"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"
เฟิ่งอวี่เหิงกำลังนั่งนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างเหม่อลอย ก็ได้ตื่นขึ้นจากภวังค์เพราะเสียงเรียกของสาวใช้
"มีอะไรหรือ ชินชิน"
"คุณหนูกู่มาหาเจ้าค่ะ"
"ชิงเอ๋อร์มารึ งั้นเจ้ารีบไปเตรียมน้ำชากับของว่างมาให้สหายข้าด้วย"
"เจ้าค่ะ"
คล้อยหลังสาวใช้ไปได้ไม่นาน ก็มีสตรีคนหนึ่งใส่ชุดสีชมพูอ่อนรูปร่างหน้าตาที่งดงามไม่น้อยไปกว่าเฟิ่งอวี่เหิง กำลังเดินมาหานางด้วยท่าทางราวกับหงส์ ถึงแม้จะรีบเดินก็ไม่ได้ทิ้งท่าเดินที่สง่างามนั้นเลย
"เหิงเหิง" เสียงไพเราะราวกับดนตรีเอ่ยเรียกด้วยความสนิทสนม
นางคือ กู่ม่านชิง สหายเพียงหนึ่งเดียวของเฟิ่งอวี่เหิง บิดากู่ม่านชิงเป็นถึงอดีตแม่ทัพใหญ่ แม้ตอนนี้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพเหมือนอย่างเดิมแล้วเพราะพี่ชายของนางขึ้นมารับตำแหน่งนี้แทน
"ชิงเอ๋อร์"
"เหิงเหิง ข้ามาหาเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" กู่ม่านชิงเอ่ยถามสหาย ทั้งที่ยังเดินมาไม่ถึงด้วยซ้ำ
เฟิ่งอวี่เหิงยิ้มให้สหายพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ "ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว"
กู่ม่านชิงเดินมาถึงก็จับตัวสหายหมุนไปมา ราวกับกำลังหาร่องรอยบาดแผลว่าถูกทำร้ายหรือไม่ จนเฟิ่งอวี่เหิงต้องจับมือสหายนางไว้ให้หยุดหมุน ไม่เช่นนั้นคงไม่หยุดหมุนตัวนางอย่างแน่นอน
"ชิงเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ หยุดหมุนข้าได้แล้ว เจ้าหมุนข้าจนข้าเวียนหัวไปหมดแล้วนะ"
"ลองเจ้ามีบาดแผลดูสิข้าจะไปจัดการถึงที่เลย ทำไมเจ้าไม่มาชวนข้าไปด้วย ข้าจะไปช่วยฉีกหน้าสตรีไร้ยางอายกับชายผู้นั้น เหอะ! กล้าดียังไง คนหนึ่งก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่กลับไปกับสตรีอื่น อีกคนก็รู้ทั้งรู้ว่าองค์ชายมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังกล้ายุ่งด้วยอีก ข้าไม่ชอบใจเลยจริง ๆ เหิงเหิงนะเหิงเหิง แทนที่จะมาชวนข้าไปด้วยกลับไปเพียงคนเดียว เจ้าก็น่าจะรู้ตัวนะว่าเจ้าไม่ทันมารยาของอี้หลิงฟาง เหอะ!! หากเจ้าพลาดโดนทำร้ายขึ้นมาเล่า เจ้าจะทำอย่างไรเหตุใดถึงไม่คิดถึงคนที่เป็นห่วงเจ้าบ้าง"
กู่ม่านชิงได้ระบายอารมณ์ออกมาอย่างเก็บไม่อยู่เพราะนึกแค้นแทนสหายของตนเอง ส่วนเฟิ่งอวี่เหิงนั่งฟังสหายระบายอย่างเงียบ ๆ ได้แต่นั่งอมยิ้ม นางจิบชารอระหว่างเพื่อรอให้สหายตนหยุดพูด
"คอแห้งหรือไม่ ดื่มชาก่อนเถิด"
"นี่เจ้ายังมีอารมณ์ขันอีก ข้าน่ะเป็นห่วงเจ้าแทบนอนไม่หลับเลยนะ"
เฟิ่งอวี่เหิงเห็นท่าทางแง่งอนของกู่ม่านชิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
กู่ม่านชิงเห็นว่าสหายของตนมีอารมณ์ขันก็ทำให้ตนเองเบาใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง เพราะเมื่อวานหลังจากได้ยินข่าวลือจากปากคนใช้ของตนเอง ทำเอานางแทบนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงว่าสหายของตนจะคิดมากเรื่องขององค์ชายสามกับอี้หลิงฟาง
ความจริงนางจะมาหาเฟิ่งอวี่เหิงตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพราะเวลามันเย็นมากแล้วจึงได้แต่เก็บความกังวลไว้ พอถึงเช้าวันใหม่จึงรีบเดินทางมาหาสหายตนแต่เช้าตรู่
"ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ นะ" เฟิ่งอวี่เหิงย้ำกับสหาย
"เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่เป็นไร แล้วตอนนี้เจ้ายังเสียใจอยู่หรือไม่" น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"ถามว่าเสียใจหรือไม่ ข้าตอบตามจริงว่าข้ายังเสียใจ เสียใจที่ข้ามอบหัวใจให้บุรุษเช่นนั้น เสียใจที่ข้า
มอบความรักให้กับบุรุษที่ไม่เห็นค่า เสียใจที่เคยหลงเชื่อคำสัญญาที่ลวงหลอก เสียใจที่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของข้าต้องมาทุกข์ใจเรื่องของข้า ทำให้ท่านแม่ท่านแม่ข้าโดนกล่าวหาไปด้วยว่ามีบุตรีที่ร้ายกาจ ข้ายังเสียใจจริง ๆ แต่ข้าไม่มีน้ำตาให้ชายผู้นั้นแล้วชิงเอ๋อร์"กู่ม่านชิงได้ยินสหายตนกล่าวออกมาก็ดึงสหายของตนมากอดเพื่อปลอบโยนทันที เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าเฟิ่งอวี่เหิงรักองค์ชายสามเพียงใด
"ข้ารู้ สหายข้าเข้มแข็งและงดงามยิ่งกว่าผู้ใด เจ้าอย่าได้เสียใจนานเล่าข้าเป็นห่วง"
"ขอบใจเจ้ามากนะชิงเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว ข้านี่เป็นสหายที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ทำให้เจ้าต้องเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย"
"ไม่เป็นไร เจ้าเป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของข้า ไม่ให้ห่วงเจ้าแล้วจะให้ห่วงผู้ใดกัน"
สตรีงามสองคนปลอบโยนกัน ก่อนหน้านี้บรรยากาศดูหดหู่จนปวดใจ แต่ตอนนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว เพราะเสียงหัวเราะของสองสาวงามดังมาเป็นระยะ ๆ ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ก็พลอยสุขใจขึ้นมาด้วย
"ได้ยินว่าองค์ชายประกาศว่าจะแต่งอี้หลิงฟางเข้าเป็นชายาเหมือนกันรึ แล้วเจ้าเล่าเหิงเหิง"
"ข้าไม่ได้สนใจเรื่องของสองคนนั้นอีกแล้ว จะแต่งหรือไม่แต่ง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า"
กู่ม่านชินที่ได้ยินเช่นนั้น นางก็ได้แต่งุนงงเอียงคอสงสัยกับคำพูดของสหาย
"ไม่เกี่ยวได้อย่างไร เจ้าเป็นคู่หมั้นองค์ชายไม่ใช่รึ?"
"แต่ก่อนนะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว"
"...." กู่ม่านชิง
"ท่านพ่อข้าไปทูลขอราชโองการถอนหมั้นกับฝ่าบาทให้ข้าแล้ว"
เพล้ง!
กู่ม่านชิงได้ยินแบบนั้นถึงกับทำจอกชาตกจากมือ
"จริงรึเหิงเหิง เจ้าพูดจริงรึ ข้าดีใจกับเจ้าด้วยจริง ๆ ในที่สุดเจ้าก็โสดเป็นเพื่อนข้าแล้ว เย่! แล้วนี่ท่านลุงกลับมาจากวังหรือยัง ฝ่าบาทจะทรงออกราชโองการถอนหมั้นให้เจ้าวันไหน วันนี้หรือพรุ่งนี้ ข้า...ข้าดีใจแทนเจ้าจริง ๆ"
เฟิ่งอวี่เหิงเห็นท่าทีของสหายรัก นางถึงกับหัวเราะออกมา กู่ม่านชิงนั้นทำให้นางยิ้มได้เสมอ
"เจ้าดีใจเพราะข้าจะเป็นโสดเหมือนเจ้าใช่หรือไม่ชิงเอ๋อร์"
ด้านเจ้าตัวที่ถูกรู้ทันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ที่ผ่านมาตนต้องไปเดินตลาดเพียงคนเดียวลำพัง เพราะสหายตนใช้เวลากับคู่หมั้นเสียส่วนใหญ่ แต่นับตั้งแต่นี้จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้ไปเดินตลาดกับสหายตนเองอีกแล้ว
"ฝ่าบาททรงออกราชโองการถอนหมั้นให้อาเหิงพรุ่งนี้" เสียงชายชราบอกกล่าวกับหญิงสาวทั้งสองคน
เฟิ่งอวี่เหิงและกู่ม่านชิงที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นได้หันไปตามเสียงทุ้มที่เอ่ยเรื่องน่ายินดีให้ฟังทันที
"ท่านพ่อ///ท่านลุง"
"ลูกคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"
"หลานคารวะท่านลุงเจ้าค่ะ"
"นั่งลงเถิดชิงเอ๋อร์ ลุงมีเรื่องบอกกล่าวกับอาเหิงเจ้าก็นั่งฟังด้วยสิ"
กู่ม่านชิงพยักหน้าราวไก่จิกข้าวสาร จากนั้นรีบนั่งลงข้าง ๆ สหายของตนเองทันที
เฟิ่งอวี่เหิงมองสายตาบิดารู้สึกสบายใจ เพราะสายตาของบิดาที่มองมาหาตนนั้น เป็นแววตาที่มีความดีใจปะปนอยู่
"อาเหิง ฝ่าบาททรงรับปากว่าจะออกราชโองการถอนหมั้นของเจ้ากับองค์ชายในวันพรุ่งนี้"
"จริงหรือเจ้าคะ"
"ย่อมเป็นเรื่องจริง"
สตรีสองนางที่ได้ยินเช่นนั้นก็กุมมือกันอย่างดีใจ
"ฝ่าบาทยังทรงมีพระเมตตาว่าราชโองการให้เจ้าอีกเรื่องด้วย"
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นั้น จู่ ๆ เฟิ่งฮูหยินก็ร้องออกมาคล้ายว่าเจ็บปวดบางอย่าง เฟิ่งฮูหยินถึงกับบีบมือสามีของตนแน่นด้วยความเจ็บปวด สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนในตอนนี้เป็นอย่างมาก"ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร?" เฟิ่งจินหยวนกุมมือของภรรยาด้วยความห่วงใย"โอ๊ย-! ท่านพี่จู่ ๆ ข้าก็เจ็บท้องเจ้าค่ะ""หรือว่าท่านพี่เจ็บท้องจะคลอด?"กู่ฮูหยินแสดงความคิดเห็นออกมาเพราะจากที่นับเดือนการตั้งครรภ์ของเฟิ่งฮูหยินก็ถือว่าถึงเวลาสมควรแล้วอีกอย่างท่าทางเช่นนี้ต้องใช่อย่างแน่นอน ทำเอาผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับแตกตื่นด้วยความตกใจปนกับความดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเหล่าบรรดาสาวใช้รีบไปตามหมอมาทำคลอดทันที ทำให้สถานการณ์ตอนนี้นั้นวุ่นวายยิ่งนักต่างจากตอนเช้าโดยสิ้นเชิงตอนนี้ทุกคนต่างพากันยืนอยู่ที่หน้าห้องทำคลอดอย่างใจจดใจจ่อกับสิ่งที่กำลังจะเกิดในไม่ช้า"ท่านพ่อ...ข้าตื่นเต้นจังเลยเจ้าค่ะ"เฟิ่งอวี่เหิงยื่นอยู่ใกล้ ๆ บิดาที่กำลังมีสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กัน"พ่อก็เช่นกัน"ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ การรอคอยก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กทารกที่กำลังร้องออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออก"ย
"เดี๋ยว!!"เฟิ่งอวี่เหิงชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด นางไม่อยากให้กู่จิ้นอันเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเฟิ่งอวี่เหิงคิดว่าอย่างไรวันนี้ก็มาแล้ว พูดให้จบเสียตอนนี้เลยดีกว่า เพราะหากกลับไปโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรก็จะเป็นการค้างคาใจต่อกันอีก พอคิดได้เช่นนั้นนางก็พ่นลมหายใจออกมาเพื่อกลั้นอารมณ์ที่เก็บความเสียใจไว้อยู่"ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้าทำไปมันผิด เพราะข้าแค่อยากปกป้องตัวเองจากคนที่คิดไม่ดีต่อข้า และที่วางแผนไปทั้งหมดโดยที่ไม่ได้บอกท่าน เพราะข้ากลัวว่าท่านจะไม่ยอมให้ข้าทำเช่นนี้ ดีไม่ดีท่านอาจจะห้ามข้าไม่ให้ข้าไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะข้ารู้ว่าท่านนั้นเป็นห่วงข้าเพียงใด และข้าก็รู้ว่าท่านไม่ยอมให้ข้าต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน"เฟิ่งอวี่เหิงหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายทว่ากู่จิ้นอันก็ยังไม่มีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด แต่ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งอวี่เหิงก็ตัดสินใจพูดต่อไป เพราะหากไม่พูดวันนี้ วันต่อไปอาจจะไม่ได้พูดอีกย่อมเป็นได้"ที่ข้าต้องทำเช่นนี้กับอี้หลิงฟาง เพราะคนเช่นนางหากไม่โดนเหมือนที่กระทำกับผู้อื่นบ้างก็คงไม่หยุดคิดร้ายเช่นกัน คนเช่นนางน
เช้าวันใหม่วันนี้เฟิ่งอวี่เหิงลุกขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้นางมีที่จะไปคือจวนสกุลกู่หลังจากที่เมื่อคืนได้พูดคุยกับบิดาแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงก็ได้ตัดสินใจทำตามที่กู่ม่านชิงและบิดาแนะนำ คือในเมื่อเขาไม่มาเราก็ต้องไปหา จะได้ปรับความเข้าใจกันสักทีวันนี้นางใส่ชุดสีขาวปักด้วยลายหมู่ตานทำให้ดูสวยงามยิ่งนักชินชินสาวใช้คนสนิทยกถาดปิ่นมาให้เฟิ่งอวี่เหิงเลือก พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม"คุณหนูวันนี้ปักปิ่นอันไหนดีเจ้าคะ?"สายตาของเฟิ่งอวี่เหิงมองดูปิ่นในถาดที่ชินชินยกมา ได้ไปสะดุดกับปิ่นชิ้นหนึ่งเป็นปิ่นลายหูเตี๋ยสีฟ้า จึงเอื้อมไปหยิบขึ้นมาดูด้วยสายตาเปล่งประกายนางจำได้ว่าปิ่นชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกที่กู่จิ้นอันซื้อให้ตอนที่ไปเที่ยวตลาดด้วยกัน ทว่าตั้งแต่ที่ได้มายังไม่เคยปักเลยสักครั้ง'ข้าเอาใจท่านขนาดนี้หากท่านยังไม่หายโกรธ ข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว'คิดได้อย่างนั้นเฟิ่งอวี่เหิงจึงให้ชินชินปักปิ่นชิ้นนี้ให้นางหลังจากที่ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เฟิ่งอวี่เหิงจึงเดินทางไปยังจวนสกุลกู่ตามที่คาดหวังไว้ทันทีใช้เวลาราวสองเค่อก็มาถึงที่หมาย เฟิ่งอวี่เหิงเดินเข้าไปข้างในโดยมีสาวใช้นำทางให้น
"อะไร?" กู่ม่านชิงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่เฟิ่งอวี่เหิงถาม"ข้ารู้นะว่าวันนั้นเจ้าไปไหนกับรุ่ยอ๋อง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ""ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน"แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่แก้มของกู่ม่านชิงตอนนี้กลับแดงระเรื่อขึ้นมา ทำเอาเฟิ่งอวี่เหิงถึงกับหลุดหัวเราะให้กับท่าทางของสหาย"ก็ได้ ๆ ข้าเชื่อเจ้าก็ได้"เห็นว่าถูกล้อเลียนจากสหาย กู่ม่านชิงก็ได้แต่ย่นจมูกใส่หญิงสาวตรงหน้า"แล้วรุ่ยอ๋องดีกับเจ้าหรือไม่?" ท้ายเสียงมีความห่วงใย"ก็ดีนะ...” กู่ม่านชิงทำท่าครุ่นคิดถึงคำพูดในวันนั้น “นี่เหิงเหิง รุ่ยอ๋องบอกจะพาข้าไปท่องเที่ยวเมืองอื่นด้วย"คิดถึงเรื่องนี้ทีไรกู่ม่านชิงถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ เพราะตื่นเต้นเรื่องที่ตนจะได้ไปเที่ยวตามที่เคยปรารถนาเอาไว้ เมื่อมีคนจะทำปรารถนาของนางให้เป็นจริง มีรึกู่ที่นางจะปิดบัง"ไหนเจ้าว่าไม่ตื่นเต้น?""ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว"กู่ม่านชิงที่โดนหยอกล้อเช่นนั้นถึงกับแง่งอนเพราะความเขินอาย เฟิงอวี่เหิงก็ได้แต่ยิ้มขำให้กับท่าทีเช่นนี้ สตรีสองคนนั่งคุยกันจนถึงช่วงบ่าย กู่ม่านชิงก็ขอตัวกลับจวนของตนในขณะที่กู่ม่านชิงกำลังออกจากโรงน้ำชาของเฟิ่
"เรื่องที่พาเจ้าไปเที่ยวยังเมืองต่าง ๆ เป็นข้าแทนได้หรือไม่?""ฮ่า ฮ่า ฮ่า พระองค์ทรงล้อหม่อมฉันเล่นอีกแล้ว"กู่ม่านชิงแสร้งหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของคนที่จะพานางไปเที่ยว จะให้นางเชื่อได้อย่างไรว่ารุ่ยอ๋องจะพานางไปได้ ในเมื่อตำแหน่งนั้นที่ติดตัวอยู่นั้นมากด้วยภาระและหน้าที่ จะทิ้งภาระเพราะว่าจะพานางไปเที่ยวอย่างนั้นรึ ไม่ว่าอย่างไรกู่ม่านชิงก็ไม่เชื่อเด็ดขาด"..." ฟู่เฟยเทียนในขณะที่ฟู่เฟยเทียนกำลังจะบอกเรื่องบางอย่างกับกู่ม่านชิงนั้น เสี่ยวเอ้อก็นำอาหารที่สั่งเข้ามาก่อน ทำให้บทสนทนานั้นต้องยุติลงเพื่อที่ทั้งคู่จะได้รับประทานอาหารกันในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเงียบ ๆ นั้น ฟู่เฟยเทียนก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา"ชิงเอ๋อร์ เรื่องที่ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว ข้าพูดความจริง เพราะนั่นก็เป็นความฝันของข้าเช่นกัน" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง"พระองค์จะไปท่องเที่ยวได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อพระองค์เป็นรุ่ยอ๋อง เว้นเสียแต่พระองค์จะไม่ได้เป็นท่านอ๋องแล้ว"กู่ม่านชิงยังคงไม่เชื่อคำพูดของฟู่เฟยเทียน เพราะตราบใดที่ฟู่เฟยเทียนยังเป็นอ๋องอยู่ก็ไปไหนตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะภาระที่ต้องดูแลประชา
ทันทีที่เห็นว่าเป็นฟู่เฟยเทียนคิ้วงามก็ขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย เพราะกู่ม่านชิงนั้นคิดว่าฟู่เฟยเทียนตามกู่จิ้นอันออกไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ายังไม่ไปไหน"จะไปไหน""ไปหาท่านพี่จิ้นอันเพคะ หม่อมฉันต้องอธิบายให้ท่านพี่จิ้นอันเข้าใจ""ไม่ต้องไป""ไม่ได้เพคะ ต้องไป"กู่ม่านชิงเริ่มจะไม่เข้าใจในการกระทำของฟู่เฟยเทียน นอกจากจะรั้งไม่ให้นางไปอธิบายเรื่องที่เฟิ่งอวี่เหิงกับนางวางแผนให้กู่จิ้นอันฟัง ยังจับมือนางไม่ปล่อยอีก"ข้าหิวข้าว""หิวก็ไปกินสิเพคะ""เจ้าต้องไปกินกับข้าด้วย""หม่อมฉันไม่หิวเพคะ หม่อมฉัน...ว้าย! รุ่ยอ๋องปล่อยมือหม่อมฉันก่อนเพคะ"ฟู่เฟยเทียนนั้นไม่ฟังกู่ม่านชิงพูดแต่อย่างใด ชายหนุ่มดึงมือของกู่ม่านชิงลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อเดินทางไปยังโรงเตี๊ยมทันที"รุ่ยอ๋อง ได้โปรดปล่อยมือของหม่อมฉันก่อนเพคะ หากมีผู้ใดเห็นพระองค์จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเอานะเพคะ" น้ำเสียงที่พยายามออดอ้อนให้ฟู่เฟยเทียนปล่อยมือ"เจ้าก็ต้องรับผิดชอบข้า เพราะเจ้าเป็นคนทำให้ข้าเสียชื่อเสียงเป็นที่ครหาของชาวบ้าน แล้วก็คงไม่มีสตรีใดอยากแต่งงานกับข้าเพราะว่าข้านั้นเสียชื่อเสียงไปแล้ว เพราะฉะนั้น เจ้าต้องรับผิดชอบ