พี่ชายถูกสังหาร มารดาถูกวางยาพิษ ตัวนางเองถูกบังคับให้แต่งงานกับคนเสเพล และเพื่อช่วยให้มารดาฟื้นจึงจำยอมแต่งกับคนเสเพลคนนั้น หลังจากคืนนั้นที่นางเมาแล้ว....เขาทั้งคืน สามีเสเพลก็เปลี่ยนไป เรื่องนี้มาในแนวดราม่าโรแมนติก นางเอกมีปัญหาชีวิตครอบครัว ได้แต่งงานกับพระเอก ต่างคนต่างไม่เต็มใจแต่ง แต่มีเหตุการณ์ให้มาโบ๊ะบ๊ะกัน ปมไม่เยอะมาก จบสุขนิยมค่ะ
View Moreมือเรียวบางบิดผ้าในอ่างสัมฤทธิ์จนหมาด แล้วเช็ดทำความสะอาดเนื้อตัวมารดาที่นอนไร้สติบนเตียงเก่า รอบห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้น ผนังผุพัง กระทั่งหลังคาก็เริ่มมีรอยรั่ว
ที่นี่คือเรือนท้ายจวนของตระกูลลู่ เป็นสถานที่ไว้ลงโทษคนกระทำความผิด
เสียงประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา ลู่ผิงถิงหันไปมองเห็นบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งหยุดยืนอยู่หน้าประตู
หัวคิ้วทั้งสองของบุรุษผู้นั้นย่นเข้าหากัน ผ่านไปครู่ใหญ่จึงก้าวขาเข้ามาในห้อง แล้วหยุดฝีเท้าลงตรงกลางห้องที่เก่าและทรุดโทรมแห่งนี้
เขามองไปยังสตรีที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้ายากจะคาดเดาความรู้สึก
ลู่ผิงถิงหรี่ตาลงเล็กน้อย มองบิดาที่หยุดอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย หนึ่งปีมานี้บิดาไม่เคยมาเหยียบเรือนท้ายจวนเลย วันนี้เขามาได้ถือเป็นสัญญาณที่ดี?
ความดีใจทำให้มุมปากของลู่ผิงถิงยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นัยน์ตาแวววับทอประกายด้วยความสุข “ท่านพ่อมาเยี่ยมท่านแม่รึเจ้าคะ”
“....” ลู่หงเวินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย วันนี้ที่เขามาที่นี่ไม่ได้คิดจะมาเยี่ยมเยียนฮูหยิน ที่ประพฤติตัวให้เขาผิดหวังอย่างยิ่งคนนั้น
เมื่อบุตรสาวเอ่ยปากถามคำถามนี้ขึ้นมา เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์นั้น เหตุใดนางถึงใจร้ายทำร้ายบุตรชายคนเล็กของเขากับฮูหยินรองได้ลงคอ
ลู่หงเวินถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยในสิ่งที่ตนต้องการกับบุตรสาว “ถิงเอ๋อร์อีกสามวันเจ้าต้องเข้าพิธีแต่งงาน” เป็นบุตรชายคนรองลู่หงปินที่มาขอร้องเขาหว่านล้อมบุตรสาว
ความตื่นเต้นดีใจเมื่อครู่ถูกคำพูดของบิดาเหยียบย่ำจมดิน มือที่กำลังเช็ดแขนให้มารดาหยุดชะงัก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันช้อนตาขึ้นมองบิดา
“ท่านพ่อ…ข้ายังไม่อยากออกเรือนหากข้าไปแล้วใครจะดูแล...”
“แต่ข้าตกลงกับทางนั้นไปแล้ว จะกลับคำคงไม่ได้เจ้าจะขัดคำสั่งข้ารึไง” ไม่รอให้บุตรสาวเอ่ยจบ ลู่หงเวินก็เอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ลมหายใจของเขาหนักหน่วงจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ยกมือชี้หน้าบุตรสาวนิ้วสั่นระริก
สายตาของบุตรสาวมองมาอย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะไม่ยินยอมทำตามโดยง่าย ลู่หงเวินจึงปรับอารมณ์ที่ฉุนเฉียวให้เบาลง ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว เขาจึงคิดหาวิธีให้บุตรสาวยอมตอบรับแต่โดยดี และมีทางเดียวที่นางจะยอมทำตามโดยไม่ปริปาก
ลู่หงเวินกระตุกมุมปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงของคนที่เหนือกว่า “ถิงเอ๋อร์เจ้าคิดดูให้ดี...หากเจ้าตกลง พ่อจะให้หมอเก่ง ๆ มารักษาอาการป่วยของแม่เจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่ตกลงแม่ของเจ้าก็คงถูกส่งให้ทางการ นางป่วยมานานขนาดนี้คงทนการสอบสวนจากทางการไม่ไหวแน่”
ป่วยหรือ? ท่านแม่ถูกพิษท่านพ่อเองก็รู้ นี่จะบีบคั้นกันเกินไปแล้ว คนผู้นี้ยังเป็นบิดาของนางอยู่จริงหรือ
หัวใจของลู่ผิงถิงบีบแน่น ความรู้สึกตอนนี้อัดอั้นจนอยากระเบิดอารมณ์ออกมา ตั้งแต่มารดาล้มป่วย บ่อยครั้งนักที่ถูกบิดาลงโทษโดยไร้ความผิด ซึ่งเขาไม่เคยสอบถามที่มาที่ไป หูเบาเชื่อฮูหยินรองของตนเสมอ
วันนี้หากนางดื้อรั้นคงมิพ้นต้องถูกกักบริเวณอย่างเข้มงวด
ในห้องเงียบเชียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ดวงตากลมโตปราดมองใบหน้าซีดเซียวของมารดา ด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะตวัดสายตาคู่งามมาสบประสานเข้ากับสายตาดุดันของผู้เป็นบิดา
หัวใจลู่ผิงถิงหนาวสะท้านกับแววตาแบบนั้นของบิดา นางถอนสายตากลับอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นหัวใจนางคงเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุด สายตาที่บิดามองมากดดันข่มขู่ ราวกับกำลังบอกนางว่า ถ้าเจ้าไม่ตอบตกลงอย่าหวังว่าแม่ของเจ้าจะได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
ใช่ แววตาท่านพ่อหมายความว่าอย่างนั้น
ลู่ผิงถิงกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ปลายมือที่กำผ้าผืนบางเย็นยะเยือกจับจิต หัวใจราวกับมีแผลเหวอะหวะมันเหน็บหนาวราวถูกเกล็ดหิมะกัดกร่อนมานาน
รู้ดีว่าครั้งนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะถ้าไม่ยอมทำตามคำสั่ง สุดท้ายบิดาก็จะไม่ใช้ไม้อ่อนอย่างการพูดคุยแบบนี้อีก
เขาคงจะส่งมารดาไปให้ทางการ และถ้าเป็นเช่นนั้นมารดาอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา และไม่มีวันทวงความยุติธรรมให้ตัวเองได้อีก
ดังนั้นต้องยอมตกลงแต่งไปก่อน แล้วค่อยหาทางออกอีกครั้งในวันข้างหน้า เพื่อมารดาแล้วนางยอมแต่ง
สักวันหนึ่งนางจะหาหลักฐานมาคืนความยุติธรรมให้มารดา รวมไปถึงสาเหตุการตายของพี่ชายใหญ่ด้วย
ลู่ผิงถิงยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยอย่างถ่อมตน “ท่านพ่อจะรับปากลูกได้รึไม่…ว่าท่านแม่ต้องหายดี”
“ย่อมได้อยู่แล้ว เพียงเจ้ายอมแต่งงาน พ่อรับปากเจ้าได้ทุกอย่าง”
ผ้าสีขาวในมือถูกกำแน่น ลู่ผิงถิงหลุบตาลงต่ำ ซ่อนน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจไว้
ก่อนหน้านี้เป็นคุณหนูที่แสนจะสุขสบาย เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกประเคนมาให้เลือกก่อนใคร สิ่งใดอยากได้ไม่อยากได้พูดคำเดียว ท่านย่าไม่เคยขัดใจ พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวช่วยเหลือกัน ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง
ใครจะคิดทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดหลังจากท่านย่าจากโลกนี้ไปไม่ถึงปี พี่ชายใหญ่ก็เสียชีวิต ท่านแม่ยังจะมาถูกพิษอีก
คุณหนูที่แสนจะสุขสบายมาทั้งชีวิต ต้องย้ายมาดูแลมารดาในเรือนที่เก่าซอมซ่อเพียงลำพัง
ลู่ผิงถิงสูดหายใจเข้าลึก สบสายตาข่มขู่ของบิดา แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคงแต่สั่นเครือ “เช่นนั้นลูกก็ตกลงเจ้าค่ะ แต่สินเดิมของท่านแม่ ท่านพ่อต้องยกให้เป็นสินเดิมของลูกทั้งหมด”
“ดี...ดีเหลือเกิน เรื่องพวกนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ของแม่เจ้าก็คือของเจ้า” ลู่หงเวินหัวเราะออกมาเสียงดัง หลังได้คำตอบที่พอใจก็หมุนตัวเดินออกไปจากเรือนหลังเล็กท้ายจวนทันที
เสียงหัวเราะของบิดาดังสะท้อนก้องอยู่ในหู น้ำตาที่ทำท่าจะไหลออกมาถูกเก็บกลืนอัดแน่นฝังใจ
มือบางยื่นไปจับมือมารดามากุมไว้ “ท่านแม่เจ้าคะลูกจะหาหลักฐานมาลบล้างความผิดท่านให้ได้ ลูกมั่นใจว่าท่านไม่ได้สังหารหงอี้” นางออกแรงบีบที่มือมารดาเล็กน้อย
มือเรียวเล็กกุมมือมารดาราวสองก้านธูป จากนั้นก็ทอดถอนใจ นางรอให้มารดาฟื้นมานานถึงหนึ่งปีเต็ม แต่ก็ยังไม่มีวี่แววนั้นให้เห็นเลย
มารดายังนอนนิ่งไร้สติ มีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอนั้น ที่ทำให้อุ่นใจ และทำให้รู้ว่ามารดายังอยู่กับนาง
ลู่ผิงถิงห่มผ้าให้มารดาจนมิดคอ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง เปิดตำราแพทย์ออกมาอ่าน
อาการของมารดาเกิดจากพิษเหมันต์หลับใหล นางแอบพาหมอชรามาตรวจให้จึงรู้
ทุกคนในจวนบอกว่า ท่านแม่ดื่มยาพิษนี้ฆ่าตัวตายแต่นางไม่เชื่อ
ครานี้ผู้ที่มารินสุราเป็นนางกำนัลตัวน้อย ไม่รู้ว่านางประหม่าหรืออย่างไร จึงทำสุราหกราดอาภรณ์ของมู่เซียวเซ่อจนเปียกปอน “ขออภัยท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ หม่อมฉันสมควรตายเพคะ ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”นางคุกเข่าคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เซียวเซ่อคร้านจะใส่ใจนางกำนัลตัวเล็กจึงลุกขึ้นยืน “เสด็จพี่ กระหม่อมขอตัวไปเปลี่ยนอาภรณ์”“อืม เราก็จะไปสุขาเช่นกัน” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง เหลือเพียงจี้ฮองเฮานั่งอยู่ลำพัง จิตใจสั่นไหวเมื่อพบกับมู่เซียวเซ่ออีกครั้ง ความรักที่ถูกกดลึกไว้ในอก และความทรงจำเก่า ๆ ได้เอ่อล้นขึ้นมาวันนั้นนางจำได้ดี เป็นงานเลี้ยงต้อนรับชัยชนะของท่านพ่อ และเป็นวันที่นางพลาดพลั้งอย่างไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็มีฝ่าบาทนอนอยู่ด้านข้าง เราทั้งสองไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ ผู้คนจำนวนมากพบเห็นเรื่องนี้ทำให้จี้ฝู่หลิงไม่มีหน้าไปพบเจออดีตคนรักอีก ยอมอภิเษกกับฝ่าบาททั้งที่ใจไร้รักเริ่มแรกฝ่าบาทเอาอกเอาใจ ทำดีกับจี้ฝู่หลิงทุกอย่าง ทว่า...วันคืนดี ๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อบิดาของนางถูกสังหารในสนามรบ เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย ทรมานนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนนาง
สามวันผ่านไป ลู่ผิงถิงยังดูแลมารดาอยู่จวนตระกูลลู่ พวกบิดายังไม่กลับมาได้ยินว่าพากันออกไปท่องเที่ยวทิศประจิม และดูทำเลการค้าเพื่อขยายกิจการร้านเสื้อผ้าลู่ผิงถิงเดินไปที่เรือนใหญ่พบกับบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีเข้าพอดี จึงเรียกให้เข้ามาช่วยทำความสะอาดในห้องโถง พอบ่าวคนนั้นทำเสร็จออกไป คุณหนูใหญ่อย่างนางก็โวยวายว่าปิ่นปักผมหาย บอกให้บ่าวในเรือนช่วยกันตามหา ปรากฏว่าอยู่ที่ห้องของบ่าวที่เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไม่ได้ใส่ร้ายบ่าวคนนั้น เพียงแต่ใช้ปิ่นราคาหนึ่งร้อยตำลึงล่อตาล่อใจ หากนางไม่หยิบไปลู่ผิงถิงก็ไม่อาจลงโทษได้ แต่ครั้งนี้นางหยิบไปจึงหนีไม่พ้น เฆี่ยนพี่เสี่ยวซีไปกี่ครั้งต้องถูกเอาคืนเป็นสองเท่า ไม่ยอมให้พี่เสี่ยวซีเจ็บปวดคนเดียวแน่ ส่วนลู่ไป๋อิง รอก่อนเถอะจะจับตีให้ก้นลายเลยหนึ่งปีมานี้คงเรียนรู้กับฮูหยินรองมาก จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้เมื่อก่อนน่ารักเชื่อฟัง หลังจากนางย้ายมาเรือนท้ายจวนน้องสาวก็เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องสาวเสแสร้ง หรือเป็นแบบนี้มานานแล้วจัดการบ่าวคนนั้นเสร็จก็เข้าไปในห้องบิดา ค้นหาหลักฐานเกี่ยวกับคดีของพี่ชายใหญ่มีอยู่วันหนึ่ง ลู่ผิงถิงบังเอิญได้ยินบิดาคุยกับพี่ชายคนรอ
คนมาใหม่สวมหน้ากากสีทองพาดเฉียงครึ่งหน้า อาภรณ์สีน้ำเงินโบกสะบัดยามลอยตัวลงมา ฝีเท้าแตะพื้นแผ่วเบาบ่งบอกว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง“บาดเจ็บตรงไหนรึไม่” เขามองสำรวจเด็กน้อยตรงหน้า เมื่อเห็นว่ามีเพียงร่องรอยฟกช้ำก็ถอนสายตากลับ“นี่ท่าน” ลู่ผิงถิงจำเขาได้ นางเคยพบเจอคนผู้นี้ยามไปเก็บสมุนไพรที่หุบเขาหลังจวน ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัสนางช่วยใส่ยาให้เขา และพาเขาไปหลบในที่ปลอดภัย นางดูแลจนเขาฟื้น จำได้ว่าวันนั้นกลับจวนผิดเวลา ถูกบิดากักบริเวณให้อยู่แค่เรือนท้ายจวนถึงครึ่งเดือน“เจอกันอีกแล้วนะเด็กน้อย” ชายหนุ่มที่สวมหน้ากากทักทายสตรีตัวเล็กตรงหน้า “ไปหาที่หลบให้ดี พี่ชายจะโชว์ความร้ายกาจให้เจ้าดู”เขาเริ่มต่อสู้กับคนชั่ว เพียงไม่กี่กระบวนท่าชายที่สวมหน้ากากก็กดบุรุษชุดดำไว้บนพื้น เขาใช้เชือกมัดมือมัดเท้าบุรุษชุดดำ แล้วลากออกไปทิ้งไว้ในห้องเก็บฟืน“ขอบคุณมาก” ลู่ผิงถิงเอ่ยขอบคุณเมื่อพี่ชายหน้ากากทองกลับเข้ามาในห้อง“ขอบคุณเพียงคำพูดจะนับอะไรได้ ไม่สู้เจ้า...ขอบคุณเป็นอย่างอื่น” ชายหนุ่มแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัยลู่ผิงถิงไม่สนใจเขา ขอบคุณนางก็ขอบคุณไปแล้ว นางมองร่างไร้วิญญาณของพี่เสี่ยวซี ดวงตากลมโตแดงก่
ลู่ผิงถิงมีน้ำตาซึมออกมาทางหางตา เสียดายที่ไม่อาจเอาคนผิดที่อยู่เบื้องหลัง การทำร้ายพี่ชายใหญ่มาลงโทษได้ กลับเป็นนางที่ต้องตายก่อนศัตรู ดวงตากลมโตหลับตารอรับความเจ็บปวดจากปลายมีด ทว่านางกลับไม่รับรู้ถึงความเจ็บนั้น ไหล่ทั้งสองถูกสองมือเล็กกำแน่น ลู่ผิงถิงลืมตาขึ้นมา เห็นพี่เสี่ยวซีที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ยืนบังปลายมีดไว้ให้นาง ร่างของพี่เสี่ยวซีค่อย ๆ ทรุดลงพื้น ยามเสี่ยวซีรู้สึกตัวขึ้นมา ก็เห็นว่าคุณหนูของนางตกอยู่ในอันตรายพอดี จึงพยุงร่างที่เจ็บระบมลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ตะเกียกตะกายมาขวางปลายมีดสั้น ที่กำลังแทงลงบนผิวหนังคุณหนูไว้ได้ ในวินาทีสุดท้าย นางไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงคุณหนูมีชีวิตอยู่ ทำในสิ่งที่คุณหนูอยากทำ นางรู้ตัวเองดีว่าบาดเจ็บครั้งนี้ ตัวเองไม่อาจรอดพ้นความตายได้ จึงใช้ร่างกายที่เหลือลมหายใจสุดท้ายนี้ ช่วยชีวิตคุณหนูของนาง “คุณหนู” เสียงเรียกแผ่วเบาปานกระซิบ ลู่ผิงถิงรู้สึกหัวใจขาดเลือดไหลเวียน นางรีบย่อตัวลงประคองพี่เสี่ยวซีไว้ในอ้อมกอด มือที่ประคองแผ่นหลังเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม น้ำตาลู่ผิงถิงไหลพราก หัวใจราวกับถูกเข็มทิ่มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พี่เสี่ยวซีข้า.
ลู่ผิงถิงลูบไล้กายบุรุษชุดดำด้วยความรังเกียจ ใจของนางเต้นตึกตัก ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลัวจนฉี่แทบราด ทว่าต้องสู้เพื่อเอาตัวรอด เป้าหมายของนางคือมีดสั้นที่เอวของเจ้าหน้าเหี้ยมนั่น นิ้วเรียวยาวไล่วนจากแผงอกลงมาหน้าท้อง เมื่อมือนางเข้าใกล้เป้าหมาย บุรุษชุดดำก็คว้าจับไว้อย่างกับรู้ความคิดนาง บุรุษชุดดำหายใจติดขัดวาบหวิว เขาคว้ามือซุกซนของนางมาวางตรงเจ้าโลกของเขา คิดว่าที่นางอ้อยอิ่งอยู่หน้าท้องคงอยากจับ ก็ให้นางได้จับให้หนำใจ “อยากจับตรงนี้หรือข้าอนุญาต และข้าขอจับตรงนั้นของเจ้า” มือหนายื่นไปหวังบีบเคล้นก้อนกลมโตสองก้อน คะเนด้วยตาน่าจะเต็มไม้เต็มมือและนุ่มมาก แค่คิดอาวุธลับของเขาก็ผงาดขึ้น เขากำลังฝันหวานถึงเรือนร่างอ้อนแอ้นหอมหวาน โดยไม่รู้เลยว่ามีดสั้นได้ตกอยู่ในมือของสตรีตัวเล็กแล้ว ลู่ผิงถิงจ้วงมีดสั้นแทงฝ่ามือที่ยื่นมาหวังลวนลาม มีดปักคากลางฝ่ามือ “โอ๊ย” บุรุษชุดดำร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เผลอเพียงนิดเดียว สตรีผู้นี้ก็แผงฤทธิ์เดชใส่จนเขาต้องเจ็บตัว บุรุษชุดดำโมโหมาก ยกฝ่ามือข้างไม่บาดเจ็บฟาดแก้มนุ่มขาวนวลของสตรีตรงหน้า คนงามล้มลงพื้นมุมปากมีเลือดซึมออกมา ร่างกำยำตามไปคว้าปลายคางมาบี
อาหลี่มาถึงจวนตระกูลลู่แล้ว ทว่าประตูกลับปิดเงียบ นางพยายามเคาะหลายครั้งก็ไม่มีคนเปิดลางสังหรณ์ไม่ดีก่อเกิดขึ้นในใจของอาหลี่ พระชายาอยู่ในจวนเพียงลำพัง กลัวก็แต่จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเรือนท้ายจวนอาหลี่เดินอ้อมกำแพงจวนลู่ เพื่อหาวิธีเข้าไปด้านในให้เร็วที่สุด และแล้วก็หาวิธีเข้าจวนลู่ได้ ใบหน้ากลมมนแหงนมอง ดอกกุ้ยฮวาที่บานเต็มต้น กิ่งของมันแผ่เข้าไปในจวนลู่พอดิบพอดี แบบนี้อาหลี่ก็สามารถปีนต้นไม้ แล้วกระโดดลงไปได้ ไม่รอช้ารีบปีนต้นไม้ขึ้นไปบนกำแพงทันทีทางด้านลู่ผิงถิงพลิกกายหลบปลายมีดแหลมคมไว้ได้ จากนั้นรีบวิ่งอ้อมไปหลังเตียงของเสี่ยวซี ทำให้ยามนี้มีเตียงกั้นกลางระหว่างนางกับบุรุษชุดดำผู้นั้น “ใครส่งเจ้ามา”“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”“เขาจ้างเจ้าเท่าใดข้าให้เจ้าสองเท่า” ลู่ผิงถิงเริ่มหว่านล้อม นางเห็นว่าบุรุษผู้นั้นทำท่าครุ่นคิดก็รีบเอ่ยเสริม “สังหารข้าที่เป็นพระชายาชินอ๋อง เจ้าคิดว่าจะหนีการจับกุมรอดหรือ ไม่สู้รับเงินจากข้าแล้วหนีไป”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ชินอ๋องเสเพลผู้นั้นจะมีปัญญามาทำอะไรข้าได้
Comments