“ร่างกายอ่อนเพลียจากการขาดน้ำอย่างรุนแรง และมีไข้ต่ำๆด้วยครับ คงจะต้องพักอย่างน้อยสักสองสามวันร่างกายถึงจะดีขึ้นครับ”
วิลล์บอกกับคนเป็นนายตามที่ได้รับรายงานจากแพทย์ประจำของโรงแรมที่มาทำการรักษาพริมพริตา ซึ่งขณะนี้กำลังนอนพักฟื้นไม่ได้สติอยู่ในห้องเพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของโรงแรม
“ผมให้คนของเราไปเช็คประวัติอีเมลและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ทั้งหมดมาแล้ว ไอ้พีทมันไม่ได้ติดต่อมาเป็นอาทิตย์แล้วจริงๆครับ ดูเหมือนเธอเองก็น่าจะไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองหายไปไหนเหมือนกัน”
การ์ดหนุ่มว่าพร้อมกับส่งรายงานที่เพิ่งได้รับมาให้กับเจ้านายของตัวเอง มือหนารับเอกสารมาดูอย่างลวกๆ เขาพอจะเดาได้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าคนหัวหมออย่างนั้นคงจะไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้สาวไปถึงตัวได้แน่
เพียงแต่ว่ามันคงยังไม่รู้ว่ามันเล่นอยู่กับใคร
“แล้วเรื่องไอ้พีทไปถึงไหนแล้ว”
“มันข้ามชายแดนเข้าฝั่งมาเลย์ไปแล้วครับ มันระวังตัวมาก ไม่มีการติดต่อกับใคร บัญชีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ในกลุ่มแข่งรถใต้ดินที่มันโกงเขาไปทั่วตอนนี้ก็เริ่มมีการตั้งค่าหัวมันกันแล้ว ผมให้คนกระจายกำลังกันออกตามหาแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะได้เบาะแสครับ”
“ช่างหัวมัน สู้เอาเหยื่อมาล่อให้มันออกมาเองดีกว่า”
โรมินิกว่าพร้อมกับเลื่อนปลายนิ้วไปมาบนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูรูปถ่ายของร่างบอบบางที่เนื้อตัวเปียกปอนไปทั้งร่างกำลังนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนพื้นปูนเย็นเฉียบ ใบหน้าหวานซีดเผือด ริมฝีปากแห้งกรานเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลาหลายวัน
ปลายนิ้วกดส่งรูปภาพไปยังปลายทางที่เขาต้องการ แม้จะรู้ดีแก่ใจแล้วว่าเบอร์โทรศัพท์ปลายทางนั้นไม่สามารถที่จะติดต่อได้ แต่เขาก็มั่นใจว่ายังไงแล้วไม่ช้าไม่เร็ว รูปภาพนั้นก็จะต้องไปถึงมือของผู้รับในที่สุด
พริมพริตาลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่บนเตียงกว้างภายในห้องนอนสไตล์ลอฟท์ที่ไม่คุ้นหูคุ้นตา หลังมือเรียวเจ็บแปลบเพราะถูกเข็มเจาะต่อสายน้ำเกลือระโยงระยางลากยาวไปแขวนอยู่บนเสาน้ำเกลือข้างศีรษะ ดวงตาพร่าเลือนที่เริ่มปรับจุดโฟกัสได้แล้วกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้อง พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงขยับตัวขึ้นนั่งพิงพนัก
หญิงสาวสำรวจตัวเองภายใต้ชุดกระโปรงคนไข้สีครีม เนื้อตัวเผ้าผมและร่างกายทั้งหมดถูกชำระล้างทำความสะอาดหมดจดทุกสัดส่วน แม้จะเหมือนกับกำลังรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสักแห่ง ทว่าก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะห้องที่เธอพักอยู่ในตอนนี้มันดูจะดีเกินกว่าจะเป็นห้องหรูๆสักห้องในโรงพยาบาลชั้นนำเสียอีก
สติที่เลือนรางเริ่มเด่นชัดขึ้น ก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอถูกทรมานด้วยการจับกดน้ำเพื่อเค้นหาความจริงเรื่องพี่ชายของตัวเองด้วยฝีมือของคนเดียวกันกับที่จับตัวเธอมาขังและให้อดข้าวอดน้ำมากว่าสามวันเต็ม
ความทรมานนั้นหญิงสาวยังคงจดจำได้เลยไม่ลืมเลือน ราวกับว่าทุกอนุภาครอบตัวเต็มไปด้วยมวลน้ำ แม้จะกระหายออกซิเจนขนาดไหน สิ่งที่หายใจเข้าไปก็มีแต่น้ำทั้งสิ้น
คิดแล้วพริมพริตาก็น้ำตารื้นเอ่อขึ้นที่ขอบดวงตา คิดถึงพี่ชายจับหัวใจ พิทาและพริมพริตากำพร้าพ่อและแม่ไปในอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่ที่เธอเพิ่งจะสอบเข้ามัธยมปลายได้เพียงไม่กี่วัน เธอโตมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะพี่ชายคนเดียวของเธอที่ส่งเสียและเลี้ยงดูเธอเรื่อยมา
เขาต้องยอมทิ้งความฝันและอนาคตที่กำลังจะไปสวยกับหนทางการจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับภูมิภาคและกำลังก้าวขึ้นไปสู่ระดับประเทศ แต่เพราะการจากไปครั้งนั้นของพ่อกับแม่ ทำให้พิทาต้องเลือกที่จะหยุดความฝันไว้แค่นั้น และออกมาทำงานหาเลี้ยงน้องสาวคนเดียวที่ยังเหลืออยู่
ไม่ว่าพี่ชายของเธอจะทำผิดพลาดหนักหนาแค่ไหน แต่เขาก็เป็นพี่ชายที่แสนดี และเป็นครอบครัวของเธอคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่
“พี่พีท…ช่วยพริมด้วย”
หญิงสาวพึมพำออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นออกจากดวงตารดพวงแก้มฝาด
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงลืมคิดไปว่าที่นี่อาจไม่ได้มีแค่เธอเพียงคนเดียว มือเล็กข้างที่ไม่ได้ถูกโยงระยางด้วยสายน้ำเกลือรีบยกขึ้นปาดหยาดน้ำใสที่ไหลเอ่อล้นออกจากดวงตาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องการให้ใครเห็นมัน
และรีบกระชับผ้านวมผืนหนาขึ้นคลุมร่างกายปิดจนถึงส่วนคอ เพราะชุดคนไข้ตัวบางที่สวมใส่อยู่ไม่มีชั้นใน
“ทานอาหารก่อนนะครับ”
ชายในชุดสูทสีดำที่เข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือว่า เธอจำได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่เธอเห็นเมื่อวาน
“ผมวิลล์ครับ” วิลล์แนะนำตัวพลางวางถาดอาหารในมือลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
กลิ่นหอมอ่อนๆของซุปฟักทองและขนมปังอบยั่วคนที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาแล้วหลายวันได้เป็นอย่างดี พริมพริตามองถาดอาหารตาเป็นมัน แต่ก็ยังไม่กล้าแตะต้องมันอยู่ดี
เธอยังเหลือบเห็นว่าข้างจานขนมปังนั้นยังมีเม็ดแคปซูลยาเล็กๆสองสามเม็ดในแก้วช็อตข้างกันอีกด้วย
“ทานเถอะครับ ถ้าในนั้นมียาพิษ วันนี้คุณคงไม่ได้ตื่นขึ้นมาบนเตียงนี้หรอกครับ”
การ์ดหนุ่มอ่านใจคนตัวเล็กออก ท่าทางระมัดระวังตัวนั่นทำให้เขาอดจะสงสารอยู่ในใจไม่ได้ ถ้าจะหาว่าใครเป็นคนผิดก็คงจะต้องโทษคนต้นเรื่องอย่างพี่ชายของเธอตั้งแต่ต้นนั่นแหล่ะ ที่พลอยทำให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมารับเคราะห์ไปด้วยอย่างนี้
“ส่วนแคปซูลนั่นก็เป็นวิตามินบำรุงร่างกายกับยาที่คุณหมอจัดไว้ให้ครับ”
วิตามินอย่างนั้นเหรอ…ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งจะเกือบฆ่าเธอให้ตายอยู่แล้วด้วยซ้ำ
วิลล์นั่งมองพริมพริตารับประทานอาหารมื้อแรกในรอบหลายวันอย่างเงียบเชียบ เธอยังคงระวังตัวเองทุกการกระทำเสมอ แม้จะกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้า แต่ก็ยังปรายตามามองเขาอยู่เป็นระยะ
ถึงจะไม่เข้าใจการกระทำเหล่านี้ แต่พริมพริตาก็เลือกที่จะเติมสารอาหารให้กับตัวเองก่อน กองทัพควรต้องเดินด้วยท้อง ถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้องก็ไม่มีแรงหนีอยู่ดี
“เดี๋ยวค่ะ” พริมพริตารีบเรียกเมื่อวิลล์กำลังจะเดินออกจากห้องไป
“ครับ”
“...พวกคุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่” เธอถามทั้งที่พอรู้คำตอบอยู่แล้ว
“เรื่องนั้นเอาไว้ให้นายของผมเป็นคนอธิบายกับคุณเองดีกว่าครับ”
พริมพริตาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ รู้ว่าถึงดึงดันที่จะถามยังไงเขาก็ไม่มีทางบอกอยู่ดี วิลล์เก็บถาดอาหารที่เธอจัดการเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เดินผ่านประตูออกจากห้องไปจัดการความสะอาดด้านนอกต่อ ก่อนที่เสียงฝีเท้าหนักจะเดินย้อนกลับมาหาเธออีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ร่างสูงกำยำที่ปรากฏนั้นกลับไม่ใช่การ์ดหนุ่มมือขวาคนสนิทคนเดิม
ร่างบอบบางรีบหลบตาลงต่ำพลางกำผ้าห่มผืนหนาในมือไว้แน่นเมื่อเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาใหม่เป็นใคร หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำเพราะความหวาดกลัว
“ยังไม่ตายนี่” โรมินิกเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน
“...ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ต่อให้ฉันตายคุณก็จะไม่ได้อะไรจากฉันอยู่ดี” เอ่ยออกไปอย่างใจดีสู้เสือ
“ได้สิ…” เขาว่าพร้อมกับย่างกรายเข้ามาใกล้คนป่วยเรื่อยๆ
มือหนาคว้าข้อมือเล็กที่ถูกระโยงระยางด้วยสายน้ำเกลือและออกแรงบีบจนเลือดสีแดงไหลซิบเพราะปลายเข็มแหลมปักลึกลงไปกว่าเดิม
“จะ…เจ็บ” พริมพริตาร้องเสียงหลง ร่างเล็กบิดตัวไปตามแรงบีบ
“อย่างน้อยฉันก็จะได้ความสะใจ”
“พี่พีทไปทำอะไรให้คุณนักหนา คุณถึงต้องมาเคียดแค้นเขาขนาดนี้”
“มันติดหนี้ฉัน”
“ทะ…เท่าไหร่ ถ้าฉันหามาจ่ายให้ได้ฉันจะ…”
“สิบล้าน”
พริมพริตาตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงสายของอีกวัน ร่างกายเหนื่อยอ่อนเมื่อยขบไปทั้งร่าง ปวดจุกจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าท้องพร้อมกับขดตัวงอเป็นกุ้ง รู้สึกหนักอึ้งขยับขาทั้งสองของตัวเองไม่ได้เหมือนมีอะไรบางอย่างพาดทับไว้จนต้องหันไปมองที่มาของมัน ท่อนขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกำลังพาดก่ายอยู่บนตัวของเจ้าหล่อนจากคนที่นอนหลับอยู่ด้านข้างดวงตากลมเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าตัวเองถูกกอดก่ายนอนหลับร่วมกับคนที่ไม่อยากจะเห็นหน้ามาแทบทั้งคืน ความทรงจำเมื่อคืนแล่นพล่านเข้ามาเป็นฉากๆ ตั้งแต่ในโซนผับด้านล่าง ในห้องน้ำ บนเตียง และข้างระเบียงหน้าต่างนั่นใบหน้าหวานร้อนเห่อแดงก่ำ จำไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงยินยอมให้เขาทำอย่างนั้นไปได้ มิหนำซ้ำเธอยังเป็นคนที่ขึ้นขย่มบรรเลงเพลงสวาทให้เขาจนเกือบจะเสร็จสมอีกด้วย
มาเฟียหนุ่มอุ้มร่างอรชรออกมาจากห้องน้ำมุ่งตรงไปยังเตียงกว้างภายในห้องนอน ไม่ได้สนใจว่าหยดน้ำพราวจากเนื้อตัวของคนทั้งสองจะทำให้ห้องเปียกแฉะมากแค่ไหนโรมินิกวางร่างบอบบางลงนอนบนเตียงกว้างพร้อมกับเอาหมอนข้างมารองสะโพกมนไว้เพื่อให้โพรงสวาทเปิดอ้ารับตัวตนของเขาได้เต็มที่ ก่อนจะสวบใส่ลำกายอันใหญ่ที่ยังคงแข็งค้างอยู่อย่างนั้นเข้าไปทีเดียวจนเกือบสุดลำ“..อ๊ะ…อ๊าาา…เจ็บ…ซี้ด”เสียงหวานหลุดร้องไม่เป็นภาษา เมื่อมาเฟียหนุ่มสอดใส่อาวุธร้ายของตัวเองเข้ามาภายในคราวเดียว แม้ว่าทั้งสองเพิ่งจะผ่านการร่วมรักกันมาก่อนแล้วหนึ่งยก แต่ด้วยขนาดความคับแน่นของโพรงสวาทและขนาดลำกายใหญ่ยักษ์ก็ทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกแสบขัดอยู่ดี&nb
มาเฟียหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนส้นเท้าของตัวเองข้างขอบอ่างด้านนอกพลางดึงรั้งร่างบางเข้ามารับรสจูบบดขยี้ด้วยริมฝีปากหนา กลิ่นหอมอ่อนของวิสกี้ยังติดตรึงอยู่ในปากของเจ้าหล่อน ลิ้นสากร้อนเกี่ยวกระหวัดไปทั่วทั้งโพรงปากชิมความหอมหวานที่ยังคงหลงเหลืออยู่ หยอกล้อกวัดไกวลิ้นเรียวเล็กที่เงอะงะไม่เป็นงานมือหนาประคองท้ายทอยของหญิงสาวไม่ให้เคลื่อนตัวหนีรสจูบดุดันของตัวเองออกไปได้ หากแต่มืออีกข้างก็ถือวิสาสะล้วงผ่านเข้าไปภายใต้กระโปรงและชั้นในตัวจิ๋วที่อยู่ใต้น้ำเย็นจัดอีกทีฝ่ามือแกร่งไล้ไปตามปลีขา หว่างขาเรียว และหยอกล้อเนินอวบอูม เฉียดกลางกายสาวไปมา จนคนตัวเล็กสะดุ้งสะท้านเพราะความวาบหวิว มือเรียวเล็กกำสาบเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่ไม่เป็นทรงเดิมเพราะต้องการระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ&
กลิ่นหอมอ่อนๆบนเนื้อกายสาวที่เอียงซบขนาบข้างกายอยู่ทำให้เขาเริ่มที่จะสกัดกั้นอารมณ์หื่นกระหายของตัวเองไม่ไหว มือสากไล้ไปตามเรียวขาอ่อน ปากก็พยายามที่จะซุกไซ้ดอมดมซอกคอเนียนระหงตามหาแหล่งที่มาของกลิ่นหอมเย้ายวนนี้เคร้ง!กระสุนปืนที่วิ่งตัดกระทบกับแก้วไวน์ทรงสูงบนโต๊ะจนมันแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆเรียกความสนใจจากคนทั้งหมดในอาณาบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนบนโต๊ะที่วิถีของกระสุนนั้นห่างไปเพียงไม่ถึงคืบเสียงหวีดร้องตกใจดังระงมไปทั่วเมื่อไม่รู้ต้นตอที่มาของเสียง หลายคนก็ต่างพากันลุกหนีออกไป กลัวจะโดนลูกหลงเข้า แต่หลายคนก็ยังอยู่ประจำที่โต๊ะขอตัวเองเงียบๆเพื่อรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ผ่านไปเพียงไม่กี่วันบาดแผลที่ฝ่าเท้าของพริมพริตาก็เริ่มหายดี กลับมาสวมรองเท้าเดินเองได้ และกลับมาทำงานเป็นปกติได้ แม้ช่วงแรกๆจะส่งผลต่อการทรงตัวบนรองเท้าส้นสูงกว่าสามนิ้วอยู่บ้าง แต่ไม่นานอาการเหล่านั้นก็ทุเลาลงและเธอไม่อยากที่จะนั่งๆนอนๆอยู่ในห้องเพียงอย่างเดียว อยากออกมาทำงานหาเงินใช้หนี้ให้หลุดพ้นไปจากที่นี่ไวๆเสียยังจะดีกว่ายิ่งหยุดนานก็ยิ่งเท่ากับระยะเวลาที่ต้องหายใจอยู่ภายใต้ชายคาของที่นี่ไปอีกนานเท่านั้นด้วยเช่นกันพริมพริตามาเริ่มงานที่ผับโซนปกติเป็นเวลากว่าสามวันแล้ว วันนี้เป็นวันที่สามที่เธอมาเริ่มทำงานที่นี่ในฐานะพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มต้องยอมรับว่าร
แสงแดดยามเช้าของอีกวันถัดมาส่องแสงเรืองรองมาจากระเบียงหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ผ่านผ้าม่านชั้นในสีขาวบางเข้ามาปลุกให้พริมพริตาที่นอนสลบไสลจากความเหนื่อยอ่อนมาทั้งคืนลืมตาตื่นขึ้นร่างบอบบางปวดระบมไปทุกสัดส่วน ทั้งเหนื่อยล้าจากการทำงานวันแรกและทั้งร้าวระบมเพราะความรุนแรงที่ต้องจำใจยอมรับแทบทั้งคืนหญิงสาวเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งปรือตามองไปยังหน้าต่างบานใหญ่อันเป็นที่มาของแสงยามเช้าที่ส่องผ่านเข้ามา ปกติแล้วมันจะถูกปิดทึบด้วยผ้าม่านสีเทาเข้มผืนหนาจนแสงแทบจะลอดเข้ามาไม่ได้ด้วยซ้ำ“ตื่นแล้วเหรอคะ ดิฉันมารีย์ค่ะคุณพริม”เป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางใจ