ตอนที่2 ระบบมิติ
หลังจากที่ฉินหรูอี้มาถึงบ้านหลังเล็กที่เธอเช่าอยู่เธอกวาดสายตาจ้องมองไปจนทั่วห้องทุกอย่างช่างสกปรกและไม่เป็นระเบียบนี่หรือชีวิตนางร้ายในนิยาย
“อะไรกันทำไมบ้านถึงได้รกเหมือนรังหนูแบบนี้ก็รู้อยู่หรอกว่าเหยียนเสี่ยวหลิงเป็นคนขี้เกียจรักความสบายแต่ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้ สวรรค์ทำไมไม่ส่งฉันเป็นนางเอกกันให้ตายสิ” ฉินหรูอี้บ่นพึมพำเดินทอดน่องไปที่เตียงนอนก่อนจะโน้มตัวลงไปนอนฟุบบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า จ้องมองเพดานสีขาวไข่ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะร่างกายพึ่งจะผ่านศึกหนักมา
เวลาผ่านไปพักใหญ่ร่างเล็กดิ้นไปมายกเปลือกตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ
“คิดว่าฝันไปคงจะเป็นความจริงสินะ เอาล่ะฉินหรูอี้ต่อจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตเป็นเหยียนเสี่ยวหลิงก่อนอื่นจะต้องหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยทำความสะอาดบ้านหลังนี้ให้น่าอยู่กัน” เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องฉินหรูอี้ลุกขึ้นเดินเข้าครัวหาทำอะไรง่าย ๆ กินต่อจากนั้นเธอได้จัดการเก็บกวาดบ้านที่รกสกปรกจนน่าอยู่ ดวง ตะวันเริ่มคล้อยต่ำบ่งบอกว่าตอนนี้ถึงช่วงบ่ายแล้ว ร่างบางจัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่จ้องมองร่างกายที่มีร่องรอยของไป๋เทียนเฉินทิ้งค้างเอาไว้ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง
“ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวเสียหน่อย ฉันจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนเนื้อเรื่องในนิยายหรอกนะ อุ้ย! ทำไมฉันพึ่งนึกได้แล้วอย่างนี้ฉันจะทำยังไงดี” ฉินหรูอี้คิดขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่โรงงานของตระกูลไป๋เทียนเฉินหลังจากที่เรียนจบ เมื่อวานนี้เป็นการฉลองของโรงงานทำให้เธอได้มีโอกาสใกล้ชิดและวางยาเขา ฉินหรูอี้ใช้มือกุมขมับอย่างคิดไม่ตก จู่ ๆ แสงสว่างได้ส่องแสงอยู่ตรงหน้าเสียงปริศนาดังขึ้นแม้ไม่มีคนสักคนนอกจากตัวของฉินหรูอี้
‘สวัสดีฉันคือระบบมิติ ยินดีต้อนรับฉินหรูอี้เธอคือผู้โชคดีที่ถูกเลือกให้ใช้มิติของระบบได้ตามที่ต้องการ’ น้ำเสียงเจี้ยวจ้าวดังขึ้นฉินหรูอี้มองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“ใครนะ!! เสียงใครมาอยู่ในห้องของฉันได้ไงออกมานะ หรือว่าจะเป็นผี”
“ฮึ ฮึ เธอไม่ต้องกลัวฉันไม่ใช่ผี บอกไปแล้วไงฉันคือระบบมิติที่จะมาช่วยเธอในการใช้ชีวิตในยุคทศวรรษ 1980 เธอไม่ใช่คนยุคนี้และเธอมาอาศัยอยู่ในร่างที่ไม่มีศีลธรรมความดี มีแต่ความอิจฉาริษยาต่อจากนี้หากเธออยากเป็นคนดีและมีงานการที่ดีฉันจะช่วยเหลือเธอเอง "ฉินหรูอี้เริ่มคิดตามคำพูดของระบบ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักว่าระบบคืออะไรแต่ที่เธอยังลังเลเพราะไม่คิดเลยว่าเธอจะได้ทะลุมิติมาอยู่ในนิยายแถมยังมีมิติอีกด้วย ในเมื่อเป็นอย่างนี้เรื่องที่เธอกังวลอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธออีกต่อไป
“แล้วฉันจะใช้อะไรในมิติก็ได้ใช้มั้ย? มีข้อห้ามหรือข้อเสียอะไรหรือเปล่า "
“ข้อห้ามไม่มีไม่ว่าเธอต้องการอะไรสามารถใช้ได้ทั้งนั้นแต่มีข้อแม้เรื่องเดียวหลังจากที่ชีวิตของเธอในร่างของเหยียนเสี่ยวหลิงมั่นคงฉันและระบบจะหายไปทันที”
‘มีอย่างนี้ก็ดีนะสิ เมื่อไหร่ที่ฉันมั่งคงเป็นคนรวยสินะ ฮ่า ฮ่า อย่างนี้ฉันจะมาทำให้ตัวเองเป็นเศรษฐีเองและไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายเสนอตัวให้ใครอีก เนื้อเรื่องในนิยายก็จะเปลี่ยนไปฉันจะได้เป็นเพื่อนที่ดีของนางเอกไม่เสียเพื่อนแถมยังร่ำรวย ดี ดี” ฉินหรูอี้คิดในใจก่อนจะตกลงเรื่องการใช้มิติ
“ตกลงฉันจะใช้ระบบมิติของเธอ ว่าแต่เธอชื่ออะไรแล้วคนอื่นที่อยู่ในยุคนี้จะเห็นเธอมั้ย”
“ฉันไม่มีตัวตนไม่มีชื่อและไม่มีใครเห็นและได้ยินเสียงฉันได้นอกจากเธอ ขอให้เธอมีความสุขในระบบที่ฉันมอบให้หวังว่าเธอจะใช้มันเป็นประโยชน์ที่สุด เมื่อไหร่ที่เธอต้องการใช้เพียงนึกถึงทุกอย่างจะมาอยู่ต่อหน้าเธอทันที " ฉินหรูอี้ยิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินเสียงระบบดังขึ้น หลังจากนี้เธอทำความเข้าใจทุกอย่างลองนึกถึงสิ่งของที่อยู่ในยุคปัจจุบันก็ปรากฏมาอยู่ต่อหน้าเธออย่างมหัสจรรย์ ฉินหรูอี้เริ่มคิดการใช้ชีวิตต่อจากนี้อย่างตื่นเต้นไม่ว่าจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหรือแม้เธอจะไม่ทำอะไรก็คงมีกินตลอดชีวิต ทว่ามิตินั้นอยู่กับเธอไม่มั่นคงเธอจึงคิดหาหนทางทำกิจการของตัวเอง
ดวงตะวันเริ่มมืดสลัวแสงสว่างของดวงไฟเริ่มแทนที่แสงดวงตะวัน ร่างเล็กเพลิดเพลินกับการใช้มิติจนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เธอหยุดที่จะนึกถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในปัจจุบัน
ก๊อก ๆ ฉินหรูอี้เดินไปเปิดประตูเพื่อดูคนที่มาเยือน ทันทีที่ประตูเปิดออกไปเธอจ้องมองคนมาเยือนตั้งแต่หัวจรดเท้าก็จำได้ทันทีว่านี่คือเพื่อนสนิทหรือว่านางเอกในนิยายเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่เล็กเรียวจมูกเข้ากับรูปปากผิวขาวนวลใสราวกับก้อนเมฆทุกคำที่บรรยายออกมาจากตัวหนังสือตอนนี้ได้ยืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว
“เหยียนเสี่ยวหลิงทำไมเธอไม่เปิดประตูสักที วันนี้ทั้งวันเธอไม่ติดต่อโทรเลขหาฉันเลยมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าเธอไปร่วมงานเลี้ยงฉลองโรงงานเทียนเฉินมาเธอเห็นเขามั้ย?” ปากกระจับเอ่ยถามเธอไม่หยุดด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นถามถึงชายที่เธอชื่นชอบ ฉินหรูอี้ที่อยู่ในร่างของเหยียนเสี่ยวหลิงยิ้มเจือน ๆ ก่อนจะดึงแขนของเพื่อนเข้ามาในห้องก่อน
“เข้ามาข้างในก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง” ทันทีที่เธอเดินเข้ามาสายตาของมู่หรูเหยาจ้องมองไปทั่วห้องทำให้เธอคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยก่อนจะใช้มือแตะลงที่หน้าผากของเหยียนเสี่ยวหลิง จนเธอต้องผงะด้วยความตกใจ
“ทะ ..ทำอะไร”
“ฉันแค่สงสัยทำไมห้องเธอถึงได้ดูเป็นระเบียบแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันมาฉันไม่เคยเห็นห้องเธอเป็นแบบนี้มาก่อน เอ๊ะว่าแต่นั้นอะไรกัน ...เธอมีเงินซื้อของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” มู่หรูเหยามองไปที่ของใช้มากมายรวมถึงครีมบำรุงหน้าน้ำหอมของใช้รวมทั้งกระเป๋ามากมายที่อยู่บนที่นอน ฉินหรูอี้ตกใจชั่วครู่เพราะเธอลืมเก็บของหลังจากที่นำออกมาจากมิติ รีบคิดหาข้ออ้างโกหกมู่หรูเหยาทันที
“เอ่อ..ของพวกนี้ฉันได้มาจากงานเลี้ยงนะ พอดีมีกิจกรรมจับรางวัลผู้โชคดีและฉันก็เป็นคนที่โชคดี ของพวกนี้เป็นของรางวัลว่าแต่เมื่อครู่เธอถามถึงไป๋เทียนเฉินใช่มั้ย? ฉันจะเล่าให้ฟังมื้อคืนนี้เขาโดดเด่นที่สุดในงานเลยทุกสายตาต้องจ้องมองไปที่เขา ฉันละอยากให้เธอเห็นจริง ๆ ว่าเขาหล่อเหลาขนาดไหนไม่วง่าชายใดในมณฑลก็ไม่สามารถเทียบได้ " ฉินหรูอี้ดันหลังของมู่หรูเหยาไปที่โซฟาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่ทว่าสายตาของมู่หรูเหยายังคงมองไปที่สิ่งของอย่างสงสัย มีช่วงหนึ่งที่ฉินหรูอี้เหลือบไปเป็นสายตาแปลก ๆ ของมู่หรูเหยาแต่คงเป็นเพราะเธอตาฝาดไปเองเลยไม่ได้คิดอะไร รีบเล่าเรื่องของไป๋เทียนเฉินให้มู่หรูเหยาฟัง จนกระทั่งตอนนี้เวาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มมู่หรูเหยาเลยขอตัวกลับ
“ฉันดีใจนะที่เธอเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง แต่อีกไม่นานฉันกับเทียนเฉินจะได้หมั้นหมายกันเมื่อนั้นเธอไม่ต้องคอยรายงานเรื่องของเขาแล้วล่ะ จริงสิฉันคิดว่ากระเป๋าใบนี้ฉันเบื่อแล้วเธอเองก็ไม่ค่อยมีกระเป๋าใช้เอาของเก่าฉันไปสิ ถือว่าเป็นของตอบแทนที่เธอเล่าเรื่องของเทียนเฉินให้ฉันฟัง ไม่ต้องเกรงใจนะเพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเธอก็ใช้ของเก่าฉันทั้งนั้น เธอคงไม่รังเกียจใช่มั้ยเพราะฉันใช้มันไม่กี่ครั้งเอง”
ฉินหรูอี้เอะใจในคำพูดของมู่หรูเหยาเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรคงเป็นความใจดีมีเมตตาของนางเอกนิยายอย่างมู่หรูเหยาเลยมีน้ำใจนึกถึงเหยียนเสี่ยวหลิงเลยเอาของที่เธอเบื่อมาให้ใช้จึงรับเอาไว้
"ขอบใจนะที่เธอคิดถึงฉันเสมอ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยอมคบกับฉันเธอเป็นคนดีจริง ๆ "
"เพราะฉันเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอ ถึงได้ใจดียอมแบ่งปันทุกอย่างให้เธอต่อจากนี้อยากได้อะไรบอกฉันนะ ดูแลตัวเองให้ดีฉันไปล่ะ เธอต้องพักผ่อนเพราะทำงานหนักต่างจากฉันหลังจากเรียนจบก็อยู่แต่บ้านเพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวอย่างฉันทำงานเลย ฉันไปจริง ๆ แล้วนะ" ฉินหรูอี้คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างงงงวยแต่ก็โบกมือลามู่หรูเหยาที่ลุกขึ้นเดินออกจากห้องเธอไป
'แปลกจริง ๆ ในนิยายไม่เห็นมีบทพูดนี่เลยหรือว่าเพราะฉันเปลี่ยนแปลงบทนิยายเลยมีเนื้อหาที่เปลี่ยนไปสินะ คงไม่มีอะไรหรอกฉันคงคิดมากไปเอง' เธอคิดในใจเดินไปส่งมู่หรูเหยาหน้าประตูจ้องมองจนเธอจากไปพร้อมเดินกลับเข้ามาที่ห้องของตัวเอง
ตอนที่ 13 นางร้ายถือกำเนิด“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยนังเสี่ยวหลิงมันร้าย ที่มันคอยอยู่ข้าง ๆ เธอเพราะเธอทั้งรวยและใจดี มันอิจฉาเธอและอยากมีชีวิตเหมือนเธอนะสิ มันไม่เคยเห็นใครเป็นเพื่อนหรอก ที่มันคอยอยู่ข้าง ๆ เธอเพราะเธอทั้งรวยและใจดี มันอิจฉาเธอและอยากมีชีวิตเหมือนเธอนะสิ มันไม่เคยเห็นใครเป็นเพื่อนหรอก รู้ทั้งรู้ว่าไป๋เทียนเฉินผู้ชายคนนั้นเธอแอบชอบแอบรักมานาน แต่เสี่ยวหลิงกลับหักหลังเธอได้ ทรยศความไว้ใจที่เธอมีให้ ตอนนี้เธอเห็นแล้วใช่มั้ยคนที่เธอหวังดีกลับกลายเป็นงูพิษที่แว้งกัดเธอข้างหลัง เรื่องนี้เธออย่ายอมเด็ดขาดไม่ว่ายังไงเธอกำลังจะเป็นคู่หมั้นของไป๋เทียนเฉิน ส่วนนั่งเสี่ยวหลิงเป็นได้แค่ของเล่นของเขาเท่านั้น ครอบครัวตระกูลไป๋คงรับไม่ได้แน่ ๆ ถ้ารู้ว่านังเสี่ยวหลิงมาจากครอบครัวแบบไหน พวกเราเห็นใจเธอนะหรูเหยา” หรูเหยาเจ็บใจดวงตาร้อนผ่าว ใจเต้นแรงไม่คิดว่าเสี่ยวหลิงได้แย่งทุกอย่างไปจากเธอจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เจอเสี่ยวหลิงแรก ๆ เธอไม่ชอบใจด้วยซ้ำที่ในห้องจะมีคนที่มีใบหน้างดงามมากกว่าเธอ ไม่ว่าจะแต่งตัวซอมซ่อแค่ไหนก็ปกปิดความงามของเธอเอาไว้ไม่ได้ หรูเหยาแสร้งเป็นคนดีมีน้ำใจยอมคบเธอเป็นเพื่อ
ตอนที่ 12 ความแตกรุ่งเช้าวันต่อมาเสี่ยวหลิงเดินทางไปที่ร้านเพื่อบอกลากับเฉี่ยวซือส่วนของใช้เธอเอาไปไว้ในมิติจะได้สะดวกในการเดินทางแค่เพียงตัวของเธอที่เดินไปมายังลำบากจึงคิดว่าเอาไว้ในมิติจะง่ายกว่าเธอมาถึงร้านเห็นเฉี่ยวซือกำลังเปิดร้านอย่างขยันขันแข็งและตรงต่อเวลาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเธอจะเข้าร้านวันไหน หากเป็นคนอื่นคงดีใจที่เจ้าของร้านไม่เข้ามา“มาแต่เช้าเลยนะเฉี่ยวซือฉันวางใจจริง ๆ ที่เห็นเธอใส่ใจและตรงต่อเวลาแบบนี้ในอนาคตเธอต้องเป็นเจ้าของร้านที่ดีแน่ ๆ ”“พี่เสี่ยวหลิงดีขึ้นแล้วหรือคะ ฉันล่ะเป็นห่วงพี่จริง ๆ เข้ามาในร้านสิคะฉันจะเอาบัญชีของร้านมาให้ตรวจสอบ มีของหลายอย่างที่หมดฉันว่าเย็นนี้จะไปหาพี่ที่ห้องโชคดีที่พี่มาหาที่ร้านก่อน” เธอดีใจยิ้มแก้มปริรีบเดินเข้ามาประคองเสี่ยวหลิงไปนั่งเก้าอี้ยกสมุดบัญชีมาให้ตรวจสอบความถูกต้อง และยกกระปุกเก็บเงินมาให้เสี่ยวหลิงได้นับว่าตรงกับในสมุดหรือไม่? เพื่อแสดงความจริงใจ แต่ทว่าเสี่ยวหลิงเลือกที่จะหยิบเงินออกมาจากกระปุกเพียงแค่จำนวนหนึ่งน้อยกว่าที่อยู่ในกระปุกเงินนั้นอยู่มาก ก่อนจะดันกระปุกและสมุดบัญชีให้เฉี่ยวซือ ทำให้เธอคิ้วขมวดเข้าหากันด้วย
ตอนที่ 11 ต้องการแค่เด็กฝั่งด้านหยางฟงเขากระชากคอเพื่อนตัวดีเข้ามาในห้องทำงานก่อนจะเหวี่ยงตัวของเทียนเฉินทุ่มลงที่เก้าอี้รับรองแขกพร้อมเค้นถามความจริงทั้งหมด“เรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง นายเล่าให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ ทำไมถึงได้มีนิสัยเลวทรามต่ำช้ายิ่งกว่าสัตว์นรกกันห่ะ”“นายจะโมโหอะไรนักหนาว่ะ นี่นายจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ หรือไง ก็เอาตามที่ฉันพูดสิ เมื่อไหร่ที่เธอคลอดลูกเสร็จนายก็เอาตัวเธอไปส่วนฉันจะรับเด็กไว้เอง”“เทียนเฉินนายมันยังเหลือความเป็นคนอยู่มั้ย? กล้าพูดออกมาได้ยังไงต่ำยิ่งกว่าฉันคิดจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าเพื่อนรักของฉันจะกลายเป็นคนเลวแบบนี้ ถ้าจะทำอย่างนั้นนายมอบคุณเสี่ยวหลิงกับลูกของนายให้ฉันเสียยังดีกว่าและนายก็ควรออกจากชีวิตของเธอไปซ่ะ นายไม่สมควรเป็นพ่อใครทั้งนั้นดูการกระทำของนายที่ผ่านมา ฉันคิดว่าไม่ว่ายังไงคุณเสี่ยวหลิงคงไม่ยอมให้แกพรากลูกจากเธอง่าย ๆ”“เฮอะ! ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะมีสิทธิ์อะไร อีกอย่างฉันไม่ได้เป็นคนเต็มใจที่จะหลับนอนกับเธอเสียหน่อย เธอมันเป็นผู้ที่หญิงที่มารยาหลอกล่อใส่ยาให้ฉันกิน มอมเหล้าฉันจนฉันได้เสียกับเธอนะสิ เธอนะรักความสบายคิดว่าจะจับฉันด้วยเรื่อง
ตอนที่ 10 วุ่นวายเช้าวันต่อมาเสี่ยวหลิงเปิดร้านเหมือนทุกวัน ช่วงเช้า ๆ มีคนเข้าร้านมากมาย เธอจึงมาคิดเงินและให้เฉี่ยวซือไปทำความสะอาดร้านกริ่ง..!! เสียงกระดิ่งที่ประตูดังขึ้นเสี่ยวหลิงเอ่ยทักททายลูกค้าเหมือนอย่างเคย“สวัสดีค่ะ เชิญเลือกซื้อของได้ตามสบายนะคะ”“คุณเสี่ยวหลิงสบายดีมั้ยครับ”“คุณหยางฟง ฉันสบายดีค่ะ” เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือหยางฟงที่หายหน้าไปนานเขาจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและมองมาที่ท้องของเธอทำให้เสี่ยวหลิงใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ ขอเวลาสักครู่ได้มั้ยครับ” เสี่ยวหลิงเริ่มอึดอัดใจเพราะไม่รู้ว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไร เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตอนนี้น่าจะเป็นช่วงนี้คนงานเริ่มไปทำงานกันแล้ว ลูกค้าไม่ค่อยมีเท่าตอนแรกเธอจึงยอมออกไปคุยกับเขาที่หน้าร้าน“ได้สิคะ เดี๋ยวคุณไปรอฉันอยู่หน้าร้านก่อนน ฉันจะเอาน้ำไปให้” หยางฟงพยักหน้าออกไปรอเธอที่ม้านั่งด้านนอกร้าน ไม่นานเสี่ยวหลิงเดินตามออกมาพร้อมน้ำในแก้วยื่นให้กับเขา“ขอโทษนะครับที่มารบกวนตอนแรกผมจะรอให้ถึงตอนเย็นเสียก่อน แต่ว่าเรื่องนี้มันกวนใจผมตั้งแต่เมื่อคืนทำให้ผมนอนไม่หลับเลย”“เรื่องอะไรคะที่กวนใจขอ
ตอนที่ 9 ขอฝากเพื่อนฉันด้วยนะคะตะวันบ่ายคล้อยวันนี้ท้องฟ้าอึมครึมเหมือนฝนจะตก ลูกค้าไม่ค่อยมีเท่าไหร่นักเสี่ยวหลิงออกมานั่งเล่นหน้าร้าน แม้ว่าไป๋เทียนเฉินไม่ได้มารบกวนเธอ แต่หยางฟงเพื่อนของเขาก็ยังคอยมาหาเธออยู่บ่อย ๆ ครั้งทว่าช่วงหลังมานี้เหมือนเขาจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานทำให้เธอไม่ได้เจอเขาหลายเดือน และเขายังไม่รู้ว่าเธอนั้นกำลังท้องอีกด้วย“เสี่ยวหลิงคิดอะไรอยู่นั่งเหม่อเชียวนะ ฉันคิดถึงเธอจังเลยช่วงนี้ฉันวุ่นวายทำให้สองเดือนที่ผ่านมาไม่ได้มาหาเธอ สบายดีหรือเปล่าเอ๊ะ! นี่เธออ้วนขึ้นหรือเปล่านะดูสิสะโพกของเธอหนาขึ้นมากกว่าเดิมอีก” เสียงสูงดังขึ้นสายตาของเธอจ้องมองเสี่ยวหลิงตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าจะอวบอ้วนขึ้นใบหน้าของเธอกลับผ่องใสมากกว่าเดิมเสียอีก“หรูเหยามาตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งลงก่อนสิเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกับขนมมาให้”“นี่! เสี่ยวหลิงเธอไม่ได้อ้วนใช่มั้ย? ทำไมหน้าท้องของเธอถึงได้ใหญ่เหมือนคนท้องหรือว่าเธอท้อง!!” หรูเหยาคิดตามตั้งแต่ครั้งก่อนที่อาการของเสี่ยวหลิงเหมือนคนแพ้ท้องและตอนนี้ท้องเธอใหญ่ขึ้นเหมือนท้องหลายเดือนแล้ว ดวงตาของหรูเหยาเบิกโพลงอ้าปากค้างก่อนจะยิ้มออกมาระรื่
ตอนที่ 8 เขาคือลูกของฉันคนเดียว“นายตามฉันมาทำไมอีก ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่เอาไม้ฟาดที่หัวของนายฉันไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะไม่ใช่ความผิดของฉัน” แม้ว่าจะโมโหแค่ไหนแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเทียนเฉินเธอยังเบาใจลงเล็กน้อย ต่อว่าเขาเสร็จเธอกำลังจะก้าวเดินหนี ทว่าจู่ ๆ มือหนากลับคว้ามาจับแขนของเธอเอาไว้ก่อน“เธอยังไปไหนไม่ได้ ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง”“นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันอีกไม่ทราบ ฉันนะไม่มีอะไรจะคุยกับนายทั้งนั้นหรือว่าอยากจะโดนฉันตบอีก ปล่อยมือของนายออกจากแขนของฉันเดี๋ยวนี้ และเลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันเสียที ฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันเสียใจ”“ฮึ! คิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรือไง เมื่อครู่เธอพูดว่าอะไรนะไม่อยากให้เพื่อนเธอเสียใจแต่คืนนั้นเธอเองมิใช่หรือไงที่มอมเหล้าและลากฉันเข้าไปในห้องนะ มานี่กับฉัน” เขาฉุดกระชากลากเธอไปที่รถยนต์ของเขาแต่เสี่ยวหลิงไม่ยอมและไม่ไปไหนกับเขาทั้งนั้น“ไม่ ปล่อยฉัน ฉันไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้นหากนายไม่ปล่อยฉันจะร้องกรี๊ดให้ผู้คนมาช่วย”“เธอนี่มันพูดมากเสียจริง แค่ไปที่โรงยาบาลตรวจสอบแค่ไม่นาน ฉันอยากให้แน่ใจว่าลูกในท้องของเธอเป็นลูกของฉันหรือของผู้ชายคนอื