วันถัดมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องส่วนตัวของหมอซางรัวสนั่น ดูเหมือนว่าคนที่ยืนเคาะอยู่ข้างนอกกำลังร้อนรุ่มใจ จนคุณหมอหนุ่มหน้าเข้มต้องช้อนสายตาขึ้นมาที่ประตูห้องแล้วเอ่ยอนุญาต "เข้ามา" เสียงสนรองเท้ากระแทกลงที่พื้นบ่งบอกว่าคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นเร่งรีบขนาดไหน "พี่ซาง พี่คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยอมหมั้นกับยายมารร้ายนั้นได้" เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกความไม่พอใจถึงขีดสุด ทำให้หมอซางที่กำลังจะตรวจเอกสารต้องวางทุกอย่างลง แล้วถอนหายใจยาวจ้องมองใบหน้าสวยของน้องสาวไม่ลดละ "เธอคิดว่าพี่ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอ ที่ต้องยอมเพราะพี่ไม่มีทางเลือกพ่อจะไม่สนับสนุนโรงพยาบาล คนที่เดือดร้อนคือพี่" "ทำไมพ่อร้ายขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าพี่ไม่ได้รักยัยปากแดงลี่ถิงสักหน่อย" "ช่างเถอะก็แค่หมั้นกันไว้ยังไม่ได้แต่ง" "เพราะพี่หยางคนเดียวที่ทำให้พี่เดือดร้อนแบบนี้" "เอาเถอะน่ะ คงเป็นกรรมของพี่เองแหละ" พอหมอซางพูดแบบนั้น ซูซ่านก็ทำหน้ามุ้ยลงทันที ก็แน่แหละเธอไม่ชอบจางลี่ถิงและไม่อยากให้พี่ชายเพียงคนเดียวต้องมาชีวิตกับคนพรรค์นั้น เวลาเดินทางมาสักพักใหญ่หลังจากที่นั่งคุยกับพี่ชายแล้ว ซูซ่านก็ขอตัวกลับแต่เธอไม่ได้กลับมาที่บริษัทหรอกนะ สถานที่ที่เธอไปก็คือโรงแรมของตระกูลกู้ เพราะคนที่เธออยากระบายความในใจมากที่สุดก็คือตงฉิน เมื่อมาถึงโรงแรมก็ขอพบผู้บริหาร ไม่นานเกินรอเลขาของตงฉินก็พาเธอไปที่ห้องทำงานของเขา "ลมอะไรหอบเธอมาถึงที่นี่" ยังไม่ทันได้เชิญแขกที่มาขอพบนั่งลง ตงฉินก็ยิงคำถามเสียก่อน แต่คนอย่างซูซ่านก็ไม่รอช้าที่จะเปิดประเด็นเรื่องที่อึดอัดภายในใจ "พี่รู้หรือเปล่า ว่าพี่ชายของพี่ทำให้พี่ซางเดือดร้อน" คำพูดของซูซ่านทำเอาตงฉินต้องวางทุกอย่างไว้ตรงนั้น เรื่องที่น้องสาวเพื่อนมาแผดเสียงจนหนวกหูน่าจะเป็นเรื่องงานหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้น "อันที่จริงมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับพี่ใหญ่หรอกนะ แต่เพราะตระกูลจางไม่มีทางเลือกพี่ชายเธอถึงได้ถูกดึงเข้าไปร่วมในเกมนี้ต่างหาก" "พี่ซางเป็นเพื่อนพี่นะ พี่จะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ" "เธอจะให้ฉันทำอะไรล่ะ" "ไปบอกพี่ชายพี่ให้เลิกกลั่นแกล้งครอบครัวยัยลี่ถิงซะ ก่อนที่จะมีงานหมั้น" "ฉันบอกไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งกับพวกเขา" "พี่ฉิน พี่มันก็เหมือนพี่ชายพี่ไม่มีผิด ใจร้ายที่สุด" เหวี่ยงอารมณ์ใส่ตงฉินแล้วก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ทำเอาตงฉินขมวดคิ้วเข้าหากัน แม้ว่าจะแอบเห็นใจเพื่อนแต่เรื่องนี้ตัวเองก็บอกแล้วว่าจะไม่ยุ่ง ก็คงต้องปล่อยให้หมอซางจัดการเอง #หลายวันต่อมา ต่างฝ่ายก็คงต่างยุ่งลี่ถิงเองก็ไม่ได้ไปพบหมอเพราะเธอคิดว่าไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องไปพบ อีกทั้งงานของเธอก็เร่งมากไม่อยากให้พลาดแม้แต่นิดเดียว ส่วนหมอซางก็คงไม่ต่างกันมากนัก งานที่โรงพยาบาลล้นมือไปหมดไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น คงมีแต่ซูอันที่จับตามองเด็กทั้งสอง และรู้สึกว่าลูกชายเองก็ไม่ให้ความสนใจลี่ถิงเท่าไรนัก คำสั่งของเขาเลยเกิดขึ้น #โรงพยาบาล "พ่อมาได้ยังไงครับ" ระหว่างที่หมอซางออกมาจากห้องตรวจก็กลับมาที่ห้องพักปกติ แต่สิ่งที่เห็นคือ ชายวันหกสิบนั่งรออยู่ที่ห้อง "หากไม่มาช่วงนี้ก็คงไม่เห็นแก เพราะแกเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่โรงพยาบาล" "พ่อมีอะไรหรือเปล่า" "ช่วงนี้ แกได้ติดต่อหนูถิงถิงบ้างหรือเปล่า" หมอซางเงียบก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเธอด้วยเรื่องอะไร อีกอย่างมันไม่สำคัญมากพอสำหรับเขา "พ่อพูดธุระของพ่อมาเถอะ ว่ามีอะไร" "ฉันอยากให้แกไปหาลี่ถิงที่ห้องเสื้อ" "ทำไมครับ" "ปล่อยไว้นานแบบนี้ แกก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง ไหน ๆ ลี่ถิงก็เปิดห้องเสื้อแล้วพวกแกก็ทำการตัดชุดเข้าพิธีงานหมั้นเลยแล้วกัน" "อะไรนะครับ" "ฉันคุยกับจางเอินแล้วทางนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะเขาเป็นผู้หญิง ฉะนั้นแกควรจะไปหาลี่ถิงวันนี้ แล้วคุยกับน้องซะ" "แต่ช่วงนี้ผมงานยุ่ง อีกอย่างเธอเองก็น่าจะยุ่งด้วย" "ยุ่งแค่ไหนก็ต้องสละเวลา ทำตามที่ฉันสั่ง" หมอซางอยากจะขัดใจพ่อใจแทบขาด หากไม่ใช่งานที่รักค้ำคออยู่ละก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมทำตามเด็ดขาด ซูอันเดินออกจากห้องพร้อมคนสนิทสายตาของเขาก็มองอย่างไม่ลดละเมื่อพ่อพ้นสายตาก็หย่อนสะโพกลงนั่งที่เก้าอี้ พร้อมเสียงถอนหายใจพรืดใหญ่ มืออีกข้างก็ยกขึ้นมากุมขมับนวดคลึงให้หายเครียด จนร่างเล็กของหมอหลันเดินเข้ามา "หมอซางเป็นอะไรคะ" หมอหนุ่มช้อนสายตาขึ้นมามองคนตรงหน้า จากนั้นก็ยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ "เปล่าหรอกครับ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย" "งั้น หลังเลิกงานเราไปหาอะไรดื่มเย็น ๆ ดีไหม" "วันนี้ท่าจะไม่สะดวก ผมเองพึ่งมีนัดเอาไว้วันหลังแล้วกันนะครับ" "อ้อ ค่ะ" แม้จะเป็นการปฏิเสธที่อ่อนโยนแต่มันก็ทำให้ใบหน้าของหมอหลันเหวอไปเล็กน้อย พักหลังมานี่หมอซางดูเครียดมาก แถมเขาดูเหินห่างกว่าที่เป็นอีกด้วยริมฝีปากหว่านพรมไปทุกสัดส่วน อีกมือก็ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อ จนลิ้นอุ่นเลียมาถึงยอดเชอรี่สีหวานก่อนจะดูดดึงหนัก ๆ "อ๊ะ" ร่างกายของเธอสะดุ้งตามเล็กน้อยยอดดอกชูชันขึ้นมาราวกับรอคอยการปลุกเร้า แค่เห็นอย่างนั้นก็เพิ่มอารมณ์ชายในร่างได้เป็นอย่างดีมือหนาเริ่มไล่ระดับต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเนินอวบอิ่ม เพียงแค่เขาสัมผัส เธอก็สะดุ้งตัวตามแล้ว"ฮึก อ๊า หมอซาง" เธอรู้สึกอายแต่วินาทีนี้ไม่อาจจะข่มใจได้ คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจปรารถนาแค่สัมผัสจุดอ่อนไหวก็รับรู้ได้ว่า ความต้องการของเธอมันถึงขีดสุด น้ำสีเหลวไหลออกมาจนชุ่มราวกับน้ำหล่อลื่นชั้นดี รู้ทั้งรู้ว่าเธอต้องการมันมากแค่ไหนแต่เขาก็เหมือนจะแกล้งเธออยู่ร่ำไป หมอซางไม่ได้สอดอวัยวะที่พองโตเต็มที่เข้าไปสัมผัส แต่กลับใช้เพียงนิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปสำรวจ"อ๊ะ" ภายในอุ่นอย่างบอกไม่ถูกแถมมันยังหดเกร็งบีบรัดนิ้วมือเขาแน่น ทำเอาความรู้สึกชายตอนนี้มันวิ่งพล่าน จนต้องกัดฟันแน่น"อื้อ อืม ตรงนั้น มัน " เธออยากบอกว่าเสียวซ่านใจแทบขาดเพียงแค่นิ้วเรียวของเขาแทรกลึกลงไปพร้อมทั้งขยับเข้าออกเบิกทางให้รับท่อนเอ็นที่แข็งขืนตอนนี้เสียงเปียกลื่นของเหลวจากเรีย
หมอซางตามฉีเกอมาทางห้องน้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเขากำลังพยุงร่างของจางลี่ถิงให้ลุกขึ้นเหมือนเตรียมท่าจะออกไปจากตรงนี้เห็นท่าว่าจะไม่ดี จริงอยู่ว่าหมอไม่ชอบเธอเท่าไรนักแต่ก็ไม่อาจจะทนเห็นเธอตกอยู่ในอันตรายได้ "ขอโทษนะครับ" ฉีเกอหันมามองตามเสียงเพียงแค่เห็นหมอซางใบหน้าเขาก็ซีดเผือดขึ้นทันที"หมอซางคุณก็มาที่นี่ด้วยเหรอ""ผมมารับเธอกลับบ้าน" ลี่ถิงในตอนนี้เธอดูหื่นหอบเริ่มเม้มริมฝีปากแน่น หมอซางเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจจากนั้นก็รีบไปดึงตัวเธอมาซบที่อกตัวเอง"เอ่อ งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน" ฉีเกอคงรู้ชะตาตัวเอง หากฝืนอยู่นานมีหวังถูกจับได้ว่าตัวเองเป็นคนวางยาจางลี่ถิงหมอซางพาจางลี่ถิงมาที่รถระหว่างที่พยุงร่างของเธอแทรกเข้าไปในนั้น ลี่ถิงก็ดึงหมอมาจูบอย่างชนิดที่ว่าห้ามตัวเองไม่อยู่ฮึก"ทำบ้าอะไรของเธอ" หมอซางตั้งสติได้รีบผละใบหน้าออกมายืนตัวตรง ในขณะที่ร่างของลี่ถิงอ่อนปวกเปียกดวงตาฉ่ำปรืออยู่แบบนั้น"หมอช่วยฉันด้วย" เธอรู้ว่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้ร่างกายมันร้อนผ่าวไปหมด ส่วนหมอซางก็รู้ว่าเธอโดนวางยาจริง ๆ เมื่อยืนมองอยู่สักพักก็รีบขึ้นไปที่ฝั่งคนขับเคลื่อนรถออกจากที่ วินาทีที่คิดอะไร
"หมอซางนั่นคู่หมั้นนายหรือเปล่า" หนึ่งในเพื่อนหมอทักขึ้นเมื่อเห็นร่างอรชรในชุดเกาะอกสีแดงกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนของเธอ ทำเอาหมอซางต้องหันมามองจากนั้นก็หลบสายตาไป เหมือนกับว่าหมอไม่ได้เห็นความสำคัญเธออยู่แล้ว"นายจะไม่เข้าไปทักเธอหน่อยเหรอ""คงไม่จำเป็น อีกอย่างเธอก็มากับเพื่อน" ช่างเป็นคู่หมั้นที่ไม่เหมือนคู่อื่น ๆ สักนิดสิ่งที่หมอแสดงออกตอนนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานต้องหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ส่วนหมอหลันเธอไม่รู้หรอกว่าสาเหตุที่แท้จริงที่หมอซางยอมหมั้นเพราะอะไรกันแน่อย่าว่าแต่กลุ่มของหมอซางที่เห็นจางลี่ถิง หนิงเอ๋อก็ตาดีไม่ใช่หน่อยขนาดไฟสลัววิ๊บวั๊บก็ยังอุตส่าห์เห็นหมอซางหน้าหล่อนั่งอยู่"ถิงถิง นั่นคู่หมั้นเธอไม่ใช่หรือไง" หนิงเอ๋อโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อน ทำให้จางลี่ถิงต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเขาจริง ๆ เธอก็หันกลับมาพร้อมกระซิบตอบเพื่อน"ช่างเขาเถอะ เขาเองก็คงไม่สนใจฉันหรอกเราต่างคนต่างมาอย่าไปสนใจเขาเลย" เมื่อพูดแบบนั้นก็ยกค็อกเทลขึ้นมาจิบ โดยไม่สนใจหมอซางที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่งเวลาผ่านไปสักพักจางลี่ถิงดูท่าจะได้ที่แอลกอฮอล์ในร่างเริ่มทำงาน ดวงตาเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยจนเธ
ไม่เสียแรงที่หมอซางได้พยายามทำงานวิจัยเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรคไม่ได้จนได้รับคัดเลือกไปฝึกอบรมยังโรงพยาบาลต่างอำเภอต้องเรียกว่าแหล่งชนบทเป็นระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ แต่การไปครั้งนี้หมอไม่ได้ไปคนเดียวทางโรงพยาบาลยังส่งหมอมู่หลันไปกับหมอซางด้วย ทำให้เรื่องนี้ถึงหูลี่ถิงในฐานะคู่หมั้นในขณะที่ร่างอรชรกำลังยืนตรวจความเรียบร้อยของหุ่นภายในร้าน ที่พึ่งได้เสื้อผ้าตัวใหม่มาโชว์ เสียงฝีเท้าของใครสักคนก็เดินเข้ามา พร้อมเสียงที่โพล่งขึ้นชัดเจน"ถิงถิง""แม่ มาได้ยังไงคะ" เธอหันมาแล้วก็รีบถามด้วยความสงสัย ปกติแม่ของเธอจะไม่ค่อยมาหาที่ร้าน แต่วันนี้แม่ดันมาแสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอน"ก็พ่อของลูกนะสิ ได้ข่าวมาว่าหมอซางจะไปอบรมที่ชนบท อีกอย่างต้องไปกับหมอผู้หญิงด้วย พ่อคงไม่ไว้ใจ""อย่าบอกนะคะว่า ที่แม่มาเพราะอยากให้หนูไปกับเขา หนูไม่ว่างหรอกค่ะ อีกอย่างอาทิตย์นี้เขาจะมีงานแฟชั่นโชว์หนูต้องไปดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า""แต่""แม่คะ หมอซางเขาไม่สนใจหนูด้วยซ้ำหมั้นกันมาก็หลายวัน ตั้งแต่วันหมั้นเขาไม่เคยโผล่หัวมาเลย อีกอย่างนะหนูเองก็ไม่ได้ชอบอะไรหมอซางนั่น ที่ต้องทำเพราะหนูรู้สึกผิด แม่หากหนูกอบก
#งานหมั้นไม่คิดเลยว่าเวลาจะเดินทางมาเร็วขนาดนี้ เพียงสองอาทิตย์ที่ลี่ถิงได้ทำงานที่ตัวเองรักเกือบเสร็จและยังทำการตัดเสื้อผ้าตัวเองและเสื้อผ้าหมอซาง เพื่อที่ใช้ในพิธีหมั้นจนเสร็จบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ระดับสองตระกูลดังเกี่ยวดองทั้งที มีหรือจะไม่ใหญ่โตจางลี่ถิงสวมชุดกี่เผ่าสีแดงม้วนผมปักเครื่องประดับด้วยมุข แม้จะดูเรียบแต่เธอก็ยังสวยสง่าดั่งนางพญาก็ว่าได้ ปากที่แดงเข้ากับชุดบวกกับผิวที่ขาวดุจไข่มุกมันยิ่งส่งเสริมกันไม่น้อย ส่วนหมอซางเขาเองก็อยู่ในชุดกึ่งสมัยนิยมสวมเสื้อสูทสีอ่อนดูหล่อสง่าเช่นกันทั้งคู่ยกน้ำชาตามประเพณีมีสวมแหวนเพชรเม็ดงาม แต่เชื่อเถอะว่าคู่บ่าวสาวคู่นี้ไม่มีแม้รอยยิ้มใด ๆ หากจะบอกว่าเขาทั้งสองไม่เคยสร้างความหวานใด ๆ เหมือนคู่อื่นก็น่าจะถูก มีแต่รอเวลาที่จะหมั้นให้เสร็จ ๆ ไปก็เท่านั้นเอง"นี่ยายแจ๋น งานหมั้นพี่ชายทั้งทีทำไมไม่ยิ้มหน่อยละ" คนที่ถือแก้วไวน์เดินเข้ามาคุยกับซูซ่านก็คือตงฉิน แน่นอนว่าเขาได้รับเชิญในนามตระกูลกู้ ส่วนตงหยางคงไม่ต้องบอกแม้เชิญเขาก็ไม่มา อีกอย่างตระกูลซูก็รู้ดีว่าระหว่างตระกูลจางกับตงหยางมีปัญหากันอยู่"จะให้ฉันยิ้มได้ยังไง คนที่ย
ห้องเสื้อLEETHINGเย็นของวันนี้ขณะที่ลี่ถิงกำลังง่วนอยู่กับแบบร่างเสื้อผ้าที่เธอเองต้องรับผิดชอบ หญิงสาวขะมักเขม้นอย่างตั้งใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานชิ้นนี้จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเธอกลับมาได้เช่นกันระหว่างนั้นเองชิงชิงเด็กในร้านก็เดินเข้ามาพร้อมประโยครายงานที่ราบเรียบ"คุณลี่ถิงค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ""ใคร""ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ แต่ท่าทางดูดีหล่อด้วยค่ะ" ประโยครายงานของพนักงานในร้านทำเอาลี่ถิงย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ปกติแล้วเธอไม่เคยมีแขกผู้ชายมาขอพบ หากจะมีก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าของทางร้านเมื่อวางทุกอย่างที่ถืออยู่ไว้แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าออกไปจากห้องส่วนตัว แต่ชายร่างสูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าหันหลังให้เธออยู่นั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นเขา หมอซาง"คุณมาทำอะไรที่นี่" ประโยคแรกของลี่ถิงทำเอาหมอซางที่ยืนหันหลังอยู่ต้องหันหน้ามามอง"นี่เป็นประโยคเด็ดของทางร้านงั้นเหรอ ปกติเขามีแต่ยินดีที่ลูกค้าเข้าร้าน" คำพูดที่แสนเย็นชาบวกกับใบหน้านิ่งสนิท ทำเอาลี่ถิงต้องยกมือมากอดอกตนเองไว้แน่น มองเขาด้วยความสงสัย"พ่อฉันบอกว่าให้มาตัดชุดวันงานหมั้น""ตัดชุด?" ลี่ถิงถามย้ำอีกครั้ง เธอแปลกใ