แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ ก็ต้องยอมรับ ความรักที่ผมมีต่อเขามันมากเกินกว่าจะละทิ้งช่องทางที่ทำให้ผมได้เขาคืนมา ยอมโยนทิ้งความตั้งใจของตัวเอง แล้วไล่ตามสิ่งที่ตัวเองปฏิเสธมาตลอด ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อเขา.....
ทำให้ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าตึกๆ หนึ่งภายในประเทศไทย บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีจุดเด่นในด้านดนตรีและการแสดง เป็นผู้จัดการแข่งขันร้องเพลงในระดับนานาชาติ โดยจะทำการคัดเลือกภายในประเทศก่อนจนได้ที่ 1 แล้วถึงจะขยับไปที่นานาชาติต่ออีกที
ตอนนี้ผมนั่งกรอกข้อมูลจนเสร็จเรียบร้อยดี หลังส่งใบสมัครแล้วจึงกลับคอนโด ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ แม้ว่าจะมีแมวมองมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย เพราะหวงแหนช่วงเวลาที่เราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน จึงพยายามออกห่างจากสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าจะชอบร้องเพลงมากก็ตาม แต่ตอนนี้ผมต้องยอมละทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปเมื่อเขาไม่ได้ยืนข้างกายผม
แต่เดิมผมมีความฝันอยากที่จะเป็นนักร้อง จึงคิดที่จะเข้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ในตอนแรกเริ่มที่ได้เรียน แต่ก็ยอมละทิ้งความฝันนั้นไปเพื่อเข้าไปเรียนในคณะเดียวกันกับเขา และเลือกที่จะปฏิเสธอาชีพที่
“บอสครับ เสร็จรึยังครับ”“แป๊บหนึ่ง”“บอสสสส จะสายแล้วนะครับ”“ผมบอกว่าแป๊บหนึ่งไง”“แป๊บหนึ่งก็ไม่ได้ครับ ลุกเดี๋ยวนี้เลยครับ”“ก็ได้ๆ ๆ” ผมพูดพร้อมกับตวัดปลายปากกาเซ็นเอกสารฉบับสุดท้าย วันนี้ผมพยายามเคลียร์งานตรงหน้าให้เสร็จ เพราะมีแผนว่าจะไม่เข้าออฟฟิศอีกในวันนี้“ไปเร็วๆ ชักช้าจริงนะลูคัส” ผมพูดพร้อมกับหยิบเอาเสื้อโค้ตสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ มาถือไว้ในมือ เดินไปอีกนิดคว้าเอาผ้าพันคอสีแดงขึ้นมาด้วย พร้อมกับแต่งตัวพลางก้าวเท้าเดินออกไปจากห้อง ลูกน้องคนสนิทที่มีอายุมากกว่า 2 - 3 ปี ทำหน้าเบื่อหน่าย ส่ายหน้าระอาใจ“ทำเหมือนผมเป็นคนผิดทุกทีสิน่า” พูดบ่นก่อนจะรีบวิ่งตามเจ้านายไป พร้อมกับแย่งกระเป๋าเอกสารมาถือไว้แทน“เร็วๆ เลยครับ ถ้าไปสายแล้วดูไม่ดี ผมจะพูดว่าเป็นความผิดบอส”“โอ้ย นี่ก็รีบจนจะเป็นเพนกวิ้นบินได้อยู่แล้วนะ” ผมพูดบ่น ขัดใจเล็กๆ เมื่อตัวเองตัวเล็กกว่าลูกน้อง ทั้งๆ ที่เดินนำหน้าออก
Bass Partผมนั่งเท้าคาง หันหน้าเหม่อมองออกไปที่ด้านนอก ดวงตาจ้องมองท้องฟ้าสีครามที่มีปุยเมฆประดับอยู่ ก้อนเมฆลอยต่ำ สีขาวสะอาดตา กำลังขับเคลื่อนไปช้าๆ น่าดูชม หากแต่ไม่ใช่กับผมในตอนนี้ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ 1 เดือนแล้ว เคาะปากกาในมือเป็นจังหวะอย่างเบื่อหน่าย ละเลยสิ่งที่วางกองอยู่ตรงหน้าอย่างไม่คิดจะใส่ใจมันน่าหงุดหงิดเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าแอคเคาน์ตัวเองในโลกโซเชียลมีอะไรบ้าง รหัสผ่านคืออะไร แต่เพราะเทคโนโลยีมันดีเกินไป จะต้องยืนยันตัวตนจากเครื่องเก่าก่อน หรือได้รับรหัสผ่านก่อน ผมจึงไม่สามารถเข้าล็อกอินได้ดั่งใจอยาก เลยได้แต่สมัครไอดีใหม่ แล้วไปตามดูชีวิตของคนรักเงียบๆสายตาดึงกลับมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ภาพของคนรักและพี่คมกำลังกอดคอยืนยิ้มให้กล้อง พร้อมกับคำสั้นๆ ว่าผมสัญญา...ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน แม้ผมจะพยายามติดต่อพี่คมไปมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไร้การตอบกลับ ไม่รู้ว่าจงใจหลบหน้าผมหรือถูกกีดกันเหมือนอย่างที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้กันแน่ แต่ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นอย่างหลัง เพร
กำหนดการแข่งขันสำหรับรอบชิงชนะเลิศแข่งขันร้องเพลงนานาชาติถูกกำหนดให้จัดขึ้นในอีก 5 วันข้างหน้า ทางทีมงานได้สอบถามพวกเราทั้ง 5 คน ว่าต้องการให้เตรียม เซ็ทฉากแบบไหน เราแต่ละคนก็บอกความต้องการไป ง่ายบ้างยากบ้างแล้วแต่คน แต่ระดับฮอลลีวูดมาเอง คงไม่ยากเกินมือพวกเขาหรอกเนื่องจากทางทีมงานต้องจัดเตรียมอะไรหลายๆ อย่าง จึงใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย ซึ่งครอบครัวและเพื่อนๆ ต่างก็เฝ้ารอดู เรียกได้ว่านั่งชิดติดขอบสนาม คนทั้งหมดมากองรวมกันอยู่ในห้อง เพื่อนั่งเฝ้ามองผมทำการฝึกซ้อมเพลงสุดท้ายที่ผมตั้งใจไว้คือเพลงแห่งคำสัญญาของเรา ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ แค่ได้มีโอกาสและมาถึงรอบสุดท้ายแบบนี้ก็นับว่าดีมากๆ แล้ว ถ้าเขายังรักผมอยู่ถ้าเขายังมีความรู้สึกดีๆ ให้กัน ผมเชื่อมั่นว่าอย่างไรก็ต้องได้เห็นความตั้งใจของผม มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนี้ แต่สักวันหนึ่ง เขาอาจจะผ่านมาเจอ....ตอนนี้ผมกำลังฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบเพลง เกิดความเงียบขึ้นรายล้อมกาย ผมละสายตาจากพื้นที่ข้างกาย หันไปมองครอบครัวและเพื่อนฝูงที่นั่งกองรวมกันอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง เด็ก
“You know I want you(ต้องการเธอแค่ไหน)It's not a secret I try to hide(เธอเองคงรู้และเข้าใจกว่าใคร)I know you want me(และเธอต้องการฉัน)So don't keep saying our hands are tied(แต่ใยพร่ำพูดว่าเป็นไปไม่ได้)You claim it's not in the cards(ชะตาที่เป็นของเราเอง)But fate is pulling you miles away(กลับนำเธอไปให้ไกลห่าง....ออกไป)And out of reach from me(จนเธอแทบลับสายตา)But you're here in my heart(แต่พบเธอนั้นในหัวใจ)So who can stop me if I decide(จะไม่มีวันที่ใครมาหยุดฉัน)That you're my destiny?(เธอคือพรหมลิขิตนั้นใช่ไหม)What if we rewrite the stars?(หากสองเราวาดดาวขึ้นใหม่)Say you were
“ซันครับ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” หลังจากผ่านพ้นงานเลี้ยงฉลองไป 2 วัน ในเย็นวันหนึ่งขณะทานข้าว คนๆ นั้นก็เอ่ยปากร้องบอกขึ้นมาเบาๆ และเอื้อมมือไปจับกุมกระชับกับมือของแม่เอาไว้ แม่เองก็ยอมปล่อยให้จับโดยไม่ได้แสดงอาการอะไร ทำให้ผมลอบมองอย่างสนใจ ผม พี่ท็อป เชฟ วางช้อนส้อมลง ตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด เพราะดูเหมือนว่ามันจะสำคัญมากไม่น้อย“ครับ?”“คือ.... พ่อกับแม่...”“?”“เราตกลง ที่จะคบกันอีกครั้งน่ะ” สิ้นคำพูดนั้น พี่ท็อปกับเชฟก็ยกยิ้มอย่างยินดี ต่างจากผมที่หันไปถามแม่เบาๆ“ยอมแล้วหรอครับ? ยังไม่ครบ 6 เดือนเลยนะ” ใช่ พึ่งจะ 4 เดือนเท่านั้นเอง“จ๊ะ ซันโอเครึเปล่าลูก”“ครับ ซันโอเค” ผมตอบพร้อมจับมือของแม่ไปด้วย ก่อนที่พี่ท็อปจะพูดขึ้นมาบ้าง“แล้วแม่จะย้ายไปอยู่ที่บ้านใหญ่กับเราไหมครับ?”“น้องซันอยากไปไหมครับ?” แม่ไม่ได้ตอบพี่ท็อป แต่กลับหันมาถามผมแทน“ไม่ครับแม่ ซันไม่ไป ซันจะอยู่
ที่อีกด้านหนึ่งห่างไกลคนละประเทศชายผู้เป็นสาเหตุของน้ำตากำลังมองจ้องภาพตรงหน้า ที่ไทยตอนนี้เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่าๆ กำลังฉายภาพการแข่งขันร้องเพลงชิงอันดับหนึ่ง เพื่อขยับก้าวไปยังนานาชาติ และในตอนนี้เขากำลังนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ตอนเวลาบ่าย 3 ละทิ้งการทำงานตรงหน้า แล้วนั่งมองภาพที่กำลังฉายทั้งน้ำตาI miss you(ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน)I….. miss you(ฉัน.....ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน) ”ความรู้สึกส่งออกมาผ่านน้ำเสียง และมันมาพร้อมกับหยาดน้ำตา ทำให้เขาต้องก้มหน้าลงหลบซ่อนความเจ็บปวด ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ยกมือขึ้นลูบไล้ภาพบนหน้าจอไปมาเบาๆ ปลายนิ้วโป้งแตะลงที่บริเวณใบหน้า หวังอยากจะสัมผัสผิวแก้มที่อบอุ่น หากแต่ทำได้เพียงแตะสัมผัสกับหน้าจอที่เรียบบางเย็นชืด จนต้องร่ำไห้ออกมาอีกครั้งอย่างทรมานใจ.....ประเทศไทย......เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหลังสิ้นสุดเสียงร้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรี้ดที่ดั่งสนั่นหวั่นไหว เสียงร้องตะโกนคำว่า Cryba