“มีสิท่านพี่ แต่ยังมิถึงเพลาที่พวกเขาทั้งหลายจะออกจากถิ่นมาทำงาน เพลานี้น่าจะมีเพียงท่านวากรอยู่เฝ้าโรงครัวเท่านั้น”
“เรียกหาข้าฤาท่านหญิง”
ยังไม่ทันที่สองพี่น้องกับเจ้านากทะเลตัวกลมจะเดินถึงหน้าประตูโรงครัวใหญ่ ชายสูงใหญ่ผิวสีแทนนุ่งเตี่ยวสีดำตัวเดียวก็เดินออกมาต้อนรับทั้งสาม
“ท่านวากร”
“เข้ามาข้างในก่อนเถิด” วากรผายมือเชิญเจ้าหญิงทั้งสองให้เข้าไปนั่งคุยกันข้างใน
“พวกท่านมาถึงที่นี่ด้วยตนเองมีเหตุใดด่วนฤาท่าน”
“พี่ข้าอยากกินปลาสามรสตั้งแต่มาถึงแล้ว แต่อาหารที่ส่งไปยังตำหนักมีเพียงผักเท่านั้น” มีนามัจฉาที่เพิ่งหย่อนก้นนั่งเอ่ยธุระที่เธอต้องพาพี่สาวมาถึงที่นี่
“โสภิณบอกข้าว่าตำหนักเจ้าหญิงมิพึงเนื้อสัตว์ โอ้... ข้าพอจักเข้าใจแล้ว” เขาเป็นหัวหน้าดูแลโรงครัวแห่งนี้ก็จริง ทว่าคนที่รับคำสั่งจัดการเรื่องอาหารการกินของทุกตำหนักเป็นหน้าที่ของโสภิณ แม่ครัวเผ่าหมูป่าที่ไม่ค่อยจะลงรอยกับเขาสักเท่าไร เพราะเจ้านั้นชอบอคติกับทุกเรื่องไปทั่ว ดีเพียงว่าเป็นแม่ครัวที่สามารถเจรจาขอสรรพสัตว์มาเป็นอาการได้ดี และฝีมือการอาหารมากกว่าผู้ใดเท่านั้น เห็นทีที่ตำหนักของมนตรามัจฉาไม่ได้อาหารอย่างที่ต้องการคงไม่พ้นเพราะโสภิณไม่ชอบเงือกสาวที่กำลังจะกลายมาเป็นแม่เมืองในอนาคตแน่
“พวกเขามิพึงใจข้าใช่ฤาไม่” ชมชีวันอ้อมแอ้มถาม
“เรื่องหยุมหยิมพวกนั้นท่านเป็นหญิงข้าว่าท่านต้องเข้าใจ แต่เมื่อข้ารู้เช่นนี้แล้วต่อไปข้าจักทำอาหารให้ท่านเอง”
“ขอบใจท่านมาก อาหารอร่อยทำให้ข้ามีความสุข” เงือกสาวมองวากรด้วยสายตาเป็นประกาย แม้นเธอได้อยู่ที่สบายแค่ไหนก็ไม่ดีเท่าได้รับประทานของอร่อย
“เช่นนั้นท่านรอที่ตำหนักเถิด ข้าหาวัตถุดิบมาปรุงเรียบร้อยแล้วจักไปส่งด้วยตนเอง” ฟึ่บ ว่าจบกายาใหญ่โตก็แปรสภาพกลายเป็นลิงตัวใหญ่ จากนั้นก็หายไปในผืนดินในทันตา
“โห มุดดินไปเลยเหรอ” ชมชีวันอ้าปากค้างก่อนจะหันมามองหน้ามีนามัจฉาด้วยแววตาฉงนเพราะเห็นว่ามีนามัจฉาไม่ได้มีท่าทางตกใจกับสิ่งที่เห็น
“นั่นแหละความสามารถวิเศษของท่านวากร เผ่าวานรพนาสามารถดำดินได้ทุกตน”
“โห...ลิงสายลับชัดๆ”
“ว่าอันใดฤาท่านพี่”
“กลับไปตำหนักเถิด ข้าจักไปรอกินอาหารที่นั่น” เมื่อไม่อยากอธิบายความหมายของคำพูดเมื่อครู่จึงรีบเดินนำหน้าออกไปจากห้องครัว
มีนามัจฉาขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันไปมองเจ้านากทะเลที่นอนพาดอยู่บนบ่า “เจ้ารู้ความหมายของเจ้านายเจ้าฤาไม่”
สามนหันหน้าหนีไม่ได้ตอบอะไรมีนามัจฉา เพราะยังช้ำใจกับคำว่าสายลับที่เจ้านายตนได้มอบหน้าที่ให้เมื่อวานไม่หาย ภาพตอนที่ถูกจับได้และความกลัวตายเมื่อวานยยังหลอนวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่หาย ครั้งนี้ก็ปล่อยให้ผู้ที่ตั้งคำถามไปหาคำตอบเองก็แล้วกัน
กลับมารอที่ตำหนักได้พักใหญ่อาหารเลิศรสพร้อมผลไม้ป่าก็วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ชมชีวันเห็นของอร่อยก็ไม่รีรอที่จะสวาปามอย่างไม่คิดวางมาด
“หืม อร่อยที่สุด ดี มันดีทุกกอย่างเลย”
มีนามัจฉาไม่กล้าแม้จะแตะเนื้อปลาทั้งที่ตอนนี้มันก็มีหลายตัวจนเหลือกินเพราะเห็นญาติผู้พี่นั่งรับประทานเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน ฃ
“ค่อยๆ กินก็ได้ท่านพี่ ข้ามิแย่งทานหรอก ถ้าท่านต้องร่วมโต๊ะอาหารกับท่านลุงท่านป้า ท่านต้องสำรวมกิริยากว่านี้นะท่านพี่”
“ข้ารู้น่า ตอนนี้ข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า ข้าขอทำตัวสบายๆ โอเคไหม”
“โอเค คืออันใดท่านพี่”
“ก็ตกลงไง”
“อ๋อ...รหัสลับที่ท่านคิดเองใช่ฤาไม่” มีนามัจฉาเริ่มจะตื่นเต้นกับภาษาแปลกใหม่ที่ญาติผู้พี่พูด
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เอาไว้วันหลังข้าจักสอนรหัสลับให้เจ้า เราจักได้พูดภาษาเดียวกันได้”
“โอเคท่านพี่ ข้าชอบ”
เจ้านากทะเลเห็นสองพี่น้องสนทนากันก็ต้องรีบยกมือกุมขมับ
“เอ่อ...ข้ายังไม่เห็นพ่อเจ้าเลย พ่อเจ้าไปไหน” ชมชีวันคิดว่าพ่อของมีนามัจฉาอาจจะหน้าตาเหมือนพ่อของเธอก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นเธอจะได้รู้สึกว่ามีครอบครัวอยู่ครบที่นี่
“ท่านพ่อถูกขังไว้ที่ถ้ำน้ำตก”
“ทำไม”
“ก็ท่านพ่อรับผิดแทนข้ากับท่านแม่ เรื่องที่ปกปิดเรื่องท่านพี่”
“เรื่องของข้าฤา เรื่องอันใด” ปลาในมือล่วงผล็อยลงไปในถาดไม้ ทำไมเธอถึงไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ก็เรื่องที่ข้ากับท่านแม่รู้ว่าท่านพี่มีเรือนผมสีดำขลับแต่กลับมิยอมบอกองค์ราชากับราชินี”
“ทำไมต้องทำโทษกันด้วย”
“ท่านลุงมิได้อยากทำ แต่ว่าหากละเลยความผิดของน้องตนก็จักเป็นข้อกังขาของชาวเมือง”
“แสดงว่าตอนนี้ท่านพ่อเจ้าก็มิได้ลำบากอันใดใช่ฤาไม่”
“เจ้าค่ะ เพียงรอวันที่ออกมาจากที่คุมขังเท่านั้น”
“อีกนานไหม”
“สองปี”
“ฮะ!”
“ถือว่าโทษเบาแล้วท่านพี่”
ชมชีวันหน้าถอดสี แม้นเรื่องที่ท่านพ่อของมีนามัจฉาเดือดร้อนเป็นเพราะมนตรามัจฉา แต่เธอก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องนั้นเกี่ยวกับเธอ ฉะนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้วารัตน์คีรีออกมาจากคุกให้ได้ เพราะนั่นเท่ากับว่าเธอก็จะได้คืนความสุขให้ชลามัจฉาได้เร็วขึ้นด้วย