LOGINเขาไม่คิดจะรัก แต่เมื่อเธอจากไป เขากลับไม่ยอมปล่อย เขาฉุดรั้ง ดึงเธอกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง พันธนาการเธอไว้ด้วยความรักในวันที่เธอไม่ต้องการ “แต่งแล้วจะหย่าเมื่อไหร่” สองขาที่กำลังก้าวเดินชะงักกึกกับคำถามที่ถูกโพล่งออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เงยหน้าขึ้นสบตากับนัยน์ตาสีมรกตที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว “คะ?” เอ่ยถามซ้ำ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า “เธอคงไม่คิดจะแต่งงานกับฉันไปตลอดหรอกใช่ไหม” ดารินทร์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เจ็บไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว คล้ายกับถูกผลักลงไปในเหวลึก ใจวูบโหวงจนต้องขบริมฝีปากแน่นเพื่อดึงสติ เธอก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้องแต่งงานกับเขาไปตลอดชีวิต แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเรื่องหย่าออกมาได้อย่างง่ายดายทั้ง ๆ ที่แต่งงานกันยังไม่ทันข้ามวัน “ค่ะ รินไม่คิดจะแต่งงานกับคุณไปตลอดหรอกค่ะไม่ต้องเป็นห่วง” ตอกย้ำว่าให้ตายยังไง รอยด์ก็คงไม่มีวันรักเธอ... ไม่แม้แต่...คิดจะรัก “งั้นก็ดี ครบหนึ่งปีเมื่อไหร่ ช่วยไปบอกพ่อให้ด้วยว่าเธออยากหย่า”
View Moreบทนำ
คล้ายกับกลิ่นขนมคละเคล้ากับกลิ่นดอกไม้ระเหยมาให้ได้กลิ่นยามไล้ปลายจมูกไปตามผิวเนื้อนุ่ม กรามแกร่งบดเข้าหากันแน่นก่อนนัยน์ตาสีมรกตจะฝืนมองคนใต้ร่าง แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่าเบลอ...
อาจเป็นเพราะแอลกอฮอล์และฤทธิ์ยาทำให้เขาไม่มีสติมากนัก รับรู้เพียงแค่ว่าคนใต้ร่างเขาเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาว แล้วก็ตัวหอมมาก ไม่ว่าจะจับไปตรงไหนก็นุ่มละมุนมือไปหมด เอวคอดเล็กรับกับมือเขาอย่างพอเหมาะราวกับถูกสรรค์สร้างมาเพื่อเขา
ทั้ง ๆ ที่ควรสงสัยว่าใครที่มานอนระทวยอยู่ใต้ร่างแบบนั้น แต่เพราะแทบจะไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกาย รอยด์ก็เลือกที่จะสลัดความคิดที่จะหาคำตอบทิ้งไป
บางทีอาจจะเป็นผู้หญิงสักคนที่ลูกน้องเขาหามาให้...
เรียวปากร้อนชื้นก้มลงไปครอบครองอวัยวะเดียวกัน บดเคล้าคลอเคลีย ใช้ชั้นเชิงที่มากล้นบังคับให้อีกฝ่ายเผยอริมฝีปากออกก่อนจะแทรกเรียวลิ้นร้ายกาจเข้าไปควานหาความหวาน
รสหวานหอมคล้ายกับคาราเมลติดปลายลิ้น ยิ่งจูบก็ยิ่งมัวเมา เรียวปากร้อนชื้นลากไล้ไปทั่วผิวเนื้อนวล ฝากรอยจูบสีกุหลาบไว้ในทุก ๆ จุดที่เรียวปากลากผ่าน
อึดอัดจนอยากระบายเสียเดี๋ยวนี้...
ฝ่ามือร้อนผ่าวลากไล้ไปทั่วร่างนุ่มก่อนปลายนิ้วสากระคายจะเกี่ยวสายชุดเดรสตัวสวยให้พ้นจากหัวไหล่มน บีบคลึงไหล่เล็กเบา ๆ จากนั้นชุดเดรสตัวสวยก็ถูกถอดทิ้งออกจากร่างงาม
ชายหนุ่มหยัดกายขึ้น เสื้อเชิ้ตเนื้อดีถูกถอดทิ้งตามไป ตามด้วยพันธนาการทุกชิ้นบนร่างแกร่ง ร่างเปลือยเปล่าสองร่างแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง เนื้อตัวเสียดสีกันจนร้อนผ่าว รอยด์ทั้งตักตวงและปรนเปรอจนได้ยินเสียงครางหวาน ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากนุ่ม
แม้แต่เสียงก็ยังเพราะ...
มือหนาตรึงมือเล็ก ๆ ที่เอาแต่ทุบอกเขาไว้กับเตียงก่อนประสานนิ้วเข้าไป กดมือเล็กให้จมลงกับเตียงยิ่งกว่าเก่า เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ความแข็งขืนแทรกเข้าไปในความอ่อนนุ่มดุจกำมะหยี่...
มันทั้งอุ่นร้อนและบีบรัด คับแน่นจนแทบขยับตัวไม่ได้
“เจ็บ...”
“...”
“ฮึก...”
“...”
“เบาหน่อยได้ไหมคะ...”
เสียงหวาน ๆ ดังผะแผ่วเข้ามาในโสตประสาท สะโพกสอบจึงปรับเปลี่ยนจากจังหวะหนักหน่วงเป็นช้าลงตามคำประท้วง จากนั้นเสียงครางหวาน ๆ ก็ดังแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง
คราวนี้ภาพตรงหน้าเริ่มมองเห็นชัดขึ้นและเด่นชัดยิ่งกว่าครั้งไหน...
“เธอ...”
นัยน์ตาสีมรกตวาววับ คาดไม่ถึงว่าคนใต้ร่างจะเป็นผู้หญิงคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นความอ่อนนุ่มที่บีบรัดเป็นจังหวะก็ทำเอาเขาแทบคลั่ง
“ดารินทร์...”
“อื้อ! คุณรอยด์ พอแล้ว...”
“บ้าฉิบ!”
รอยด์ชันกายขึ้นพิงกับหัวเตียง ยกมือขึ้นเสยเรือนผมหนัก ๆ พลางกวาดตามองรอบกาย แสงแดดสาดกระทบกับผ้าม่านสีขาวอันแสนคุ้นตา
เขานอนอยู่ในห้องนอนของตัวเอง...
และภายในห้องก็ไร้วี่แววของคนอื่นนอกจากเขา เอื้อมมือออกไปสัมผัสที่นอนข้างกายราวกับต้องการพิสูจน์ ที่นอนเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับฝ่ามือ เป็นสิ่งยืนยันชั้นดีว่าคงไม่มีใครนอนร่วมเตียงกับเขา วูบหนึ่งที่รู้สึกอึดอัดจนแปลกใจตัวเอง
เมื่อคืนเขาฝันอะไรบ้า ๆ ฝันว่าตัวเองนอนกับผู้หญิงที่ตัวเองตั้งแง่ใส่อย่างดารินทร์…
เขาคงบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ฝันอะไรแบบนั้น รอยด์สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว ก่อนจะวาดขาลงจากเตียง แต่แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับอะไรสักอย่างตรงข้างหมอนจนต้องหยิบมันขึ้นมาพิจารณาดูใกล้ ๆ
ต่างหูรูปดอกไม้อันเล็กที่ดูยังไงก็เป็นของผู้หญิง ประดับเพชรอย่างสวยงามชนิดมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเพชรน้ำดีและในรัสเซียพูดได้เลยว่ามีไม่กี่เหมืองที่ขุดได้เพชรน้ำงามขนาดนี้
นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองอยู่ชั่วครู่ ฝ่ามือใหญ่เผลอกำเข้าหากันแน่นราวกับต้องการบีบต่างหูชิ้นเล็กให้แหลกคามือ...
บทที่ 8“เธอคงทำความสะอาดดีมาก...”เสียงหนักเอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการให้คำพูดสลักลึกเข้าไปในห้วงความคิดของคนฟังดารินทร์กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อดึงสติของตัวเองให้คืนกลับมา เหตุการณ์นั้นมันเด่นชัดในความทรงจำ ชนิดที่สลัดยังไงก็ลบเลือนไม่ได้“มันถึงตกอยู่บนเตียงของฉันได้ ว่าไหม?”ดวงตากลมโตหลุบสายตาลงต่ำทันควัน เรียวปากงามก็เม้มแน่นจนแทบจะเป็นเส้นตรงคืนนั้นหลังจากรอยด์หลับสนิท เธอก็รีบพาร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองออกมาจากห้องอย่างทุลักทุเล เลือกที่จะเก็บงำเรื่องราวในคืนนั้นเอาไว้ ไม่อยากนึกถึง ตื่นเช้ามาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช้ชีวิตอย่างปกติราวกับว่าเรื่องในคืนหวามนั้นเป็นดั่งฝันไปเธอรู้ว่ารอยด์เมามากจนแทบไม่มีสติ เพราะถ้าเขามีสติสัมปชัญญะเต็มร้อย คงไม่มีทางที่เหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นเธอไม่นึกปรารถนาให้รอยด์รู้ด้วยซ้ำว่าเธอนอนกับเขา เพราะถ้าเขารู้ ก็คงไม่แคล้วถูกเข้าใจผิดว่าตั้งใจจะจับเขาแน่ ๆ แค่ถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับเธอ รอยด์ก็แทบจะไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลยด้วยซ้ำเรื่องคืนนั้น... มันก็ไม่ต่างอะไรจากความผิดพลาดที่เธอเองก็ไม่อยากนึกถึง เกลียดตัวเองที่ใจง่ายและไร้ยางอายที่ป
บทที่ 7ดารินทร์หูอื้อตาลาย เรี่ยวแรงที่เคยมีเหมือนโดนสูบหาย ร่างกายอ่อนระทวยจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จักวูบไหวอยู่ตรงช่องท้องคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทั่วร่างรอยด์ปล่อยข้อมือเล็กของเธอให้เป็นอิสระ วูบหนึ่งที่เธอใจชื้น หมายจะรวบรวมแรงอันน้อยนิดผลักไสชายหนุ่มออกไป แต่เพียงแค่ฝ่ามือร้อนผ่าวบีบเคล้นไปทั่วร่างพร้อมกับเรียวปากร้อนชื้นลากไล้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น ฝากรอยจูบสีกุหลาบไว้ในทุก ๆ จุดที่เรียวปากลากผ่าน สมองเธอก็ว่างเปล่าอีกครั้ง…รู้ทั้งรู้ว่าหากปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดารินทร์นึกเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถขัดขืนชายหนุ่มได้อย่างใจคิด เกลียดร่างกายตัวเองที่มันเหมือนจะไม่ปฏิเสธสัมผัสจากรอยด์หนำซ้ำยังโอนอ่อนผ่อนตามไม่ต่างอะไรจากขี้ผึ้งลนไฟไม่ว่าเขาจะจับ...จะจูบตรงไหน ร่างกายเธอก็อ่อนระทวยไปกับสัมผัสเขาเสียหมดสายชุดเดรสตัวสวยหลุดจากหัวไหล่มน ฝ่ามือหยาบบีบคลึงหัวไหล่เปลือยเปล่า ก่อนเรียวปากร้อนชื้นจะพรมจูบไปทั่วเนินอกอวบอิ่ม มือหนาดึงทิ้งชุดเดรสได้ก็ร่นลงมากองอยู่ตรงเอวคอดชวนให้หวามไหวไปทั่วร่างปลายนิ้วสากระคายปัดผ่านไปทั่วบราเซียร์สีหวาน
บทที่ 6ดูจากการที่รอยด์ทิ้งตัวขนาดนี้ ดูท่าแล้วรอยด์คงดื่มหนักเกินไปจริง ๆ ดารินทร์ช่วยประคองคนเมาไปยังห้องนอน แม้จะทุลักทุเลแต่ก็ถือว่าสำเร็จไปด้วยดีดารินทร์มองสีหน้าการ์ดคนสนิทของรอยด์ที่ดูจะเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน‘คุณมาเธียสไปพักผ่อนเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว เดี๋ยวรินช่วยดูคุณรอยด์ให้เองค่ะ’ราวกับแม่พระมาโปรด มาเธียสส่งยิ้มมาให้อย่างขอบคุณ‘ขอบคุณคุณรินมากนะครับ ผมเองก็ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน’‘ห้องครัวมีน้ำอุ่นอยู่นะคะ แวะดื่มสักแก้วก่อนนะคะ จะได้รู้สึกดีขึ้น’‘ขอบคุณมากครับ’คล้อยหลังการ์ดคนสนิทลับสายตาไป ดารินทร์ก็หันกลับมาสนใจคนเมาบนเตียงต่อ‘อือ...’รอยด์ครางในลำคอเบา ๆ พลางดึงทึ้งเนกไทออกจากลำคอคล้ายกับรำคาญ ดวงตากลมโตมองคนบนเตียงอยู่ครู่ใหญ่ อดไม่ได้ที่จะช่วยถอดเนกไทออกจากลำคอให้ เพราะขืนให้รอยด์ถอดเอง คืนนี้ก็คงไม่เสร็จแน่ ๆดารินทร์ช่วยจัดท่านอนให้ชายหนุ่มได้นอนสบายขึ้นพลางพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย ยกหลังมือขึ้นเช็ดเหงื่อ กว่าจะช่วยถอดเนกไทกับคลายกระดุมเสื้อได้ก็เสียพลังงานไปมากโขเธอสาวเท้าออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับชามแก้วใบใหญ่ที่ใส่น้ำอุ่นเอาไว้กับผ้าขนหนูผืนนุ่ม
บทที่ 5“เธอใส่ต่างหูข้างเดียวเหรอดารินทร์...”คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ แต่หัวใจดวงน้อยกลับกระตุกวูบ มือเล็กยกขึ้นสัมผัสใบหูตัวเองโดยอัตโนมัติ หูข้างซ้ายที่เคยมีต่างหูประดับอยู่กลับว่างเปล่า“ริน...”เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น อึกอักขึ้นมาทันควัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอทำต่างหูหายไปตอนไหน แทบไม่ได้สังเกตความเรียบร้อยของตัวเองเลยเพราะช่วงนี้จิตใจเธอว้าวุ่น ไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไรนัก คาดไม่ถึงว่ารอยด์จะสังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยแบบนี้รอยด์ยืดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ ดารินทร์เผลอก้าวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีก็ตอนแผ่นหลังสัมผัสกับผนังอันแสนเย็นชืด แขนแกร่งเท้าลงกับผนังตรงหน้าทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคามจนตัวหดเล็กลงเขาเกลี่ยปอยผมที่ปรกแก้มหญิงสาวออก ปลายนิ้วไล้ปัดผ่านใบหูอย่างแผ่วเบาชวนให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาครามครัน“ของเธอหรือเปล่า...”คำถามเรียบง่าย แต่คนถูกถามกลับรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ต่างหูอันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดวงหน้าหวานซึ้งซีดเผือดทันควัน ช้อนสายตาขึ้น สบตากับนัยน์ตาสีมรกตด้วยแววตาสั่นไหวเพราะหญิงสาวเอาแต่เงียบ เสียงหนักจึงกระซิบถามซ้ำ“ถา