ะ….ที่เข้าใจ” กวางเสียงสั่น“แต่ถ้าเขาทำให้เธอร้องไห้อีกครั้ง… เรายังจะยืนอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ไปไหน” ภัทรหัวเราะเบาๆบ้านเกียรติภูมิกวางกลับมาถึงบ้านท่ามกลางความเงียบของค่ำคืน เธอวางกระเป๋าไว้
กวางมองหน้าพี่สิงโตแววตาเขาไม่เร่ง ไม่ดึง ไม่บังคับ…แค่เฝ้ารอหญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ“หนูแน่ใจแล้วค่ะ…หนูอยากกลับมาอยู่ที่นี่”เสียงของเธอไม่ดังนักแต่หนักแน่นกว่าทุกครั้งที่เคยพูดสิงโตไม่พูดอะไรอีกแค่ก้าวลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งเธอมือเขายื่นมาข้างหน้าไม่ใช่เพื่อจับ ไม่ใช่เพื่อฉุด แต่เพื่อ ขอ ขอให้เธอเดินกลับเข้าบ้านนั้นไปพร้อมเขาอีกครั้งกวางยื่นมือไปจับช้าๆ สัมผัสอุ่นๆที่เธอเคยกลัวว่าจะเจ็บซ้ำ แต่ตอนนี้…มันไม่ใช่แล้ว มันคือการจับมือของคนที่ไม่ใช่แค่สำนึกผิด แต่เปลี่ยนแปลงเพื่อ คู่ควรกับการอยู่ข้างเธอเมื่อเปิดประตูบ้านเสียงทุกอย่างเงียบลงกลิ่นหอมที่คุ้นเคยโถงบ้านที่เคยว่างเปล่า…ดูอุ่นขึ้นเพียงเพราะ “เขาและเธอ” ยืนอยู่ในนั้นพร้อมกันอีกครั้ง“ทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมนะ” สิงโตพูดเบาๆขณะถอดรองเท้ากวางก้มลงวางรองเท้าข้างๆเขาก่อนจะเงยหน้ามองสบตา“ไม่ค่ะ…มันเปลี่ยนไปแล้ว” กวางพูด“ยังไง?” เขาถาม“มันไม่ใช่บ้านของพี่สิงโตคนเดียวอีกต่อไปแล้วมันคือบ้านของเรา”และในวินาทีนั้น...สิงโตหลับตาลงเหมือนแบกรอคำนี้มาทั้งชีวิตเขาโน้มตัวไปโอบเธอไว้แน่น ไม่มีจูบ ไม่มีคำสัญ
ลานสวนหลังคณะนิติศาสตร์ ยามเย็นกวางเพิ่งออกจากห้องเรียนพิเศษนักศึกษาค่อยๆทยอยกลับ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นส้มอ่อนก่อนจะกลืนเข้ากับเงาไม้ ภัทรยืนรออยู่ตรงม้าหินเขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้…รอยยิ้มของเขาดูต่างออกไปเล็กน้อยนิ่งขึ้น จริงจังขึ้น.“กวาง…ผมขอเวลาสักสิบนาทีได้ไหมครับ วันนี้…ผมอยากพูดอะไรบางอย่าง”กวางพยักหน้าแม้จะรู้สึกว่ามีบางอย่างจุกอยู่ในอก“ผมรู้ว่าเราเพิ่งกลับมาทำงานด้วยกันไม่นาน และผมก็รู้ว่าคุณไม่ได้มีใจให้ผมตั้งแต่แรก…คุณสุภาพกับทุกคนแบบนี้” เสียงนุ่ม สุภาพ แต่แน่วแน่กวางนิ่ง ไม่พูดแทรก“แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครง่ายๆ คุณไม่ได้เป็นแค่คนเก่ง คุณเป็นคนที่ผมสบายใจเวลาอยู่ด้วย ผมไม่อยากเร่งคุณ ไม่อยากแข่งกับใคร…แต่อยากอยู่ข้างๆในวันที่คุณรู้สึกว่าเหนื่อย” เขาพูดจบพร้อมรอยยิ้มจริงใจและสายตาที่ไม่ขออะไรเลย นอกจากโอกาสกวางใจเต้นแรงเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาก่อนที่กวางจะได้ตอบอะไรเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นทางเดินก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงที่กวางจำได้ดี เสียงที่ทำให้หัวใจเธอเหมือนหยุดเต้นไปชั่วครู่“พี่สิงโต…”เขายืนอยู่ตรงนั้นใต้เงาต้นชมพู