Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน / หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

Share

หวังว่าจะจำในสิ่งที่เขียนไว้ได้

Author: l3oonm@
last update Last Updated: 2025-06-19 01:33:55

นางยื่นเงินสามร้อยหกสิบห้าตำลึงให้หัวหน้าหมู่บ้าน ให้เกินอีกห้าตำลึงเพื่อเป็นค่าน้ำชาให้ดำเนินเรื่องที่ให้ หัวหน้าหมู่บ้านก็รับมาแต่โดยดี

"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าคะ ท่านพอจะแนะนำช่างสร้างบ้านให้ข้าด้วยได้หรือไม่" นางจินหรูเอ่ยอย่างเกรงใจ

"ได้ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บุตรชายข้า ชุนหยุน ก็เป็นช่างสร้างบ้านอยู่ ข้าจะให้อาหยุนไปคุยกับพวกเจ้าที่บ้านก็แล้วกัน" เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยสองแม่ลูกก็ขอตัวกลับ

สองแม่ลูกที่กำลังเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ต้องมาพบเจอสะใภ้ใหญ่ระหว่างทาง

" นึกว่าใคร สะใภ้รองนี่เอง พวกเจ้าไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับเยว่เออร์เสียหน่อยหรือ" นางยิ้มเย้ยใส่จินหรู

"เช่นนั้นก็ยินดีในวาสนาของเยว่เออร์ด้วยเจ้าค่ะ วันแต่งข้าและท่านพี่ต้องช่วยเพิ่มสินเดิมให้เจ้าสาวอย่างแน่นอน" นางจินหรูมองข้ามสายตาที่เยาะเย้ยของสะใภ้ใหญ่

เมื่อมองสำรวจพี่สะใภ้ดีๆ จึงได้เห็นว่าชีวิตบ้านใหญ่ที่ไม่มีครอบครัวของนางให้คอยรับใช้ คงจะลำบากไม่น้อย เพราะจางเยว่คงไม่ยอมไปซักผ้าริมแม่น้ำหรือจะเข้าครัวทำอาหารอย่างแน่นอน

"โอวโยว อย่างเจ้ากับน้องรองนะหรือจะมีปัญญามาช่วยเยว่เออร์ของข้าเพิ่มสินเดิม แค่ไม่ขนกันมากินในงานก็ถือว่าช่วยข้าได้มากแล้ว" นางเอ่ยถากถางออกมาอย่างไม่ไว้หน้า

ชาวบ้านเริ่มจะหยุดมองอย่างสนุก เพราะข่าวที่บ้านกู้ส่งแม่สื่อมาขอหมั้นหมายเปลี่ยนตัวเจ้าสาวถือเป็นเรื่องสนุกปากของชาวบ้านอยู่แล้ว

"หากท่านพูดถึงเพียงนี้ ครอบครัวข้าคงไม่มีวาสนาได้ไปร่วมยินดีกับหลานสาวแล้ว" นางจินหรูแสร้งก้มหน้าอย่างเสียใจ

นางเกาหงเห็นชาวบ้านเริ่มกระซิบกระซาบต่อว่านางก็นึกโมโห

"หึ เจ้าจะเสแสร้งให้ใครดู อาซานกับเยว่เออร์รักใคร่กันมานานก่อนน้องรองจะทำทีเป็นช่วยพี่เหลี่ยงเสียอีก นังเด็กนั้นจะมาแย่งวาสนาของเยว่เออร์ของข้า แต่แล้วยังไงละ สวรรค์ก็เป็นใจ มิอาจพรากคู่ยวนยางได้" นางเกาหงเชิดหน้ากล่าวหาจางหมินที่วางแผนเข้าช่วยกู้เหลี่ยงเพียงเพื่อต้องการให้บุตรีของตนได้แต่งกับกู้ซาน

"พี่สะใภ้กล่าวเช่นนี้ก็มิถูก สามีข้ามิเคยเอ่ยปากขอให้อาซานต้องตบแต่งกลับจื้อเออร์ แต่เป็นพี่เหลี่ยงเอ่ยปากขอหมั้นหมายกับจื้อเออร์เอง แต่ท่านมิต้องห่วงจื้อเออร์ของข้าไม่แย่งวาสนานี้กับบุตรีท่านอย่างแน่นอน"

นางจินหรูตอกหน้านางเกาหง แถมยังลากครอบครัวกู้ออกมาตบ เรื่องลืมบุญคุณต่อหน้าชาวบ้านอีกด้วย นางเกาหงทำอะไรไม่ได้จึงสะบัดหน้ากลับบ้านไปทันที

เมื่อนางจินหรูกลับถึงบ้านทั้งสี่คนก็นั่งคุยกันถึงเรื่องที่ขอซื้อที่ดินเป็นไปด้วยดี หัวหน้าหมู่บ้านยังให้บุตรชายมาสร้างบ้านให้ด้วย โดยเขาจะหาแรงงานมาเพิ่มอีกหลายคนให้บ้านเสร็จทันหน้าหนาว

นางยังเล่าเรื่องที่เจอนางเกาหงระหว่างทางอีกด้วย

“หึหึ ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องนั้นเองเถิด หากพวกเจ้าเจอป้าสะใภ้ใหญ่อีก นางอยากกล่าวเช่นใดก็ปล่อยนางไป”

จางหมินมิได้สนใจคำพูดของพี่สะใภ้ตนนัก เพราะเขารู้ดีว่าพี่สะใภ้ไม่ได้ฉลาดสักเท่าใด หากนางอยากพูดสิ่งใดก็ให้นางพูด สิ่งที่นางพูดล้วนแล้วแต่ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของจางหวงและกู้ซานที่เป็นบัณฑิต

“ท่านพ่อ ตอนที่แยกบ้านท่านได้ทำเรื่องตัดขาดหรือไม่เจ้าคะ” ลู่จื้อกลัวว่าท่านลุงใหญ่จะให้ท่านย่ามาหาผลประโยชน์กับบ้านของนาง

“ท่านปู่ของเจ้าทำใจตัดขาดมิได้ เพียงแต่ให้ส่งเงินสองตำลึงกับธัญพืชยี่สิบจินทุกปี เพื่อแสดงความกตัญญู”

เมื่อลู่จื้อเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมานางจินหรูเลยแสดงสีหน้าเป็นกังวล จางหมินก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเขารู้ว่าพี่ชายของตนหูเบา และเห็นแก่ตัวเพียงใด

จางหมินจึงให้นางจินหรูหยิบสัญญาแยกบ้านออกมา ครั้งนั้นที่ทำหนังสือแยกบ้านเขาที่กำลังเสียใจจึงไม่ได้สนใจรายละเอียดในหนังสือให้ดี

นางจินหรูส่งสัญญาให้จางหมินอ่านความกังวลที่ทุกคนมีจึงเหมือนได้รับการปลดปล่อย เพราะหนังสือสัญญาจางเสียนระบุอย่างชัดเจนว่าทั้งสองบ้านเมื่อแยกบ้านกันแล้วจะไม่สามารถพึ่งพากันได้อีก ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวยทั้งสองบ้านไม่อาจยุ่งเกี่ยวกันอีก

“หึหึ ดียิ่ง ข้าหวังว่าท่านลุงใหญ่จะจำสิ่งที่ตนเขียนลงไปเองได้” ลู่จื้อไม่ได้มีความกังวลกับคนพวกนี้นักหากวุ่นวายกันมากนางก็แค่จัดการสักเล็กน้อย

เมื่อไม่มีเรื่องใดแล้วลู่จื้อจึงชวนลู่เพ่ยไปที่ห้องของนางเพื่อมอบตำราฝึกการหายใจให้ แต่ลู่เพ่ยยังไม่สามารถเปิดจุดตันเถียนของตนได้ ลู่จื้อใคร่ครวญแล้วจึงพาลู่เพ่ยเข้าไปในมิติจิต

“จะ จะ จื้อเออร์ ที่นี่ คะ คือ ที่ใด” ลู่เพ่ยแทบพูดไม่ออก เขามองไปรอบๆ อย่างตื่นตกใจ เมื่อสงบสติได้ก็เริ่มวิ่งสำเร็จไปทั่ว ลู่จื้อส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่

ลู่เพ่ยวิ่งไปสำรวจกระท่อมแล้วจึงได้เห็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ เขาใช้มือรองน้ำขึ้นมาดื่มเพราะวิ่งมาจนเหนื่อยจึงหิวน้ำ เมื่อดื่มเข้าไป ร่างกายก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แถมร่างกายยังเบา เขาลองดื่มอีกครั้งก็พบว่าน้ำมีรสชาติอร่อยกว่าน้ำที่เขาเคยกิน

ลู่จื้อที่เดินมาถึงเห็นพี่ชายกำลังดื่มน้ำเข้าไปเยอะจึงเอ่ยถาม

“ท่านพี่ ท่านกำลังทำสิ่งใดน้ำมีสิ่งใดผิดปกติหรือ” เพราะตอนนี้พี่ชายของนางยังไม่เลิกรองน้ำขึ้นมาดื่มเลย

“น้ำในบ่อรสชาติดีมากจื้อเออร์” ลู่จื้อจึงเดินเข้าไปใกล้พี่ชาย

“หืออ ตัวท่านเหม็นมาก ไปตกบ่ออาจมมาหรือท่านพี่” ลู่จื้อถอยห่างอย่างรังเกียจ

“ข้าจะไปตกบ่ออาจมที่ใดได้ ข้าเพียงดื่มน้ำจากบ่อนี้” ลู่จื้อเลยเดินเข้าไปรองน้ำดื่มบ้าง

หรือน้ำบ่อนี้เป็นน้ำจิตวิญญาณอย่างที่มีอยู่ในนิยายที่นางเคยอ่าน แต่นางไม่คิดว่าในมิติของนางจะมีของวิเศษแบบนี้ หาจะเป็นที่นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้ว สิ่งของในมิติจิตจึงค่อยๆ เริ่มปรากฏออกมา

“ท่านพี่ไปอาบน้ำก่อน คืนนี้พวกเราค่อยเข้ามาฝึก หากสิ่งที่ข้าคิดถูก น้ำบ่อนี้อาจจะช่วยให้ท่านพ่อเดินได้อีกครั้ง”

“เจ้าพูดจริงรึ” ลู่เพ่ยร้องถามออกมาด้วยความยินดี

“ไม่ลองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เจ้าปิดหน้าทำไม

    โจวหรงเฉิงมาหาลู่จื้ออีกครั้งในวันต่อมา แต่เมื่อเข้ามาในห้องของนางก็ไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่“เจ้าแอบหนีเข้าไปก่อนข้ามาถึงรึ” เขานั่งลงที่เตียงของนางอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์ทั้งที่บอกกล่าวไว้แล้วว่าจะมาพบในวันนี้ แต่นางกลับไปรอเขา จนถึงเกือบฟ้าจะสว่างลู่จื้อนางก็ยังไม่ออกมา โจวหรงเฉิงจำต้องกลับไปที่จวนของเขาเพื่อเตรียมตัวไปทำงานตลอดทั้งวันอารมณ์ของโจวหรงเฉิงไม่คงที่นัก หากลูกน้องทำงานไม่ได้ตั้งใจ เขาจะโมโหมากกว่าปกติขึ้นอีกสองส่วน“รองผู้ตรวจการไปกินรังผึ้งที่ใดมาถึงได้ฉุนเฉียวเพียงนี้” เจ้าหน้าที่นครหลวงนินทาผู้เป็นนายลับหลังแม้แต่ตอนที่เขาไปพบเซียวซีซวนและหลินตงหยางในตอนเย็น คิ้วของเขาก็ขมวดอยู่ตลอดเวลา“เป็นอันใด เจองานยุ่งยากเช่นนั้นรึ” หลินตงหยางเอ่ยถามสหาย ถึงแม้ว่าคิ้วของเขาจะขมวดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูจะมากกว่าเดิม“ไม่มีอันใด” เขาจะบอกสหายได้อย่างไรว่าเขาไปพบลู่จื้อที่เรือนตอนกลางคืนมิใช่เพียงโจวหรงเฉิงที่มีเรื่องให้คิด แม้แต่เซียวซีซวนเองก็เป็น ประเดี๋ยวเขาก็ขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวก็ทำท่ากังวล“เจ้าอีกคน วันนี้เป็นอันใดกันไปหมด” หลินตงหยางเอ่ยออกมา เมื่อหันไปเห็นใบหน้าของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   นายท่านแห่งมิติจิต

    ลู่จือที่เห็นเขาจ้องมองใบหน้าของนางอย่างตกตะลึง ก็เอ่ยปากไล่ให้เขาไปนั่งเดินลมปราณที่ด้านนอก“...” หากอาจารย์ของเขาได้รู้ว่านางใช้เวลาฝึกเพียงปีเดียวก็อยู่ในขั้นปรมาจารย์แล้วคงได้กระอักเลือดออกมา“ท่านไปนั่งเดินลมปราณเถิด อ้อ...เกือบลืมไป หากท่านไปแช่น้ำในสระดอกบัวข้างศาลา จะช่วยให้ท่านเดินลมปราณได้เร็วขึ้น”“อืม...เข้าใจแล้ว” โจวหรงเฉิงหยิบตำราการฝึกหายใจติดมือมาด้วยก่อนจะอุ้มเสี่ยวเฮยไปที่สระดอกบัวแต่สิ่งที่ลู่จื้อไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเดินลมปราณ หากนั่งสมาธิเดินลมปราณในสระดอกบัวจะยิ่งช่วยขยายเส้นลมปราณให้ใหญ่มากกว่าเดิม การเดินลมปราณเพื่อเลื่อนขั้นจึงเร็วขึ้นเรื่องนี้เสี่ยวเฮยตัวดีแอบบอกโจวหรงเฉิง หากลู่จื้อนางรู้ มันได้ถูกนางตีแน่ โทษฐานที่เลือกบอกโจวหรงเฉิงแต่ไม่ยอมบอกนางโจวหรงเฉิงที่กำหนดลมหายใจตามคำบอกของเสี่ยวเฮย เขารับรู้ได้ถึงลมปราณที่วิ่งพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ยิ่งได้อยู่ในน้ำจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าพลังฟ้าดินภายในมิติจิต กำลังไหลเข้าสู้ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว“เกิดอันใดขึ้น” ลู่จื้อที่เป็นเจ้าของมิติจิต รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนางลุกออกจากห้องปรุงยาไปที่สร

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ถึงคราวซวยก็ซวยทั้งวัน

    ลู่จื้อส่งฟางซินให้สาวใช้ดูแลเสร็จนางก็เข้าห้องทันที จูบแรกของนางไม่ว่าจะภพที่แล้วหรือในภพนี้ คนที่ได้ไปคือโจวหรงเฉิง ความสับสนในใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“บ้าจริง” นางสบถออกมาอย่างหัวเสียลู่จื้อไม่ได้รู้เลยว่าตอนที่นางกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น โจวหรงเฉิงที่คิดว่ากลับจวนของเขาไปแล้ว จะย้อนกลับมาที่เรือนของนาง แล้วเข้ามาทางหน้าต่างพอนางจะหายตัวเขาไปในมิติ ฝ่ามือหนาของเขาก็จับเข้าที่ตัวของนางทันที“ท่าน!!!” นางร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังประหลาดใจของโจวหรงเฉิงมองไปรอบๆ มิติของนางอยู่“นะ นี่ เป็นไปได้อย่างไร” ตอนนี้โจวหรงเฉิงมิได้สนใจว่าลู่จื้อนางจะมีโทสะเรื่องที่เขาเข้ามาได้อย่างไร เขากำลังสถานที่แปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยความสนใจ“ข้าจะออกไปส่งท่าน” ลู่จื้อเอื้อมมือจะไปจับมือของโจวหรงเฉิง แต่เขายกหนีเสียก่อน ด้วยรู้ว่าสาเหตุที่เข้ามาได้ก็เพราะเขาสัมผัสที่ตัวนาง“ประเดี๋ยว ให้ข้าอยู่ต่อก่อน จื้อเออร์ที่นี่คือที่ใดกัน” เขามองมาที่นางอย่างไม่เข้าใจลู่จื้อถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก คนเราเมื่อถึงคราวซวยก็ช่างซวยเสียตลอดทั้งวัน“มิติจิตของข้า รู้แล้วจะออกไปได้หรือยัง”“ยัง เ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ลงโทษเด็กดื้อ

    หลินตงหยางไล่ให้คณิกาทั้งห้องออกไปเสียก่อน ก่อนที่สหายทั้งสองจะระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่มีบุรุษคนใดที่เห็นสตรีที่ตนหมั้นหมายแล้วมาในสถานที่เช่นนี้แล้วจะพึงพอใจ"พวกเจ้าเล่นสนุกกันเกินไปแล้ว" เซียวซีซวนที่เห็นฟางซินก้มหน้าไม่รู้ว่านางอับอายหรือเสียใจที่พบตน แต่เขาก็ทำใจตำหนินางไม่ลง ได้แต่ถอนหายใจ"หรือคุณชายเซียวคิดว่าพวกท่านมาได้ แต่สตรีเช่นข้าทั้งสองมาไม่ได้" ลู่จื้อมองค้อนบุรุษทั้งสามที่แสดงท่าทีใจแคบ"กลับประเดี๋ยวนี้!!! ข้าจะไปส่ง" โจวหรงเฉิงที่กดข่มอารมณ์ได้แล้วก็เอ่ยปากขึ้น"ไม่รบกวนใต้เท้าโจวเจ้าค่ะ พวกข้าเพิ่งจะมาถึง เชิญพวกท่านหาความสำราญตามสบายเจ้าค่ะ" ลู่จื้อยังไม่อยากจะกลับ หญิงคณิกาพวกนั้นทำให้ชีวิตในเมืองหลวงที่น่าเบื่อหน่ายหลายวันมานี้มีสีสันมากขึ้น"จื้อ เออร์ อย่าให้ข้าหมดความอดทน" ลู่จื้อ มองโจวหรงเฉิงที่เหมือนมองคนโง่ จะมาหมดความอดทนอะไรกัน นางยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย"ซินซิน ข้าจะไปส่งเจ้ากลับจวน" ฟางซินรีบลุกขึ้นเดินก้มหน้ากลับไปพร้อมเซียวซีซวนทันที จนนางลืมลู่จื้อไปเลย“อ้าว...พี่หญิงจะทิ้งข้ารึ รอข้าด้วย" ลู่จื้อที่ได้สติก็รีบตามฟางซินไป"มากับข้า" โจวหรงเฉิงดึงมือของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หอเลี่ยงซู

    และวันที่นัดก็มาถึง ลู่จื้อพาฟางซินไปที่เรือนของนางเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ ทั้งคู่ใส่ชุดบุรุษ สาวใช้ข้างกายที่พามาด้วยเป็นคนสนิทย่อมไม่พูดเรื่องนี้ออกไป เมื่อจับทั้งคู่แต่งตัว ก็กลายเป็นคุณชายรูปงามหากสาวใดได้สบตาคงลืมมิหลง ยิ่งลู่จื้อทำเป็นชายตามองสาวใช้ของฟางซินยังต้องเอามือทาบหน้าอก"คุณหนูจางอย่าไปมองสตรีที่ใดเช่นนี้นะเจ้าคะ" นางก้มหน้าลง"เพราะเหตุใด" ลู่จื้อถามขึ้นด้วยความสงสัย"เพราะบ่าวยังตกหลุมรักท่านเลยเจ้าค่ะ" สาวใช้ของฟางซินกับเสี่ยวถิงหัวเราะกันเสียงดังไปจนถึงเรือนของลู่เพ่ยกับหวังเหอรุ่ยบุรุษในบ้านเมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของเซียวซีซวนมาก็ไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านนอกเรือนของตนเลย จึงไม่รู้ว่าหญิงสาวทั้งสองวางแผนไปที่ใดกันคืนนี้ฟางซินจะค้างที่เรือนของลู่จื้อ เซียวซีซวนรับรองให้นางแล้ว ทางตระกูลเว่ยจึงไม่ได้ว่าอันใด และรู้ว่าบุตรีของตนเป็นเช่นไรจึงได้แต่ปิดตาข้างหนึ่งสองสาวในชุดบุรุษยืนอยู่หน้าหอเลี่ยงซู หอคณิกาชื่อดังในเมืองหลวง ใครจะคิดว่าทั้งคู่จะนึกสนุกมาเที่ยวเล่นในสถานที่เช่นนี้ลู่จื้อ หยิบยกพกของโจวหรงเฉิงมาห้อยที่ข้างเอวของนางด้วย เพราะมันเข้ากับชุดบุรุษที่นางสวมใส

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ถึงเมืองหลวงแล้ว

    การเดินทางครั้งนี้ยังคงมีเสี่ยวถิงติดตามไปด้วย ห้องพักบนเรือถูกจองไว้ทั้งหมดสามห้อง ห้องกว้างขวางสมกับราคาที่เสียไปยิ่งนัก แม้จินเจาจะนอนกับเด็กทั้งสองของตระกูลอู๋ก็ไม่อึดอัดแต่อย่างใดการบริการที่จัดไว้ก็นับว่าใช้ได้ หากไม่อยากไปกินอาหารที่ห้องอาหารก็จะมีเสี่ยวเอ้อยกขึ้นมาส่งด้านบน ชั้นที่พวกลู่จื้ออยู่นั้นเป็นชั้นสาม มีทางบันไดขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าให้ด้วย มีห้องอาหารอยู่ในชั้นสามไม่ต้องลงไปด้านล่างของเรือแต่หากเป็นชั้นสองจะมีเพียงระเบียงด้านหน้าห้องพักเท่านั้นให้นั่งชมวิว ชั้นหนึ่งนอกจากจะเป็นห้องอาหารสำหรับคนที่เข้าพักชั้นสองกับชั้นหนึ่งแล้วก็เป็นห้องรวมสำหรับคนที่มีงบน้อยใช้ในการเดินทางการเดินทางโดยเรือก็ไม่ได้แย่อย่างที่ลู่จื้อนึกไว้ นางไม่ได้มีอาการเมาเรืออย่างที่คิด (มันจะมีได้ไง เจ้าเป็นผู้ฝึกตน) ที่เลือกเดินทางทางเรือ พวกบัณฑิตทั้งหมดจะต้องรีบไปรายงานตัวกับสำนักศึกษา หากรู้ตัวกันเร็วกว่านี้คงเดินทางด้วยรถม้าเช่นที่ผ่านมานับว่าการเดินทางด้วยเรือเร็วไม่น้อย เพียงไม่กี่วันพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วเมื่อเดินทางถึงเมืองหลวงเซียวซีซวนให้คนมารอรับที่ท่าเรือเพื่อนำทางไปส่งท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status