มู่หยางส่งสารน้องเล็กของตัวเองมาก แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่ปี แต่ความคิดของเขานั้นกลับเป็นผู้ใหญ่กว่า อาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับพี่ใหญ่มาตั้งแต่เล็ก เลยถูกปลูกฝังว่าเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องเข้มแข็งต้องคอยปกป้องน้องสาวแทนพี่ ตัวเขาและน้องเล็กอายุห่างจากพี่ใหญ่สิบเอ็ดปี
สามคนพี่น้องอยู่กันเองพ่อแม่นั้นตายไปเพราะป่วยด้วยไข้ป่าไปเมื่อสิบปีที่แล้ว เขาและน้องเล็กจึงอยู่กับพี่ใหญ่มาตลอด แต่เมื่อสามสี่ปีก่อนครอบครัวของลุงใหญ่ขออาสาเข้ามาดูแลเขาและน้องสาว จะว่าดูแลไม่น่าจะใช่ เพราะต่อหน้าพี่ใหญ่นั้นดีแสนดี แต่พอลับหลังกลับเอาเปรียบเขาและน้องเล็กทุกอย่าง
ยิ่งเมื่อสามปีก่อนพี่ใหญ่ของเขายอมสมัครไปเป็นทหารเพื่อส่งเขาและน้องเรียนต่อ ครอบครัวลุงใหญ่แทบจะกระโดดตัวลอยเพราะเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้นั้นไม่เคยถึงมือพวกเขาทั้งสองคนเลย ยังดีที่ได้เรียนหนังสือ แต่ตอนนี้นี่เฮ้อ....
“เดี๋ยวพี่ไปจับปลามาให้เราสองคนจะได้ย่างปลากินกัน น้องเล็กรอพี่ก่อนนะ รอไหวไหม” มู่หยางกำลังจะลุกขึ้นเดินไปจับปลาในลำธาร แต่กลับได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง
“หิวไหม ฉันมีซาลาเปาไส้เนื้อหลายลูกมากินด้วยกันสิ”
หลิวชิงเย่วสงสารทั้งสองคนมากหลังจากที่ยืนฟังอยู่นาน เธอไม่ได้คิดที่จะแอบฟังแต่เผอิญดันเดินผ่านมาทางนี้พอดี หญิงสาวจึงเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าใส่ซาลาเปามาเต็ม ดีนะแถวนี้เป็นทางขึ้นเขาไม่อย่างนั้นคงจะหาที่แอบเอาซาลาเปาออกมาไม่ได้
“เอ๋...พี่สาวชิงเย่วภรรยาพี่เฉียงนี่” มู่หยางจำพี่สาวตรงหน้านี้ได้ เขาเคยเดินสวนกับเธอหลายครั้งแล้วในหมู่บ้าน
“ใช่ พี่สาวชิงเย่วจริงๆ ด้วย” มู่ฟ่านปิงจำได้เหมือนกัน พี่สาวคนนี้น่าสงสารเธอมักจะโดนแม่สามีด่าไม่ไว้หน้า อีกทั้งพี่เหว่ยเฉียงยังพาภรรยาคนใหม่เข้าบ้านทั้งๆ ที่แต่งงานได้ไม่ถึงเดือน
“พวกเธอทั้งสองคนรู้จักฉันด้วยเหรอ” หลิวชิงเย่วขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าร่างนี้แทบจะไม่รู้จักใครเลย สองพี่น้องบ้านมู่พยักหน้ารับ จะไม่ให้รู้จักได้ยังไงเรื่องของพี่สาวชิงเย่วใครบ้างในหมู่บ้านนี้ไม่รู้
“ทั้งสองคนคงจะรู้จักชื่อเสียของฉันสินะ ช่างเถอะเรามากินซาลาเปากันก่อน ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” หลิวชิงเย่วไม่สนใจว่าจะรู้จักเธอในแง่ไหน แต่ตอนนี้ทั้งสองคนคงจะหิวแล้ว มากินให้อิ่มท้องก่อนดีกว่า
“ไม่เป็นไรพี่สาวชิงเย่ว ไม่ใช่สิผมต้องเรียกว่าพี่สะใภ้หลี่เพราะพี่แต่งงานแล้ว” มู่หยางเปลี่ยนคำเรียก ถ้าเกิดพี่สาวตรงหน้ายังไม่แต่งงานนั้นเรียกพี่สาวได้ แต่ส่วนมากคนในหมู่บ้านหากแต่งงานแล้วจะไม่เรียกพี่สาวกัน
“เราสองพี่น้องพอจะรู้เรื่องของพี่สะใภ้หลี่มาบ้าง แต่มันต้องเป็นชื่อเสียงไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเป็นชื่อเสียล่ะ” มู่ฟ่านปิงไม่เข้าใจจึงเอียงคอถาม ทำไมพี่สาวชิงเย่วจึงบอกว่าชื่อเสียแทนจะเป็นชื่อเสียง
“แล้วเรื่องของฉันที่ทั้งสองคนได้ยินมามีเรื่องดีบ้างไหมล่ะ ถ้าให้เดาคงจะไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างใช่ไหม นั่นแหละฉันจึงบอกว่าชื่อเสียยังไง อีกอย่างทั้งสองคนเรียกฉันว่าพี่ชิงเย่วดีกว่า เรียกพี่สะใภ้หลี่แล้วขนลุกชอบกล เดี๋ยวจะพาลกินอาหารไม่ได้เปล่าๆ
มานั่งด้วยกันเถอะ ทั้งสองคนชื่ออะไรกันบ้างบอกฉันหน่อย เธอทั้งสองคนรู้ว่าฉันเป็นใครแต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนชื่ออะไรกันบ้าง” หลิวชิงเย่วคิดจะตีสนิทกับสองพี่น้องไว้ อย่างน้อยๆ มาเกิดใหม่ครั้งนี้เธอจะได้มีเพื่อนแม้ว่าจะเป็นเพื่อนต่างวัยก็เถอะ
“ผมไม่รบกวนพี่ชิงเย่วดีกว่า ผมจะลงไปจับปลาในลำธารมาย่างให้น้องเล็กกิน อ้อ...ผมชื่อมู่หยาง พี่ชิงเย่วเรียกผมว่าอาหยางก็ได้ ส่วนน้องเล็กชื่อมู่ฟ่านปิง พี่จะเรียกเสี่ยวปิงหรือฟ่านปิงก็ได้เหมือนกัน” มู่หยางเกรงใจ เด็กหนุ่มรู้ดีว่าซาลาเปาไส้ผักลูกละหลายเหมา ยิ่งไส้เนื้อบางร้านก็เกือบสองหยวน เขาไม่กล้ากินหรอกมันแพง
“มานั่งนี่ นายพูดยากนะอาหยาง ฉันบอกให้มานั่งก็มาเถอะ กว่านายจะลงไปจับปลากว่าจะจับได้ ไหนจะต้องก่อไฟกว่าจะย่างเสร็จ พอดีฟ้ามืดเสียก่อน มาเถอะตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว ดังนั้นเราทั้งสามคนจึงมาเป็นเพื่อนต่างวัยกันดีกว่า
นายและเสี่ยวปิงรู้ไม่ใช่เหรอว่าตั้งแต่ฉันแต่งงานมาที่นี่ ฉันไม่รู้จักใครเลยนอกจากบ้านหลี่ แต่ถ้าทั้งสองคนรังเกียจที่ฉันเป็นหญิงแต่งงานแล้วที่แม้แต่บ้านสามีรังเกียจฉันก็ไม่ห้าม ฉันไปก็ได้แต่ซาลาเปานั้นทั้งสองคนเก็บไว้กินเถอะนะ ฉันให้”
หลิวชิงเย่วเตรียมจะลุกขึ้นเดินจากไป เพราะคิดว่าสองพี่น้องคงจะไม่กล้ามาเป็นเพื่อนกับเธอ แต่กลับโดนมือของมู่ฟ่านปิงจับไว้
“พี่ชิงเย่วพวกเราไม่ได้รังเกียจพี่ แต่พี่รองกับฉันรู้ว่าซาลาเปาไส้เนื้อนั้นมันแพง พวกเราเลยไม่กล้ากิน อีกอย่างพี่เอามาให้พวกเราแบบนี้บ้านสามีพี่จะไม่ดุด่าพี่อีกเหรอ ใครๆ ก็รู้ว่าแม่เฒ่าหลี่นั้นเป็นยังไง”
มู่ฟ่านปิงกลัวว่าพี่สาวตรงหน้ากลับไปแล้วจะโดนแม่สามีเล่นงานเอา
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก มานั่งกินกันดีกว่า” หลิวชิงเย่วเมื่อได้รู้ความคิดของทั้งสองคนจึงกลับลงมานั่งที่เดิม ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้คนละสองลูก “ถ้าไม่อิ่มก็หยิบกินได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“อันนี้เป็นของฉันเองไม่เกี่ยวกับบ้านสามี พวกเธออยู่ในหมู่บ้านมานานเรื่องที่ฉันแต่งเข้าบ้านหลี่นั้นก็คงจะพอรู้กันใช่ไหม” หลิวชิงเย่วกินไปด้วยเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองไปด้วย ทั้งสองคนได้รู้ความจริงต่างก็เห็นใจ เพราะมันคนละอย่างกับที่แม่เฒ่าหลี่เที่ยวมาพูดกับคนในหมู่บ้าน
“ไม่ใช่ว่าพี่ชิงเย่วหลงรักพี่เหว่ยเฉียงหรอกเหรอ ก่อนที่พ่อพี่ชิงเย่วตาย พ่อพี่ชิงเย่วเลยบังคับให้พี่เฉียงแต่งงานด้วยทั้งๆ ที่พี่เหว่ยเฉียงมีคนรักอยู่แล้ว” มู่ฟ่านปิงเป็นเด็กช่างพูดหากรู้สึกคุ้นเคย ในเมื่อสงสัยจึงเลือกที่จะถามออกมาตรงๆ แม้แต่มู่หยางยังพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว
“มันก็มีส่วน พ่อพี่ตายเพราะปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่พ่อพี่ช่วยชีวิตไว้ เลยขอร้องให้เขาช่วยดูแลพี่ก่อนท่านจะหมดลมหายใจ ตอนนั้นพี่เองก็อายุแค่สิบหกสิบเจ็ดปีพอพ่อตายแล้วก็เหมือนขอนไม้ลอยในทะเล หาหลักยึดไม่ถูกทำได้เพียงแต่งเข้าบ้านหลี่
แต่ใครจะคิดล่ะว่าบ้านหลี่นั้นเป็นปลิงดูดเลือดดีๆ นี่เอง หากพี่รู้ก่อนสักนิดว่าหลี่เหว่ยเฉียงมีคนรักอยู่แล้ว พี่จะแต่งเข้ามาทำไม ทั้งสองคนว่าจริงไหม” หลิวชิงเย่วเริ่มที่จะคุ้นเคยกับทั้งสองคนจึงแทนตัวเองว่าพี่
“คุยแต่เรื่องของพี่ คุยเรื่องของเราทั้งสองคนดีกว่า พี่ได้ยินว่าอาหยางกับเสี่ยวปิงหยุดเรียนแล้ว ทำไมจึงหยุดล่ะเท่าที่ดูจากอายุน่าจะเรียนชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งไหม”
“เราทั้งสองคนกำลังจะขึ้นเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง แต่เพราะลุงใหญ่บอกว่าเงินไม่พอที่จะให้เรียน เลยมีเพียงลูกๆ ของลุงใหญ่ที่ได้เรียน กลัวแต่พอพี่ใหญ่ของพวกเรากลับมา แล้วรู้ว่าผมและน้องเล็กหยุดเรียนพี่ใหญ่จะโกรธเอานะสิครับ”
จากนั้นมู่หยางจึงเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้พี่สาวตรงหน้าฟัง หลิวชิงเย่วฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่คิดว่านอกจากบ้านหลี่ที่เธอเจอยังมีบ้านมู่ที่เห็นแก่ตัวยิ่งกว่า ทั้งๆ ที่อาหยางและเสี่ยวปิงเป็นหลานแซ่เดียวกันแท้ๆ ยังโกงกันได้
ทั้งๆ เป็นเงินที่พี่ชายของทั้งสองคนส่งมาให้ ไม่ว่ายุคสมัยไหนพวกเห็นแก่ตัวก็มีเยอะจริงๆ ทั้งสามคนยังนั่งคุยกันพักใหญ่ เมื่อคิดว่าได้เวลาที่ควรจะกลับแล้ว หลิวชิงเย่วจึงยัดซาลาเปาที่เหลืออีกห้าลูกให้กับพี่น้องบ้านมู่ไว้กินเย็นนี้
“เอากลับไปกินที่บ้านอย่าให้ใครเห็นล่ะ หากพรุ่งนี้ไม่ไปไหนก็มาเจอพี่ที่นี่เวลาเดิม พี่จะเอาของอร่อยมาให้กินไม่ต้องปฏิเสธนะ เพราะเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันแล้ว และห้ามบอกให้ใครรู้เรื่องที่เรานัดเจอกัน ตัวพี่นะไม่เท่าไหร่ หากคนอื่นรู้อาหยางกับเสี่ยวปิงรู้ใช่ไหมว่าแม่เฒ่าหลี่ปากเธอร้ายแค่ไหน”
หลิวชิงเย่วบอกทั้งสองคน สองพี่น้องบ้านมู่พยักหน้าเข้าใจ เพราะพี่สาวชิงเย่วแต่งงานแล้วจะมาคลุกคลีกับพวกเขาคงจะไม่งาม เมื่อตกลงกันเรียบร้อยทั้งสามคนจึงต่างก็แยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง
ตอนพิเศษ 4 ซวี่เซิ่งเสว่ - เกาฮ่าวซวนหลังจากที่ตัดสินใจก้าวเดินออกมาจากหลี่เหว่ยเฉียงพร้อมกับลูกน้อย ซวี่เซิ่งเสว่ไม่ได้รับความลำบากเท่าไหร่ เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของนายหญิงโรงน้ำชาในเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา มีเกาฮ่าวซวนที่คอยดูแลเธอและลูกมาตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบปักกิ่ง ตอนนี้เธอจึงมีตำแหน่งหัวหน้างานด้านห้องอาหารและดูแลในส่วนของการแสดงของโรงน้ำชาเหมยกุ้ยเสี่ยวเหยาอายุสี่ขวบ ใครเห็นก็หลงรักแม่หนูน้อยคนนี้ คำแรกที่เรียกได้คือคำว่าพ่อ ซึ่งนั้นก็คือเกาฮ่าวซวน เธอเองก็เกรงใจเพราะพี่ฮ่าวซวนยังไม่แต่งงาน และไม่ใช่มองไม่ออกว่าเขาคิดยังไงกับเธอ แต่บาดแผลที่เธอเจอมามันสาหัสนัก อีกทั้งหลี่เหว่ยเฉียงคือรักแรก มันยากที่จะลืมจริงๆ แต่คงมีสักวันที่เธอลืมได้และขจัดภาพของหลี่เหว่ยเฉียงออกจากหัวใจ เพราะถ้าหากเธอรับรักพี่ฮ่าวซวนตอนนั้นเท่ากับเธอทำร้ายทั้งตัวเธอเองและพี่ฮ่าวซวน จนมาถึงวันนี้เธอคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเปิดรับเขาเข้ามาในชีวิต เป็นพ่อจริงๆ ของเสี่ยวเหยาตัวน้อยเสียทีเย็นนี้ซวี่เซิ่งเสว่จึงกลับมาทำอาหารด้วยรอยยิ้มและเต็มเปี่ยมด้วยความสุข เพราะเธอนัดให้พี่ฮ่าวซวนมากินอาหารด้วยกัน ระหว่างที่ทำ
ตอนพิเศษ 3 อาเผย - ซินอี้หลังจากส่งนายหญิงกลับบ้าน อาเผยจึงให้ลูกน้องสืบเรื่องของหมอซินอี้คนสวย หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็ได้รับคำตอบว่าคุณหมอซินอี้นั้นเป็นใคร ซินอี้เป็นลูกสาวนักการทูตประจำที่ปักกิ่ง มีพี่ชายเป็นทหารซึ่งก็คือนายพลจ้าน ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมของตัวเองหรือไม่ สนใจหญิงสาวครั้งแรกดันไปรักน้องสาวท่านนายพลเสียได้ แต่พอคิดว่าฐานะนั้นต่างกันเกินไปอาเผยจึงคลายความสนใจของตัวเองและตั้งหน้าทำงานตามปกติจนวันที่นายท่านกลับมาจากการฝึกซ้อมรบจากสถานที่จริงนายท่านให้กำลังใจและบอกให้เดินหน้า หากมั่นใจเขาและภรรยาจะเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอให้เอง ใครบ้างจะกล้าปฏิเสธคนสนิทของนายท่านแห่งโรงน้ำชาเหมยกุ้ยวันเวลาผ่านมาจนถึงวันที่หมอซินอี้ตอบรับคำเชิญของหลิวชิงเย่ว แม้ว่าจะไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่ก็ส่งอาเผยมาต้อนรับแทน“สวัสดีครับคุณหมอซินอี้” อาเผยเดินยิ้มร่าเข้ามาเมื่อพนักงานมาบอกว่าคุณหมอมาถึงแล้ว“สวัสดีค่ะคุณ...” ซินอี้ยิ้มให้และทักทายกลับไปแต่เธอไม่รู้จักชื่อของชายตรงหน้าจึงทำหน้าเหมือนจะถาม“ผมชื่ออาเผยครับ”“สวัสดีค่ะคุณเผย คุณไม่ต้องเรียกฉันคุณหมอหรอกนะคะ มันเป็นทางการจนเกินไปเ
ตอนพิเศษ 2 มู่ฟ่านปิง-มู่หยางอย่าคิดว่าเหวินตงจะปล่อยร่างบางไป ในเมื่อเธอคือดวงใจของเขา เขาแอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของเธอตอนเรียนมัธยมปลายแล้ว คิดว่าเขาจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ ไม่มีทางหรอก “ไม่ครับ พี่ไม่ปล่อย เสี่ยวปิงเต็มใจเป็นของพี่ พี่ก็ดีใจมากแล้วไม่จำเป็นต้องวางยาตัวเองหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่ได้นอนทั้งคืนแน่คืนนี้” เหวินตงพูดอย่างเจ้าเล่ห์ เนื้อกวางมาถึงปากแล้วคิดว่าเขาจะยอมปล่อยไปเหรอ หากเธอกล้าเดินออกไปจากห้องด้วยสภาพนี้ ใครเห็นเขาจะควักลูกตาออกมาจริงๆ มู่ฟ่านปิงตาโตมองอย่างตกใจ คนบ้านี่พูดไม่อายจริงๆ แต่ก่อนที่จะทันได้คิดอะไร เธอกลับโดนคนที่กำลังจะเป็นสามีอุ้มไปที่เตียงและปลดเปลื้องปราการสองชิ้นสุดท้าย ก่อนจะทำหน้าที่สามีให้เธอด้วยความรักและเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ ห้องของซือโถก็ไม่ต่างจากห้องของมู่ฟ่านปิงเท่าไหร่ เพราะมีเจ้านายหนุ่มที่ควบตำแหน่งเพื่อนสนิทมานั่งมึนอยู่ในห้อง “นายไม่ไปนอนเหรอ งานพรุ่งนี้ฉันเตรียมให้หมดแล้ว” ซือโถเอ่ยถาม แม้จะชอบชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่าคำว่าเพื่อน แต่เธอยังไม่กล้าอาจเอื้อมถึง
ตอนพิเศษ 1 พ่อแม่ลูกดก NCมู่ยวี่เฉินตั้งหน้าตั้งตาทำลูกสาวอย่างขะมักเขม้น เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปีหน้าเขาต้องมีก้อนแป้งตัวน้อยๆ น่ารักน่าชังอีกคนสองคน ทุกครั้งที่ตั้งใจทำสองแฝดมักจะก่อกวนพ่อเช่นเขาตลอด วันนี้ครอบครัวมีงานเลี้ยงอย่างน้อยเขาก็มีโอกาส หลังจากที่คุยกับน้องทั้งสองคนมู่ยวี่เฉินอุ้มภรรยารักเข้าห้องโดยไม่สนใจน้องๆ อีกเลย“ชิงชิงเราเข้ามิติกันเถอะนะ” ปากนั้นออดอ้อนขอเข้ามิติ แต่มือนั้นยุ่มย่ามถอดชุดภรรยาอย่างตั้งใจหลิวชิงเย่วนับวันสามีเธอยิ่งหน้ามึนกว่าเมื่อก่อน นี่ใช่สามีจอมเย็นชาของเธอหรือไม่ ผู้ชายที่เธอเจอตรงลำธารคนนั้นไปไหนแล้ว แม้ว่าจะแอบบ่นในใจแต่ก็ยังพาสามีสุดที่รักเข้ามิติตามคำขอเมื่อเข้ามาในมิติแล้วมู่ยวี่เฉินไม่สนใจอีก อุ้มภรรยารักนั่งที่โต๊ะกลางสนาม เขาจับขาเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะใช้ลิ้นของตัวเองไล่เลียกลีบดอกไม่งามของภรรยารัก ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ไม่ว่าจะกินและสัมผัสมากี่ครั้ง ดอกไม้ดอกนี้ของภรรยายังคงหอมหวานและสดใหม่สำหรับเขาเสมอไม่เพียงใช้ลิ้นเลียกลีบทั้งสองข้าง เขายังคงใช้ลิ้นตวัดจุดเสียวของภรรยาคือเกสรของดอกไม้ จนทำให้หลิวชิงเย่วบิดตัวด้วยความเสียว แต่กลับต
บทส่งท้าย ไม่มีอะไรมาพรากจากกันสามปีผ่านไป หลิวชิงเย่วไม่คิดเลยว่าธุรกิจของเธอจะก้าวกระโดดได้ขนาดนี้ บริษัทเหมยกุ้ยขยายตัวจนติดอันดับหนึ่งของสายธุรกิจ ลูกชายที่น่ารักตอนนี้ก็อายุห้าปีแล้ว ความแสบความซนยังคงมีอยู่ ส่วนน้องทั้งสองเรียบจบเรียบร้อยแล้ว เธอจึงให้บริหารงานที่ปักกิ่งแทนเธอ พร้อมกับมอบกิจการให้ทั้งสองคนดูแลเพื่อเป็นทรัพย์สินของตัวเองอีกด้วยไม่เพียงแค่ธุรกิจของเธอเท่านั้นที่ก้าวกระโดด ตำแหน่งสามีของเธอเช่นกัน ตอนนี้ได้ติดยศเป็นผู้พันด้วยแรงสนับสนุนของพ่อบุญธรรม ท่านเกษียณตัวเองเพื่อออกมาดูแลและเลี้ยงหลานๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านอื่น ไม่ใช่เพราะฐานะของนายท่านมู่ แต่เพราะความสามารถของตัวมู่ยวี่เฉินเองด้วยหากจะไม่พูดถึงหลี่เหว่ยเฉียงอดีตสามีของเธอคงไม่ได้ หลังจากที่สอบสวนและโดนโทษของการคบชู้แล้ว เขายังติดคุกเพิ่มอีกสามปีข้อหาพยายามทำร้ายเพื่อทหารด้วยกัน ในช่วงที่ติดคุกนางจ่างซื่อหรือแม่เฒ่าหลี่ตรอมใจที่ลูกชายโดนจับ และหญิงสาวที่หมายมั่นว่าจะเป็นลูกสะใภ้เธอกลับไม่สนใจ หลังจากรับโทษเสร็จหญิงสาวรายนั้นก็มีคนรักใหม่แม้อยากจะสืบหาสวี่เซิ่งเสว่แค่ไหนก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย ทำให้นา
บทที่ 45 ความสำเร็จการใช้ชีวิตของทุกคนยังคงดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น กิจการของหลิวชิงเย่วนั้นเจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ เธอยังติดต่อส่งขายเครื่องสำอางไปยังต่างประเทศ สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หากถามว่าเธอยังเอาของออกมาจากมิติไหม ตอบเลยว่ามีบ้างอย่างแต่ไม่ทั้งหมดตอนนี้เธอสร้างโรงทอผ้าเองแม้ว่าจะมีผ้าในมิติมากมายก็ตาม แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งลูกค้าถามว่าเอาผ้ามาจากไหนจะให้เธอตอบยังไง โรงงานของเธอนอกจากผลิตและตัดเย็บให้ร้านชิงเย่วบูติกแล้ว ยังผลิตให้ลูกค้ารายอื่นๆ อีกด้วย แต่แบบที่เปิดขายนั้นจะไม่ซ้ำกับร้านของเธอส่วนเนื้อผ้าขึ้นอยู่กับราคาและต้นทุนที่ลูกค้าให้งบมา ส่วนโรงน้ำชาจะไม่พูดถึงเลยไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มทำจนถึงวันนี้ก็สามปีแล้ว ตอนนี้โรงน้ำชาขยายเพิ่มไปอีกหลายสาขา ส่วนโชว์รูมรถยนต์ก็มียอดสั่งซื้อเข้ามาตลอดเช่นกัน ตอนนี้พี่ใหญ่จ้านซากำลังติดต่ออีกสองยี่ห้อเพื่อเป็นตัวแทนขาย หลิวชิงเย่วจะใช้เงินต่อเงินในการทำธุรกิจ นอกจากธุรกิจที่พูดก่อนหน้านี้ยังมีที่ห้างสรรพสินค้าที่กำลังก่อสร้างและโรงแรม ยังไม่รวมอะพาร์ตเม้นต์และคอนโดที่กำลังทำ ภายในสามปีเธอสร้างได้ขนาดนี้ถือว่าธุรกิจโตพอสมควรส่วนสองแฝดก็อา