Home / รักโบราณ / ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้ / บทที่ 12 สำนักศึกษาเหมยฮวา

Share

บทที่ 12 สำนักศึกษาเหมยฮวา

last update Last Updated: 2025-04-06 09:07:28

วันเวลาก็่ผ่านไปเช่นนี้ เสี่ยวจิ่วฮวานั้นยามนี้แผลที่ฝ่ามือหายดีแล้ว นางไม่ต้องพันผ้าเอาไว้มือตลอดเวลาเหมือนเช่นหลายวันก่อนอีก วันนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อยเลย เสี่ยวจิ่วฮวาจึงออกมายืนรับลมที่ริมระเบียงของตนเอง ไม่นานนักก็มีสาวใช้มาแจ้งว่าเสี่ยวฮูหยินเรียกนางไปพบ

เสี่ยวจิ่วฮวาเพียงพยักหน้ารับรู้ไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใดออกมา ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปที่เรือนใหญ่ เมื่อมาถึงก็พบกับเสี่ยวเย่วหยาที่กำลังบีบนวดให้เสี่ยวฮูหยินอยู่ เสี่ยวจิ่วฮวาทำความเคารพมารดาของตนก่อนจะเอ่ย

"ท่านแม่เรียกหาข้ามีอันใดหรือเจ้าคะ"

เสี่ยวฮูหยินวางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะเงยหน้ามามองบุตรสาวของตนคราหนึ่ง

"ตอนนี้เจ้าเพิ่งอายุสิบสี่ปี มีเวลาอีกตั้งสองสามปีที่จะเรียนรู้ความรู้ต่างๆ ก่อนอายุครบสิบแปดปีและเตรียมแต่งงานออกเรือนไป ยามนี้สำนักศึกษาเหมยฮวาเปิดทำการสอนแล้ว ข้าได้จัดการส่งคนไปลงรายชื่อเอาไว้ให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว อีกสามวันเจ้าก็ไปรายงานตัวที่สำนักศึกษา ไปร่ำเรียนความรู้เอาไว้ให้มากๆ จะเป็นผลดีต่อตัวเจ้า ดูพี่สาวเจ้าสินางก็เคยเรียนที่นั่นเช่นเดียวกัน กิริยามรรยาทงดงาม เพรียบพร้อมทุกอย่าง หากไม่ใช่เพราะว่าสุขภาพของนางไม่แข็งแรง นางคงออกเรือนไปนานแล้ว โชคดีที่ผิงเป่ยของเราไม่มีกฎเกณฑ์การแต่งงานที่บีบคั้นสตรีมากเกินไป สตรีอายุครบสิบห้าปีไม่ต้องรีบแต่งงานก็ได้ และสตรีที่มีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีก็ยังสามารถแต่งงานได้ไม่ผิดระเบียบและไม่ถือว่าล่าช้า ยามนี้เจ้าอายุยังน้อย เก็บเกี่ยวความรู้เอาไว้ย่อมไม่เสียหาย วันหน้าย่อมได้แต่งเข้าตระกูลที่ดีแน่นอน"

เสี่ยวจิ่วฮวาไม่เอ่ยสิ่งใด นางพลันนึกถึงเรื่องราวเก่าก่อนขึ้นมาได้

สำนักศึกษาเหมยฮวาเป็นสำนักศึกษาที่เหล่าสตรีซึ่งยังไม่ออกเรียนตั้งแต่อายุสิบสองถึงสิบเจ็ดปีสามารถเข้าเรียนได้ เป็นสถานศึกษาที่ดีเป็นอย่างมาก คุณหนูที่มาจากตระกูลชนชั้นสูงจะได้เรียนอีกห้องเรียนหนึ่ง ส่วนคุณหนูที่มีฐานะปานกลางจนถึงบุตรสาวที่เกิดจากอนุจะได้เรียนอีกห้องหนึ่ง ทุกวันจะมีเหล่าอาจารย์จากในวังหลวง รวมถึงบัณฑิตมีชื่อเสียงมาสั่งสอนความรู้ สำนักศึกษาเหมยฮวาแห่งนี้เปิดสอนมาตั้งแต่สมัยอดีตฮ่องเต้ทรงขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ แม้จะผลัดเปลี่ยนแผ่นดินแล้วก็ยังคงเปิดสอนเช่นเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอันใด อีกทั้งฮ่องเต้พระองค์ใหม่ก็เห็นว่าเป็นสถานศึกษาที่ดีจึงไม่ได้สั่งให้ยกเลิกแต่อย่างใด เมื่อเป็นเช่นนี้จวนตระกูลไหนที่พอมีเงินจึงมักจะส่งบุตรสาวมาร่ำเรียนที่สำนักศึกษาเหมยฮวาด้วยกันทั้งสิ้น

ส่วนอีกที่หนึ่งคือสำนักศึกษาลู่จื้อ เป็นสำนักศึกษาสำหรับเหล่าคุณชายจวนต่างๆ ซึ่งจะแบ่งห้องเรียนตามชนชั้นเช่นเดียวกับสำนักศึกษาเหมยฮวา

สถานศึกษาสองแห่งนี้เริ่มแรกจะให้เรียนพื้นฐานเสียก่อน แล้วจึงจะทำการสอบ หากคุณหนูหรือคุณชายจวนใดสามารถสอบทำคะแนนได้ดีเยี่ยม จะได้มีโอกาสได้ที่นั่งด้านหน้า ซึ่งเป็นที่นั่งที่ดีที่สุด

ในยามนั้นนางได้เข้าไปเรียนที่สำนักศึกษาเหมยฮวาเช่นเดียวกัน แต่ว่ากลับไม่สนใจการเรียน เอาแต่ปรายตามองเหยียดเหล่าคุณหนูที่มาจากตระกูลต่ำต้อย อีกทั้งยังมักมีเรื่องกับคุณหนูในห้องเรียนเดียวกัน ไปเรียนได้เพียงหนึ่งเดือนนางก็ถูกไล่ออก สร้างความอับอายให้แก่บิดามารดาไม่น้อย ในวันที่ถูกไล่ออก นางยังหันไปด่าอาจารย์ในสถานศึกษาว่า

"สอนไม่รู้เรื่อง สอนเช่นนี้ไปสอนวัวสอนควายเถอะ!!!"

เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกโมโหตนเองไม่น้อยเลย ยามนั้นนางสิ้นคิดถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เสี่ยวฮูหยินที่เห็นบุตรสาวนิ่งเงียบไป จึงเอ่ยขึ้นมาทันที

"ทำไม เจ้าไม่อยากไปเรียนหรือ พี่สาวของเจ้าก็เรียนที่นั่นเช่นเดียวกัน นางก็เรียนได้ดีไม่มีปัญหาอันใด หวังว่าเจ้าจะตั้งใจเล่าเรียน อย่าทำขายหน้าจวนตระกูลเสี่ยวเล่า"

เสี่ยวเย่วหยาที่ได้ยินอย่างนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นมาทันที

"อาจิ่ว เจ้าไม่ต้องกังวลนะ ไปเรียนเพียงครึ่งวันแล้วก็สามารถกลับจวนได้ อาจารย์ก็ใจดีมาก ขอเพียงเจ้าเชื่อฟังสักหน่อย ย่อมเรียนที่สำนักศึกษาได้อย่างราบรื่น"

เสี่ยวจิ่วฮวาพยักหน้าเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ให้เรียนนางก็จะเรียน อีกทั้งนางเรียนเพราะอยากหาความรู้เพิ่มเติมเอาไว้ ไม่ได้เรียนมาเพื่อหวังจะเอาไปปรนนิบัติเอาใจสามีแต่อย่างใด ผิงเป่ยจะมีกฎเกณฑ์การแต่งงานเช่นใดนางไม่ได้สนใจ ขอเพียงชีวิตในแต่ละวันผ่านไปอย่างราบรื่นไร้กังวลก็พอแล้ว นางยังมีหลายสิ่งที่ต้องจัดการและหาทางออกไม่ได้ เช่นนั้นเรื่องแต่งงานนางจึงวางมันเอาไว้หลังสุดของทุกเรื่อง

เสี่ยวฮูหยินระยะหลังมานี้เริ่มคุ้นชินกับท่าทีไม่ต่อต้านของบุตรสาวมากแล้ว นางจึงเอ่ยถามเสี่ยวจิ่วฮวาทันที

"แผลที่มือของเจ้าหายดีแล้วกระมัง"

เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองมารดาของตน ก่อนจะเอ่ย

"หายแล้วเจ้าค่ะ ข้าน่ะหนังหนา ตีเพียงเท่านี้ไม่เจ็บถึงตายหรอกเจ้าค่ะ"

"อาจิ่ว!!! เจ้าไม่เอ่ยวาจากระทบกระเทียบข้าสักวันมันจะนอนไม่หลับหรือ!!!"

เสี่ยวจิ่วฮวาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย

"อีกสามวันก็ต้องไปเรียนแล้ว ข้าขอไปเตรียมตัวก่อนนะเจ้าคะ"

นางเอ่ยจบก็คิดจะเดินจากไปในทันที เสี่ยวฮูหยินที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยเรียกทันที

“ช้าก่อน!!!”

เสี่ยวจิ่วฮวาถอนหายใจออกมา คิดในใจว่าคงจะเรียกนางไปดุด่าอีกกระมัง ท่านแม่ไม่ยอมปล่อยนางไปอย่างง่ายดายเลยจริงๆ

เมื่อเสี่ยวจิ่วฮวาหันมาก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อเห็นว่ามีจานขนมยื่นมาตรงหน้าของนาง เสี่ยวฮูหยินกระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

“ขนมดอกกุ้ย กินเยอะๆ ปากเจ้าจะได้ไม่ว่าง คำพูดชวนระคายหูจะได้ไม่หลุดออกมา ข้าทำเองกับมือ หากเจ้าไม่กินก็ไม่ต้องมาพูดกับข้า”

เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองขนมจานนั้น ก่อนจะยื่นมือไปรับมันมาถือเอาไว้ และเอ่ยกับมารดาของตน

“ท่านแม่ถึงกับลงมือทำเอง ข้าไม่กินคงอกตัญญูแย่ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”

พูดจบนางก็เดินจากไปทันที เสี่ยวฮูหยินถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปพูดคุยกับเสี่ยวเย่วหยา

"เย่วหยา เจ้าว่าอาจิ่วจะก่อเรื่องหรือไม่"

เสี่ยวเย่วหยาไม่ตอบ นางส่ายหน้าไปมาช้าๆ เพราะนางเองก็เดาใจเสี่ยวจิ่วฮวาไม่ถูกเช่นเดียวกัน

สามวันต่อมาก็เป็นวันที่เสี่ยวจิ่วฮวาต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาเหมยฮวาแล้ว นางนั่งรถม้าออกจากจวนไปตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนนางจะไปสาวใช้จากเรือนใหญ่เดินเข้ามาหานางพร้อมกับมอบถุงเงินให้นาง บอกเพียงว่าท่านแม่ให้นางเก็บเอาไว้ใช้ระหว่างทาง เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินทางไปที่สำนักศึกษาทันที เมื่อรถม้าหยุดลง นางก็ก้าวเดินลงมาจากรถม้า ครั้งนี้หูเป่ามากับนางด้วย แต่ทำได้เพียงรอที่ด้านอกสำนักศึกษาไม่สามารถตามเข้าไปด้วยได้

เมื่อเดินเข้ามาถึงในสำนักศึกษาแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาก็ไปลงทะเบียนรายชื่อเพื่อหาที่นั่งของตนเอง เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินเข้าไปด้านใน พบว่ามีคุณหนูมากหน้าหลายตามาถึงก่อนนางหลายคนแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาไม่รู้จักใครมากนัก เพราะนางไม่ได้คบหาใครเป็นสหายจริงจัง อีกทั้งตอนนี้คนยังมาไม่ครบ นางจึงมีเวลาเดินไปชมต้นไม้ดอกไม้เพื่อฆ่าเวลาได้

ที่สำนักศึกษาเหมยฮวานั้นร่มรื่นไม่น้อย มีต้นไม้และดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้เต็มไปหมดแล้ว ยังมีสระน้ำและภูเขาจำลองอีกด้วย เมื่อได้มองดูน้ำที่ใสสะอาดมันทำให้เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกสดชื่นไม่น้อยเลย

ในขณะที่เสี่ยวจิ่วฮวากำลังเดินชมนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย ก็พบกับสตรีน้อยนางหนึ่งที่เดินอยู่ในสวนดอกไม้ สตรีน้อยนางนั้นเมื่อมองเห็นเสี่ยวจิ่วฮวา ก็เอ่ยขึ้นมาทันที

"นี่ๆ เจ้าช่วยข้าหน่อยสิ"

เสี่ยวจิ่วฮวาหันมองซ้ายขวา ก่อนจะยกนิ้วชี้ที่ตนเองคราหนึ่ง สตรีน้อยนางนั้นพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย

"เจ้านั่นแหละ!!"

เสี่ยวจิ่วฮวารู้สึกงงงวยไม่น้อย แต่ทว่านางก็ยอมเดินเข้าไปหาสตรีน้อยนางนั้น ก่อนจะเอ่ยถาม

"ให้ข้าช่วยสิ่งใดหรือ"

"คือว่า ข้าเห็นผลทับทิมตรงหน้ามันลูกใหญ่น่ากินมากเลย ข้าจึงจะเอื้อมมือไปเก็บ แต่พื้นตรงนี้ลื่นมาข้าจึงเผลอทำรองเท้าร่วงตกไปในสระน้ำนั่นตอนกำลังจะยื่นมือไปเก็บผลทับทิม ฮือ ข้าไม่มีรองเท้าใส่แล้ว เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่"

เสี่ยวจิ่วฮวามองไปที่รองเท้าข้างนั้น ก่อนจะมีท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย

แต่เมื่อได้มองเห็นใบหน้าที่ร้อนรนของสตรีน้อยนางนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาก็รู้สึกสงสารขึ้นมา ตั้งแต่ย้อนเวลากลับมานางรู้สึกว่าตนเองเริ่มมีจิตใจที่สงสารผู้คนมากขึ้น มองเห็นความเป็นจริงหลายอย่างมากขึ้น เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเอ่ยขึ้นมาทันที

"อืม ได้ แต่เจ้าต้องช่วยข้าหาไม้ก่อน เอาไม้ยาวๆ หน่อย"

"ได้สิ อ้อ ว่าแต่เจ้าชื่ออันใด ข้าคือหยางซู่ซู่นะ"

เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม

"เจ้ามาจากตระกูลหยางหรือ?"

"อืม ข้าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของท่านเสนาบดีกรมพระคลังเชียวล่ะ"

เสี่ยวจิ่วฮวาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาได้

ในปีนั้นนางอายุสิบเจ็ดปี ในวังมีข่าวลือว่าพระชายารองจากตระกูลหยางที่เพิ่งเข้าวังไปเพียงเจ็ดวันเกิดล้มป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ ไม่นานก็สิ้นพระชนม์ แต่ยามนั้นนางไม่เคยพบหน้าพระชายารองเลยสักคราได้ยินเพียงว่ามาจากตระกูลหยาง ท้ายที่สุดพระชายารองผู้นั้นก็สิ้นพระชนม์ตายจากไป และคนตระกูลหยางก็หายไปจากเมืองหลวงนับแต่นั้น

เมื่อคิดได้อย่างนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาก็จ้องมองหยางซู่ซู่อย่างไม่ละสายตาในทันที

พระชายาที่ตายผู้นั้นก็หยางซู่ซู่หรือ!!!

นางพอจะคาดเดาได้ว่าเพราะเหตุใด หยางซู่ซู่ที่แต่งเข้าไปเป็นพระชายารองจึงล้มป่วยและตายจากไป

ย่อมเป็นเพราะทนการทารุณกรรมจากองค์รัชทายาทผู้เป็นสามีไม่ไหว!!!

เสี่ยวจิ่วฮวาใจเต้นแรงอีกทั้งใบหน้าเริ่มซีดเผือด ให้ตายเถอะ นางไม่คิดมาก่อนเลยว่า สตรีน้อยที่บอบบางเช่นนี้จะต้องถูกบุรุษใจอำมหิตเช่นนั้นรังแกจนตาย!!!

เชื้อพระวงศ์ผิงเป่ยช่างเลวร้ายเกินคนจริงๆ เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาหรือไรกัน ให้ตายชาตินี้นางก็ไม่แต่งกับเชื้อพระวงศ์เด็ดขาด!!

หยางซู่ซู่ที่ได้เห็นว่าเสี่ยวจิ่วฮวานิ่งงันไป จึงยื่นมือมาสะกิดที่แขนของเสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ยถาม

"ว่ายังไง เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยนะ"

เสี่ยวจิ่วฮวาพลันได้สติขึ้นมา ก่อนจะเอ่ย

"ข้าชื่อเสี่ยวจิ่วฮวา เป็นบุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่เสี่ยว"

หยางซู่ซู่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันที นางพอจะได้ยินเชื่อเสียงของเสี่ยวจิ่วฮวามาบ้างแต่ไม่เคยพบหน้ากัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของนางเสียหน่อย หากคนผู้นั้นไม่ได้สร้างปัญหาให้กับนาง นางก็ไม่อยากยื่นมือเข้าไปยุ่งเก่ี่ยวหรือร่วมวงหาเรื่องเช่นคุณหนูจากจวนตระกูลอื่น

เสี่ยวจิ่วฮวาไม่อยากจะเสียเวลาอีก เพราะไม่นานคงจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วฮวาจึงเอ่ยกับหยางซู่ซู่อีกรอบ

"หาไม้มาให้ข้าที"

"ได้สิ เจ้ารอสักครู่"

หยางซู่ซู่เอ่ยจบก็รีบวิ่งไปหาไม้ยาวมาให้เสี่ยวจิ่วฮวา เสี่ยวจิ่วฮวารับมันมาก่อนจะใช้ไม้พยายามเขี่ยๆ รองเท้าของหยางซู่ซู่กลับมา แต่มันไม่ง่ายเลย นางพยายามอย่างไรก็ไม่ได้เสียที หยางซู่ซู่ร้อนใจ จึงเอ่ยขึ้นมาทันที

"เสี่ยวจิ่วฮวา ข้าจะจับมือเจ้าไว้ เจ้าโน้มตัวไปข้างหน้าเลย แล้วค่อยๆ ใช้ไม้เขี่ยมันมา ข้าจะจับเจ้าไว้แน่นๆ"

"ได้"

หยางซู่ซู่รีบจับมือของเสี่ยวจิ่วฮวาเอาไว้ทันที เสี่ยวจิ่วฮวาที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบโน้มตัวไปหมายจะใช้ไม้เขี่ยรองเท้าของหยางซู่ซู่กลับมา แต่ทว่า

ตู้ม!!!

คนทั้งสองร่วงตกน้ำไปพร้อมกันจนน้ำกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาดู ก่อนจะพบว่ามีสตรีสองนางกำลังนั่งอยู่ในสระน้ำ ด้วยสภาพทุลักทุเลไม่น้อยเลย แต่ทว่าน้ำไม่ได้ลึกมากนัก หยางซู่ซู่นั่งอยู่ในน้ำ มือหนึ่งถือรองเท้าเอาไว้ ส่วนอีกมือก็กอดรัดเอวบางของเสี่ยวจิ่วฮวาไม่ยอมปล่อย ด้านเสี่ยวจิ่วฮวานั้นกำลังใช้สองมือเกาะขอบสระอยู่ บนศีรษะมีเศษตะไคร้น้ำสีเขียวเกาะอยู่เต็มไปหมด

ให้ตายเถอะ!!! การมาเรียนวันแรกของข้าช่างสุนทรีย์เสียจริง!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้   ตอนพิเศษ 10

    เมื่อได้ยินว่าบุตรชายกลับมาถึงวังหลวงแล้ว เสี่ยวจิ่วฮวาก็ดีใจไม่น้อย นางโผเข้ากอดบุตรชาย ก่อนจะจ้องมองฮวาชิงเหยี่ยนที่ถูกคนหามเข้ามาคราหนึ่ง และจึงเอ่ยถามเติ้งจื่อหยวน"นางคือ?""เสด็จแม่ นางคือสตรีของข้า ข้ารักนาง ท่านอย่าให้นางไปที่ใดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ"เสี่ยวจิ่วฮวาหันไปสบตากับเติ้งหมิงซีคราหนึ่ง เห็นว่าสามีเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ก่อนจะสั่งให้หมอหลวงในวังมาตรวจดูอาการของคนทั้งสองหลายวันต่อมาอาการของฮวาชิงเหยี่ยนก็ดีขึ้นมากแล้ว วันต่อมาก็มีนางกำนัลเข้ามาบอกว่า เสี่ยวฮองเฮาเรียกนางให้เข้าไปพบฮวาชิงเหยี่ยนไม่ได้ครุ่นคิดสิ่งใดให้มากความ นางตรงไปที่ตำหนักคุณหนิงในทันที เมื่อเข้ามาถึงก็พบกับเสี่ยวฮองเฮาที่กำลังนั่งจิบชาร้อนอย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่ภายในตำหนัก"ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ"เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินก็มองฮวาชิงเหยี่ยนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ลุกขึ้นเถิด หูเป่าหาที่นั่งให้นาง""เพคะฮองเฮา"ฮวาชิงเหยี่ยนรู้สึกประหม่าไม่น้อย นางมาที่นี่เดิมทีก็ใช้ชีวิตไม่ง่าย เมื่อมาอยู่ในวังและยังมีกฎเกณฑ์มากมายจึงยิ่งไม่คุ้นชิน เสี่ยวจิ่วฮวาเองก็พอจะมองออก จึงไม่ได้แสดงท่าทีกดดันนางเท่าใดนัก"

  • ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้   ตอนพิเศษ 9

    เติ้งหมิงซีลงมือจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ส่วนเสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ทราบข่าวก็เริ่มกระวนกระวายเพราะห่วงบุตรชาย โชคดีที่ได้ความช่วยเหลือจากทั้งเจียงซวี่และหลี่จิ่ง ทำให้ไม่กี่วันต่อมาก็สามารถสืบพบกบฏเหล่านั้นได้ และจัดการถอนรากถอนโคนพวกมันทิ้งไปเสีย แต่น่าเสียดายที่คนตระกูลฮวาเกือบทั้งหมดไม่มีใครรอดชีวิตเลยนอกจากฮวาชิงเหยี่ยน เมื่อสอบสวนอย่างละเอ่ียด ก็พบว่าคนพวกนั้นเดิมทีเป็นกลุ่มคนที่เคยขึ้นตรงต่อเติ้งเจี๋ยมาก่อน และหวังจะแก้แค้นแทนเจ้านายของตน ส่วนคนตระกูลฮวานั้นก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ไม่ได้เรื่องได้ราว และถูกหลอกใช้ให้ส่งข่าวความเป็นไปในเมืองหลวงให้ทราบเพียงเท่านั้น ยามนี้สกุลฮวาตายสิ้น บุตรชายเขาและบุตรสาวนักโทษนางนั้นก็ยังหายไปด้วยกันอีกเมื่อจัดการเรื่องนี้จบแล้ว ก็มีฎีการ้องเรียนไม่หยุดว่าเติ้งจื่อหยวนมีใจคิดไม่ซื่อ มีใจคิดก่อกบฏ เพราะเหตุนี้เติ้งหมิงซีจึงสั่งลงโทษพวกขุนนางเหล่านั้น จนเหล่าขุนนางต่างเงียบปากไม่กล้าเอ่ยปากพูดเรื่องใดออกมาอีกด้านเติ้งจื่อหยวนและฮวาชิงเหยี่ยนนั้น ยามนี้คนทั้งสองหลบมาอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ด้านนอกเมืองหลวง ฮวาชิงเหยี่ยนรู้สึกเจ็บเท้าไม่น้อยเล

  • ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้   ตอนพิเศษ 8

    เช้าวันต่อมาก็มีคนพบศพของชายวัยกลางคนผู้นั้นที่โรงเตี๊ยม แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้หวาดหวั่นยิ่งกว่าก็คือ ในตัวเขามีจดหมายฉบับหนึ่ง เนื้อหาในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า เขากำลังติดต่อกับคนที่เติ้งจื่อหยวนและฮวาชิงเหยี่ยนพบเจอ และดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ร่วมมือกับกบฏนอกวังหลวงเติ้งจื่อหยวนรู้สึกว่ามันเกินความคาดหมายไปไม่น้อยเลย แต่เรื่องนี้จะเก็บเงียบไม่ได้ย่อมต้องกราบทูลเสด็จพ่อ เมื่อเติ้งหมิงซีรู้จึงสั่งตรวจสอบคนใกล้ชิดกับชายผู้นั้นทันทีไม่เว้นแม้แต่จวนสกุลฮวาสุดท้ายแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขาพบว่าฮวาหยวนเองก็มีส่วนสมคบคิดกับชายผู้นั้นเช่นเดียวกัน เขาเป็นคนส่งเรื่องราวและความเป็นไปของในเมืองหลวงให้แก่เหล่ากบฏ เพื่อแลกกับเงินไปใช้จ่ายในโรงพนันเขาคิดว่าอย่างไรย่อมไม่มีคนสาวมาถึงตัวเขา แต่ฮวาชิงเหยี่ยนบุตรสาวตัวดีกลับไปรู้เรื่องเข้า เขาตัดใจฆ่านางไม่ลง จึงสั่งให้นางแต่งงานกับบุรุษผู้นั้นไปเสีย เมื่อแต่งงานออกไปไกลแล้ว ย่อมไม่สามารถก่อคลื่นลมใดได้อีกแต่เรื่องราวกลับไม่เป็นดังที่ใจของเขาคิด สุดท้ายตระกูลฮวาทั้งตระกูลกำลังจะถูกสั่งประหารชีวิตโทษฐานกบฏแต่เพราะเติ้งจื่อหยวนไปขอร้องบิดา ทำให

  • ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้   ตอนพิเศษ 7

    เติ้งจื่อหยวนหันมาสบตากับฮวาชิงเหยี่ยนอีกครา คนทั้งสองมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเป็นฮวาชิงเหยี่ยนที่เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน"ข้าเคยมาหาของป่าที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ท่านกับข้าเราต้องลงเขาไปด้วยกันในเวลานี้ ซึ่งมีเพียงทางเดียวคือกระโดดลงไปในแม่น้ำด้านล่างนั่นถึงจะหนีได้ ท่านกลัวหรือไม่"เติ้งจื่อหยวนรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ให้ตายเถอะ ประโยคนี้ควรเป็นเขาที่ถามนางมากกว่าสิ เหตุใดจึงกลายเป็นนางมาเอ่ยถามเขาเช่นนี้เล่ายามนี้ไม่มีเวลามาคิดเรื่องเช่นนี้แล้ว เขาต้องเร่งหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนั้นเติ้งจื่อหยวนจึงหันมาเอ่ยกับฮวาชิงเหยี่ยนในทันที"ข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด เราไปกันเถอะ""อืม"เติ้งจื่อหยวนจับมือของฮวาชิงเหยี่ยนเอาไว้แน่น ในขณะที่คนทั้งสองกำลังจะพากันกระโดดหนีไปนั้น ก็มีธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาเฉียดที่แขนของฮวาชิงเหยี่ยน จนนางเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหันไปมอง ทำให้สบตากับคนที่ยิงธนูใส่นางได้อย่างชัดเจน แต่ทว่ากลับไม่เห็นอีกคนที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลัง เติ้งจื่อหยวนที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจไม่น้อย เขาใช้มีดสั้นที่มักพกติดกายมาด้วยเขวี้ยงใส่คนผู้นั้นจนได้รับบาดเจ็บ และสั่งให้อง

  • ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้   ตอนพิเศษ 6

    ฮวาชิงเหยี่ยนที่ถูกจู่โจมอย่างกะทันหันก็ตั้งรับไม่ทัน นางพยายามดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมือของเฉินเย่ แต่ทว่าเฉินเย่เหมือนจะระวังตัวและเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี จึงไม่เหลือทางให้นางได้จัดการเขาเลย "ดิ้นรนไปเถิด เจ้าไม่รอดเงื้อมมือของข้าหรอก ข้าชอบเจ้ามากนะชิงชิง เป็นของข้าเถอะ" พูดจบก็โน้มใบหน้าเข้ามาคิดจะจูบที่หน้าผากของนาง แต่ทว่าเฉินเย่ยังไม่ทันได้ทำเช่นนั้นก็ถูกใครบางคนลากไปจัดการเสียก่อน แสงเทียนที่สลัวรางทำให้มองเห็นทุกอย่างได้บ้าง ฮวาชิงเหยี่ยนมองเห็นว่าเติ้งจื่อหยวนกำลังจัดการเฉินเย่อย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ฝีมือของเขาดีมาก เฉินเย่ไม่ทันได้เอ่ยปากร้องขอความเมตตาก็โดนซ้อมจนสลบเหมือดไปเสียแล้ว เมื่อซ้อมคนเสร็จเติ้งจื่อหยวนก็สั่งให้คนของเขาลากเฉินเย่ไปโยนเอาไว้ที่ตลาดในสภาพเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ ต้องสั่งสอนให้รู้จักความอัปยศและความอับอายเสียบ้างเมื่อจัดการคนเรียบร้อย เติ้งจื่อหยวนก็หันมาเอ่ยถามฮวาชิงเหยี่ยนในทันที "เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่"ฮวาชิงเหยี่ยนส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย "เจ้าสาม ท่านมาได้อย่างไรกัน"เติ้งจื่อหยวนจ้องมองฮวาชิงเหยี่ยนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้

  • ชายาตัวร้ายของท่านอ๋องใบ้   ตอนพิเศษ 5

    เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฮวาชิงเหยี่ยนก็ดีใจเป็นอย่างมาก นางหันมามองเติ้งจื่อหยวนอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนหน้านี้นางด่าเขาในใจเอาไว้มากมาย ยามนี้เมื่อได้เขาช่วยเหลือจนได้เงินคืนมาก็รู้สึกผิดในใจ"ท่านจะให้ข้าตอบแทนเช่นไรก็ว่ามา"เติ้งจื่อหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองฮวาชิงเหยี่ยนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย "เลี้ยงบะหมี่ข้าก่อน แล้วข้าจะบอก"ฮวาชิงเหยี่ยนคิดว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด นางจึงพาเขาไปกินบะหมี่ที่ร้านลุงหลี่ตามเดิม หลี่จิ่งมองดูคนทั้งสองก่อนจะยกยิ้มมุมปากคราหนึ่งเห็นทีอาจิ่วคงกำลังจะมีลูกสะใภ้คนที่สามเสียแล้ว!!เมื่อกินอิ่มแล้ว เติ้งจื่อหยวนจึงเอ่ยถามฮวาชิงเหยี่ยนทันที"เจ้าชื่ออันใด""ฮวาชิงเหยี่ยน เรียกชิงชิงก็ได้ ท่านเล่า""เรียกข้าว่า เจ้าสามก็ได้"ฮวาชิงเหยี่ยนพยักหน้าคราหนึ่ง ชื่อแปลกพิลึกดีเติ้งจื่อหยวนจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะเอ่ย"ภาพเหล่านั้นเจ้าวาดได้เช่นไรกัน มันไม่เหมือนกับยุคสมัยนี้เลย ข้าชอบมาก มันคือที่ใดกัน"ฮวาชิงเหยี่ยนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรดี นางคิดใคร่ครวญคำพูด ก่อนจะเอ่ยออกมา"ความจริงมันก็เป็นเรื่องที่เหลือเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status