“ฉันก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะน่า ก็ฉันเป็นน้องสาวสุดที่รักของเขานี่นา แต่พี่เฮ่าชวนเขาก็มีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับเธอเหมือนกันนะ ความรู้สึกที่มันมีอะไรมากกว่าแค่การเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทน่ะ ฉันพนันด้วยชีวิตเลยก็ได้นะว่าตอนนี้พี่เฮ่าชวนเขากำลังสับสนหัวใจตัวเองอยู่แน่ ๆ”
“สับสน...สับสนเรื่องอะไรกันยะ” ซ่งจื่อหานถามอย่างใคร่รู้
“ก็สับสนเรื่องที่เขาเคยเผลอตัวไปนอนกับเธอเมื่อหลายปีก่อนยังไงล่ะ ซึ่งพี่เฮ่าชวนเองก็คงจะมีความสุขกับมันมากเลยทีเดียว แต่มันก็คงจะทำให้เขารู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกัน แล้วตอนนี้เขาก็เลยไม่แน่ใจว่าควรจะทำตัวยังไงต่อไปกับเรื่องนี้น่ะสิ”
“เธอ...เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม
“ใช่สิ ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นอีกครั้ง “ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือพี่เฮ่าชวนเขายังคงมองว่าเธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นกะโปโลคนหนึ่งอยู่เลยน่ะสิ เธอจะต้องทำให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจนเลยนะว่าตอนนี้เธอโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วจริง ๆ”
“แล้ว...แล้วการไปตีแบดมินตันมันจะช่วยได้จริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานยังคงไม่เห็นความเชื่อมโยงที่ชัดเจนอยู่ดี
“แน่นอนสิ!” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เพื่อนอีกครั้ง “เธอก็แค่ใส่กางเกงขาสั้นกุดเสมอหู วิ่งอวดเรียวขาสวย ๆ ไปรอบสนามแบด โดยที่มีหนุ่มหล่อล่ำกล้ามโตวิ่งไล่ตามเธอไปติด ๆ ผมยาวสลวยสวยเก๋ของเธอก็จะปลิวไสวไปตามแรงลมนั่นแหละ ที่มันจะช่วยได้น่ะ เอาน่าจื่อหาน เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่นาว่าพวกผู้ชายน่ะมันเป็นยังไงกัน”
“แต่...แล้วเรื่องของพี่เฮ่าหรานล่ะ แล้วก็เรื่องข้อความที่ฉันเพิ่งจะส่งไปหาพี่เฮ่าชวนเมื่อคืนนี้อีกล่ะ”
“อ่า...เรื่องนั้นน่ะเหรอ...ลืมมันไปให้หมดเลยซะเถอะน่า มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสักนิดเดียว”
“เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” ซ่งจื่อหานถามย้ำอีกครั้ง
“ฉันรู้แน่ ๆ ต่างหากล่ะยะ” ฉู่ลี่เหยียนพยักหน้ารับอย่างมั่นอกมั่นใจ
“คุณรู้อะไรเหรอ” เสียงทุ้มหล่อของกู้หยุนเฟิงดังแทรกขึ้นมากลางวงสนทนา ทำเอาซ่งจื่อหานถึงกับเผลอครางออกมาเบา ๆ อย่างตกใจ
“คุณ...คุณมาทำอะไรที่นี่กันคะเนี่ย” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างกล่าวหาราวกับว่าเขาเป็นผู้บุกรุก เขาจึงหัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ผมก็ดีใจที่ได้เจอคุณเหมือนกันนะครับคุณจื่อหาน พอดีผมมารับแฟนสาวคนสวยของผมไปทานข้าวเย็นน่ะครับ แล้วคุณโอเคดีอยู่รึเปล่าครับตอนนี้”
“ค่ะ...ก็โอเคดีอยู่ค่ะ” ซ่งจื่อหานเหลือบมองไปทางฉู่ลี่เหยียนอย่างขอความช่วยเหลือ เพื่อนรักของเธอจึงส่งยิ้มกว้างมาให้
“อ๋อ...พอดีเขาจอดรถรอฉันอยู่ข้างล่างน่ะ ฉันก็เลยเปิดประตูทิ้งไว้ให้เขาเดินเข้ามาได้เลย” ฉู่ลี่เหยียนรีบอธิบายให้เพื่อนฟัง
“อ้อ ฉันก็นึกว่าเธอแอบให้กุญแจห้องกับเขาไปแล้วเสียอีกนะเนี่ย”
“แล้วคุณจะมีปัญหากับเรื่องนั้นด้วยอย่างนั้นเหรอครับ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรผิดปกติตรงไหนเลยนี่ครับ” กู้หยุนเฟิงแกล้งหยอกล้อหญิงสาว
ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้เขาอย่างหมั่นไส้ “ฉันมั่นใจเลยค่ะว่าคุณก็คงจะไม่เห็นว่ามันมีอะไรผิดปกติอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“แต่ผมพนันด้วยชีวิตเลยก็ได้นะว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรเลยสักนิด ถ้าหากว่าคนที่คุณให้กุญแจห้องไปน่ะเป็นเฮ่าชวน บางที...ในคราวนี้เขาอาจจะเป็นฝ่ายที่แอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนของคุณ แล้วก็ขึ้นไปนอนรออยู่บนเตียงของคุณเลยก็ได้นะ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย
“ลี่เหยียน!” ซ่งจื่อหานร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “นี่...เธอบอกเรื่องนี้กับกู้หยุนเฟิงแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“กู้หยุนเฟิง! นี่คุณทำบ้าอะไรลงไปกันคะเนี่ย!” ฉู่ลี่เหยียนหันไปมองคนรักของตัวเองด้วยสายตาขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
“อะไรกันครับที่รัก ผมทำอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ” เขาถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แสนจะใสซื่อบริสุทธิ์
“ก็ทำไมคุณถึงได้ไปบอกจื่อหานล่ะคะ ว่าฉันเป็นคนบอกเรื่องนี้กับคุณเองน่ะ” ฉู่ลี่เหยียนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหันไปมองเพื่อนรักด้วยแววตาขอโทษขอโพยอย่างสุดซึ้ง
“ฉันขอโทษจริง ๆ นะจื่อหาน แต่เขาน่ะสิ อยากจะรู้ให้ได้ว่ามันมีเรื่องอะไรที่มันสำคัญนักหนา ถึงขนาดที่ฉันจะต้องรีบไล่เขากลับบ้านไปเมื่อคืนนี้แทบจะไม่ทันน่ะ”
ซ่งจื่อหานอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เธอก็เลยบอกเรื่องนี้กับเขางั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเธอจะกล้าบอกกู้หยุนเฟิงว่าฉันเสียความบริสุทธิ์ให้กับพี่เฮ่าชวนไปแล้วน่ะ”
“คุณ...คุณได้เสียกับเฮ่าชวนไปแล้วอย่างนั้นเหรอจื่อหาน” เสียงของกู้หยุนเฟิงฟังดูตกใจสุดขีด
หัวใจของซ่งจื่อหานหยุดเต้นไปในทันที เมื่อเธอมองลึกเข้าไปในดวงตาของฉู่ลี่เหยียน เพื่อนรักของเธอไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเขาสินะ
“เขา...เขาไม่รู้เรื่องนี้หรอกเหรอ” ซ่งจื่อหานขมวดคิ้วมุ่นใส่กู้หยุนเฟิง แล้วหันกลับไปมองฉู่ลี่เหยียนอย่างคาดคั้น
“ฉัน...ฉันก็ไม่ได้บอกเขาทุกอย่างหรอกนะ เฮ้อ...เอาจริง ๆนะ ฉันก็ไม่อยากจะบอกเขาทุกอย่างหรอก ฉันก็แค่บอกเขาไปว่าเธอแอบย่องเบาขึ้นไปนอนบนเตียงของพี่เฮ่าชวน แล้วก็จูบกับเขาเท่านั้นเอง”
“การได้เสียกันมันมีอะไรที่มากกว่าแค่การจูบเฉย ๆ นะครับ” กู้หยุนเฟิงหัวเราะร่วนออกมาแล้วหันมามองซ่งจื่อหาน “ให้ตายสิจื่อหาน ยิ่งผมได้รู้เรื่องของคุณมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้นเลยนะครับเนี่ย”
“โอ๊ย! ช่างมันเถอะน่า!” ซ่งจื่อหานครางออกมาเบา ๆ พลางรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ทีนี้...ผมก็จะต้องรู้ให้ได้แล้วล่ะครับว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่” เขาหัวเราะออกมาอีกครั้งแล้วหันไปมองฉู่ลี่เหยียน “แล้วผมก็นึกว่าพวกเราสองคนเจอกันในสถานการณ์ที่มันบ้าบอคอแตกที่สุดแล้วเสียอีกนะเนี่ย”
“ก็อย่างน้อยพวกคุณสองคนก็ได้คบกันจริง ๆ นี่นา” ซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ “ส่วนพี่เฮ่าชวนน่ะเหรอ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองฉันเลยสักนิด หลังจากเรื่องในคืนนั้นน่ะ”
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.