บทนำ
เปลือกตาสีอ่อนขยับแผ่วเบาก่อนจะเปิดขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตากระจ่างใสดุจผืนธารากว้าง หว่างคิ้วย่นลงเล็กน้อยราวกับไม่คุ้นเคยสถานที่ตรงหน้าเอาเสียเลย
หยัดกายลุกนั่งได้จึงเร่งหย่อนเท้าลงข้างเตียงเตาซึ่งแกะสลักลวดลายประณีต ตามประสาตระกูลร่ำรวย เท้าเปล่าเปลือยเหยียบไปบนพื้นห้องเยียบเย็นอย่างระวัง สองเท้าก้าวแผ่วเบา นัยน์ตากลมกระจ่างจดจ้องไปทั่วห้อง แต่อย่างไรก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกเหนือจากตนเอง สายตานางจึงมุ่งไปยังประตูไม้ตรงหน้า
บนบานประตูประดับกระดาษไขอย่างดีบดบังแสงไม่ให้ส่องเข้ามาภายในห้องมากนัก
ตลอดการกระทำทั้งหมดนี้นางไม่ปริปากออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เพราะไม่มีเสียงอื่นใดนางจึงได้ยินเสียงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแว่วมา
“หลินเฟิง เจ้ากล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกนัก แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับพวกนางทั้งสอง แต่ข้ามั่นใจว่าเจียวเจียวของเรา ไม่มีทางลงมือฆ่าผู้ใดได้” น้ำเสียงที่กล่าวนั่นอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความมั่นใจ เป็นน้ำเสียงที่นางรู้สึกคุ้นหูนัก กระนั้นก็นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงผู้ใด
“เช่นนั้นจี้หยวนเจ้าหมายความว่าคุณหนูอสือโป้ปดข้าหรือ” บุรุษที่เอ่ยคำกล่าวนี้น้ำเสียงช่างเกรี้ยวกราดนัก แต่เหตุใดเขาจึงต้องเกรี้ยวกราดเพียงนี้ พูดคุยกันเพียงลำพังก็ยังเกรี้ยวกราด ช่างเป็นบุรุษที่ไม่น่าคบหายิ่งนัก
หญิงสาวยืนนิ่งฟังบุรุษทั้งสองพูดคุยกันโดยไม่ยอมแสดงตัวออกไป นางจะแสดงตัวอย่างไรในเมื่อนางก็ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ใด
“ข้าก็มิได้หมายความเช่นนั้น เราสองไม่มีผู้ใดอยู่ในเหตุการณ์จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง รอให้เจียวเจียวฟื้นก่อนดีหรือไม่หลินเฟิง” ท่าทีประนีประนอมของชายผู้นั้นชวนเป็นมิตรดียิ่งนัก
แต่ยามนี้หาใช่เวลาที่นางจะสนใจท่าทางของบุรุษผมยาวถึงเอวทั้งสองนั่น
“ที่นี่ที่ไหน” เดินมาเสียนาน นางเพิ่งเอ่ยขึ้นมาคำเดียว นางจำได้ว่าภาพสุดท้ายที่เห็นคือดวงตะวันสีแดงฉาน นางส่งเด็กผู้นั้นขึ้นฝั่งได้ส่วนตนเองค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งบึงน้ำลึกสุดหยั่ง
ลืมตาอีกคราก็พบว่าตนเองอยู่ในที่ไม่คุ้นเคยเสียแล้ว ซ้ำยังพบบุรุษที่แต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากยุคโบราณ ตามนิยายที่นางมักอ่าน
หรือแท้จริงแล้ว...
“ไม่หรอก บ้าน่า จะเป็นไปได้ยังไง ไอ้พิมแกบ้าหรือเปล่า” หญิงสาวพึมพำพลางตบเข้าที่ใบหน้าตนเองหลายต่อหลายครา ราวกับต้องการให้ตนเองฟื้นตื่นจากฝัน
จี้หยวน หลินเฟิง ชื่อเหล่านี้คุ้นหูนัก นี่คือชื่อตัวละครในนิยายที่นางเพิ่งอ่านจบเมื่อวันก่อน หากนางได้ยินชื่อสืออีหรานอีกคราคงต้องหัวเราะออกมาเป็นแน่
“คุณหนู คุณหนูเหตุใดจึงทำร้ายตนเองเช่นนี้” ไม่รู้ว่าเด็กสาวผู้นี้มาจากที่ใด แต่เมื่อเห็นนางตีใบหน้าตนเองหลายคราถาดยาในมือจึงถูกทิ้งอย่างไม่ไยดี ปรี่เข้ามาห้ามปรามทันที
“ปล่อย ปล่อย”
“คุณชาย คุณชายเจ้าคะ คุณหนูทำร้ายตนเองเจ้าค่ะ” เด็กสาวรับใช้ผู้นั้นพยายามตรึงมือนาง ปากก็ตะโกนเรียกพี่ชายของคุณหนูให้รีบมาห้ามปราม
โจวจี้หยวนได้ยินก็รีบถลึงตัวลุกจากม้าหินอ่อนใต้ต้นจี้เฟิงเข้ามาดูน้องสาวเพียงคนเดียวในทันที มู่หลินเฟิงเองก็ตามมาไม่ห่าง
เดิมทีนางเห็นสองบุรุษจากทางด้านหลัง ยามนี้ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้นางพลันนึกไปถึงรูปวาดบนปกหนังสือเสียจริง
“เจียวเจียว เจ้าเป็นอันใดเหตุใดทำร้ายตนเอง” โจวจี้หยวนเอ่ยถามผู้เป็นน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน โจวเจียวเจียวบุตรสาวคนเดียวของตระกูลโจว เป็นแก้วตาดวงใจที่ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนตามใจ
นางเป็นที่รักของทุกคนในตระกูลจึงมีนิสัยเอาแต่ใจไปบ้าง แต่เขามั่นใจได้ว่าน้องสาวตนเองไม่หาญกล้าเพียงพอจะฆ่าผู้ใดได้เป็นแน่
“เจียวเจียว” หญิงสาวพึมพำทบทวนชื่อที่โจวจี้หยวนเรียก ทุกชื่อนี้ล้วนแต่คุ้นหู นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญกระมัง ร่างกายบอบบางหยุดดิ้นแล้วมองเงยมองชายตรงหน้า
ที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ นางอยู่ ไม่ใช่ยุคเดียวกันกับนาง นอกจากนี้ยังคับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นนิยายที่นางเพิ่งอ่านจบ
“สืออีหราน” นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะพิสูจน์ความคิดนางได้ในยามนี้ อย่างไรก็ไม่มีทางมีเรื่องบังเอิญเพียงนั้นเกิดขึ้นได้
เมื่อได้ยินชื่อสตรีที่ชื่นชอบมู่หลินเฟิงก็แทรกตัวเข้ามาเบียดโจวจี้หยวนออกไป จดจ้องใบหน้าสตรีอายุน้อยกว่าตรงหน้าแววตาเย็นชาดุดัน เขาต้องการคำตอบจากนางว่าเหตุใดสืออีหรานจึงตกไปในน้ำพร้อมกับนาง
มู่หลินเฟิงได้ยินจากสาวใช้ของสืออีหรานว่านางถูกโจวเจียวเจียวผลักตกน้ำจนเป็นเหตุให้เจ็บป่วยในยามนี้
“เจ้ากล่าวถึงนางเช่นนี้ คงอยากถามกระมังว่านางเป็นอย่างไร” เหตุใดจึงมีเหตุการณ์บ้า ๆ เช่นนี้เกิดขึ้นมาได้ นางเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตนเองเพิ่งอ่านจบไปจริง ๆ หญิงสาวได้ฟังก็เบิกตากว้างไม่อยากเชื่อความคิดตนเอง
แต่มู่หลินเฟิงกลับไม่คิดเช่นนั้น คิดว่านางตกใจที่เขาจับได้ว่านางตั้งใจทำร้ายสืออีหราน
“เป็นเจ้าที่จงใจทำร้ายอีหรานจริง ๆ เจียวเจียวเจ้าทำได้อย่างไรกัน!” ไม่เพียงพูดเท่านั้น ชายหนุ่มยังฉุดข้อมือนางอย่างรุนแรงจนหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บ
โจวจี้หยวนเห็นน้องสาวถูกกระทำรุนแรงก็ตั้งใจจะกระชากมือสหายออกแต่ไม่คิดว่า…
“ปล่อย อย่ามาแตะตัวข้า” สาวน้อยเจียวเจียวกระชากมือตนเองออกจากการฉุดดึงของชายหนุ่มตรงหน้า การกระทำนี้ไม่สมเป็นนางแม้แต่น้อย เจียวเจียวของเขาชื่นชอบมู่หลินเฟิงยิ่งนัก ไม่เคยโมโหหรือเกรี้ยวกราดใส่เขาเลยสักครา
ยามนี้กลับชักสีหน้ากรุ่นโกรธทั้งยังสะบัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี
มู่หลินเฟิงก็รู้ดีว่าน้องสาวสหายผู้นี้คิดเช่นไรกับตน แต่ตลอดมาเขาไม่เคยใส่ใจทั้งยังอาศัยที่นางชอบพอ กล่าวคำพูดต่อว่านางอยู่หลายครา
ถูกนางกระทำเช่นนี้จึงรู้สึกตกใจไม่น้อย...
หญิงสาวพลันคิดขึ้นได้ว่านางร้ายโจวเจียวเจียวผู้นี้ หลงรักมู่หลินเฟิงคุณชายอันดับหนึ่งของแคว้นเทียนเผิงหัวปักหัวปำ ไม่มีทางทำกิริยาไม่สุภาพให้เขาเห็นจึงแสร้งเป็นลมหมดสติไป
นางเพียงต้องการทบทวนเรื่องราวเหล่านี้ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน จึงต้องการหลีกหนีจากตัวละครเหล่านี้
“เสี่ยวมั่วไปตามท่านหมอ หลินเฟิงเจ้ากลับไปก่อนเถิด น้องสาวข้าไม่พร้อมจะพูดคุยกับเจ้าในยามนี้ ไม่ว่านางจะทำผิดเช่นไรขออย่าได้หลงลืม อย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของข้า” โจวจี้หยวนกล่าวกับสาวใช้เสร็จ จึงหันไปเอ่ยปากไล่สหายสนิทที่ยืนหน้าถอดสีอยู่ด้านข้าง
มู่หลินเฟิงมองตามสองพี่น้องสกุลโจวด้วยสายตาที่อ่านไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่ายามนี้รู้สึกเช่นไร รู้เพียงนางแปลกไป...