Share

บทที่ 5 เสนองาน

last update Last Updated: 2025-04-28 16:02:17

วันที่ 11 สิงหาคม ปี 43 มันเป็นวันเกิดของผม พ่อของผมทำพินัยกรรมให้ทันทีที่ผมเกิด ครอบครัวของผมเป็น เศรษฐี และนี่คือสิ่งที่แม่ไม่เคยบอกผม เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้ การได้รับรู้ข่าวนี้ทำให้ผมถึงกับไปไม่เป็น ผมทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไรต่อจากนี้ ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงไม่เคยได้เจอหน้าพ่อ ผมรู้แล้วว่าทำไมท่านถึงเสียก่อนวัยอันควร และรู้แล้วว่าทำไมแม่ของผมจึงถูกชาย 2 คนนั้นทำร้ายจนเสียชีวิต ผมว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับพินัยกรรมฉบับนี้แน่ ในขณะที่ผมคิดอะไรไม่ตกนั้น พี่เนมก็ขยับเดินเข้ามาใกล้

“เสร็จรึยัง” พี่เนมถามและมองผมที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่พื้น อย่างคนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนพี่เนมต้องนั่งยองๆ และเอามือวางบนไหล่ผมเบาๆ ผมสะดุ้งนิดๆ และหันไปหาพี่เนม

“อะ อ่อ เสร็จ เสร็จแล้วครับ” เสียงของผมสั่นคนผมเองยังรู้สึกได้ พี่เนมขมวดคิ้วมองผมเล็กน้อย ก่อนลุกยืนขึ้น

“จะกลับเลยไหม”

“คะ ครับ กลับครับ” ผมตอบพี่เนม เริ่มเก็บของที่ผมได้เจอ ปิดแผ่นหินนั้นคืนที่เดิม และนำของที่ได้รับกลับมาด้วย เมื่อมาถึงรถผมก็ขึ้นไปนั่งและก้มมองกล่องเหล็กนั้นอย่างใช้ความคิดเงียบๆ

“นาย จะให้ไปส่งที่ไหน”

“...”

“เจ้านาย” พี่เนมถามและสะกิดผมอีกครั้งเมื่อผมไม่ตอบ และขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“อ่อ ไป อืม ไปสถานีขนส่งก็ได้ครับ”

“บ้านอยู่ที่ไหน”

“บ้านผมอยู่ที่สระแก้วครับ” พี่เนมได้ฟังก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“ทำไมมาไกลถึงนี่ ฝังศพไว้ไกลจังนะ”

“ผมก็ไม่รู้ครับ พ่อผมเสียตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าทำไมถึงฝั่งไกลขนาดนี้” ที่ที่พ่อผมถูกฝังเป็นพื้นที่แถบชานเมือง ติดกับกรุงเทพ หรือว่าบ้านของคุณย่าจะอยู่แถวนี้กันนะ

.

.

.

ผมนั่งมองคนตัวเล็กข้างกาย ที่เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว การไปไหว้พ่อกับแม่ผมครั้งนี้ และมีคนข้างกายนี้ไปด้วย ทำให้ผมรู้สึกเหมือนภาพทับซ้อน เหมือนเมื่อคราวที่ผมนั่งอยู่หน้าหลุมศพและมีเด็กชายมาทักทายในครั้งนั้น แต่ต่างกันตรงที่ครั้งนี้เด็กชายนั้นเป็นคนนั่ง และผมเป็นฝ่ายทักเขาก่อน ทำให้ความทรงจำเมื่อสมัยยังเด็กผุดขึ้นมาราวกับภาพย้อน ผมหันมองเขาอย่างสงสัย ไม่แน่อาจจะเป็นไปได้ เพราะผมคุ้นชื่อเจ้านายนี้เหลือเกิน ทำให้นึกถึงวันที่เด็กชายแนะนำตัวครั้งแรก

“เราชื่อนายนะ แม่เราตั้งว่าเจ้านายละ อายุ 10 ขวบแล้ว นายละ ชื่ออะไรหรอ ทำไมทำหน้าเศร้าจัง?”

ครั้งนั้นเด็กชายทักเขาอย่างสดใส แตกต่างกับเจ้านายที่แนะนำตัวกับเขาในโรงพยาบาลวันนั้น มันเศร้าหมองและไม่สดใสเหมือนเด็กคนนั้นเลย

“นาย จะให้ไปส่งที่ไหน” ผมเอ่ยถามคนที่ข้างกายผม แต่เหมือนไม่ได้เอาสติกลับมาจากสุสานนั้นด้วย

“...”

“เจ้านาย” ผมเรียกซ้ำอีกครั้ง เหมือนไม่มีสัญญาณตอบรับ

“อ่อ ไป อืม ไปสถานีขนส่งก็ได้ครับ”

“บ้านอยู่ที่ไหน”

“บ้านผมอยู่ที่สระแก้วครับ” ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ไกลขนาดนั้นทำไมถึงมาฝั่งแถวนี้ได้ ทำให้คิดไปถึงเด็กผู้ชายอีกคนที่บอกว่าบ้านเขาอยู่ไกลจากพ่อของเขา นานๆ ถึงจะมาทีหนึ่ง

“ทำไมมาไกลถึงนี่ ฝังศพไว้ไกลจังนะ”

“ผมก็ไม่รู้ครับ พ่อผมเสียตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าทำไมถึงฝั่งไกลขนาดนี้” นายเอ่ยตอบและไม่ได้พูดอะไรอีก ท่าทางของเขาทำให้ผมสงสัยมากกว่าเดิม เขานั่งจ้องมองกล่องเหล็กไม่วางตา เหมือนคนที่คิดอะไรมากมายอยู่ในหัว ผมบิดข้อมือ มองนาฬิกาและตัดสินใจ เมื่อขับไปสักพักก็ถึงที่หมาย ผมดับเครื่องยนต์และสะกิดคนข้างกาย

“นาย ถึงแล้ว” เจ้านายหันมามองช้าๆ ก่อนจะทำตาโต ปากรูปตัวโออ้าค้างไว้น้อยๆ ท่าทางของเจ้านายทำให้ผมหลุดขำน้อยๆ บ้านของผมเป็นบ้านสไตล์ Contemporary ดูร่วมสมัย มีด้วยกัน 2 ชั้น มีระเบียงยื่นออกมาที่ชั้น 2 ตรงกลางด้านหน้าเป็นน้ำพุ ด้านข้างเป็นโรงจอดรถ ด้านหลังเป็นสระว่ายน้ำรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธ์ุ มีบ้านพักคนงานแยกออกมาต่างหากจากตัวบ้าน บ้านทั้งหลังทำด้วยหินอ่อน ลวดลายสวยงาม จะเรียกว่าเป็น คฤหาสน์ก็คงไม่เกินไปนัก

“ฮึ ลงมา” เจ้านายหันมองรอบตัวหน้าตาเหลอหลา

“ผมนึกว่าพี่เนมจะพาผมไปที่สถานีขนส่งซะอีกครับ” เจ้านายถามพร้อมเดินตามหลังผมลงมา

“ตอนนี้จะเที่ยงแล้ว เรายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงกันเลย แวะทานข้าวก่อน” ผมตอบแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน

“คุณเนม ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ” ป้านุ่ม เป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ออกมาต้อนรับผมเหมือนอย่างทุกทีที่ผมกลับมาบ้าน ป้านุ่มเป็นหัวหน้าแม่บ้านในบ้านหลังนี้ มีอำนาจในการจัดการเรื่องต่างๆ ภายในบ้านได้เต็มที่

“สวัสดีครับป้านุ่ม รบกวนจัดโต๊ะได้เลยนะครับ ส่วนนี่เจ้านายครับ เขาจะร่วมโต๊ะด้วย”

“ได้ค่ะคุณเนม เดี๋ยวป้าจัดการให้นะคะ”

“นาย นี่ป้านุ่ม หัวหน้าแม่บ้านที่นี่ มีอะไรที่อยากได้เพิ่มเติมก็แจ้งป้าเขาได้เลย”

“สวัสดีครับป้านุ่ม” เจ้านายยกมือสวัสดีป้านุ่ม ก่อนจะยิ้มกว้างส่งให้

“สวัสดีค่ะคุณนาย ไปพักผ่อนกันก่อนนะคะ ป้าขอเวลาจัดโต๊ะสักครู่” ป้านุ่มบอกก่อนจะแยกตัวออกไป

ผมเดินนำหน้า พาเจ้านายมาที่ห้องนั่งเล่น และบอกให้นั่งรออยู่แถวนี้ก่อน พร้อมกับเปิดทีวีเอาไว้ให้ และเดินขึ้นชั้น 2 ของบ้าน เพื่อไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ให้สดชื่นแล้วจึงลงมาข้างล่าง ก่อนจะพบว่าป้านุ่มจัดโต๊ะเสร็จแล้ว และมาเรียกเราทั้งคู่ไปทานอาหารเที่ยง

เรานั่งทานอาหารกันเงียบๆ จะมีก็แต่เจ้านายที่ดูหลุกหลิกอยู่ไม่นิ่ง หันซ้ายที่ ขวาที

“เป็นอะไร” ผมถามเจ้านายและเงยหน้ามอง

“อ่อ เปล่าครับ” เจ้านายตอบกลับมาและก้มหน้างุดๆ แต่มันยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามี

“พูดมา” ผมถามซ้ำอีกครั้ง และจ้องมองเขาอย่างกดดัน

“คือผมรู้ว่าพี่เนมรวยนะครับ แต่ว่าไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้” ผมเลิกคิ้วน้อยๆ เป็นเชิงถามกลับไป

“คือ จะว่ายังไงดี บ้านพี่ใหญ่มากกกกกก ทีวีก็ใหญ่ โต๊ะอาหารก็ใหญ่ อาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้ มันทำให้ผมตื่นเต้นครับ ผมกลัวว่าจะไปทำให้ข้าวของพี่เสียหาย ผมไม่มีปัญญาชดใช้คืนให้แน่ๆ” เมื่อเจ้านายโดนสายตาของผมกดดัน เขาก็สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก

“ทำตัวตามสบายเถอะ” ผมว่าแค่นั้นและก้มหน้าทานอาหารต่อ เจ้านายจับนั่น ยัดนี่เข้าปากอย่างมีความสุข เมื่อผมทานเสร็จผมก็นั่งจ้องหน้าเขาอย่างเงียบๆ เจ้านายกินเหมือนเด็กน้อย อาหารเลอะมุมปากทั้ง 2 ข้าง จนผมอดที่จะเอื้อมมือไปเช็ดออกให้เขาไม่ได้

“กินดีๆ” ผมบอกเจ้านายและชักมือกลับหลังจากที่เช็ดแล้ว พวงแก้มสองข้างขึ้นสีระเรื่อ เจ้านายก้มหน้างุด

“ผมอิ่มแล้วครับ” เจ้านายพูดบอกพร้อมกับก้มหน้าชิดอก

“อืม ตามฉันไปที่ห้องทำงาน” ผมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เด็กในบ้านเก็บโต๊ะได้ และเดินนำเจ้านายไปที่ห้องทำงานชั้น 2 ของบ้าน เมื่อเข้ามาแล้วก็สั่งให้เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผม และเริ่มพูดคุยอย่างเป็นการเป็นงาน

“นาย ทำไมถึงมาที่นี่คนเดียว แม่ของนายไม่มารึ” ผมเอ่ยปากถามคนตรงหน้าทันที ถ้าผมจำไม่ผิด ผมจำได้ว่าครั้งนั้น แม่ของเขาเป็นคนพามา เจ้านายก้มหน้าลง ดวงตาเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

“แม่ของผมท่านเสียแล้วครับ พึ่งเผาไปไม่กี่วันก่อน”

“ฉันเสียใจด้วย” ผมบอกกับคนตรงหน้าอย่างจริงใจ ผมเข้าใจดีว่าตอนนี้เจ้านายรู้สึกยังไง เพราะผมก็เคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาก่อน น้ำตาของคนร่างบางเริ่มกลิ้งไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างระไปกับพวงแก้ม ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาออกให้เขา

“อย่าร้องไห้ ไม่เป็นไรหรอก เคยมีคนบอกฉันไว้ว่า พ่อแม่ของนายไม่ได้หายไปไหน แค่ยืนมองอยู่บนฟ้า ถ้านายเป็นเด็กดี สักวันหนึ่งก็จะได้เจอกันอีก เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้” ผมเกลี่ยน้ำตาให้เจ้านายและยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ

“นายมีญาติที่ไหนอีกไหม” ถ้าเจ้านายเสียทั้งพ่อและแม่แบบนี้ แสดงว่าเขาคงอยู่คนเดียว ถ้าเขาไม่มีญาติที่ไหนอีก แล้วเขาจะอยู่ยังไง ผมคิดเอาไว้ว่าถ้าเขาไม่มีใครจริงๆ อาจจะให้เขาเข้ามาอยู่ในบ้านทำงานให้กับผมแทน

“อ่อ ไม่ ไม่มีครับ” คนตัวเล็กอึกอักอยู่พักหนึ่ง ส่ายหัวไปมาแล้วจึงตอบคำถาม

“ถ้าอย่างนั้น ฉันจ้างนาย ให้มาทำงานให้ฉัน ควบคู่ไปกับการเรียนมหาวิทยาลัย นายสามารถอยู่ กิน นอนที่นี่ได้ สนใจไหม” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากช่วยเขา ผมรู้แค่ว่าถ้าผมปล่อยเขาไป เขาคงลำบากไม่น้อยเลย

.

.

.

ตั้งแต่ก้าวขาขึ้นรถมา ผมก็นั่งนิ่งคิดไม่ตก ผมจะทำใจยอมรับญาติที่ผมไม่เคยรู้ว่ามีอยู่นี้ไหม เขาจะยินยอมที่จะให้ผมได้เจอรึเปล่า ผมจะติดต่อไปหาทนายความตามที่พ่อบอกดีไหม ถ้าหากไปหาคุณย่า คุณย่าจะว่ายังไงนะ แล้วไหนจะน้องชายของพ่ออีก เขาคงไม่ยินดีนักหรอกที่ผมจะเข้าไปแย่งมรดกของเขามา ไม่แน่อาจจะวางแผนเพื่อจัดการผมด้วยซ้ำ ทำยังไงดี จะติดต่อไปไหม หรือไม่ทำดี ยังไงก็แล้วแต่ ตอนนี้ผมเสร็จธุระกับที่นี่แล้ว ผมคงจะกลับบ้านไปตั้งสติ แล้วเริ่มคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง

“นาย ถึงแล้ว”

เสียงพี่เนมเรียกสติที่กระจัดกระจายของผมให้หันไปมอง ผมหันมองไปรอบตัว ก่อนจะพบว่าผมไม่ได้อยู่ที่สถานีขนส่งอย่างที่บอกพี่เนมไว้ แต่กลับเป็นบ้านหลังใหญ่ สีขาวทั้งหลัง มีน้ำพุอยู่ด้านหน้า ด้านข้างมีรถจอดเรียงรายอยู่หลายคัน ซึ่งมีทั้งรถสปอร์ต และรถยนต์ธรรมดาแบบครอบครัว ผมได้แต่มองและอ้าปากค้าง บ้านใหญ่อย่างกับวัง!!!

“ฮึ ลงมา” พี่เนมกระตุกมุมปากหัวเราะน้อยๆ มันทำให้ผมถึงกับใจเต้นผิดจังหวะ พี่เนมหล่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มาดของพี่เนมเป็นผู้ชายที่นิ่งเงียบ มาดขรึม ในขณะเดียวกันก็ทั้งอ่อนโยน ใจดี และใส่ใจ ถึงผมจะอยู่กับพี่เนมได้แค่ สอง สาม วัน แต่ผมก็สัมผัสมันได้ชัดเจน

“ผมนึกว่าพี่เนมจะพาผมไปที่สถานีขนส่งซะอีกครับ” ผมถามพี่เนมแล้วเดินตามหลังพี่เนมไป สายตายังคงสอดส่องอยู่รอบตัวบ้านหลังใหญ่ ที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาเหยียบสถานที่แบบนี้ เทียบกับบ้านผมแล้ว แตกต่างราวฟ้ากับเหว

“ตอนนี้จะเที่ยงแล้ว เรายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงกันเลย แวะทานข้าวก่อน” พี่เนมบอกพร้อมกับเดินนำเข้าประตูบ้าน เมื่อเข้ามาก็พบกับป้าผู้หญิง ท่าทางใจดียื่นรอต้อนรับอยู่ ผมก็กล่าวทักทายกลับไป รู้สึกแปลกๆกับคำเรียกของตัวเองไม่น้อย คำว่าคุณนายมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ อย่างกับว่าผมเป็นคุณนายของบ้านหลังนี้อย่างนั้นแหละ แหะๆ ผมก็ฝันลมๆ แล้งๆ น่ะครับ

พี่เนมพามาที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะปล่อยผมทิ้งไว้แล้วเดินขึ้นชั้น 2 ของบ้านไป ผมก็เลยเดินดูบ้านพี่เนมระหว่างรอ ตรงกลางเป็นโซฟาสีดำดิ้นลายทองหรูหรา และตรงหน้าเป็นทีวีขนาดใหญ่ยักษ์ ด้านบนที่ติดผนังเป็นรูปครอบครัวของพี่เนม ที่มีทั้ง 3 คน พ่อ แม่ ลูก ทั้งสามคนดูมีความสุขมาก แม้พี่เนมในวัยหนุ่มจะยังหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่แววตาก็ฉายแสงแห่งความสุข และอบอุ่นออกมา

ผมผละจากรูปภาพใหญ่ที่ติดผนังออกมาสำรวจบริเวณโดยรอบ ที่มีแจกันดอกไม้ประดับอยู่ทุกมุมห้อง และส่งกลิ่นหอมหวานลอยอยู่ในอากาศ ตรงข้างทีวีมีตู้หนังสือขนาบข้างทั้ง 2 ด้าน ผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มันมีหนังสือหลากหลายชนิด แต่เรียงกันอย่างเป็นหมวดหมู่ มีทั้งการออกแบบ การพัฒนาธุรกิจ การพลิกกลยุทธ์ เทคโนโลยีและพลังงาน นิตยสารรถยนต์ ข้อกำหนดของโรงงานอาหาร หนังสือกฎหมาย

อื้มมม พี่เนมอ่านหนังสือเยอะแยะเลยนะเนี้ย การตกแต่งบ้านก็หรูมีระดับ แต่ก็เรียบง่ายอยู่ในที ผมได้แต่เดินสำรวจไปเรื่อยๆ ไม่กล้าหยิบจับข้าวของอะไรภายในห้องนี้เลย ถ้าเกิดผมทำมันเสียหาย ผมคงไม่มีปัญญาชดใช้คืน เมื่อผมสำรวจจนพอใจ ก็นั่งรออยู่บนโซฟา แล้วก็เห็นพี่เนมเดินเข้ามากับเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปจากตอนเช้าพร้อมกับกลิ่นหอมหลังการอาบน้ำทำให้รู้สึกชื้น จนผมแอบสูดจมูกดมกลิ่นหอมนั้นลึกๆ

ขณะเดียวกันป้านุ่มก็เรียกเราทั้งคู่ไปทานอาหารเที่ยง เมื่อเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ก็ทำให้ผมตกตะลึงไม่ต่างจากห้องนั่งเล่นสักเท่าไหร่ ผมหันมองรอบตัวอย่างสนอกสนใจถึงความหรูหราและตระการตาของมัน เราพูดคุยกันอีกนิดหน่อยแล้วจึงเริ่มต้นทานอาหารกัน ผมทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย แต่แล้วก็มีเหตุที่ทำให้ต้องชะงักกึก

“กินดีๆ” พี่เนมบอกแล้วเอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผม ทำให้ผมชะงักนิ่งและใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หน้าของผมร้อนวูบวาบไปหมด

“ผมอิ่มแล้วครับ” ผมบอกพี่เนมแล้วก้มหน้าชิดอก บ้าน่า เราจะใจเต้นกับคนที่พึ่งพบกันแค่ 2 วันไม่ได้นะ!! ใจง่ายเกินไปแล้วไอ้นาย

“อืม ตามฉันไปที่ห้องทำงาน” พี่เนมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เด็กในบ้านเก็บโต๊ะได้ และเดินนำผมไปที่ห้องทำงานชั้น 2 ของบ้าน พี่เนมสอบถามประวัติของผมคราวๆ จนทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง 

“อย่าร้องไห้ ไม่เป็นไรหรอก เคยมีคนบอกฉันไว้ว่า พ่อแม่ของนายไม่ได้หายไปไหน แค่ยืนมองอยู่บนฟ้า ถ้านายเป็นเด็กดี สักวันหนึ่งก็จะได้เจอกันอีก เพราะฉะนั้น อย่าร้องไห้” คำที่พี่เนมบอกผม มันเป็นคำที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด แม่ของผมก็พูดอย่างนี้ เมื่อตอนเด็กๆ เวลาที่ผมคิดถึงพ่อ หรือถามแม่ว่าทำไมพ่อถึงไม่อยู่กับเรา แม่ก็จะบอกว่าพ่อยืนมองอยู่บนฟ้า และผมจะได้พบพ่อ ถ้าผมเป็นเด็กดี

พี่เนมลูบหัวผมเบาๆ เพื่อปลอบโยนจิตใจของผมที่บอบช้ำ แต่มันกลับทำให้ผมใจเต้นกับความอบอุ่นที่ได้รับมา จนสุดท้ายพี่เนมก็เอ่ยปาก ชวนให้ผมมาทำงานด้วยกัน ผมจะเอายังไงดีนะ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   ตอนพิเศษ บทส่งท้าย

    “ใจเย็นๆ มึง” ไอ้ซันไอ้เบสลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจผม ให้คลายความตื่นเต้นลง เมื่อตอนนี้กำลังเตรียมตัวเดินผ่านเข้าประตูบานใหญ่ มีซุ้มดอกไม้จัดแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งดอกไม้ที่ใช้ ก็คือ เยอบีร่า ไฮเดรนเยีย ดอกลิลลี่สีชมพู ทิวลิปสีแดงและขาว เหมือนกับตอนที่พี่เนมขอผมแต่งงาน....งานในครั้งนี้พี่เนมขอเป็นคนจัดการเรื่องสถานที่ การจัดตกแต่ง อาหารและรูปแบบตรีมของงาน ในขณะที่ผมดูเรื่องเสื้อผ้า ของชำร่วย การถ่ายภาพ และเราก็ช่วยกันดูรายชื่อแขกด้วยกัน เราจัดเตรียมงานด้วยความวุ่นวาย หัวแทบหมุน วิ่งไปวิ่งมาไม่หยุด ถึงจะอย่างนั้น เราก็มีความสุขเมื่อวันงานใกล้เข้ามามากขึ้นตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมในเครือของวรโชติวาทิน ที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน เรียกได้ว่าเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด และชั้นบนสุดของห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม มือของผมเย็นเยียบเต็มไปด้วยเหงื่อ กำช่อดอกไม้ในมือไว้แน่น มีเพื่อนสองคนคอยปลอบอยู่ไม่ห่าง หลังบานประตูมีอากันต์ที่คอยยืนรอให้ผมเดินคล้องแขนเข้างาน ผมพยายามระงับความแตกตื่นของตัวเอง พยักหน้าช้าๆ เมื่อพร้อมแล้ว เพื่อนทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะผลักบานประตูเข้าไปภายใน

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   ตอนพิเศษ สวัสดีปีใหม่ NC+++

    ...Name Part“พี่เนมครับ มาเร็ว” เสียงของคนตัวเล็กที่ร้องตะโกนเรียกผมให้เร่งสาวเท้าเดินเข้าไปหาอย่างเร่งรีบ ตอนนี้พวกเรามาอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตครับ และครับ ตอนนี้เป็นช่วงที่ปี พ.ศ. ใหม่กำลังจะเริ่มต้น จึงพาคนตัวเล็กออกมาเที่ยวบ้าง หลังจากที่ผมกรำงานจนเหนื่อยล้า และทะเลาะกับคนตัวบางไปเมื่อคราวนั้น ทำให้ผมดาวน์งานลงทันที กระจายงานออกไปให้ลุงชาญบ้าง ให้มาคัสบ้าง แต่อำนาจการตัดสินใจยังอยู่ที่ผมอยู่ดี ทำให้มีเวลาให้เจ้านายได้มากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวเองก็ดูแฮปปี้ขึ้นมาก“เดินดีๆ เดี๋ยวก็ล้มหรอก” ผมเอ็ดเจ้านายนิดหน่อย เมื่อเจ้าตัวเดินไปกระโดดโลดเต้นไปด้วย ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปที่เกาะแห่งหนึ่ง เป็นเกาะส่วนตัวที่อำนวยความสะดวกสบายครบครันของครอบครัวผมเอง เรากำลังเดินทางไปที่เรือสปีดโบ๊ทที่กำลังจอดรอเทียบท่าอยู่ อาจจะแปลกที่มันเป็นหน้าหนาว แต่พวกเราดันเลือกที่จะมาทะเล แต่ก็เป็นเพราะเรามีเกาะส่วนตัวอยู่ จึงเลือกที่จะไปพักผ่อนที่ๆ ห่างไกลผู้คน หลบหนีความวุ่นวาย ไปพักผ่อนสบายๆ ซัก 3-4 วันเจ้านายหันมายิ้มเผล่ให้ ก่

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   ตอนพิเศษ ลอยกระทง NC+++

    ครับ วันนี้วันลอยกระทงครับ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ พี่เนมจึงไม่ได้หยุดงาน ตัวผมเองก็ยังต้องไปเรียนตามปกติ แต่วันนี้ผมรีบกลับบ้านมา ชวนป้านุ่มกับเด็กๆ มาทำกระทงด้วยกัน โดยที่ผมทำกระทงอันใหญ่อันเดียว แต่มี 2 ชั้น เอาไว้ลอยกับพี่เนม ผมกับพี่เนมคุยกันแล้วครับ เราจะไปลอยกันที่มหาลัยของผม เพราะมีการจัดงานลอยกระทงและออกร้านค้าต่างๆ มากมาย แต่จนถึงตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้วแต่พี่เนมก็ยังมาไม่ถึงบ้าน ผมก็ไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น มองออกไปนอกหน้าต่างก็พบกับพระจันทร์ดวงโตที่มีกระต่ายตัวน้อยอยู่ภายใน ผมนั่งมองอยู่สักพักแล้วเหลือบดูเวลา เกือบจะ 3 ทุ่มแล้ว พี่เนมก็ยังมาไม่ถึง แต่แล้วแสงไฟจากรถยนต์ก็สาดส่องเข้ามา บ่งบอกว่าพี่เนมมาถึงแล้ว“นาย! พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่มาสาย พอดีติดประชุมยาวไปหน่อย แล้วก็รถติดอีก เรารีบไปกันเถอะ” พี่เนมพูดไป ถอดชุดสูทไปพลาง ปลดเนกไทและกระดุมเสื้อไปพลาง ผมหันไปยิ้มให้น้อยๆ แล้วพยักหน้าลุกขึ้น เราเดินไปที่รถด้วยกัน พี่เนมก็ออกรถด้วยความรวดเร็ว ตรงดิ่งไปที่มหาลัยทันที กว่าเราจะมาถึงก็เป็นเวลา 3 ทุ่มครึ่งแล้วครับ ร้านค้าต่างๆ ก็พากันปิดหมดแล้ว

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   ตอนพิเศษ คนไม่มีเวลา EP2 NC+++

    “เพราะนายเมาแล้วเกเร แถมยังแต่งตัวแบบนี้มาอีก ต้องโดนลงโทษนะครับ หึหึหึ พี่รับรองว่ามันจะทำให้นายทรมานจนแทบขาดใจ” พี่เนมกล่าวด้วยเสียงพร่าแหบ นัยน์ตาประกายวาววับ ตาของผมเสมองหลบดวงตาคมกล้า มองออกไปรอบๆ ห้อง เมื่อเห็นอะไรๆ ชัดขึ้นในห้องที่ผมอยู่ ตรงกลางห้องเป็นเตียงขนาดใหญ่ ถูกล้อมด้วยลูกกรงที่เป็นวงกลม ห้องทั้งห้องถูกทาสีดำมืดทึบ ให้เข้ากับบรรยากาศ มีไม้เป็นรูปกากบาทตั้งอยู่ที่มุมกำแพง และมีสายรัดทั้งบนล่างดูก็รู้ว่าเอาไว้รัดอะไร ตามแต่ละซี่ของลูกกรง มีของแขวนไว้เต็มไปหมด โซ่ แส้ กุญแจมือ เชือก และพวกเซ็กส์ทรอย ทำให้ผมตาเหลือกทันทีเมื่อหันกลับมาเจอพี่เนมที่กำลังยกยิ้มแบบจิตๆ อยู่“มะ มะ ไม่เอา ไม่เอาห้องนี้” ผมส่ายหน้าไปมาระรัว จนผมกระจาย“หึหึหึ” พี่เนมหัวเราะเสียงต่ำ จ้องมองเหมือนสิงโตที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ ก่อนจะพูดต่อ“เสียใจด้วยนะครับ พี่เลือกห้องนี้ไปแล้ว” จบคำคนตัวโตพี่เนมก็ก้มหน้าลงฉกวูบมาที่ซอกคอของผม ขบกัดรุนแรงเป็นการลงโทษ“อะ จะ เจ็บ” ผมบอกเสียงสั่น เอามือดันอกแกร่งให้ออกห่าง

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   ตอนพิเศษ คนไม่มีเวลา EP1

    “มึงว่างมากรึไง”ผมหันไปตามเสียงของเพื่อนที่ดังขึ้นอย่างเบื่อหน่าย เมื่อผมนั้นมาหามันแทบจะทุกวัน เพื่อนคนนั้นก็ไม่ใช่ใคร ไอ้ซันกับไอ้เบสครับ ตอนนี้พวกผมทั้ง 4 คนเรียนจบแล้วครับ และกำลังอยู่ในช่วงเอื่อยๆ พักผ่อนหลังเรียนจบ เพื่อรอให้ถึงวันรับปริญญาในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้านี้เอง“เออ กูว่าง” ผมหันไปตอบมันกวนๆ และว่างในที่นี้คือว่างจริงๆ ครับ ผมขออากันต์ไว้แล้วว่าจะเข้าไปช่วยงานหลังรับปริญญาเสร็จ ซึ่งอากันต์ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากนี้หลังจากรับปริญญาแล้ว ผมกับพี่เนมมีแผนว่าจะแต่งงานหลังจากนั้นกันด้วย แต่รายละเอียดยังไม่ได้ลงลึกสักเท่าไหร่ส่วนสาเหตุที่ผมมาหมกตัวอยู่กับพวกมันก็เป็นเพราะว่าผมว่างจริงๆ และพี่เนมเองก็ทำงานอย่างหนักหน่วงอีกด้วย เนื่องจากตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ที่คอยส่งให้กับบริษัทของคุณรอลเลนอยู่เพิ่มปริมาณมากขึ้น และยังมีโปรเจ็คใหม่ๆ ที่จะทำร่วมกัน ทำให้ต้องบินไปๆ มาระหว่างประเทศไทยกับลอนดอน ถามว่าทำไมถึงไม่เอาผมไปด้วย เพราะผมไปแล้วพี่เนมไม่มีเวลาให้เลย สรุปคือผมไปแล้วก็ไปนั่งรอพี่เนมในห้องเฉยๆ หรืออาจจะออกไปเที่ยวคนเด

  • We're the same นายกับฉันเหมือนกันเลยนะ   ตอนพิเศษ ลงโทษเด็กไม่ดี NC+++

    หลังจากที่พี่เนมขอผมแต่งงาน ในค่ำคืนวันนั้นเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งคืน เฝ้าเพียรบอกรักกันไม่ขาด กระซิบถ้อยคำหวานหูคลอเคล้าไปกับเสียงครางรัญจวนและในตอนนี้ผมก็เดินทางกลับประเทศไทยแล้วครับ ที่ๆ ผมยืนอยู่ตอนนี้มีสายลมพัดมาเอื่อยๆ กระทบกับผิวกายให้พอเย็นๆ ไม่ได้รู้สึกร้อนมากมายเท่าไหร่นัก และมีคนตัวสูงยืนอยู่ข้างกัน ในมือของเราถือดอกไม้ไว้คนละช่อที่เบื้องหน้าคือแผ่นหินแกะสลักชื่อของผู้ที่เป็นบิดาและมารดา ครับ ตอนนี้เราอยู่กันที่สุสานวัดนาไพร พี่เนมวางดอกไม้ในมือลงให้กับหลุมศพตรงหน้า เราจุดธูปกันคนละหนึ่งดอก เพื่อทำความเคารพให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว“พ่อครับ แม่ครับ ผมพาสะใภ้มาหานะ” คำพูดของพี่เนมทำให้ผมหน้าแดง ก่อนจะหันไปมองค้อนให้หนึ่งที คนตัวสูงสบสายตากลับมา ก่อนจะยกยิ้มให้เบาๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มพูดบ้าง“ขออนุญาตให้ผมได้ดูแลพี่เนมด้วยนะครับ แม้เราจะมีลูกกันไม่ได้ แม้ผมจะช่วยงานของพี่เนมไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมมั่นใจคือไม่ว่าเมื่อไหร่ เวลาไหน ผมก็จะยืนเคียงข้างพี่เนมเสมอ ผมขออนุญาตนะครับ.... ถือว่าพวกท่านตกลงแล้วนะครับ” ผมว่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status