Share

บทที่ 4 หยางเจี้ยน

Author: BigM00N
last update Huling Na-update: 2025-05-19 19:42:27

เมื่อตามตัวน้องชายได้แล้วหลินเหม่ยเหยาก็ตั้งใจว่าจะพาน้องชายของตนกลับ แต่มู่เปียวผู้ดูแลสำนักคุ้มภัยคนปัจจุบันกลับรั้งให้นางอยู่ต่อเพื่อพูดคุยเรื่องการแบ่งปันผลกำไรจากกิจการในช่วงนี้ นอกจากสำนักคุ้มภัยแล้วมารดาของนางยังทิ้งร้านค้าเอาไว้ให้นางอีกหลายร้าน แต่เพราะนางไม่ค่อยจะได้สนใจเรื่องการค้าชีวิตในชาติก่อนของนางจึงได้ขัดสนเรื่องเงินทองในยามที่ตนเองต้องประสบกับความยากลำบาก

ในชาติที่แล้วพอนางแต่งเข้าจวนสกุลซ่งบรรดาร้านค้าเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ล้วนไม่ค่อยจะทำเงินให้นางจนผลสุดท้ายนางก็ขายทอดตลาดในที่สุด เงินที่ได้มาเป็นเงินจำนวนน้อยนิดที่นางพกติดตัวเอาไว้ ในยามที่บิดาต้องโทษมารดาเลี้ยงและน้องชายถูกคุมขัง นางแทบจะไม่มีเงินพอที่จะติดสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปเยี่ยมเยียนพวกเขาได้จนผลสุดท้ายนางจำต้องขายเครื่องประดับทั้งหมดของตนเอง จึงสามารถไปเยี่ยมเยียนได้แค่เพียงมารดาเลี้ยงและน้องชายเพียงเท่านั้น ส่วนบิดากว่านางจะรวบรวมเงินได้เขาก็ถูกประหารที่ลานประหารไปเสียแล้ว

มาชาตินี้นางรู้แล้วว่าชีวิตของนางไม่อาจจะขาดเงิน ดังนั้นยามที่มู่เปียวเชิญนางเข้าไปฟังเขารายงานผลกำไรทางการค้า นางจึงได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้

“อิงจื่อ เจ้ากลับไปรายงานแม่เล็กของข้าด้วยตนเองว่าพบคุณชายน้อยแล้ว เขาอยู่ในสำนักคุ้มภัยและปลอดภัยดี ข้าขออยู่ที่นี่เพื่อฟังรายงานผลประกอบการจากท่านผู้ดูแลมู่ก่อน แล้วหลังจากนั้นข้าจึงจะพาคุณชายเล็กกลับ” เมื่อหลินเหม่ยเหยาเอ่ยเช่นนี้อิงจื่อก็รับคำแล้วรีบกลับจวนไปพร้อมกับสาวใช้รุ่นเล็กอีกสองคน

แล้วหลังจากนั้นหลินเหม่ยเหยาก็ไปนั่งฟังรายงานผลประกอบการที่ห้องรับรองของสำนักคุ้มภัยอย่างตั้งอกตั้งใจ นางทั้งนั่งฟังและนั่งซักถามเขาอย่างตั้งใจ หากร้านค้าใดกิจการไม่ดีนางก็สอบถามถึงสาเหตุที่กิจการไม่ทำเงิน แล้วก็นั่งจดรายการปัญหาเอาไว้ เพื่อที่ครั้งหน้าจะได้หาหนทางในการปรับปรุงและแก้ไขต่อไป ส่วนหลินโม่วนั้นในเมื่อพี่สาวติดพันเรื่องการค้าเขาจึงได้ถือโอกาสใช้ช่วงเวลานี้ฝึกเพลงทวนในลานฝึกซ้อมของสำนักคุ้มภัยสกุลมู่ต่อ

“ขอบคุณท่านผู้ดูแลมู่มากที่คอยช่วยดูแลสำนักคุ้มภัยและคอยดูแลบรรดาร้านค้าต่างๆ ให้ข้า” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยพลางย่อกายคารวะขอบคุณชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขารีบโบกมือพลางเบี่ยงกายเพื่อหลบการคารวะของนางในทันที

“อั๊ยหยา คุณหนูเหตุใดจึงต้องเกรงอกเกรงใจกันด้วย มันเป็นหน้าที่ของข้า ข้าย่อมจะต้องใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ เพียงแต่ช่วงนี้ข้าก็อายุมากแล้วท่านควรจะหาใครสักคนที่ไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลที่นี่แทนข้าได้แล้ว” เมื่อมู่เปียวพูดเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็พลันนิ่วหน้า ในชาติที่แล้วนางไม่เคยได้พูดคุยเรื่องนี้กับเขา อีกทั้งตอนที่มู่เปียวตายนางก็แค่เพียงประกาศรับผู้ดูแลไปประจำแต่ละร้านอย่างไม่ใส่ใจ แต่ชาตินี้นางไม่คิดจะเป็นดังเช่นในชาติที่แล้วนางจึงรีบเอ่ยปากไหว้วานชายชราตรงหน้าในทันที

“ถ้าเช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านมู่หาผู้ดูแลที่เหมาะสมให้ข้าด้วย ข้าเชื่อสายตาของท่านว่าท่านจะต้องหาคนที่เหมาะสมได้ดีกว่าข้าแน่” คำพูดของหลินเหม่ยเหยาทำให้มู่เปียวยิ้มออกมาในทันที

“ในเมื่อคุณหนูเชื่อใจข้าก็จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง ข้าจะเร่งหาคนที่ไว้ใจได้มาเรียนรู้งานกับข้าในเร็ววัน” เมื่อเขาพูดเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็เอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง

“ขอบคุณท่านมาก ข้าออกนอกจวนมานานแล้วสมควรจะกลับเสียที ดังนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับจวนก่อน” เมื่อหลินเหม่ยเหยาเอ่ยเช่นนี้มู่เปียวจึงได้ขยับตัวลุกขึ้นแล้วอาสาว่าจะพานางไปส่ง แต่นางกลับส่ายหน้าปฏิเสธและบอกกับเขาว่ารถม้าสกุลหลินรอนางอยู่ที่หน้าสำนักคุ้มภัยแล้ว เขาจึงไม่ได้คะยั้นคะยอจะขออาสาไปส่งนางอีก

“แล้วน้องชายคนดีของข้าหายไปไหนอีกแล้ว” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วในทันที มู่เปียวจึงได้หัวเราะออกมาแล้วชี้ไปทางป่ารกร้างทางด้านหลังของสำนักคุ้มภัย

“คุณชายน้อยน่าจะแอบหนีไปให้อาหารลูกสุนัขบริเวณชายป่าด้านหลังสำนักคุ้มภัยอีกแล้ว ให้ข้าส่งคนไปตามคุณชายนะขอรับ” เมื่อมู่เปียวพูดเช่นนี้หลินเหม่ยเหยาก็ส่ายหน้า

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้าไปตามเขาเอง ข้าเองก็อยากจะรู้แล้วว่าลูกสุนัขที่เขามักจะบ่นถึงมีหน้าตาเช่นไร” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยพลางยิ้มออกมา ในชาติที่แล้วต่อให้น้องชายของนางเลี้ยงลูกสุนัขอีกสักกี่ตัวก็ไม่มีตัวไหนเทียบเทียมลูกสุนัขที่อยู่หลังสำนักคุ้มภัยได้เลย ทำให้นางรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควรเพราะคนที่ห้ามไม่ให้เขานำลูกสุนัขกลับไปเลี้ยงที่จวนก็คือนางเอง

“หลินโม่ว!” หลินเหม่ยเหยาส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าน้องชายของนางกำลังลูบหัวลูกสุนัขจิ้งจอกอยู่ บรรดาผู้คุ้มกันที่ติดตามนางมาทางด้านหลังถึงกับพากันชักกระบี่ออกมาในทันที ลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้นก็พากันหันมาแยกเขี้ยวใส่ผู้คุ้มกันในทันที

“โก่วต้า เสี่ยวโก่ว พวกเจ้าอย่าทำอะไรพวกเขานะ” หลินโม่วส่งเสียงห้ามปรามลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้น แต่พวกมันกลับไม่ได้ฟังเขา ยังคงแยกเขี้ยวแล้วก็เห่าใส่ผู้คุ้มกันและหลินเหม่ยเหยาในทันที

“โม่วเอ๋อ ออกมา” หลินเหม่ยเหยาเอ่ยเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง นางเอาแต่กังวลว่าถ้าลูกสุนัขสองตัวนั้นหันกลับไปเล่นงานน้องชายของนางแล้วบรรดาผู้คุ้มกันของนางจะสามารถช่วยเหลือน้องชายของนางได้ทันหรือไม่

“พี่หญิงท่านพาคนของท่านถอยออกไปก่อน พวกมันกำลังโกรธท่านไม่เห็นหรือ” คำพูดของน้องชายทำให้หลินเหม่ยเหยาขมวดคิ้ว นางโบกมือให้คนของนางถอย แต่ลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้นกลับขยับตามติดมาพร้อมทั้งทำท่าว่าจะกระโจนใส่นาง ยามที่มู่จิ่นเตรียมจะแทงปลายกระบี่ไปที่พวกมัน พวกมันก็พุ่งเป้าหมายมาที่นางในทันที

“พี่หญิง!” หลินโม่วร้องออกมาด้วยความตกใจ มู่เหอและมู่จิ่นต่างขยับปลายกระบี่เพื่อจะคุ้มกันเจ้านายของตนแต่กลับช้าไปกว่าการลงมือของหลินเหม่ยเหยา ทันทีที่ลูกสุนัขจิ้งจอกทั้งสองถูกผงสีขาวที่นางสาดออกไปพวกมันก็ชะงักงันและแน่นิ่งไปในเฉียบพลัน

“พี่หญิงท่านฆ่าพวกมันทำไม” หลินโม่วเอ่ยพลางวิ่งเข้าไปพลิกร่างกายของลูกสุนัขสองตัวนั้นด้วยความเสียใจ แต่มู่เหอกับว่องไวกว่าเขารีบเข้าไปอุ้มร่างของเด็กชายให้พ้นจากวิถีโจมตีของแม่สุนัขจิ้งจอกที่กระโจนเข้ามาแล้วเห่ากรรโชกด้วยความดุร้าย แล้วมันก็เห่าหอนออกมาอย่างโหยหวนเมื่อเห็นว่าลูกๆ ของมันนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

“เป็นผู้ใดกันที่กล้าทำร้ายลูกสุนัขจิ้งจอกของข้า” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอำมหิตของคนที่เดินเข้ามาทำให้แม่สุนัขที่กำลังเห่าหอนอย่างบ้าคลั่งพลันตัวสั่นแล้วร้องครางออกมา หลินเหม่ยเหยาจ้องมองคนผู้นั้นด้วยสายตาตกตะลึงในใจก็ได้แต่ร่ำร้องว่า

'แย่แล้ว! ข้าล่วงเกินคนที่ไม่ควรจะล่วงเกินเข้าเสียแล้ว'

“ข้าไม่ได้ฆ่าพวกมัน ก็แค่สาดยาสลบใส่พวกมันเพียงเท่านั้น” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้หยางเจี้ยนก็หันไปส่งสายตาให้คนของตนเข้าไปตรวจสอบลูกสุนัขจิ้งจอกสองตัวนั้นในทันที

“เรียนคุณชายใหญ่ พวกมันแค่สลบไปจริงๆ ขอรับ” เมื่อคนของเขาเอ่ยเช่นนี้หยางเจี้ยนก็จ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาพินิจพิจารณาในทันที

“เจ้าเป็นคุณหนูของจวนใด เหตุใดจึงได้พกยาสลบติดตัวเช่นนี้” คำถามของเขาทำให้หลินเหม่ยเหยาเม้มปากแน่น ในชาติที่แล้วนางกับเขาแทบจะไม่เคยพบหน้ากัน แม้ว่าจะเคยได้พบกันแต่เขากลับมองเมินนางไปด้วยนางนับเป็นสหายสนิทของหยางสุ่ยเซียนผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาที่หยางเจี้ยนเกลียดชัง ดังนั้นนางจึงได้กลายเป็นบุคคลที่เขาเกลียดชังไปด้วย

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 81 ตอนพิเศษที่สอง ความในใจสวีหย่วน

    คุณหนูสกุลฉางกำลังจะแต่งงาน ข่าวนี้ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงต่างพากันแตกตื่นและก็พากันสงสัยว่าใครกันที่จะเป็นเจ้าบ่าวผู้โชคร้ายคนนั้น ที่น่าประหลาดใจก็คือใกล้จะถึงวันมงคลอยู่แล้วแต่จวนสกุลฉางกลับไม่ได้จัดเตรียมงานมงคล แต่จวนที่จัดเตรียมงานมงคลกลับเป็นจวนสกุลหยาง จึงมีหลายคนต่างพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าสาวอย่างฉางเจียกำลังจะแต่งออกจากจวนสกุลหยาง“เป็นเรื่องที่บ้าไปแล้ว ก่อนหน้านี้นางทำตัวหน้าไม่อายไปขอพักอาศัยที่จวนสกุลหยางก็เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่กล้าทำอยู่แล้ว แต่ยามนี้นางยังกล้าจัดงานพิธีส่งตัวขึ้นเกี้ยวที่จวนสกุลหยางอีกช่างเป็นสตรีที่ไร้ความเกรงอกเกรงใจเสียจริง” เสียงติฉินนินทาทำให้สวีหย่วนขมวดคิ้ว ในใจของเขารู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วที่ได้รู้ว่าฉางเจียกำลังจะแต่งงานกับผู้อื่น และยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้รู้ว่านางแต่งออกไปอย่างไม่ปกติ ในฐานะบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพฉาง แม้ว่าจะสิ้นไร้บิดาไปแล้วแต่นางก็ยังมีหน้ามีตามากเพียงพอที่จะแต่งออกจากจวนสกุลฉางโดยไม่อายผู้ใด แต่การที่นางแต่งออกจากสกุลหยางเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องที่ไม่ปกติเท่าใดนัก“ญาติผู้พี่ช่ว

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 80 ตอนพิเศษที่หนึ่ง ฉางเจีย

    ‘ข้าเคยพูดว่าเขาเป็นคนหน้าตาธรรมดาหรือ ข้าเคยพูดตอนไหนกันนะ’ นี่คือความคิดของฉางเจียหลังจากที่นางมอบถุงผ้าปักของตนเองให้สวีหย่วนเพื่อเป็นของแทนใจแต่กลับถูกเขาส่งคืนมาให้แถมยังบอกกับนางว่า“คุณหนูเคยเอ่ยกับข้าว่าข้าเป็นคนที่มีหน้าตาธรรมดา ดังนั้นคนที่มีหน้าตาธรรมดาเช่นข้าจึงไม่คู่ควรที่คุณหนูฉางจะมาชื่นชอบหรอก” คำตอบของเขาพร้อมกับถุงผ้าปักที่ถูกส่งคืนทำให้ฉางเจียยื่นนิ่งอยู่กับที่ด้วยความสับสนวุ่นวายใจ“คุณหนูพวกเรารีบกลับจวนกันเถิด หากมัวชักช้าจะมืดค่ำเอาได้นะเจ้าคะ” คำพูดของสาวใช้ทำให้ฉางเจียตื่นจากภวังค์ความคิดในที่สุด นางหันไปมองสวีหย่วนอีกครั้งด้วยความปวดใจแล้วจึงได้เดินทางกลับจวนของตนเองด้วยความเหม่อลอยสวีหย่วนคือชายหนุ่มที่มีอนาคตไกล มีอายุแค่เพียงยี่สิบต้นๆ เขาก็ได้เป็นเจ้ากรมอาญาแล้ว ส่วนนางเป็นสตรีที่กำลังจะพ้นวัยออกเรือนแล้ว เดิมทีนางไม่คิดว่าตนเองจะถูกใจบุรุษคนใดนอกจากญาติผู้พี่ของตนเองอีกแล้ว จวบจนนางได้เห็นเขาตอนที่กำลังแสดงฝีมือจับกุมคนร้ายนางจึงได้รู้ว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนที่มีความห้าวหาญไม่แตกต่างไปจากญาติผู้พี่ของนางเลย สายตาเย็นชาที่เขาใช้จ้องมองนางทำให้นางรู้สึกได้ว่า

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 79 บทสรุปของชีวิต

    ซ่งเสวี่ยหรงและกัวไป๋จิ้งถูกตัดสินประหารชีวิตในวันเดียวกัน คนสกุลกัวทั้งสกุลพลอยติดร่างไปด้วย ส่วนคนอื่นๆ ในสกุลซ่งได้รับการอภัยโทษและถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนตลอดชีวิต หวังจื่อเถียนทนรับความลำบากไม่ไหวแขวนคอตนเองตายไปในที่สุด หลินเหม่ยเหยารับฟังเรื่องราวเหล่านี้ด้วยจิตใจอันว่างเปล่า บุญคุณความแค้นในชาติที่แล้วยามนี้นางสามารถปล่อยวางลงได้แล้ว ยามนี้สิ่งเดียวที่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้ก็มีแค่เพียงลูกในท้องที่กำลังจะเกิดมาเพียงเท่านั้นปราบปรามกบฏและสยบเหตุการณ์ก่อจลาจลได้สำเร็จ หยางเจี้ยนก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไหวกั๋วกงสามารถเข้าเฝ้าได้โดยไม่ต้องคุกเข่าอีกทั้งยังสามารถพกอาวุธเข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นในได้อีกด้วย หลินเหม่ยเหยาจึงพลอยได้เป็นไหวกั๋วกงฮูหยินไปด้วย นางได้รับความริษยาจากบรรดาสตรีทั่วทั้งเมืองหลวง ไม่เพียงมีวาสนาที่ดีแต่ยังได้รับความรักจากสามีอย่างล้นเหลือจนทำให้ผู้อื่นอดริษยาไม่ได้ไหวกั๋วกงไม่เพียงกว้านซื้อกิจการร้านค้าให้นางอย่างใจกว้าง แต่ยังประกาศต่อหน้าธารกำนัลว่าชาตินี้จะไม่รับสตรีอื่นเข้าจวนอีก ดังนั้นหากผู้ใดกล้ายัดเยียดอิสตรีมาให้เขาก็จงเตรียมตัวรอรับการลงทัณฑ์จาก

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 78 กำจัดเศษขยะชิ้นสุดท้าย

    ยามที่หยางเจี้ยนขี่ม้าไปถึงจวนก็เห็นว่าคนของกรมอาญามาอยู่ที่จวนอย่างผิดปกติ เขารีบเดินไปลากคอของกัวไป๋จิ้งให้ลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็วในทันที โดยที่เขาไม่สนใจว่ากัวไป๋จิ้งตั้งหลักได้หรือไม่ ดังนั้นภาพที่ทุกคนเห็นก็คือแม่ทัพใหญ่หยางกำลังลากคุณชายกัวในสภาพเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือดเข้าไปในจวนสกุลหยาง“เหยาเหยา” เมื่อเข้าไปในจวนได้เขาก็ตะโกนเรียกชื่อของภรรยาในทันที ทำให้หลินเหม่ยเหยาที่กำลังมอบยาถอนพิษให้กับข้ารับใช้ภายในจวนต้องรีบเดินออกมาหาเขา“ท่านกลับมาแล้ว” หลินเหม่ยเหยาส่งเสียงทักทายเขาออกมาด้วยความยินดี เมื่อเขาเห็นนางก็เหวี่ยงกัวไป๋จิ้งให้สวีหย่วนที่กำลังยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แล้วก็รีบวิ่งไปดึงร่างของนางมาโอบกอดเอาไว้“เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของเขาทำให้หลินเหม่ยเหยารีบพยักหน้าแล้วเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงปลอบโยนเพื่อให้เขาสบายใจในทันที“ท่านวางใจได้ข้าไม่ได้เป็นอันใด บ่อน้ำที่ใช้ภายในจวนล้วนต้องผ่านการตรวจสอบจากคนของข้าที่นำมาจากร้านฝูโซ่วก่อน มีเพียงข้ารับใช้แค่เพียงไม่กี่คนเพียงเท่านั้นที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งดื่มน้ำในบ่อก่อนตรวจสอบ ก็เลยทำให้พวกเขาไ

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 77 จุดจบของจางซิงซิน

    ทางฝั่งของหยางเจี้ยนยามนี้เขากำลังไล่ล่ากวาดล้างคนของฉินอ๋องที่ซุกซ่อนอยู่ในต่างเมือง ความวุ่นวายในเมืองหลวงมีคนของกรมอาญาและจิ่นหรงคอยดูแลความสงบเรียบร้อย ส่วนเขานำกองกำลังอีกส่วนหนึ่งคอยติดตามจับกุมกัวไป๋จิ้งและจางซิงซิน“จางซิงซินหากเจ้ายินยอมมอบตัวแต่โดยดี ข้าก็ยินดีที่จะไว้ชีวิตบุตรชายที่พึ่งจะคลอดออกมาของเจ้า” หยางเจี้ยนที่ในยามนี้นำกองกำลังส่วนหนึ่งล้อมรอบบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง“หากเจ้าไม่ยินดีจะมอบตัววันนี้ข้าคงทำได้แค่เพียงต้องจบชีวิตของพวกเจ้าสองแม่ลูกในกองเพลิงเพียงเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้จางซิงซินค่อยๆ อุ้มห่อผ้าออกมาจากบ้านหลังนั้น สภาพเนื้อตัวของนางไม่หลงเหลือเค้าความงามอีกต่อไปแล้ว เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและเก่าคร่ำคร่า ร่างกายที่พึ่งจะคลอดบุตรได้ไม่นานแต่กลับไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างที่ควรจะเป็นทรุดโทรมจนแทบจะเดินไม่ไหว นางไม่มีทางเลือกมากนักเพราะคนที่หลบอยู่ในบ้านหลังนั้นสั่งให้นางอุ้มลูกออกมามอบตัว ไม่เช่นนั้นพวกนางสองแม่ลูกก็จะถูกพวกเขาฆ่าทิ้งเช่นเดียวกัน นางจึงทำได้แค่เพียงอุ้มทารกน้อยออกมามอบตัวด้วยสภาพสิ้นไร้หนทาง“ท่านแม่ทัพได้โปรด

  • ขยะผู้นี้ข้ายกให้เจ้า   บทที่ 76 ตั้งครรภ์

    ฉางเจียไม่สนใจคำครหาของผู้คน นางเข้ามาอยู่ในจวนสกุลหยางราวกับที่นี่เป็นจวนของตนเอง ที่สำคัญนางเฝ้าติดตามหลินเหม่ยเหยาราวกับเงา แต่หลินเหม่ยเหยากลับไม่ได้รังเกียจนางอีกทั้งยังอยู่ร่วมกับฉางเจียราวกับว่านางคือพี่สาวน้องสาวคนหนึ่ง ซ่งเสวี่ยหรงทนได้รับการสอบสวนจากกรมอาญาไม่ไหวยอมรับสารภาพออกมาว่าเขาได้รับการติดต่อจากกัวไป๋จิ้งให้หาวิธีเข้าไปวางยาพิษเสวียนหมิงหลงฮ่องเต้ แต่เพราะช่วงนี้เขาถูกขับออกจากสำนักแพทย์หลวงทำให้เขาต้องยื่นข้อต่อรองขอให้กัวไป๋จิ้งหาวิธีให้เขาได้กลับเข้าไปทำงานในสำนักแพทย์หลวงอีกครั้งกัวไป๋จิ้งจึงสั่งให้เขาสังหารอนุจากสกุลหยางของตนเองก่อนเพื่อที่จะได้เอาอกเอาใจคนสกุลหวัง แล้วหลังจากนั้นกัวไป๋จิ้งจะไปช่วยพูดกับคนสกุลหวังเพื่อช่วยเขา ช่วงนี้กัวไป๋จูกำลังตั้งครรภ์อยู่แม้ว่านางจะมีฐานะแค่เพียงอนุ แต่ทารกที่อยู่ในครรภ์ของนางถือเป็นหลานคนแรกของท่านเสนาบดีหวัง กัวไป๋จิ้งจึงตั้งใจจะใช้การตั้งครรภ์ของน้องสาวเป็นสะพานให้ตนเองตีสนิทกับสกุลหวังและตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยพูดกับท่านเสนาบดีหาวิธีผลักดันซ่งเสวี่ยหรงด้วย ซ่งเสวี่ยหรงเกรงว่ากัวไป๋จิ้งจะเปลี่ยนใจ เขาจึงได้เก็บจดหมายที่ใช้ต

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status