“พ่อ...ผมเข้าไปนะ” ลูคัสเคาะห้องทำงานของพ่อ ก่อนจะเอ่ยขออนุญาตขึ้น เขาเลี่ยงมาดามมิเชลกับวิคตอเรียขึ้นมาข้างบนก่อน เมื่อได้ยินเสียงนี้อดัมก็รีบเก็บรูปภรรยาสุดที่รักในลิ้นชักโต๊ะทำงานทันที แม้จะไม่ได้เจอหน้าเกือบยี่สิบแปดปีแล้ว แต่ในหัวใจของเขาก็ยังมีเธอไม่เปลี่ยนแปลง
“เข้ามาสิ” อดัมเอ่ยบอก ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ มองไปยังลูกชายคนเดียวของเขา ที่ยังมีเค้าความเป็นแม่อยู่ในแววตาบ้าง “มาดามมิเชลมา พ่อรู้หรือยังครับ” ชายหนุ่มเดินมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพ่อแล้วเอ่ยถาม ลูคัสนั้นมักจะเรียกย่าตัวเองว่ามาดามมิเชลแบบเต็มยศ และย่าสั้นๆ บ้างตามแต่สถานการณ์ “รู้...ก่อนหน้าลูกครึ่งชั่วโมงน่ะ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยบอก เพราะรู้นิสัยของแม่ตัวเองและย่าของลูคัสดีว่าเป็นยังไง เขาอยากรู้นักนิสัยแบบนี้จะใช้กับเขาตอนนั้นด้วยหรือเปล่า ภรรยาเขาถึงได้หายไปแบบไร้ร่องรอย ตามหาตัวแทบพลิกเมืองไทยก็ยังหาตัวไม่พบ “แม่ของพ่อนี่ไม่เบาเลย ถ้ายังสาวคงน่ากลัวใช่เล่น” ลูคัสยิ้มออกมา อดัมอยากหัวเราะ ชักจะอยากให้พ่อลูกชายตัวดีส่องกระจกเสียจริง เพราะนิสัยบางอย่างของลูคัสเองก็ช่างเหมือนมาดามมิเชลไม่มีผิด กัดไม่ปล่อย โหดหน้าตายแบบนี้ “เห็นว่าคราวนี้พาใครมาด้วย” “มาดามมิเชลบอกว่าเป็นหลานของเพื่อนน่ะครับ ผมเจอแล้วเมื่อกี้” ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ ไม่ว่าจะกลับมาที่นี่สักกี่ครั้ง เขาไม่เคยชอบเลยสักทีให้ตาย มันรู้สึกอึดอัดมากจนแทบหายใจไม่ออก ที่ต้องมายืนมาใช้อากาศของประเทศนี้หายใจ ยิ่งโตมาก็ยิ่งเกลียดให้ตายเถอะ แต่ยิ่งเกลียดเขาก็ต้องยิ่งอยู่ “เพิ่งรู้ว่ามาดามมีเพื่อนเยอะกับเขาเหมือนกัน” อดัมเอ่ยประชดประชันผู้เป็นแม่ เพราะมาดามมิเชลถึงจะเดินทางมาเมืองไทยไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่มามักจะหาเรื่องให้แปลกใจเสมอ แต่ถึงกระนั้นมาดามมิเชลก็เลี้ยงลูคัสจนเติบใหญ่ ซึ่งเขาก็ขอลูคัสกลับมาเลี้ยงเองตอนที่ลูกชายอายุได้สิบขวบ ก่อนจะส่งไปเรียนต่อที่อังกฤษตอนเข้าไฮสคูลจนถึงมหาวิทยาลัย ด้วยอาชีพของเขาที่ต้องไปดูความเรียบร้อยของพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย จึงไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชายเท่าที่ควร แม่ของเขาจึงหมั่นไปเยี่ยมหลานชายคนโปรดที่อังกฤษบ่อยๆ แต่พอโตขึ้นดูทั้งคู่จะห่างๆ กันออกไป “คงงั้น” ลูคัสเอ่ยตอบเหมือนไม่สนใจ “เรื่องคนงานรอบใหม่ที่จะพาไปซาอุ พ่อให้คนจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะ รอแค่วันเดินทาง เอาคนไทยไปดีแล้ว ฝีมือดี จะได้ช่วยคนที่นี่ด้วย” ผู้เป็นพ่อหันกลับมาคุยเรื่องงานบ้าง เพราะตอนนี้ลูคัสดูจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการบริหารจัดการทุกอย่างของบริษัท ซึ่งชายหนุ่มก็ทำได้ดีทีเดียว แม้จะเสี่ยงอันตรายต่อการทำงาน ที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนเขาก็คอยหาพื้นที่ร่วมทุนแห่งใหม่เสมอ เพราะสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันที่ประเทศซาอุดีอาระเบียนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด พักนี้ทางรัฐบาลก็ค่อนข้างบีบบริษัทข้ามชาติเสียด้วย จึงต้องหาช่องทางใหม่ๆ รองรับไว้ “ช่วยคน พ่อนี่ใจดีจริง ยังช่วยคนในประเทศนี้อยู่อีก” พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ลูคัสมักจะรู้สึกไม่ชอบใจเสียทุกครั้งไป “พ่อไม่รู้ว่ามาดามมิเชลพูดอะไรให้เราฟังบ้าง แต่ความจริงคือความจริง ที่ลูกมีสายเลือดของคนในประเทศนี้อยู่ครึ่งหนึ่ง จำไว้” อดัมมองลูกชายคนเดียวด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่รู้ทำไมลูคัสถึงได้มีอคติกับคนไทยนัก ทั้งๆ ที่เรื่องในอดีตยังไม่ได้รู้ความจริงด้วยซ้ำ ทุกอย่างมันต้องมีเหตุผลสิ “แต่ผมไม่ยอมรับ” “ลูคัส!” ฝ่ามือใหญ่ตบลงโต๊ะทำงานอย่างไม่กลัวเจ็บ มองหน้าลูกชายนิ่งด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ซึ่งลูคัสเองก็ไม่ได้ละสายตาไปทางไหน สบตาของผู้เป็นพ่ออย่างแข็งกร้าวเช่นกัน “ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก แค่มาเหยียบพื้นดินที่คนคนนั้นเคยอยู่ และอาจจะอยู่ถึงทุกวันนี้ ผมก็รังเกียจจะแย่แล้ว” “ลูคัส หยุดพูดแบบนั้น” ได้ยินคำพูดที่ดูถูกแผ่นดินเกิดผู้เป็นแม่ของลูกชายแบบนี้ อดัมถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ จ้องมองลูกชายที่ไม่รู้ถึงความผิดที่ได้พูดออกมา “ผมยอมทำตามที่พ่อสั่งหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ให้ผมอยู่ที่นี่ เรื่องรับคนงานไทยไปทำงานที่พื้นที่ขุดเจาะน้ำมัน และอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคำว่าไทย มันมากพอแล้ว ผมไม่อยากทำเกินกว่านี้” ลูคัสเน้นคำว่าไทยอย่างชัดเจน เพราะเขาไม่ชอบคำนี้เลยจริงๆ แต่ก็ต้องทนอยู่ทนทำเรื่องมากมายตามที่พ่อสั่งสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา ทำให้คนที่ยืนนอกห้องซึ่งได้ยินประโยคนี้เข้าถึงกับยิ้มพอใจ มาดามมิเชลรู้สึกพอใจกับหลานชายที่เธออุตส่าห์เลี้ยงมากับมือ แม้จะไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกอย่าง แต่เรื่องแรงเกลียดชังนี้ ลูคัสไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยจริงๆ
“หลานย่า ต้องรักย่าสิถึงจะถูก” มาดามมิเชลเอ่ยกับตัวเองยิ้มๆ ก่อนจะเดินผ่านเข้าห้องนอนของตัวเองไป เธอเคยเจ็บปวดจากการถูกแย่งของรัก แต่ตอนนี้ของรักชิ้นนั้นได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของเธอแล้ว แต่เพิ่มจากหนึ่งเป็นสองบทที่ 68ชายหนุ่มเดินกลับมาที่ห้อง คว้าผ้าห่มของตัวเองขึ้นมาอุ้ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องนอนนาตาเซียแล้วห่มผ้าห่มนวมให้เธออีกชั้น จากนั้นก็ไปนั่งข้างๆ เธอ หยิบยาอีกชุดที่น้ำอ้อยจัดมาให้ส่งเข้าปากตามด้วยน้ำ เพราะเขาไม่อยากติดหวัดจากยายจอมดื้อเหมือนกันลูคัสคอยหมั่นเปลี่ยนผ้าที่หน้าผากให้พร้อมทั้งเช็ดเนื้อเช็ดตัวจุดที่พอจะเช็ดได้ ไม่ละลาบละล้วงเข้าไปจุดใต้เสื้อผ้าแต่อย่างใด แม้ภายในห้องจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเหงื่อไหลเต็มตัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่บ่นสักคำ เพราะไม่อยากเปิดแอร์ให้ตัวเองสบายแต่นาตาเซียแย่ ทั้งที่จะกลับไปห้องแล้วให้น้ำอ้อยมาดูแลต่อก็ได้ แต่ลูคัสกลับไม่ทำแบบนั้น“ผมคิดยังไงกับน้องสาวคุณกันแน่” ขณะมองหน้านาตาเซีย ลูคัสก็เอ่ยกับตัวเองก่อนจะนึกถึงนาเดียร์ พี่สาวของนาตาเซีย คนรักที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะช่วยชีวิตผู้ชายอย่างเขา ครั้งแรกที่ได้พบนาตาเซีย เขาปรี่เข้าไปกอดและจูบเธอ เพราะคิดว่าคือนาเดียร์ แต่พอได้รู้จักตัวตนทั้งคู่แทบไม่เหมือนกันด้วยซ้ำ คนพี่นั้นห้าว แต่ภายในที่เขาสัมผัสกลับอ่อนหวานเรียบร้อย ส่วนคนน้อง ภายนอกดูเรียบร
บทที่ 67“ให้ตาย...ไม่สบายจนได้สิ” ลูคัสบ่นกับตัวเอง ก่อนจะรั้งผ้าห่มนวมขึ้นห่มให้หญิงสาว ชายหนุ่มเดินมาที่ประตู ลากโต๊ะทำงานเล็กๆ ที่นาตาเซียเอามากั้นเขาเป็นแน่กลับไปวางที่เดิม เปิดประตูแล้วก้าวลงไปชั้นล่างก็เห็นน้ำอ้อยยืนมองอยู่“พยาบาลของป้าไม่สบาย”“ตายจริง คงติดหวัดจากป้าแน่ๆ เดี๋ยวป้าขอขึ้นไปดูนาตาเซียหน่อย” คนฟังยกมือทาบอก“ผมดูแลเอง ป้าช่วยหายากับทำข้าวต้มแล้วยกขึ้นไปให้ผมด้วยแล้วกัน” พูดจบลูคัสก็ก้าวยาวๆ เข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำแข็งในช่องฟรีซใส่ลงถ้วยแก้วใบใหญ่ จากนั้นก็เทน้ำเปล่าลงไปอีกครั้ง ท่าทางรีบร้อนแต่ก็คล่องแคล่ว“รีบหน่อยนะป้า” ก่อนจะกลับขึ้นไปชั้นบน ลูคัสยังหันมาย้ำกับน้ำอ้อยอีกครั้ง แล้วเดินกลับขึ้นไป“ค่ะ” น้ำอ้อยเอ่ยรับด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วปลีกตัวไปทำตามที่ลูคัสบอก สงสัยคราวนี้จะได้รู้ใจตัวเองเป็นแน่ว่าคิดยังไงกับนาตาเซีย หวังเหลือเกินว่าคนทั้งคู่จะเกิดมาเพื่อกันและกันเมื่อเข้ามาในห้องนอนของนาตาเซีย ลูคัสก็เดินเข้าไปใ
บทที่ 66หลังจากเคลียร์งานที่ต่างเมืองเสร็จเรียบร้อย ลูคัสก็เลือกกลับเข้าบ้านก่อนในตอนเช้าตรู่ คิดว่าเที่ยงๆ ค่อยออกไปที่บริษัท เมื่อชายหนุ่มมาถึงบ้านก็เจอกับน้ำอ้อย อาการไม่สบายคงทุเลาลงมามากแล้วจึงออกมาเดินเหินได้แบบนี้ แต่ยังไงเขาก็อยากให้แม่บ้านพักผ่อนอีกหน่อย“ตื่นมาทำอะไรแต่เช้า”“ทำกับข้าวค่ะ” คนเป็นแม่บ้านหันมาตอบ ก่อนจะทำหน้าแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าลูคัสจะกลับมาเช้ามืดแบบนี้“แล้วนี่หายหรือยัง ฝืนไปเดี๋ยวก็ทรุดลงไปอีก”“ป้านอนมาตั้งสองสามวันแล้วนะคะ เบื่อจะแย่” น้ำอ้อยยิ้มให้ลูคัส เพราะอยู่ๆ เธอก็ไม่สบายซะได้ เรื่องการเจ็บป่วยนี่เดาไม่ถูกเลยจริงๆ“ผู้ช่วยล่ะ ยังไม่ลงมาอีกหรือไง?” ลูคัสมองเข้าไปในบ้าน เลยขึ้นไปข้างบนเพื่อหานาตาเซีย“ให้พักสักวัน อยู่ดูแลป้าแทบไม่ได้ขยับไปไหน”“ดีขนาดนั้นเชียว ผมนึกว่าจะอู้” ชายหนุ่มปรามาส แต่ก็รู้ว่านาตาเซียทำอะไรบ้าง เพราะเขาโทรศัพท์กลับมาที่บ้านออกจะบ่อย“น่ารักดี ที
บทที่ 65อาการของน้ำอ้อยดีขึ้นตามลำดับหลังจากนอนซมมาสองสามวัน เพราะได้พยาบาลพิเศษอย่างนาตาเซียคอยดูแลไม่ห่าง ไข้เริ่มลดจนตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงได้แล้ว แต่นาตาเซียยังไม่ยอมให้ออกไปนั่งตากลมนอกห้องเพราะกลัวไข้กลับมาอีก ใบหน้าที่ซีดเซียวของน้ำอ้อยก็ดูมีเลือดไหลเวียนมากขึ้น ลูคัสเองก็โทรมาถามอาการน้ำอ้อยวันละสามสี่ครั้ง แต่แฝงกับการได้รู้ข่าวของนาตาเซียด้วยว่าเธอยังอยู่ที่บ้านเขา ไม่ได้หนีหายไปไหน “ขอบใจที่ดูแล” น้ำเสียงแหบๆ ของคนป่วยเอ่ยบอกนาตาเซีย ที่กำลังเป่าข้าวต้มในถ้วยเพื่อไล่ความร้อนให้เธอจนแก้มป่อง “ไม่เป็นไรค่ะ ป้าหายดีแบบนี้ค่อยหายห่วงหน่อย” นาตาเซียหันมายิ้มตอบ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเป่าข้าวต้มให้หายร้อนอีกหน่อย จากนั้นก็ใช้ช้อนตักป้อนให้น้ำอ้อย“ป้ากินเองได้” “ให้นาตาเซียป้อนน่ะดีแล้ว นะจ๊ะป้า” คำแทนตัวเองของนาตาเซียดูเปลี่ยนไป น้ำอ้อยพยักหน้าให้กับคำพูดนี้ ก่อนจะอ้าปากรับข้าวต้มกุ้งเข้าไปในปาก “ฝีมือทำกับข้าวอร่อยขึ้นมากแล้วนี่” แม้จะมีกลิ่นคาวกุ้งนิดหน่อยในข้าวต้มถ้วยนี้ แต่น้ำอ้อยก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะนาตาเซียทำกับข้าวได้ดี ดีมากกว่าเมื่อสองสามวันก่อนด้วยซ้ำ เด็กสาว
บทที่ 64 “ผมไม่ได้มามือเปล่า ตอนนี้สามารถเลี้ยงดูละออได้เป็นอย่างดี ถ้าผมพูดไม่จริงให้เอาชีวิตผมไปได้เลย”“คุณอดัม” ละออมองหน้าอดัม ทำไมต้องเอาชีวิตมาพูดเล่นแบบนี้ด้วย “ผมเชื่อว่าคนอย่างคุณจะดูแลละออได้” แมทธิวพยักหน้าให้ แค่เห็นแววตาของอดัมที่มองละออก็แทบไม่ต้องพูดอะไรแล้ว“ครับ...จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะพาละออไปหาลูกชายของเราสองคน”“ลูกชาย” ดารียะห์งงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้“เรามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ตอนนี้อายุย่างเข้ายี่สิบเก้าปีแล้ว” อดัมเอ่ยบอกสองคนตรงหน้าให้รับรู้ เพราะเขาไม่ได้จะปิดบังอยู่แล้ว “แต่ฉันยังมีห่วงอยู่ที่นี่” ละออค้าน แม้จะอยากไปหาลูคัส แต่ห่วงของเธอก็คือนาตาเซีย “อะไร...ผมพอจะช่วยได้หรือเปล่า?” แขกของบ้านเอ่ยอาสา “เรื่องนาตาเซียไม่ต้องเป็นห่วงไปละออ ไม่นานเราก็จะได้ข่าวดี...เชื่อสิ” แมทธิวเอ่ยให้ละออคลายกังวลเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าละออนั้นรักนาตาเซียไม่แพ้พ่อและแม่แท้ๆ อย่างพวกเขา “เกิดอะไรขึ้นครับ พอจะบอกผมได้ไหม เผื่อจะช่วยเหลือได้” คำพูดของอดัม ทำให้ดารียะห์ยิ้มออกมา เพราะรู้สึกขอบคุณที่คนเพิ่งจะรู้จักกัน แสดงออกถึงความห่วงใยต่อลูกสาวเธอมากมายขนาดนี้ “ลู
บทที่ 63“ฉันก็อยากทำแบบนั้น แต่...แต่ฉันกลัว” ความอ่อนแอของละออถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหยดน้ำตา ความอัดอั้นและหวาดกลัวเกิดขึ้นมาหลายปี ความคิดถึงโหยหาคนที่รัก อยากกลับไปใจแทบขาด แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะก้าวออกไป ขนาดไปถึงเมืองไทยกลับยืนนิ่งไม่ทำตามที่ใจอยากทำ เพราะกลัวคนที่รักจะเป็นอันตราย “ผมจะคอยปกป้องคุณเอง ให้ผมได้ทำแบบนั้น” อดัมเอ่ยให้คำมั่นสัญญา ครั้งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาต้องทำให้ได้ เขาจะคอยปกป้องละออและลูคัสด้วยชีวิต จะไม่ยอมให้ใครมาพรากจากแม้คนคนนั้นจะเป็นแม่ของตนเองก็ตาม เพราะเวลากว่ายี่สิบแปดปีที่ผ่านมา มันนานเกินพอแล้ว“ขอบคุณนะคะ” ละออเอ่ยขอบคุณในอ้อมกอดของสามี แม้จะดีใจที่ได้พบอดัม แต่เธอก็ยังมีความกังวลอยู่ ถึงจะยิ้มได้แต่ใช่ว่าจะมีความสุขนัก “ที่นี่เป็นยังไงบ้าง ไปไงมาไงคุณถึงมาทำงานด้วย” หนุ่มใหญ่ผละร่างของภรรยาที่ตอนนี้อวบขึ้นจากเมื่อก่อน คงเป็นเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ว่ายังไงละออก็ยังดูสวยในสายตาของเขาเสมอ อวบๆ มีน้ำมีนวลแบบนี้ กอดแล้วอุ่นดีออก “พอฉันออกจากโรงพยาบาล ก็กลับไปที่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด ได้พบญาติห่างๆ คนหนึ่งที่จะมาทำงานที่บรูไน ฉันกลัวว่ามาดา