ตอนที่ 3 ท้อง
รุ่งเช้าวันต่อมา
ฉินหรูอี้แต่งตัวพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่งเดินออกจากบ้านเช่าทำตามแผนที่เธอตั้งใจเอาไว้ เธอไม่อยากข้องเกี่ยวและพบเจอกับเทียนเฉินเลยเลือกที่จะลาออกจากโรงงานของเขา แม้ว่าเขาไม่ได้เข้าที่โรงงานทุกวันแต่ก็คงได้พบกันอยู่ดี เธอจึงเลือกลาออกจากที่นั้นเพื่อทำงานตามที่ตัวเองคิดไว้ เธอไม่กลัวอดตายหรือหางานไม่ได้เพราะตอนนี้เธอมีมิติในมือเธอเลือกที่จะเปิดร้านขายของมีธุรกิจเป็นของตัวเองจะได้ร่ำรวยดีกว่า
เธอจัดการเรื่องลาออกเสร็จเดินดูตลาดของยุคสมัยนี้เห็นทุกอย่างยังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่นัก หากเธอเลือกที่จะเปิดร้านขายของกิน เธอก็ไม่ชอบทำเท่าไหร่นักเลยคิดว่าทางเดียวที่เธอจะสบายคือการเปิดร้านขายของชำ เธอใช้เวลาทั้งวันเลือกร้านที่เธอจะเช่าอยู่และเปิดกิจการไม่ว่าที่ไหนก็ไม่เหมาะที่จะเปิดร้าน จนมาเห็นที่ที่หนึ่งที่มีผู้คนพลุ่นพล่านมากที่สุดคือย่านโรงงานใหญ่ของไป๋เทียนเฉิน
“เอาน่าไม่ว่าที่ไหนก็ไม่น่าเหมาะสมเท่าตรงนี้อีกแล้ว คงยากที่จะได้พบเจอเพราะคนอย่างเทียนเฉินคงไม่มาซื้อของที่ร้านเล็ก ๆ ของฉันอย่างน้อยฉันคงได้ขายให้คนงานในโรงงานของเขา " เธอคิดในใจก่อนจะเดินเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งที่ติดป้ายปล่อยให้เช่า แม้จะเป็นบ้านที่เก่าทรุดโทรมแต่ถ้าเธอใช้ของในมิติตกแต่งต่อเติมคงน่าดึงดูดมากกว่าเดิม ราวกับว่าสวรรค์เมตตาเธอเข้าไปคุยกับเจ้าของบ้านไม่นานก็ตกลงการเช่าได้อย่างราบรื่น ก่อนจะออกจากบ้านฉินหรูอี้นำเครื่องประดับออกมาจากมิตินำไปขายเพื่อมาเช่าพื้นที่ที่เธอต้องการ ตอนนี้เธอมีเงินมาจำนวนหนึ่งจึงวางการเช่าบ้านไว้หนึ่งปี
3 เดือนต่อมา
ฉินหรูอี้มาอยู่ในร่างของเหยียนเสี่ยวหลิงเริ่มคุ้นเคยกับยุคสมัยนี้เธอเปิดร้านขายของและก็เป็นที่น่าพึงพอใจร้านของเธอขายดีมาก ๆ มีลูกค้ามากมายที่เข้ามาซื้อของใช้ต่าง ๆ แถมยังเป็นที่พูดถึงเรื่องของใช้ที่แปลก ๆ และใหม่และคุณภาพดีทำให้ร้านของเธอกิจการรุ่งเรือง
“พี่เสี่ยวหลิงช่วงนี้เหมือนพี่นอนไม่ค่อนหลับหรือเปล่าคะ ทำไมสีหน้าถึงดูไม่ค่อยดีเลย” เสียงของเด็กในร้านถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของผู้เป็นเจ้านาย ร้านค้าเมื่อมีลูกค้ามากขึ้นเสี่ยวหลิงจึงจ้างเด็กสาวที่กำลังหางานอยู่มาช่วยขายของและจัดของในร้าน
“ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับนะ นั่งพักสักหน่อยคงดีขึ้นเธอไปช่วยจัดของขึ้นชั้นให้ฉันหน่อยสิ” เสี่ยวหลิงนั่งลงที่เก้าอี้ปัดมือให้เฉี่ยวซือไปช่วยจัดของ ช่วงนี้ร่างกายของเธอเปลี่ยนไปจริง ๆ ไม่ว่าเธอจะนอนเท่าไหร่เหมือนนอนไม่พอ แถมช่วงนี้เธอยังเบื่ออาหารอีกด้วยคงเป็นเพราะเธอใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ร้านเลยไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่นัก
“ฉันคงต้องหาซื้อยาบำรุงร่างกายมากินหน่อยแล้ว เฉี่ยวซือวันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยนะเธอจัดของตรงนั้นเสร็จก็กลับบ้านได้เลย”
“ได้ค่ะพี่เสี่ยวหลิง” เด็กสาวรีบจัดของเข้าชั้นอย่างตั้งใจ
ทว่าตอนนั้นเองเสี่ยวหลิงลุกขึ้นจะไปช่วยเธอจัดของจู่ ๆ เธอเกิดหน้ามืดเสมือนร้านของเธอหมุนได้และล้มลงกับพื้น เฉี่ยวซือเห็นรีบวิ่งเข้ามาประคองด้วยความห่วงใย
“พี่เสี่ยวหลิงเกิดอะไรขึ้น มีใครอยู่แถวนี้มั้ยช่วยด้วย " เฉี่ยวซือรีบประคองเรียกร้องให้คนแถวนั้นเรียกรถพยาบาลไม่นานรถพยาบาลได้มาพาตัวเสี่ยวหลิงที่ไร้สติไปที่โรงพยาบาล เฉี่ยวซือรีบปิดร้านและตามเธอไปที่โรงพยาบาลด้วยเช่นกัน
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลไม่นานนักคุณหมอมาตรวจร่างกายและได้รู้ว่าที่เสี่ยวหลิงเป็นลมเกิดจากสาเหตุอะไร เฉี่ยวซือยังคงเฝ้าเสี่ยวหลิงจนกว่าเธอจะฟื้นถึงจะกลับบ้าน เสี่ยวหลิงรู้สึกตัวลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมากวาดสายตาจ้องมองเพดานสีขาวไม่คุ้นชินเลยสักนิดสักพักเธอก็ได้ยินเสียงเรียกของเฉี่ยวซือดังขึ้น
“พี่เสี่ยวหลิงพี่ฟื้นแล้ว ฉันตกใจหมดเลยที่เห็นพี่เป็นลมล้มลงต่อหน้าโชคดีนะที่พี่กับเด็กในท้องไม่เป็นอะไร” เสี่ยวหลิงแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองหรือว่าเฉี่ยวซือพูดผิดเธอจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เมื่อครู่เธอว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ค่อยถนัด”
“ฉันบอกว่าโชคดีที่พี่กับลูกในท้องของพี่ไม่เป็นอะไร ฉันดีใจด้วยนะคะตั้งแต่รู้จักและมาทำงานที่ร้านของพี่ไม่เคยจะเจอแฟนของพี่เลย เขาคงจะดีใจมากที่พี่ท้องแล้ว” ราวกับเสียงฟ้าผ่าทุกคำพูดของเฉี่ยวซือกึกก้องอยู่ในหู เสี่ยวหลิงเบิกตาโพลงโตใบหน้าซีดเผือกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าประจำเดือนเธอไม่มาสองเดือนแล้วตั้งแต่ที่เธอทะลุมิติมาที่นี่
“มะ..มะไม่จริงหรอกเธอต้องได้ยินคุณหมอพูดผิดแน่ ๆ”
“ไม่ผิดแน่นอนค่ะ นี่ยาบำรุงที่คุณหมอจัดเอาไว้ให้ในเมื่อตอนนี้พี่ฟื้นแล้วให้ฉันไปส่งพี่ที่บ้านดีมั้ยคะ” เฉี่ยวซือพยุงตัวเสี่ยวหลิงลุกขึ้นนั่งเธอจ้องมองไปด้านนอกท้องฟ้ามืดสลัวหมดแล้ว
“เธอกลับบ้านไปพักเถอะแค่นี้ก็รบกวนเธอมากแล้ว ส่วนเรื่องที่ฉันท้องฉันอยากจะขอให้เธอเก็บเป็นความลับอย่าพึ่งพูดไปไหน”
“ได้ค่ะอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะพรุ่งนี้เจอกันใหม่” เฉี่ยวซือโบกมือลาก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
‘ฮึ! เรื่องบ้าอะไรกันแค่ทะลุมิติมาที่นี่ก็แย่พอแล้วแต่ฉันดันท้องอีก แถมยังท้องกับผู้ชายที่นอนด้วยแค่คืนเดียว แต่เอาเถอะลูกแค่คนเดียวฉันเลี้ยงได้ ในเมื่อเด็กอยากมาเกิดฉันจะดูแลเอง’ เสี่ยวหลิงคิดในใจลุกขึ้นเดินไปหาคุณหมอก่อนจะได้รู้ว่าตอนนี้เธอท้องได้สองเดือนแล้ว เสี่ยวหลิงพาตัวเองกลับมาที่บ้านเธอใช้มือลูบที่ท้องอย่างเบามือ ต่อจากนี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวแต่ต้องรับผิดชอบชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดในตอนนี้ด้วย
“แม้ว่าฉันไม่เคยเป็นแม่ แต่ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเท่าที่ฉันจะทำได้นะ ตอนแรกฉันจะต้องหาของมาบำรุงหน่อยแล้ว” เสี่ยวหลิงคิดได้ก็นึกถึงของในยุคปัจจุบันยาบำรุงมากมายที่ดีต่อคนท้อง ของก็ปรากฏต่อหน้าเธอเต็มไปหมด
ตอนที่ 32 ความเจ็บปวดที่งดงามเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้วเสียอีก ความเจ็บปวดของการเบ่งลูกเป็นการเจ็บปวดเจียนตายจริง ๆ แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกน้อย เธอแทบลืมความเจ็บปวดนั้นไปจนหมดสิ้น“ตื่นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้างเจ็บแผลมากหรือเปล่า” “แม่ไป๋มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“ฉันมาตั้งแต่เธอเข้าห้องคลอดแล้วล่ะ เหนื่อยมากสินะเธอหลับตั้งแต่คลอดลูกเสร็จและตื่นขึ้นในอีกวันเลย ฉันเฝ้าเธอทั้งคืนกลัวว่าเธอจะไม่ตื่นมาซ่ะแล้ว เกือบจะออกไปตามหมอมาตรวจดูเธอดีนะที่เธอตื่นขึ้นมาก่อน”“แล้วลูกละคะ เด็กเป็นอย่างไรบ้าง”“นี่ไงเล่าเจ้าตัวเล็ก ดีที่มีพยาบาลมาคอยช่วยดูและป้อนนมให้ไม่อย่างนั้นคงร้องทั้งคืน ส่วนเทียนเฉินเขาจะเฝ้าเธออยู่ที่นี่แต่ฉันไม่ไว้ใจกลัวจะดูแลกันไม่ดี แถมยังไม่เคยเลี้ยงเด็กอีกด้วยเลยให้กลับไปพักที่บ้านนะ นี่ก็คงจะเดินทางมาแล้วล่ะคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ๆ” แม่ไป๋อุ้มเด็กทารกตัวเล็กแต่เนื้อหนังเต็มไม้เต็มมือแถมยังมีแก้มที่ใหญ่จนแทบปิดจมูกหน้าตาน่าเกียจน่าชังมาวางไว้ที่แขนของเสี่ยวหลิงให้เธอได้กอดลูกสาว วินาทีนั้นน้ำตาของเธอไหลรินออกมาด้วยความตื้นตันเมื่อเห็น
ตอนที่ 31 หนีไม่พ้นกฎหมายเทียนเฉินเห็นมู่หวางฉีหลบเขารีบพาเสี่ยวหลิงมาหลบหลังรถเช่นเดียวกัน พวกพ้องของคุณพ่อก็รีบพากันหลบกระสุนกลัวจะโดนลูกหลง เสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าทุกคนพร้อมทหารหลายนายถืออาวุธมาเต็มมือไปหมด“ฉันคือนายพลเว่ยถิงชิง ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของเขตมณฑลเจียงซีและมณฑลเติ่งหัว วางอาวุธและยอมจำนนแต่โดยดีหากไม่อยากสูญเสียไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้ทหารของหน่วยเราล้อมรอบไว้หมดแล้ว” นายพลเว่ยเดินลงรถมาอย่างไม่เกรงกลัว เทียนเฉินเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของเขามาช่วยทันเวลาพอดี“ฮ่า ฮ่าคิดว่าใครที่แท้ก็นายพลเว่ยนี่เอง เรื่องที่เกิดขึ้นมันแค่เรื่องเข้าใจผิดและเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เห็นต้องให้ท่านนายพลมาที่นี่ด้วยตัวเองเลย”“เลิกพูดจาไร้สาระยังไม่รู้ตัวอีกหรือที่ฉันมาที่นี่เพราะอะไร อาวุธที่ถืออยู่เป็นอาวุธที่ไม่มีใครสามารถมีได้ง่าย ๆ มองจากสายตาแล้วไม่ใช่มีแค่อันเดียวลูกน้องด้านหลังก็ยังถืออาวุธสงครามครบมือ แบบนี้เรียกเล็กน้อยหรือ ? ตอนนี้ทางการมีหลักฐานที่คุณไปจับมือกับองค์กรมืด ฉันได้ดำเนินการจัดการตัดแขนตัดขาทุกเส้นทางแล้ว ยอมจำนนเสียเถอะอย่า
ตอนที่ 30 ช่วยเสี่ยวหลิงตอนนี้ทุกคนรู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงผ่านซ่งเถา บอดี้การ์ดที่มีฝีมือต่างพากันเดินทางไปช่วยเหลือเสี่ยวหลิงไป๋ฟู่หนานสั่งให้คุณนายไป๋รออยู่ที่บ้านเผื่อว่านายพลเว่ยจะเข้ามาจะได้บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นให้เขารีบตามไปช่วยอีกแรง ส่วนเขารีบไปหาเพื่อนที่ร้านบะหมี่ ความเป็นเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อนขอความช่วยเหลือรีบสั่งให้ภรรยาปิดร้านเขากับพรรคพวกแก๊งมังกรบะหมี่ไฟพากันยกพวกไปช่วยเสี่ยวหลิงอีกแรงโกดังร้าง“นังเสี่ยวหลิงเป็นยังไงบ้างอดข้าวอดน้ำมาทั้งวันยังแรงดีอยู่มั้ย”“เมื่อครู่ผมเข้าไปดูเหมือนว่าตอนนี้จะดูอิดโรยหมดแรงไปแล้วครับ” “เอาน้ำไปสาดมันสิ เมื่อเช้ายังปากดีอยู่เลย”“ได้ครับท่าน” มู่หวางฉีเดินเข้ามาเห็นสภาพของเสี่ยวหลิงที่นั่งพิงเสาอยู่ริมฝีปากแห้งเหือดขาดน้ำ เขาเดินไปเอาเท้าเขี่ยเธอเพื่อเรียกให้เธอตื่น“นี่นังเสี่ยวหลิงอย่ามาสำออย อดน้ำอดข้าวยังไม่ถึงวันเลยจะมาตายง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง” แท้ที่จริงเสี่ยวหลิงไม่ได้อดอย่างที่มู่หวางฉีเข้าใจแต่เธอแค่แสร้งเท่านั้น มีมิติจะปล่อยให้ตัวเองอดอยากทำไมกัน เธอวางแผนที่จะหนีในคืนนี้ด้วยการนำยาสลบแบบควันโยนใส่ชายฉกรรจ์ที่เ
ตอนที่ 29 รู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงร้านบะหมี่เก่า ๆ แต่มีคนเข้าตลอดทั้งวัน ขายดิบขายดีเพราะความอร่อย ไป่ฟู่หนานนั่งลงที่เก้าอี้หมางเฟยเดินออกมาต้อนรับเมื่อเห็นใบหน้าของสหายเก่าเขายิ้มกว้างพูดเสียงดังเดินเข้ามากอดด้วยความคิดถึง“โฮ๊ะ ๆ คิดว่าใครที่แท้ก็สหายเก่าของฉันนี่เอง สบายดีมั้ยเป็นยังไงมายังไงถึงได้มาที่นี่ได้”“ฉันสบายดีแต่ตอนนี้เริ่มไม่สบายแล้วที่มาวันนี้เพราะอยากขอความช่วยเหลือจากนายสักหน่อย”“นายต้องการให้พ่อค้าขายบะหมี่ช่วยเหลืออะไร นายมันร่ำรวยเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่โตคงมิใช่มายืมเงินหรอกนะ ฮ่า ฮ่า” ตามประสาเพื่อนหมางเฟยพูดทีเล่นทีจริงแต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเคลียดของเพื่อนกลับหุบยิ้มทันทีและเรียกหาภรรยา“เว่ยเว่ยช่วยดูหน้าร้านให้ฉันสักครู่ก่อนนะ ส่วนนายตามเข้ามา” เนื้อเสียงเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบเดินนำหน้าไป๋ฟูหนานเข้าไปด้านใน"เรื่องอะไรที่ทำให้นายไม่สบายใจ"“ตอนนี้ลูกสะใภ้ของฉันถูกจับตัวไป ฉันไปแจ้งความก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันีปัญหากับตระกูลมู่ นายรู้บ้างมั้ยว่าตระกูลมู่ติดต่อกับองค์กรมืดฉันอยากจะให้นายช่วยตามหาลูกสะใภ้ฉันที ตอนนี้เธอท้องแก่ใกล้คลอดฉัน
ตอนที่ 28 ค่อย ๆ ทรมานตึง ตึง ตึงเจี้ยวจ้าว ๆเสียงฝีเท้าคนมากมายเดินไปมาพร้อมกับเสียงพูดกันมากมาย ทำให้ร่างบางสะลึมสะลืมยกเปลือกตาที่หนักอึ้งกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำกำลังจะเดินออกมาจากนั้นทุกอย่างดับวูบไปหมด ทว่าตอนนี้เธอกลับปวดเนื้อปวดตัวเหมือนระบมไปทั้งตัว‘อึดอัดจังเหมือนฉันโดนมัดยังไงอย่างนั้น’ เสี่ยวหลิงคิดในใจก่อนที่จะลืมตามองชัด ๆ เธอถูดมัดเอาไว้ติดเสาขนาดใหญ่ ในโกดังร้างที่มองไปทางไหนมีแต่ฝุ่นคละคลุ้มเต็มอากาศ ชายฉกรรจ์น่ากลัวมากมายหลายคนที่ยืนเฝ้าอยู่ล้อมรอบไปหมด“อะไรกันอย่าบอกนะว่าฉันถูกหลักพาตัว” เสี่ยวหลิงตระหนักได้ถึงเรื่องน่าเกลงกลัว ร่างเล็กสั่นสะท้านไปถึงด้านในหรือว่านี่จะเป็นจุดจบของเธอ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในนิยายตอนจบยังไงเธอก็หนีไม่พ้นความตายอยู่ดี ใจของเธอเต้นแรงมากกว่าเดิม ความกลัวเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาภายในจิตใจ“ฟื้นแล้วสินะ ใบหน้าก็สวยไม่น่าเลือกที่จะขัดใจคุณหนูของเราเลย เสียดายเสียจริง” เสียงเข้มขรึมดังขึ้นเมื่อเห็นเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมา“พวกแกเป็นใครจับฉันมาทำไมฉันไปทำอะไรให้ หรือว่านี่เป็นฝีมือของหรูเหยา”“ฉลาดดีนิแต่นี่ไ
ตอนที่ 27 ลักพาตัวบ้านตระกูลไป๋เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสระหว่างสองวันที่ผ่านมาเสี่ยวหลิงอยู่กับครอบครัวของเทียนเฉินได้รับการเอาอกเอาใจ การเคลื่อนไหวของฝั่งนั้นก็เงียบสงบ จนวันนี้คุณนายไป๋ชักชวนเสี่ยวหลิงออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเตรียมของใช้เด็กอ่อนเข้าบ้าน“เสี่ยวหลิววันนี้เราออกไปข้างนอกกันมั้ย? ฉันคิดว่าเราควรซื้อของเตรียมเอาไว้ได้แล้ว ยังไม่มีของใช้เด็กอ่อนเลยหากไม่เตรียมไว้เกิดจู่ ๆ คลอดคืนนี้จะทำยังไง”“ไม่ได้ฉันไม่ให้ออกไปยิ่งตอนนี้เทียนเฉินไม่อยู่ด้วย ความปลอดภัยของทุกคนสำคัญมากกว่าเอาไว้เทียนเฉินกลับมาค่อยออกไป” ไป๋ฟู่หนานพูดขึ้นทันควันไม่อยากให้ทั้งสองออกไปข้างนอกเพราะเป็นห่วง“กลางวันแซก ๆ ไม่มีใครเขาลงมือกันหรอกนะ อีกอย่างเราไม่ได้ออกไปสองคนสักหน่อยยังมีบอดี้การ์ดตั้งหลายคนคอยตามประกบหน้าประกบหลัง หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ออกไปด้วยกันสิ” คุณนายไป๋ยังไม่ยอมดึงดันที่จะไปข้างนอก จนพ่อของเทียนเฉินใจอ่อน“เอาย่างนั้นก็ได้ แต่ห้ามทั้งสองเดินเพ่นพ่านให้เดินจับกลุ่มกันไว้ เพิ่มบอดี้การ์ดสิบคนกำลังดี”“ดีเลย หนูเสี่ยวหลิงอยากได้อะไรหยิบได้เต็มที่เลยนะอะไรที่เป็นของใช้หลานฉันจะจ่ายเอง”