“ผมว่าคุณนั่งเฉย ๆ ดีกว่านะ แล้วก็หุบปากของคุณด้วย ผมรำคาญ หนวกหู ถามโน่นถามนี่อยู่ได้ เกิดมาไม่เคยพูดหรือยังไงกัน”
ริมฝีปากบางเฉียบของชายหนุ่มต่อว่า เพราะนึกรำคาญเสียงใสที่เจื้อยแจ้วมาตลอดทาง ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นนกแก้วนกขุนทองหรือไงนะ ถึงได้พูดไม่หยุดหย่อน
“ก็ผิงอยากคุยกับคุณสิบนี่คะ ทำไมคุณสิบต้องดุผิงด้วย”
เธอยื่นหน้าสวยเข้ามาใกล้สิบทิศ ลอยไปลอยมาชวนให้น่าโมโห
“นี่! ตรีชฎา ทำไมต้องยื่นหน้ามาใกล้ด้วยฮะ คิดจะยั่วกันหรือไง”
“ทำไมคะ กลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหว จนต้องทำมิดีมิร้ายผิงเหรอคะ คุณสิบขา”
ยิ่งบอกก็เหมือนยิ่งยุ หน้าสวยยื่นเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างต้องการกลั่นแกล้งเขา
สิบทิศรับรู้ถึงไอร้อนจากใบหน้านวลเนียนที่ยื่นมาใกล้ มือข้างหนึ่งจึงผลักร่างบอบบางออกโดยแรง จนศีรษะของเธอกระแทกกับประตูรถ
“หึ นางยั่วสวาทอย่างคุณ ถึงแม้จะยั่วให้ไอ้พวกผู้ชายหลงเสน่ห์คุณได้ แต่อย่าฝันเลย ว่าจะมายั่วคนอย่างผมได้ เพราะผมไม่เคยคิดพิศวาสผู้หญิงน่ารังเกียจอย่างคุณ จำไว้!”
วาจาเผ็ดร้อนตอกกลับอย่างไร้เยื่อใย ทำเอาตรีชฎาถึงกับสะอึกเลยทีเดียวกับคำพูดร้ายกาจของเขา สิบทิศไม่ได้รู้เลยว่า คำพูดของตนนั้นช่างตัดรอนและบาดลึกลงไปในหัวใจของหญิงสาวมากเพียงใด
ตรีชฎาจิกเล็บสีชมพูสวยของตนลงบนฝ่ามือ เพื่อสะกดกลั้นความเสียใจที่ก่อเกิดขึ้นภายในใจเอาไว้ ทำไมเขาถึงได้ดูจงเกลียดจงชังเธอนักหนา ทั้งที่เขาเพิ่งจะรู้จักกับเธออย่างเป็นทางการวันนี้เอง แต่เขาก็ตั้งแง่รังเกียจเธอเสียแล้ว
ตอนนี้บนรถจึงเกิดความเงียบงันขึ้นอีกครั้ง ไร้ซึ่งเสียงเจื้อยแจ้วหวานใสของหญิงสาว จนสิบทิศต้องปรายตามองร่างบางที่นั่งข้าง ๆ เห็นเธอนั่งเงียบกริบหันหน้าออกนอกรถ ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาพอใจด้วยซ้ำที่ไม่มีเสียงชวนหนวกหูมารบกวนในเวลาที่เขากำลังขับรถ
เบนซ์สีดำคันงามขับเคลื่อนทะยานมาได้สักพัก ก็เจอป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า ‘คริสตัล เฮ้าส์’ อยู่ด้านหน้า มือหนาจึงหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในซอยนั้นทันที
‘คริสตัล เฮ้าส์’ คอนโดหรูในย่านนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี บิดาของเธอได้ซื้อไว้ให้เธอห้องหนึ่ง เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ 18 ปี ก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไป และเมื่อบิดามารดาของเธอเสียชีวิตลง หญิงสาวก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่ แทนบ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่กับท่านทั้งสอง ด้วยความสะดวกสบายกว่าที่เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงคนเดียว
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ ผิงเดินไปเองได้”
หลังจากเงียบมานาน ตรีชฎาถึงได้เอ่ยเสียงหวานขึ้น เมื่อสิบทิศขับรถเข้ามาถึงหน้าประตูทางเข้าของคอนโด
“เดี๋ยวผมไปส่งที่หน้าคอนโดนั่นแหละ”
เขาบอกเสียงเรียบ แล้วขับรถต่อไปโดยไม่ฟังหญิงสาว
“ไม่เป็น...”
ตรีชฎารีบปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันได้จบประโยค เสียงเข้มก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“นี่! คุณจะมาเรื่องมากอะไรตอนนี้ฮะ อีกนิดเดียวก็จะถึงอยู่แล้ว ทำมาเป็นเกรงอกเกรงใจ เหอะ ถ้าคิดจะเกรงใจก็น่าจะเกรงใจตั้งแต่อยู่ที่ร้านอาหารโน่นแล้ว จะได้ไม่ต้องมาส่งให้เสียเวลา หึ ผมรู้หรอกน่ะ ว่าคุณอยากให้ผมไปส่งคุณให้ถึงที่ หรือไปส่งถึงบนห้องดี แต่ยิ่งถ้าให้ไปส่งถึงเตียง คุณก็ยิ่งชอบจนเนื้อตัวสั่นระริกเลยล่ะสิ”
สิบทิศยั่วเย้า บิดริมฝีปากขึ้นอย่างเหยียดหยันเมื่อเธอมองมา หญิงสาวหน้าตึงไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบเขา
“แหม คุณสิบช่างรู้ใจผิงจังเลยนะคะ อืม แล้วถ้าผิงอยากให้คุณสิบขึ้นไปส่งถึงเตียงจริง ๆ คุณจะไปส่งผิงอย่างที่ปากพูดหรือเปล่าล่ะคะ คุณสิบขา”
ตรีชฎาส่งสายตาวาววับ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกโด่งเชิดรั้นของเธอแทบจะชนกับจมูกโด่งเป็นสันของเขา พร้อมกับยิ้มยั่วยวนท้าทายเขา
“หน้าด้าน ผมไม่หลงกลคุณง่าย ๆ หรอก แล้วมันก็จะไม่มีวันนั้น เชิญลงไปได้แล้วตรีชฎา อ้อ แล้วหวังว่าผมจะไม่เจอคุณอีกนะ หรือถ้าเจอก็ช่วยไปไกล ๆ หน่อยก็แล้วกัน เพราะผมรำคาญคุณเต็มทน อยู่ใกล้ ๆ แล้วอยากจะอ้วก”
สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจเขาไม่น้อย ที่เขาไม่อยากจะเจอหน้าเธออีก แต่ถึงจะได้ยินเช่นนั้น เธอก็ไม่ละความพยายามง่าย ๆ หรอก ยังไงเธอก็จะตามตื๊อเขาไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะยอมใจอ่อนให้กับเธอ
‘สู้ ๆ นะยายผิง นี่แค่วันแรกเอง จะยอมแพ้ได้ยังไงกันล่ะ’
รอยยิ้มหวานถูกส่งมายั่วเขาอีกครั้ง
“เสียใจค่ะ เพราะตั้งแต่วันนี้ไป คุณสิบได้เจอผิงทุกวันแน่ค่ะที่รัก อย่าเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะคะ อ้อ พรุ่งนี้เจอกันนะคะที่รักขา กู๊ดไนท์ค่ะ”
นิ้วเรียวสวยแตะที่ริมฝีปากอวบอิ่มของตัวเอง แล้วยื่นไปแตะบนเรียวปากของเขา ตรีชฎาลงจากรถเบนซ์ไปอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ลืมที่จะโบกมือบ๊ายบายเขา
สิบทิศที่ชะงักกับการกระทำของตรีชฎาเมื่อครู่ พอตั้งสติได้ มือหนาก็รีบยกขึ้นมาถูริมฝีปากของตัวเองแรง ๆ อย่างรังเกียจสัมผัสจากเธอ รู้สึกโมโหยิ่งนัก ที่ดันเผลอให้แม่นางยั่วมากู๊ดไนท์คิสเขาได้
“ฮึ่ย! บ้าฉิบ ยายผู้หญิงไร้ยางอาย ฉันเกลียดเธอที่สุดเลยตรีชฎา ยายบ้า” สิบทิศกล่าวลอดไรฟันด้วยความเจ็บใจ
หลังจากที่ตรีชฎาเดินเข้าคอนโดมา ใช่ว่าเธอจะขึ้นห้องเลย แต่หญิงสาวยังยืนแอบมองสิบทิศที่นั่งอยู่บนรถ จนเขาขับรถออกไป เธอถึงขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพัก แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนกับว่าโลกนี้มีแต่สีชมพู
จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางเฉียบ ซุกไซ้ซอกคอขาวเนียน สูดดมความหอมละมุนจากกลิ่นกายของภรรยาสาว ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งคลั่งไคล้ในตัวเธอ ลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียละเลียดไปตามผิวเนื้อนวลลออราวกับกำลังกินเค้กหน้านิ่มก็ไม่ปาน“เมียผมหอมจังเลย”เขาค่อย ๆ แทะเล็มขบเม้มทั่วลำคอระหง ใช้ปากร้อนงับติ่งหูของเธอสลับกับไล้ปลายลิ้นไปตามใบหูช้า ๆ จนตรีชฎาต้องหลับตาพริ้ม เบี่ยงหน้าไปอีกทาง เพราะความสยิวลามไปทั่วกลางหลัง ก่อนที่เขาจะจูบพรมไล่ตามซอกคอลงมาถึงเนินอกอวบอิ่มสิบทิศดึงเชือกคล้องคอชุดของขวัญวาบหวิว จับรั้งโบตรงช่วงอกลงมาให้เต้าทรวงหลุดออกจากพันธนาการฝ่ามือหนากอบกุมข้างหนึ่ง เคล้นคลึงเบา ๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอก อีกข้างก็ใช้ริมฝีปากครอบครอง ดูดดื่มปทุมถันอย่างหิวกระหาย“นมผิงอร่อยที่สุดเลย”เสียงทุ้มพร่าเอ่ยชม ลิ้นหนาตวัดเลียเม็ดบัวสีหวาน ซึ่งเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ของเมียรักได้เป็นอย่างดี“คุณสิบขา”ดวงตากลมโตหยาดเยิ้มปรือมองดูสามีกำลังดูดเลียปลายถันที่แข่งกันชูชันทั้งสองข้างของเธออย่างเมามัน เขาปลุกเร้าเธอจนเสียวซ่าน เสียงหวานครางเบา ๆ แอ่นอกประเคนตัวเองอยากให้เขาใช้ปากอันร้อนรุ่มสัมผัสปทุมถันของเธอซ้
‘อย่าลืมนะครับ คืนนี้เรามีนัดแกะของขวัญกัน’ตรีชฎานึกถึงประโยคที่สามีย้ำเตือน ก่อนที่เธอจะเข้ามาอาบน้ำ หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องอมยิ้มให้กับชุดของตัวเองของขวัญที่สิบทิศพูดถึงหมายถึงตัวเธอ เป็นของขวัญวาเลนไทน์ที่เขาควรจะได้เมื่อวานแต่ก็ไม่ได้ เพราะติดที่ลูก ๆ มานอนด้วย เธอเลยต้องเลื่อนวันมาให้เขาในคืนนี้แทน“ผลัวะ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทำให้ร่างสูงที่สวมชุดนอนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างต้องหันมามองโดยอัตโนมัติภาพที่ปรากฏในดวงตาคมกริบ สิบทิศถึงกับคำรามในลำคอทันที ร่างบางระหงในชุดผูกคอ ช่วงอกแต่งเป็นโบขนาดใหญ่ทำด้วยผ้าสีแดง ปล่อยห้อยชายผ้าลงมาตรงหน้าท้องแบนราบ มีสายเส้นเล็กสองเส้นแนบขนาบลำตัว เชื่อมโยงกับกางเกงชั้นในที่เป็นแค่ผ้าสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ปกปิดจุดสงวน กำลังเยื้องกรายมาหาเขาแค่เห็นเลือดในกายก็พุ่งพล่าน ปลุกให้ความเป็นชายแข็งผงาด ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสร่างกายกันด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะนี่เขากำลังจะได้เมียผูกโบของแท้“ชุดอะไรของผิงเนี่ย”สิบทิศดีดตัวลุกนั่งทันทีที่ภรรยาสาวก้าวขึ้นเตียงมานั่งใกล้ ๆ ไล่มองชุดตั้งแต่บนลงล่างไม่วางตา ก่อนจะรั้งตัวเธอให้มานั่งคร่อมตักแกร่ง“ก็
“คุณสิบจะแกะเส้นนี้ออกทำไมคะ” เสียงหวานท้วง“อ้าว ก็นี่มันแค่สร้อยลูกปัดธรรมดา เอาออกเถอะครับ เดี๋ยวผมจะใส่เส้นนี้ให้แทน”“ไม่เอาค่ะ กำไลเส้นนี้เป็นเส้นแรกที่คุณสิบซื้อให้ผิง มันเป็นความประทับใจนะคะ”เขาปลาบปลื้มใจในคำตอบของเธอ จนอยากมอบจูบหวาน ๆ สักจูบสองจูบเพื่อเป็นรางวัล กำไลลูกปัดเส้นนี้ เขาซื้อให้เธอเมื่อครั้งไปฮันนีมูนครั้งแรก แม้เวลาจะผ่านมาหกปีแล้ว เธอก็ยังใส่ติดตัวไว้ตลอด แถมยังรักษาไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย“ก็ได้ครับ ไม่ถอดก็ได้ งั้นผมใส่เส้นนี้ให้เลยแล้วกันนะครับที่รัก”ว่าแล้วสิบทิศก็สวมกำไลข้อมือราคาแพงให้ภรรยาคนสวย แล้วยกมือบางขึ้นจูบแผ่วเบา“ขอบคุณค่ะ ผิงก็มีของขวัญให้สามีของผิงเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวนะคะ ขอผิงหยิบก่อน”ตรีชฎาวางช่อดอกกุหลาบ เดินไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้สามีสุดที่รัก ซึ่งเป็นปากกาด้ามทอง สลักชื่อเธอกับเขาไว้ด้วยกัน“ปากกาด้ามนี้ คุณสิบต้องเอาติดตัวตลอดนะคะ ผิงรักสามีที่สุดเลยค่ะ”เธอยื่นปากกาสวยหรูให้เขา โถมตัวกอดเขาด้วยความรักสุดหัวใจ แล้วจูบปลายคางอย่างออดอ้อน“ขอบคุณนะครับที่รัก เอ ผมให้ของขวัญผิงตั้งสองอย่าง แต่ผิงให้ผมแค่อย่างเดียวเองนะครับ”“อ้าว ผิงม
“ฮือ ๆ ฮือ ๆ”ไอ้เสือน้อยที่กำลังยื่นลูกโป่งให้น้องสาว หันไปตามเสียงสะอึกสะอื้น นัยน์ตาสุกใสเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด แถมที่หัวเข่าก็ถลอกแดงเหมือนหกล้ม เด็กชายสรวิศจึงรีบเดินเข้าไปหา ซึ่งเด็กหญิงสิราวรรณก็เดินตามไปด้วย“น้องหกล้มเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม ขอพี่ผลดูหน่อยนะครับ”มือเล็กของไอ้เสือน้อยจับหัวเข่าของเด็กหญิงเพื่อสำรวจดู แต่ร่างเล็กก็สะดุ้งชักขาออกทันที“เจ็บ ฮือ ๆ ฮือ ๆ”เสียงเล็กใสสะอึกสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บ “พี่ผล เราจะทำยังไงกันดี น้องหกล้มจนหัวเข่าถลอกเลย อ้อ น้องผักบุ้งนึกออกแล้ว เดี๋ยวน้องผักบุ้งไปตามคุณพ่อคุณแม่มาดูน้องนะคะ”ริมฝีปากจิ้มลิ้มเจื้อยแจ้วบอกพี่ชาย ก่อนจะรีบวิ่งไปตามบิดามารดาที่อยู่ในร้านไอศกรีม“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วครับ”เด็กชายสรวิศปลอบประโลมเด็กหญิง เหมือนที่คุณพ่อกับคุณแม่ชอบปลอบเวลาเขาหกล้มเสมอ เมื่อเห็นน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าเล็ก มือน้อยจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อนักเรียน มาเช็ดน้ำตาให้เด็กหญิง“พี่ผล คุณพ่อกับคุณแม่มาแล้วค่ะ”น้องผักบุ้งวิ่
“รักเหรอครับ เหมือนที่น้องผลกับน้องผักบุ้ง รักคุณพ่อกับคุณแม่ใช่ไหมครับ”ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มให้บิดามารดาอย่างน่ารัก มือหนาจึงเอื้อมมาลูบศีรษะทุยของลูกชายเบา ๆ“ไม่ใช่ครับลูก มันไม่เหมือนกัน รักของน้องมินที่มีให้น้องผล ก็เหมือนกับที่พ่อมีให้คุณแม่ไงครับ อืม เอาไว้น้องผลโตขึ้น เดี๋ยวน้องผลก็จะเข้าใจเอง หมดข้อสงสัยหรือยังเจ้าตัวแสบ ไปกินไอศกรีมกันดีกว่านะลูก”สิบทิศอุ้มเจ้าตัวแสบที่ยังคงทำหน้าสงสัยขึ้นรถ ตามด้วยลูกสาวคนสวย ก่อนจะเปิดประตูให้ภรรยาสาว ส่วนตัวเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกจากโรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าทันทีครอบครัวธาราธรณ์พากันมาร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยสีสันน่ารัก สิบทิศเลือกที่นั่งด้านใน ซึ่งเป็นโต๊ะโซฟายาว น้องผลนั่งฝั่งเดียวกับคุณพ่อสุดหล่อ ส่วนน้องผักบุ้งก็นั่งฝั่งเดียวกับคุณแม่คนสวย“พี่สาวคนสวยครับ น้องผลเอารสช็อกโกแลตนะครับ เอาแบบรูปนี้เลยครับ”เมื่อพนักงานในร้านมารับออร์เดอร์ เด็กชายสรวิศก็สั่งไอศกรีม พร้อมกับชี้รูปในเมนูให้ดู“น้องผักบุ้งจะทานไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีค่ะ เอาแบบเดียวกับพี่ผลด้วย”นางฟ้าน้อยบอกพนักงานเสิร์ฟเจื้อยแจ้ว“คุณแม่จะทานรสอ
“พี่ผล”เสียงเล็กใสของใครคนหนึ่งเรียกชื่อไอ้เสือน้อย เจ้าตัวเลยต้องหันไปตามเสียง แล้วส่งยิ้มให้คนที่ยืนเหนียมอายอยู่ตรงประตูห้องเรียน“อ้าว น้องมิน ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ”เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามน้องมินที่เรียนอยู่คนละชั้นปีกับตน ก่อนจะเดินไปหาร่างเล็กในชุดกระโปรงแบบเดียวกับน้องสาว เด็กน้อยหางเปียติดกิ๊บรูปกระต่ายสีชมพู ยื่นดอกกุหลาบให้เด็กชายสรวิศ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองหน้าเด็กชาย“น้องมินให้พี่ผลค่ะ”ไอ้เสือน้อยเจ้าเสน่ห์ยื่นมือมารับดอกกุหลาบจากมือเล็ก เพียงเท่านั้นเด็กหญิงตัวเล็กก็รีบวิ่งหนีไปอย่างเขินอาย นัยน์ตาสีนิลมองตามหลังเด็กหญิงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมจะต้องวิ่งหนีเขาด้วยเวลาบ่ายสามโมง สิบทิศกับตรีชฎาก็มารับลูกชายลูกสาวเฉกเช่นทุกวัน ทั้งสองจะมารับลูกด้วยตัวเองเสมอ นอกเสียจากว่าวันไหนติดธุระไม่สามารถมารับลูก ๆ ได้ สิบทิศถึงจะส่งบอดี้การ์ดของเขามารับลูก ๆ แทนเจ้าหนูน้อยทั้งสองวิ่งมาหาคุณพ่อคุณแม่พร้อมด้วยของพะรุงพะรัง ไอ้เสือน้อยกับนางฟ้าน้อยหอมแก้มผู้เป็นบิดามารดา ก่อนจะถูกคุณพ่อยังหนุ่มกับคุณแม่ยังสาวหอมแก้มนุ่มนิ่มกลับคืน“น้องผล ของอะไรน่ะลูก ทำไมถือมาเต็มมือไปหมดอย่างนี