บทที่ 7 เดินเล่น
จื่อเหยายืนเลือกเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ไม่นานนักก็ได้ชุดที่ถูกใจ โชคดีที่จื่อเหยาเจ้าของร่างชอบแต่งตัวอยู่แล้วจึงมีทั้งเสื้อผ้าสวยงามและเครื่องประดับอยู่พอสมควร
“การแต่งตัวในยุคนี้ก็น่าสนุกดี งานเทศกาลในยุคนี้จะเป็นอย่างไรนะ อย่าว่าแต่เจ้อหยูร์ตื่นเต้นเลย ขนาดฉันยังตื่นเต้นขนาดนี้” จื่อเหยาหยิบต่างหูคู่งามที่เข้ากับชุดมาสวมใส่พร้อมหยิบกระเป๋าถือมาหนึ่งใบและเดินออกไปข้างนอก แม้เธอจะออกไปเที่ยวก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงเรื่องความปลอดภัย เธอนำมีดเล็กสวมปลอกพกพาไปด้วยไม่รู้เลยว่านาทีไหนที่เธอจะถูกพรากลมหายใจไปอีก
“แต่งตัวสวยจังเลยนะ ฉันนี่สิต้องนอนทนเหงาอยู่ที่บ้านอยากแต่งตัวสวย ๆ เหมือนน้องสะใภ้จัง” จื่อเหยาตกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ เห็นสะใภ้ใหญ่อย่างหลันเหย่มายืนอยู่หน้าห้อง ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่พอใจด้วยซ้ำ ที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวแต่ทำไมต้องนี้สีหน้าถึงเปลี่ยนไปจื่อเหยาเริ่มระวังตัวแต่ก็ทำตัวให้เป็นปกติไม่ให้อีกฝ่ายระแคะระคายได้
“พี่สะใภ้ใหญ่อยากแต่งตัวสวยก็แต่งอยู่บ้านก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องอิจฉา มาที่หน้าห้องของฉันมีอะไรกันแน่”
“อะไรกันทำไมพูดเย็นชากับฉันแบบนี้ล่ะ น่าน้อยใจนักฉันแค่อยากมาดูเธอเพราะเป็นห่วงเห็นว่าเธอพึ่งฟื้นจากความตายกลัวว่าเธอจะตายอีกรอบต่างหาก” จื่อเหยาเอะใจในคำพูดของหลันเหย่ทำไมถึงมาพูดกับเธอแบบนี้
“คนอย่างฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก เพราะฉันเป็นคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจะตายง่าย ๆ ได้ยังไง” จื่อเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกทำให้อีกฝ่ายใบหน้าซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันแค่เป็นห่วงอย่างนั้นขอให้เธอเที่ยวเล่นให้สนุกนะ” เธอรีบพูดและเดินหนี คิ้วของจื่อเหยาขมวดเข้าหากันพร้อมครุ่นคิด
‘ตกใจในคำพูดของฉันจนหน้าถอดสี หรือว่าการตายของจื่อเหยาสะใภ้ใหญ่จะรู้เรื่องกันนะ เอาไว้หลังจากงานเทศกาลฉันจะต้องสืบเรื่องนี้ให้ได้ หากเป็นฝีมือเธอแล้วทำไมเธอต้องลงมือจัดการจื่อเหยาด้วย’
“คิดอะไรอยู่ตอนนี้เจ้อหยูร์กับคุณแม่รออยู่ด้านล่างแล้ว เรารีบออกไปกันเถอะ” ยั่วถงเดินขึ้นมาตามไม่ทันได้เห็นว่าเมื่อครู่นี้จื่อเหยาอยู่กับพี่สะใภ้
"ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย รีบไปกันเถอะฉันไม่อยากให้คนอื่นรอนาน" จื่อเหยาหยุดคิดเรื่องน่าสงสัยเอาไว้ เดินนำหน้ายั่วถงลงไปด้านล่างเห็นเจ้อหยูร์เด็กชายตัวน้อยแต่งตัวน่ารักเสียจนตนเองอยากจะเข้าไปแสดงความรัก แต่ทว่าการที่เธอทำอย่างนั้นอาจจะทำให้คนอื่นสงสัยจึงทำได้เพียงทำหน้านิ่ง ๆ เอ่ยชมอย่างเรียบ ๆ
"เจ้อหยูร์วันนี้แต่งตัวดูดีกว่าทุกวันนะ"
"จริงหรือครับเพราะผมเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีไม่อยากให้คุณแม่อับอายขายหน้าคนอื่นเมื่อเดินข้าง ๆ ผมครับ คุณแม่ชมแบบนี้ผมดีใจสุด ๆ ไปเลย " เด็กชายดวงตาเป็นปนระกายรอยยิ้มสดใสกว่าที่เคยมี
"เอาล่ะ เอาล่ะออกเดินทางกันเถอะเดี๋ยวงานจะเปิดเสียก่อน" แม่หลี่เอ่ยขึ้นพลางเดินนำหน้าทุกคนออกไป ยั่วถงยื่นมือไปจับมือของลูกชายพร้อมหันมายื่นมือจะจับจื่อเหยาอีกข้าง
"ไม่เห็นต้องจับเลย ฉันเดินเองได้ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย น่ารำคาญเสียจริงคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันออกจากบ้านหรือไง" จื่อเหยาจิปากก่อนจะเดินตามหลังแม่หลี่ไปโดยไม่สนใจมือของยั่วถงที่ยื่นไปหาเธอแม้แต่น้อย
"เธอกลับมาเป็นคนเดิมแล้วสินะ เจ้อหยูร์ลูกรู้มั้ยการเอาใจลูกยังง่ายกว่าแม่ของลูกร้อยเท่าเลย"
"คุณพ่ออย่าสิ้นหวังนะครับ สักวันผมคิดว่าแม่ต้องเห็นความรักของคุณพ่อที่มีต่อคุณแม่แน่นอน เห็นมั้ยครับทุกวันนี้เหมือนคุณแม่จะเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว วันนี้คุณแม่ยังชมผมอีกด้วย ผมเอาใจช่วยคุณพ่อนะครับ และวันนี้ผมจะช่วยให้คุณแม่กับคุณพ่อได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมเอง" เจ้อหยูร์สงสารคุณพ่อจับมือของคุณพ่อแน่นพร้อมเอ่ยปลอบใจ ทั้งสองเดินตามหลังจื่อเหยาออกมา
ไม่นานนักทั้งสี่คนได้มาถึงงานเทศกาลแม่หลี่ไปที่หน้าเวทีเป็นเจ้าภาพในการจัดงานพร้อมพวกคนใหญ่คนโต ส่วนยั่วถงพาเจ้อหยูร์ยืนอยู่อีกที่เพื่อรอเวลาที่ประธานเปิดงานเทศกาลในค่ำคืนนี้ โดยมีจื่อเหยายืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อเสียงประธานเปิดงานเสียงพลุได้ดังขึ้นท้องฟ้าที่มืดสนิทเกิดประกายไฟแสนงดงาม ผู้ตนต่างพากันตื่นตาโห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น เจ้อหยูร์เองก็ไม่ต่างกันเด็กชายจับมือของจื่อเหยาพร้อมกับยั่วถงคนละข้างพร้อมตะโกนออกมาเสียงดัง
“ว๊าววว วันนี้ท้องฟ้าสวยงามมากจริง ๆ คุณพ่อครับคุณแม่ครับ วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย” จื่อเหยาก้มหน้ามองเด็กชายอมยิ้มเล็กน้อยเอ็นดูมากจริงๆ
‘จื่อเหยาเธอเห็นมั้ยรอยยิ้มของลูกชายเธอทำให้โลกน่าอยู่และสดใสมากแค่ไหน ’ เธอคิดในใจก่อนจะย่อตัวลงกระซิบข้างหูของเจ้อหยูร์
“วันนี้แม่ก็มีความสุขเช่นเดียวกัน รอยยิ้มของลูกสดใสและงดงามที่สุด” เจ้อหยูร์คลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าในใจเต้นแรงแข่งกันเสียงพลุ เขามีความสุขจริง ๆ ที่คุณแม่ทำตามที่พูดเอาไว้และไม่ต่อว่าเขาเหมือนเมื่อก่อน แววตาของคุณแม่ที่มองเขาเต็มไปด้วยแววตาที่อ่อนโยนไม่เย็นชาและเกลียดชังเขาเหมือนเมื่อก่อนแม้แต่น้อย ทว่าทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของยั่วถงจนเขาเอะใจ แม้ว่าจื่อเหยาจะเปลี่ยนไปเขาปฏิบัติต่อเจ้อหยูร์ดีขึ้นแต่ทำไมกับเขาถึงยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม
‘ เธอยังโกรธเกลียดฉันมากเลยสินะ ไม่ว่าจะกี่ปีเธอยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่ยอมใจอ่อนให้ฉันสักนิด ’
“สองแม่ลูกพูดคุยอะไรกันหรือ? ตอนนี้พลุหมดแล้วงานเทสกาลเปิดเป็นทางการแล้ว เราไปเดินเที่ยวงานกันเถอะ” จื่อเหยายืดตัวตรง ก่อนจะตอบเขากลับไป
“ดีเหมือนกันรีบเดินเล่นและรีบกลับกันเถอะฉันไม่ค่อยชอบอยู่ที่คนเยอะ ๆ แล้วคุณแม่ล่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ คุณแม่คงอยู่กับเพื่อน ๆ อีกอย่างบ้านเราไม่ได้อยู่ไกลจากนี้คุณแม่เหนื่อยคงจะกลับเองได้” ยั่วถงพูดพร้อมก้าวเท้าเดิน จู่ ๆ เจ้อหยูร์สายตาเหลือบไปเห็นการแสดงข้างหน้ารีบกระตุกมือทั้งสองให้พาไปดู
“ผมอยากดูอันนั้นครับ พาไปดูหน่อยนะ” ทั้งสองตามใจเจ้อหยูร์อยากให้เขามีความสุขพยักหน้าพร้อมกันและพากันเดินไปด้านหน้าโดยมีเจ้อหยูร์อยู่ตรงกลางมือของทั้งสองข้างของเขาถูกคุณแม่กับคุณพ่อคนละข้าง จื่อเหยาเดินไปพลางครุ่นคิด
‘อย่างกับว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริงๆ คนอื่นมองมาคงคิดว่าครอบครัวตระกูลหลี่รักใคร่ปรองดอง แต่เอาเถอะฉันเข้ามาอยู่ในร่างของจื่อเหยาและมีชีวิตอยู่อีกครั้ง ฉันจะทำหน้าที่แม่และจะทำให้เจ้อหยูร์มีความสุข อย่างที่ไม่เคยได้รับจากแม่ของเขาเอง’
บทที่ 27 เข้าที่เข้าทาง3 เดือนต่อมาหลังจากวันนั้นซืออี้ถูกจับขังคุกตลอดชีวิต ข้อหาวางแผนพยายามฆ่า ส่วนมือปืนรับจ้างถูกจับคุก 10 ปี เพราะยังไม่ได้ลงมือทำร้ายและให้การเป็นประโยชน์แก่ตำรวจจึงถูกสั่งจำคุกเพียงแต่ 10 ปี โดยมียั่วถงไปเยี่ยมเพื่อแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวเขาบ่อย ๆ ส่วนหลันเหย่ หลังจากที่เธอฟื้นเธอเสียสติเสียใจที่เสียลูกและเห็นภาพหลอนเฝ้าตามหลอกหลอนเธอไม่หยุด ทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นหญิงสติไม่ดี บางวันมีนิสัยดุร้ายบางวันก็ร้องไห้เสียใจ บางวันก็เกิดอาการหวาดกลัวกรี๊ดร้องทั้งวัน หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ทางครอบครัวของเธอไม่รับเธอเป็นลูกเพราะความอับอายตัดขาดและทิ้งเธอเอาไว้จนมีหน่วยงานต้องเอาตัวเธอเข้าไปเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลจิตเวช“เธอได้ยินข่าวคุณหลันเหย่มั้ย ? ฉันไปตลาดมาเมื่อเช้าได้ยินเขาคุยกันว่าสติไม่ดี คงเป็นเพราะทำเรื่องร้าย ๆ กับคนอื่นจนหวาดระแวงและคิดไปเองจนเห็นภาพหลอน”“นั่นคงเป็นผลกรรมของเธอนะสิ ที่คิดทำร้ายคุณหญิงใหญ่และทุกคนในครอบครัวไม่เว้นแม้กระทั่งคุณชายเจ้อหยูร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไร ทำให้เธอเสียลูกในท้อง ฉันคิดแล้วก็สงสัยตั้งแต่ตอนที่เธอหลอนครั้งแรก คงเป็นเพราะทำความ
บทที่ 26 กรรมตามสนองบ้านตระกูลหลี่แฮ่ก แฮ่ก !!“อย่ามานะฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”“สะใภ้ใหญ่เธอมันชั่วร้ายจริง ๆ ฉันจะพาเธอมาอยู่ด้วยไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้ใช้ชีวิตสุขสบายกับสมบัติของฉันหรอกอย่าหวังไปเลย” แม่หลี่เดินเข้ามาสภาพที่คอหักเลือดอาบหน้าเดินใกล้เข้ามาหาหลันเหย่ที่นอนอยู่“ไม่!! ฉันไม่ไป ฉันไม่ได้ทำ” เธอเริ่มใช้มือปัดไล่ไม่ให้ทุกคนเข้ามาใกล้ก่อนที่จะมีอีกคนเดินตามมา ใบหน้าของยั่วถงเละจนดูไม่ได้ยิ่งทำให้เธอขวัญกระเจิงไปกันใหญ่“พี่สะใภ้ อย่ากลัวสิครับขนาดตอนที่พี่สะใภ้รวมหัวกับพี่ซืออี้ยังไม่เห็นจะมีความกลัวอะไรเลย”“คุณป้าครับ ผมยังไม่อยากตายทำไมคุณป้าถึงทำแบบนี้กับผม คุณป้ากำลังท้องอยู่ไม่นึกสงสารผมหรือไง ผมเหงาไม่มีเพื่อนเล่นผมจะเอาน้องในท้องของคุณป้าไปเป็นเพื่อนเล่นของผม”เจ้อหยูร์ร่างกายอืดบวมชี้นิ้วมาที่ท้องของหลันเหย่เธอรีบใช้มือปิดหน้าท้องด้วยความเป็นห่วงลูกทันที“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันจะตามหลอกหลอนไม่ว่าจะหลับหรือตื่น หลันเหย่เธอไม่เกรงกลัวอะไรอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง มาสิมาด้วยกันฉันจะพาเธอไปเอาสมบัติที่มากกว่านี้อีก” ทุกคนต่างพากันเดินตรงเข้ามายื่นมือจั
บทที่ 25 จัดการหลันเหย่ฝั่งหลันเหย่เธอนั่งเล่นอยู่โต๊ะต้อนรับกลางบ้าน นั่งหยิบจับเครื่องประดับชื่นชมดวงตาเป็นประกาย“ฮึ ๆ ในที่สุดของพวกนี้ก็เป็นของฉัน ดีนะที่พี่ซืออี้ไม่เอาไปขายหมด ส่วนนี้ฉันจะเก็บเอาไว้เวลาใส่ออกงาน นี่เธอนะช่วยเอาของพวกนี้ขึ้นไปไว้ที่ห้องให้ฉันแล้วก็กลับไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้ฉันอยากกินไก่ดำตุ๋น รีบตื่นมาทำให้ฉันตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยล่ะอย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียไม่อย่างนั้นฉันจะไล่ออกให้หมด” หลันเหย่ชี้นิ้วสั่งสาวใช้จนพวกเธอรีบก้มหน้ารับคำของเธอทันที“ได้ค่ะคุณหลันเหย่”“ไม่ใช่ต่อจากนี้ฉันไม่ใช่สะใภ้ใหญ่บ้านหลังนี้ ต่อจากนี้ต้องเรียกฉันว่านายหญิงใหญ่ เรียกใหม่สิ”“ค่ะนายหญิงใหญ่” สาวใช้พูดจบรีบพากันยกกล่องที่ใส่เครื่องประดับขึ้นไปไว้ที่ห้องตามสั่ง ส่วนหลันเหย่เธอหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองแสยะยิ้มพร้อมพูดออกมาอย่างมีความสุข“ฮ่า ฮ่า นี่สินะความสุขที่แท้จริง ในที่สุดบ้านหลังนี้ก็เป็นของฉัน พรุ่งนี้ฉันคงต้องให้สาวใช้เก็บของใช้นังแก่หนังเหนียว ยั่วถงกับนังจื่อเหยาพร้อมของลูกชายเธอเอาไปเผาทิ้งให้หมด ป่านนี้ศพจะหาพบหรือยังนะ คงจะขึ้นอืดอยู่ในน้ำทะเลหรือ
บทที่ 24 สะใจจริง ๆฝั่งด้านซืออี้เมื่อได้รับโทรเลขจากคนที่เขาว่าจ้าง เขาแทบจะคุมอารมณ์แสดงความดีใจเอาไว้ไม่ได้ รีบเดินกึ่งวิ่งไปหาภรรยาทันที“หลันเหย่ภรรยาที่รักของพี่ วันนี้เป็นวันดีของเขาจริง ๆ เราออกไปกินข้าวนอกบ้านเพื่อเฉลิมฉลองกันเถอะ ”“พี่ซืออี้แผนของเราสำเร็จแล้วใช่มั้ยคะ”“ใช่แล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีใครมาคอยต่อว่าเราอีกต่อไป วันนี้หลันเหย่ของพี่อยากได้อะไรเสื้อผ้าของใช้หรือเครื่องประดับอะไรพี่จะตามใจเธอทุกอย่าง ฮ่า ฮ่า มีความสุขจริงโว้ย” หลันเหย่ยิ้มระรื่นเมื่อได้ยินข่าวดีจากสามี รีบเข้ากอดสามีด้วยความดีใจ“ฉันดีใจที่สุดเลย พี่ซืออี้ต่อจากนี้เราจะรวยกันแล้วใช่มั้ยฉันจะได้เป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านตระกูลหลี่ ไหนจะโรงงานเย็บผ้าอีก เราไม่ต้องรอเงินกงสีอีกต่อไป อย่างนั้นฉันจะแต่งตัวสวย ๆ เราจะได้ออกไปกินข้าวของนอกกัน” หลันเหย่ผละออกจากสามีรีบเดินไปหน้ากระจกแต่งใบหน้าให้สวยงามทั้งสองพากันออกไปกินข้าวนอกบ้านอย่างสุขสบายใจ นำเงินของแม่หลี่ไปถลุงใช้อย่างไม่เสียดาย จนถึงช่วงหัวค่ำ จู่ ๆ ทีวีได้มีข่าวด่วน ที่ร้านอาหารดังขึ้น“ข่าวด่วนตอนนี้มีรายงานเข้ามาว่ามีรถเก๋งทะเบียนXXX เกิดอุบัติเหตุพ
บทที่ 23 ซ้อนแผนรุ่งเช้าวันถัดมาทุกอย่างเป็นไปตามที่ซืออี้วางแผนเอาไว้ ตอนนี้รถของน้องชายกำลังเคลื่อนตัวออกจากบ้าน ใบหน้าสองคนผัวเมียยิ้มออกมาด้วยความสุข“ขอให้ทุกคนพักผ่อนให้สบายนะ ต่อจากนี้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ฉันจะดูแลเอง” หลันเหย่พูดขึ้นเมื่ออยู่กับสามีเพียงสองคน สาวใช้หลังส่งเจ้านายเสร็จก็พากันกลับเข้าไปในบ้านทำหน้าที่ของตัวเอง“หลันเหย่ของพี่ต่อจากนี้ไม่ว่าจะตรงไหนของบ้านหลังนี้จะเป็นของเธอทั้งหมด ลูกจ้าเมื่อไหร่ที่ลูกลืมตาขึ้นมาดูโลก พ่อจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ลูกเอง ตอนนี้เธอไปนอนเล่นกินของอร่อย ๆ ให้สบายใจเถอะนะไม่เกินเย็นวันนี้เราจะได้รับข่าวดีเมื่อนั้นไม่ว่าอะไรหรือของในบ้านจะตกเป็นของเราสองคน” ซืออี้เข้าไปโอบเอวของภรรยาพาเธอเดินเข้าบ้าน ก่อนที่เขาจะขึ้นไปที่ห้องของคุณแม่เพื่อดูสมบัติทั้งหมดที่คุณแม่มียิ่งทำให้ความโลภของเขามีมากกว่าเดิม“เย็นวันนี้ของพวกนี้จะเป็นของฉันทั้งหมด ฮ่า ฮ่า มีความสุขจริง ๆ ต่อจากนี้จะไม่มีคุณแม่ที่คอยบ่นและต่อว่าไม่ต้องมียั่วถงที่คอยทำอะไรขัดหูขัดตา ฉันจะใช้เงินทั้งหมดอย่างมีความสุขเลยคอยดู” เขาหัวเราะออกมาด้วยความคึกคะนองหากวันนี้มีข่าวออกมาเมื่อไ
บทที่ 22 แปลกใจหลายวันต่อมา ตั้งแต่ที่จื่อเหยาปรับความเข้าใจความรักของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างเบิกบาน ซืออี้ก็ออกไปทำงานทุกวันเช่นเดียวแต่แผนของเขายังคงดำเนินต่อไปเมื่อทุกอย่างที่เขาเตรียมการเอาไว้พร้อมแล้ว อีกอย่างนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาส่งดอกให้ต้าหลง เช้าวันนี้เขาจึงเริ่มแผนที่วางเอาไว้ทันทีในระหว่างบนโต๊ะอาหาร“ช่วงนี้บรรยากาศบ้านของเราดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน จริงสินี่ก็ใกล้ถึงวันที่หลานชายจะเข้าเรียนแล้ว ลุงคิดว่าย่ากับคุณพ่อต้องพาหลานไปเที่ยวพักผ่อนก่อนจะเข้าเรียนแล้วล่ะ อีกอย่างยั่วถงทำงานทุกวันอย่างเหน็ดเหนื่อย เหนื่อยล้าลองพาคุณแม่ เจ้อหยูร์กับน้องสะใภ้ไปเที่ยวทะเลจางชุ่ยสิ ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อนมีนกมากมายที่โผบินเต็มท้องฟ้า นักท่องเที่ยวชอบไปเที่ยวกัน ตอนนั้นที่ฉันขอเงินทุนคุณแม่ไปลงทุนกับเพื่อนเปิดโรงแรมที่ท่องเที่ยวติดทะเลฉันจะโทรเลขไปแจ้งเพื่อนให้ หากอยากจะไปพักที่นั่นไม่ต้องเป็นกังวลที่พักและค่าใช้จ่ายเรื่องห้อง ฉันจะจัดการเอง”“ทะเลหรือครับ ผมอยากไปจังคุณพ่อพาผมไปได้มั้ยครับ”เจ้อหยูร์ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงซืออี้บอก“แม่ก็คิดว่าดีเหมือ