Share

บทที่ 4

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่

“เจ้าเป็นใคร?”

“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”

มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด

“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”

กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่ง

ทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?

“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”

กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ

“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้ว

กู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบ

อาคารใหม่ที่จะเปิดลำดับถัดไป คือห้องครัวอาหารเลิศรส

นั่นก็หมายความว่า ขอเพียงนางพยายามกักตุนสินค้า ก็สามารถเปิดใช้งานห้องครัวอาหารเลิศรสได้แล้ว ไม่ต้องใส่อาหารเลิศรสเข้าไปด้วยตนเอง?

ให้ตายเถอะ ไม่ต้องสบายถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง!

กู้หว่านเยว่มีความสุขจนไม่สามารถหุบปากได้ ออกจากมิติแล้ว เห็นซูจิ่งสิงหมดสติไปอีกครั้ง ก็หยิบผงยาฆ่าเชื้อมาหนึ่งห่อ จากนั้นทาลงบนกล้ามท้องของเขา

ขณะเดียวกัน เสียงตะโกนเรียกสองสายก็ดังขึ้นห่างออกไปไม่ไกลนัก

“ท่านแม่!” “ท่านยาย!”

เพียงได้ยินเสียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบเงยหน้ามองออกไป ผู้มาเยือนก็คือบุตรีคนที่ห้าที่นางรักที่สุดซูหวู่อวิ๋นและบุตรีของนางหลี่ซือซือ

“หวู่อวิ๋นเอ๋ย เจ้ามาส่งพวกเราใช่หรือไม่?”

ฮูหยินผู้เฒ่าทอดสายตามองสัมภาระห่อใหญ่ข้างหลังนาง ครุ่นคิดในใจ มิได้เอ็นดูบุตรีคนนี้โดยเสียเปล่าดังคาด

ใครจะรู้ว่าซูหวู่อวิ๋นกลับร้องไห้ออกมาแล้ว “หลี่เปียวเขาไม่ใช่คน ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับจวนอ๋องแล้ว เขากลัวเดือดร้อนไปด้วย ถึงขั้นขอหย่าข้าแล้ว...”

ฮูหยินผู้เฒ่ายังดึงสติกลับมาไม่ได้ “มิใช่พูดว่าโทษไม่มีผลต่อลูกสาวออกเรือนแล้วหรือ?”

ซูหวู่อวิ๋นเช็ดน้ำตา “เขาเห็นข้าขวางหูขวางตาตั้งแต่แรกแล้ว รังเกียจข้าที่ไม่ให้กำเนิดลูกชาย อาศัยว่าสกุลซูของพวกเราเกิดเรื่องพอดี กังวลข้าตอแย ยังไปกราบทูลฝ่าบาทขอให้เนรเทศข้าไปพร้อมกับสกุลซูด้วย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเกือบโมโหจนหมดสติ ชี้ทางจวนสกุลหลี่พลางสาปแช่ง

“ซือซือเล่า หลี่เปียวไม่เอาแม้แต่ลูกสาวของตนกระนั้นหรือ?”

ดรุณีน้อยอายุราวสิบห้าสิบหกปีทางด้านข้าง ก็คือหลี่ซือซือ

ขอบตานางแดงก่ำ “ท่านพ่อต้องการเพียงลูกชาย ไม่ต้องการลูกสาว ไล่ข้าออกมาแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินว่าหลี่เปียวไร้เหตุผลถึงเพียงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธแทบตาย อยากถกแขนเสื้อบุกสกุลหลี่เสียให้ได้

ซูหวู่อวิ๋นและหลี่ซือซือกอดกันร้องไห้พักหนึ่ง จู่ๆ หลี่ซือซือก็หันมองทางเกวียนสีหน้ากังวล “เหตุใดญาติผู้พี่จิ่งถูกโบยจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเข้มขึ้น ไม่เปล่งวาจา

ซูหัวหลินกลับสบถด่าบ้านสามออกมาอย่างไม่คิดปิดบังต่อหน้าทุกคน “มิใช่เพราะเขาขายบ้านเมืองเพื่อความรุ่งโรจน์ ถูกฝ่าบาทสั่งโบยหรือ ล้วนต้องตำหนิเขา สกุลซูของพวกเราถูกเขาทำให้เดือดร้อนไปด้วย!”

หลี่ซือซือบีบนิ้วมือ “เรื่องนี้ ตำหนิญาติผู้พี่จิ่งไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นตำหนิใครได้เล่า?”

“ท่านยายและพวกท่านลุงอย่ารำคาญข้าเลย เมื่อครึ่งเดือนก่อน ข้าไปจุดธูปที่วัด ระหว่างทางบังเอิญพบนักพรตเต๋าท่านหนึ่ง

พูดว่าคุณหนูสกุลกู้มีดาวหายนะ จะนำพาภัยพิบัติมาสู่สกุลซูของพวกเรา

เมื่อนั้นข้ากลัวยิ่งนัก ทั้งยังได้เห็นฝ่าบาทพระราชทานสมรสก็ไม่กล้าพูด ใครจะรู้ ว่าจะกลายเป็นจริงเสียแล้ว...”

เพียงนางพูดถ้อยคำนี้ออกมา ทุกคนก็ล้วนหันมองทางกู้หว่านเยว่ สายตาพินิจพิเคราะห์อยู่บนตัวกู้หว่านเยว่ ต้องการหาหลักฐานว่านางคือดาวหายนะ

“เพราะเหตุนี้จวนโหวถึงต้องการตัดความสัมพันธ์กับนาง”

“ล้วนต้องตำหนินาง ที่ทำร้ายพวกเราแล้ว!”

เสียงสบถด่าของทุกคนในสกุลซูดังขึ้นมา สายตาจับจ้องกู้หว่านเยว่ อยากถลกหนังนางออกมาเสียให้ได้ โดยเฉพาะพวกฝ่ายชายอารมณ์วู่วามเหล่านั้น ยกกำปั้นเดินเข้าหากู้หว่านเยว่แล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ห้าม กู้หว่านเยว่ตัดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว ระหว่างเดินทางเนรเทศก็ไม่ลงแรงเลยแม้แต่น้อย ถูกตีก็สมควรแล้ว!

เห็นว่าคนเหล่านั้นใกล้เดินมาถึงหน้ากู้หว่านเยว่แล้ว ซูจื่อชิงที่หลบอยู่ข้างหลังนางหยางพลันโผล่พรวดออกมา

“พวกเจ้าห้ามรังแกพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า!”

เขายังไม่ลืมยามพี่ใหญ่และท่านแม่ถูกเจียงเต๋อจื้อรังแก มีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ออกมาช่วยเหลือ

เป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ พี่ใหญ่หมดสติยังไม่ฟื้น เขาต้องเป็นคนปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่!

ซูหัวหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ซูจื่อชิงเจ้าหลีกไปที่ด้านข้าง พวกเราสกุลซูถูกนางทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ วันนี้จะต้องสั่งสอนนางให้ได้!”

“พวกเราสกุลซูถูกใส่ความ หาใช้ถูกพี่สะใภ้ใหญ่ทำร้ายไม่ ข้าไม่หลีก”

“ไม่หลีกก็จะตีเจ้าไปพร้อมกันเสียเลย”

ซูหัวหลินเองก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือออกไปผลักซูจื่อชิงให้พ้นทาง กู้หว่านเยว่รีบถลันเข้าไปรับคน ขณะเดียวกันก็จับข้อมือของซูหัวหลิน หักแรงๆ

“ให้ตายเถอะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว...”

ซูหัวหลินจับข้อมือที่ถูกหักพลางร้องไห้ตะโกนหามารดา นางเฉียนและลูกชายอีกสองคนรีบถลันขึ้นไป

“นางแพศยาหาญกล้าทำร้ายท่านพ่อ (สามี) ข้า เจ้าจะได้เห็นดี...”

มองเห็นคนกลุ่มนั้นของบ้านรองถลันขึ้นมา กู้หว่านเยว่กลับไม่ว้าวุ่น หนึ่งมือดึงซูจื่อชิงไปไว้ข้างหลัง หนึ่งมือจับคอเสื้อเหวี่ยงพวกเขาแรงๆ ล้มลงตรงหน้าหลี่ซือซือ

ถัดมาเดินเข้าไปตบหลี่ซือซือสองฉาด

“สร้างเรื่องเท็จมีความสุขมากกระมัง ถูกตบมีความสุขหรือไม่เล่า?”

หลี่ซือซือคนนี้มาทีหลัง สายตาจับจ้องซูจิ่งสิงอยู่ตลอด ดึงก็ดึงออกมาไม่ได้ คิดว่านางกู้หว่านเยว่เป็นคนโง่หรืออย่างไร?

ในต้นฉบับนิยาย หลี่ซือซือหลงรักซูจิ่งสิง แต่น่าเสียดายซูจิ่งสิงยังไม่ทันเดินทางก็พิษกำเริบตายไปแล้ว

ท้ายที่สุด นางแต่งงานกับบุตรสายตรงของบ้านใหญ่ซู ก็มิได้ทำให้เจ้าของร่างเดิมลำบาก บัดนี้เห็นว่าชะตาชีวิตของซูจิ่งสิงถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว น่ากลัวว่าภายภาคหน้าต้องเกิดปัญหาเป็นแน่

แต่ คิดสร้างปัญหาบนตัวนางกู้หว่านเยว่? ฝันไปเถอะ

หลี่ซือซือถูกตบจนงุนงงแล้ว หลั่งน้ำตาดุจดอกสาลี่ต้องหยาดพิรุณ “นางบ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ เจ้าพูดเลื่อนเปื้อน ข้ามิได้...”

สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าดำทะมึน “นางกู้ เจ้าจะก่อกบฏหรือ!”

“ก่อกบฏ? ท่านนับเป็นอันใด ท่านเป็นฮ่องเต้หรือ ท่านเองก็คู่ควร?”

ปากของกู้หว่านเยว่นี้สามารถทำให้คนโมโหตายได้

อาศัยนางมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง สกุลซูไม่กล้าขยับขึ้นมาแม้คนเดียว ทำได้เพียงสบถด่าสาปแช่งนางอยู่ไม่ไกล

ด่าก็ด่า อย่างไรเสียก็ไม่มีเนื้อชิ้นใดตกไป กู้หว่านเยว่ไม่สนใจ

ขณะเดียวกัน นักการในศาลาว่าการก็ตะโกน “นักโทษจัดเรียงแถวให้ดี เตรียมออกเดินทางแล้ว”

ได้ยินว่าใกล้จะออกเดินทางแล้ว เสียงร่ำไห้บนเนินเขาสิบลี้ยังมิอาจระงับไหว ไม่ว่าญาติที่มาส่งหรือนักโทษถูกเนรเทศล้วนร่ำไห้คร่ำครวญ

กาลข้างหน้ามิอาจคาดเดา ไม่มีวันกลับมาเมืองหลวงได้อีกแล้ว...

ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ ทุกคนถูกนักการในศาลาว่าการเร่งให้เดินทาง

บ้านสกุลซูเหล่านั้นเดินอยู่ข้างหลังสุด ปกติพวกเขาล้วนใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล บนเท้าเกิดตุ่มน้ำพองอย่างรวดเร็ว เจ็บปวดทุกย่างก้าว

“เดินมานานถึงเพียงนี้แล้ว ไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือ อยากทำให้พวกเราเหนื่อยตายใช่หรือไม่?”

คนมากมายยังมิอาจแก้อุปนิสัยของขุนนางผู้สูงศักดิ์ เหนื่อยจนทนไม่ไหวแล้วก็อ้าปากบ่นๆ ด่าๆ นางหลิวไม่ชอบออกกำลังกายร่างกายอ้วนท้วมอยู่บ้าง บัดนี้เหนื่อยมากแล้ว

ดวงตานางกลิ้งกลอก อุทานไอหยาเสียงหนึ่งก็ล้มลงแกล้งหมดสติบนพื้น

ทุกคนมีแบบอย่างก็เลียนแบบ คิดอยากล้มลงไปด้วย ใครรู้นักการในศาลาว่าการรีบหยิบแส้เข้าไปแล้วฟาดลงบนตัวนางหลิวทีหนึ่ง

“หมดสติแล้วหรือ? ข้าเชี่ยวชาญรักษาอาการหมดสติยิ่งนัก รีบลุกขึ้นมาแล้วเร่งเดินทาง หาไม่แล้วจะตีเจ้าให้ตาย!”

นางหลิวเจ็บจนร่ำไห้โอดครวญ กลิ้งบนพื้นขอความเมตตา นักการในศาลาว่าการกลับไม่ใจอ่อน นักโทษถูกเนรเทศตายกลางทางบ่อยครั้ง ขอเพียงไม่ตายทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ติดตามต่อ ๆๆๆๆ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
เพิ่งเข้ามา ก็ก่อเรื่อง สร้างความแตกแยกซะแล้ว อยากได้ญาติผู้พี่ละสิ
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณมากค่ะสนุกมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1916

    ถึงแม้ข้างกายข้าจะไม่ขาดคน แต่ในเมื่อองค์หญิงน้อยเป็นผู้แนะนำ เช่นนั้นก็รับไว้ ให้เขาอยู่ทำงานกับข้าก็แล้วกันถูซื่อดีใจจนเนื้อเต้น “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณองค์หญิงน้อย”ฮั่วหยุนกล่าว “เจ้าตามข้ามา”ถูซื่อพยักหน้า รีบเดินตามหลังอีกฝ่าย และจากไปพร้อมกันเมื่อเห็นฮั่วหยุนพาชาวบ้านเหล่านั้นจากไป กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังซูจิ่งสิง “ท่านพี่ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”“ข้ามีค่ายทหารอยู่ใกล้ ๆ พวกเราไปพักผ่อนที่นั่นกันก่อน”ซูจิ่งสิงกล่าวพลางหันไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่เบื้องหลัง ให้นำคบเพลิงมาจุดไฟเผาอุโมงค์เหมือง“ไปกัน”เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ด้านหลัง ซูจิ่งสิงก็ยื่นมือให้กู้หว่านเยว่ โอบนางขึ้นบนหลังม้าแล้วทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว“นี่ พวกท่านรอข้าด้วยสิ” หนานโย่วตะโกนไล่หลัง รีบปีนขึ้นม้าอย่างทุลักทุเล จากนั้นตามพวกเขาไปทั้งสองคนขี่ม้าเร็วสีเงินขาวตัวเดียวกัน กู้หว่านเยว่ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจเช่นนี้มาก่อน นางเอนกายพิงอกของซูจิ่งสิงอย่างเกียจคร้าน หรี่ตามองไปข้างหน้า สัมผัสถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ด้านหลังนางหันกลับมายิ้มอย่างสดใส ประกอบกับชายหนุ่มผู้เย็นชาและ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1915

    อย่างไรเสีย เขามายังที่ราบแห่งความโกลาหลก็เพื่อกู้หว่านเยว่ ย่อมไม่ทำร้ายสหายของนางอย่างแน่นอน“เก็บอาวุธทั้งหมดขึ้นมา”ซูจิ่งสิงออกคำสั่ง ทหารที่อยู่เบื้องหลังก็รีบเก็บธนูในมือ และถอยกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกันหนานโย่วกลืนน้ำลาย รีบมายืนอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของซูจิ่งสิง เขาก็หัวเราะฮ่า ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม สมกับที่เป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ ”ซูจิ่งสิงละสายตากลับ “องค์ชายรองเกรงใจเกินไปแล้ว”เขามองไปยังกู้หว่านเยว่ “น้องหญิง เรื่องวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ ตลาดมืดจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถิด”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หนานโย่ว ท่านจะกลับไปก่อนพร้อมกับแม่ทัพฮั่ว หรือว่าจะไปกับข้า?”จุดประสงค์หลักของพวกเขาในครั้งนี้คือการช่วยชาวบ้านที่ถูกหลอกมา ตอนนี้ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลือแล้ว ภารกิจก็ลุล่วง ถึงเวลากลับไปรายงานแล้วฮั่วหยุนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “องค์ชายรอง ขุมกำลังทางใต้นั้นเป็นแหล่งรวมคนสารพัดประเภท ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะอยู่นาน พวกเรารีบกลับกันเถิดพ่ะย่ะค่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1914

    อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันมากเกินไปทุกคนต่างรู้จักกาลเทศะ ไม่มีใครก้าวเข้าไปรบกวนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงโอบกอดกันต่อหน้าผู้คนเนิ่นนานเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา พวกเขาต่างดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ทั้งสองจึงคลายอ้อมกอดออกจากกัน แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือ ทั้งสองยังคงจ้องมองอีกฝ่าย เพื่อค้นหาความเปลี่ยนแปลงของกันและกันในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอ“น้องหญิง เจ้าผอมลงแล้ว”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไป ปัดปอยผมข้างหูให้กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน สัมผัสได้ชัดเจนว่านางดูผอมลงไปไม่น้อย“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเขินอาย น้ำเสียงออดอ้อน “ท่านก็เปลี่ยนไปบ้างเช่นกัน”ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของการต่อสู้ที่โชกเลือดออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขามาถึงที่ราบแห่งความโกลาหลโดยไม่มีที่พึ่งพิง แต่กลับอาศัยเพียงตนเองจนกลายเป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ได้ในเวลาอันสั้น ในช่วงเวลานั้นคงต้องประสบความยากลำบากมาไม่น้อยกู้หว่านเยว่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไปอีกสองส่วน“แต่ก็ยังคงเป็นสามีของข้า”แม้ว่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1913

    กู้หว่านเยว่ในยามนี้ ลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังอยู่ในอุโมงค์เหมืองทางทิศใต้ นางลืมไปแล้วว่ารอบกายอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ ในวินาทีที่ได้เห็นชายผู้นั้น ดวงตาของนางก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นใดได้อีก ราวกับว่าทั่วทั้งฟ้าดิน เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นในนัยน์ตาสีดำของนางฉายแววสงสัย ตกตะลึง ยินดี และสุดท้ายก็ถูกความรู้สึกอุ่นใจเข้ามาทำให้ทุกอย่างสงบลง“ซูจิ่งสิง ใช่ท่านหรือไม่?”นางขยับริมฝีปากแดงระเรื่อ เอ่ยชื่อที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ และไม่กล้าแตะต้องมาโดยตลอดออกมาดวงตาทั้งสองจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงตา และถ้านางส่งเสียงดังขึ้นอีกนิด ภาพลวงตานี้ก็จะแตกสลายไปแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมา นางจะคิดอยู่ตลอดว่า หัวหน้าของกองทัพซินเยว่จะเป็นเขาหรือไม่แต่เหตุผลกลับคอยย้ำเตือนว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร?เขายังคงยุ่งอยู่กับการดูแลราษฎรในต้าฉีและปกครองบ้านเมือง จะมาหานางได้อย่างไร จะข้ามผ่านป่าซิงโตวมาได้อย่างไร?อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความตกตะลึงของกู้หว่านเยว่ ชายที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่ได้รีบร้อน แต่กลับยกมือขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาววางลงบน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1912

    “ระบบ ช่วยข้าตรวจนับสมบัติที แล้วนำของที่ดูออกว่าเป็นของโจรชัด ๆ ไปลงในแพลตฟอร์มซื้อขาย”กู้หว่านเยว่สั่งการ คนของหนานโย่วน่าจะมาถึงแล้ว“ขอรับ” น้ำเสียงของระบบพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาดทหารม้าของกองทัพซินเยว่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงครู่เดียว ก็สามารถกำจัดหน่วยลาดตระเวนที่ปากถ้ำได้ทั้งหมด ขณะนี้ ชาวบ้านที่อยู่ข้างในก็เพิ่งหาทางออกเจอและวิ่งออกมา เมื่อเห็นศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่นอกถ้ำ ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด “คนตายแล้ว คนตายแล้ว!”“รีบหนีเร็ว!”ทุกคนต่างพยายามวิ่งออกไปข้างนอกหนานโย่วหายใจติดขัด เขามองไปยังคนของกองทัพซินเยว่ ที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่ออะไร หากพวกเขามาเพื่อสังหารชาวบ้าน ก็คงไม่ดีแน่ยังดีที่ชายผู้เป็นหัวหน้าโบกมือ คนของกองทัพซินเยว่ก็ถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียง เปิดทางให้ชาวบ้านเหล่านี้“กลับไปยังมาตุภูมิของพวกเจ้าเถิด ต่อไปอย่าได้ถูกหลอกอีก”ชายผู้นั้นเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มลึกน่าฟังเป็นพิเศษเหล่าชาวบ้านเพิ่งจะตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วชายผู้นี้มาเพื่อช่วยพวกเขา ต่างก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยชีวิตพวกเร

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1911

    วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทีแรกเหล่าสหายที่อยู่นอกอุโมงค์เหมืองก็หมดสติไปครึ่งหนึ่งโดยไร้สาเหตุ จากนั้นก็มีกองทัพหนึ่งกองทัพมาอีก หรือว่าพวกเขาไปล่วงเกินใครเข้าโดยไม่ตั้งใจ?หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคิดไปในทิศทางเดียวกับหนานโย่วอย่างรวดเร็ว เขาคาดเดาว่าที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะพวกเขาลักพาตัวคนที่ไม่ควรลักพาตัวหรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้“เฮ้ย!”หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนโบกมือทั้งสองข้าง พยายามจะเจรจา“อย่าเพิ่งวู่วาม มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ พวกท่านต้องการอะไรก็บอกมาดูก่อนหากพวกเราพอจะทำให้ได้ ก็จะพยายามอย่างเต็มที่”เขาคิดว่า หากพลาดพลั้งจับคนของอีกฝ่ายมาผิด ก็แค่ปล่อยตัวไป ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินกองทัพทั้งกองทัพ เพื่อคนเพียงคนเดียวหากเป็นที่รังเก่าของพวกเขาอย่างตลาดมืด แน่นอนว่าย่อมไม่กลัวกองทัพเพียงกองทัพเดียวทว่าวันนี้ในอุโมงค์เหมืองของพวกเขาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมากเกินไป เขาจึงกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีไม้ตายอยู่อีกสู้จับมือเป็นมิตรอาจจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจได้สหายเพิ่มขึ้นมาอีกคนชายที่อยู่บนหลังม้าสีเงินขาวพลันยกมือซ้ายขึ้นเล็กน้อย ทหารม้าที่อยู่ด้านหลังก็หยุดลงอย่าง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status