ตึกสูงระฟ้าหลายสิบชั้น ถูกสร้างขึ้นให้ดูหรูหราเหมาะกับรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ ด้านหน้าของตัวตึกมีป้ายสลักสีทองไว้อย่างสวยงามว่า ‘ธาราธรณ์ กรุ๊ป’ ทางเข้าบริษัท มี รปภ. คอยยืนรักษาความปลอดภัยอยู่อย่างเคร่งครัด แม้แต่จะเข้าไปยังด้านใน เมื่อเปิดประตูกระจกเข้ามา ยังมี รปภ. คอยตรวจเช็กอีกครั้ง เนื่องจาก ธาราธาณ์ กรุ๊ป เป็นบริษัทขนาดใหญ่ จึงมีผู้คนเข้ามาติดต่องานไม่เว้นแต่ละวัน ฉะนั้นในเรื่องของความปลอดภัย ที่นี่จึงมีความปลอดภัยที่ค่อนข้างแน่นหนาพอสมควร
ในแต่ละชั้นของตึก จะแบ่งเป็นโซนของแต่ละแผนก แบ่งแยกออกไป เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะดวกสบายสำหรับการติดต่องาน ส่วนชั้นบนสุดของตึกนี้ ทุกคนย่อมทราบกันดีว่าเป็นที่รักษาการของท่านประธานบริษัท ซึ่งครอบครองอาณาเขตบนพื้นที่ของชั้นนี้แต่เพียงผู้เดียว เพราะฉะนั้นบนชั้นนี้จึงมีเพียงท่านประธานบริษัท เลขานุการหน้าห้อง และบอดี้การ์ดคนสนิทสองคนของท่านประธานเท่านั้น
นัยน์ตากลมโตแหงนมองตึกด้านหน้า ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มเพียงนิด ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปยังด้านใน
ทันทีที่ประตูกระจกใสถูกเปิดออกโดย รปภ. หญิงสาวก็กล่าวขอบคุณผู้ใจดีเสียงหวาน กระเป๋าสะพายสีดำสวยหรูเปิดให้ผู้รักษาความปลอดภัยได้ตรวจเช็ก เมื่อเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ร่างบางจึงเดินตรงไปยังโต๊ะประชาสัมพันธ์ของที่นี่
“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
เสียงนุ่มนวลเหมาะกับการเป็นประชาสัมพันธ์เอ่ยถามผู้มาเยือนด้วยคำพูดที่สุภาพ
“สวัสดีค่ะ เอ่อ คือว่าฉันจะมาขอพบคุณสิบ เอ่อ ท่านประธานของที่นี่น่ะค่ะ”
ตรีชฎาแจ้งความประสงค์ของตัวเองเสียงสั่น มือบางเต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความตื่นเต้น
“ไม่ทราบว่าชื่ออะไรคะ มาขอพบท่านประธานด้วยเรื่องอะไรคะ”
ประชาสัมพันธ์สาวปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เตรียมจดชื่อและเรื่องที่หญิงสาวมาติดต่อ เพื่อจะโทร.แจ้งไปยังเลขานุการหน้าห้องของท่านประธานบริษัท
“ตรีชฎาค่ะ เอ่อ คือว่าฉันไม่ได้มาติดต่อเรื่องอะไรหรอกค่ะ แค่จะมาหาท่านประธานเฉย ๆ จะได้ไหมคะ”
ริมฝีปากอวบอิ่มเอื้อนเอ่ยไปตามความจริง พร้อมกับส่งยิ้มแห้งให้ประชาสัมพันธ์สาว นึกหวั่นใจด้วยกลัวว่าถ้าเธอไม่มีธุระ ประชาสัมพันธ์อาจจะไม่ให้เธอเข้าพบกับท่านประธานของที่นี่
“อ้อ คุณตรีชฎาเองเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นเชิญขึ้นลิฟต์ตัวแรกไปพบท่านประธานได้เลยค่ะ”
ประชาสัมพันธ์สาวสวยผายมือให้ตรีชฎาเดินไปขึ้นลิฟต์อย่างสุภาพ ซึ่งการกระทำของคนตรงหน้า ทำให้หญิงสาวถึงกับพิศวงงงงวยไปเลยทีเดียว ที่จู่ ๆ เพียงแค่บอกชื่อเสียงเรียงนาม ประชาสัมพันธ์ก็ให้เธอเข้าพบชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย
“คะ ให้ขึ้นไปพบได้เลยเหรอคะ”
น้ำเสียงใสถามประชาสัมพันธ์สาวเพื่อความมั่นใจ ว่าเธอไม่ได้หูฝาดไปเอง
“ค่ะ สำหรับคุณตรีชฎา คุณหญิงสิรินดาสั่งไว้ว่า ถ้าคุณมาขอพบท่านประธาน ให้คุณสามารถเข้าไปพบท่านได้ทุกเมื่อค่ะ”
ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร บอกหญิงสาวไปตามคำสั่งที่ได้รับมา
“เชิญค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งเลขาหน้าห้องของท่านประธานให้ค่ะ”
พูดจบ ประชาสัมพันธ์สาวก็ยกหูโทรศัพท์ โทร.แจ้งไปยังเลขานุการหน้าห้องของประธานบริษัททันที
‘คุณป้าจัดแจงสั่งการเอาไว้เลยหรือนี่ แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ที่คุณป้าเปิดทางสะดวกให้เราขนาดนี้ ขอบคุณคุณป้ามากเลยนะคะที่ช่วยผิง’
ตรีชฎานึกขอบคุณผู้เบิกทางรักอย่างคุณหญิงสิรินดาในใจ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง แล้วจึงเดินไปขึ้นลิฟต์แก้วตัวแรกตามที่ประชาสัมพันธ์สาวบอก
“ติ๊ง!”
สัญญาณลิฟต์ส่งเสียงเตือนให้ผู้โดยสารรับทราบ ก่อนจะเปิดออกโดยอัตโนมัติ ขาเรียวงามก้าวพ้นจากลิฟต์แก้วได้ ก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องของประธานบริษัท ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่ากินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของชั้น
“สวัสดีค่ะ คุณตรีชฎา เชิญที่ห้องท่านประธานได้เลยค่ะ”
ลินลณีเลขานุการหน้าห้องที่ยืนรอการมาของหญิงสาว ทำความเคารพด้วยกิริยามารยาทที่นอบน้อม เห็นดังนั้น ตรีชฎาจึงรีบไหว้อีกฝ่ายกลับทันควัน
“เอ่อ ไม่ต้องไหว้ผิงก็ได้ค่ะ พี่น่าจะอายุมากกว่าผิง มาไหว้ผิงแบบนี้ เดี๋ยวผิงอายุสั้นกันพอดี แล้วก็ไม่ต้องเรียกชื่อจริงก็ได้นะคะ เรียกผิงเฉย ๆ ก็พอค่ะ”
สาวสวยผู้มีจิตใจดีพูดคุยกับเลขานุการอย่างเป็นกันเอง แล้วเผยรอยยิ้มหวาน ลินลณีจึงยิ้มตอบหญิงสาว รู้สึกโล่งใจที่สาวสวยผู้นี้ไม่ได้หยิ่งยโส ถือเนื้อถือตัวเหมือนคู่ควงของเจ้านายหนุ่มคนก่อน ๆ แม้แต่นิดเดียว
หากพินิจดูแล้ว ถ้าเธอเดาไม่ผิด หญิงสาวผู้นี้คงจะเป็นคนสำคัญของท่านประธาน ไม่น่าจะใช่ผู้หญิงที่เจ้านายหนุ่มควงเล่น ๆ เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคุณหญิงสิรินดาคงไม่ออกคำสั่งให้ทุกคนในบริษัท คอยต้อนรับหญิงสาวเสมือนเป็นคนสำคัญเช่นนี้
“ก็ได้ค่ะ คุณผิง”
ลินลณีตอบรับคนสำคัญของเจ้านายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรคะ ผิงจะได้เรียกถูก” เสียงหวานใสถาม
“ชื่อลินลณีค่ะ เรียกว่าลีก็ได้ค่ะ”
เลขานุการสาวตอบ ตรีชฎาพยักหน้ายิ้ม ๆ
“ค่ะพี่ลี เอ่อ ถ้าอย่างนั้นผิงเข้าไปหาคุณสิบก่อนนะคะ ไว้ว่าง ๆ ผิงจะมาคุยด้วย”
เธอบอกลินลณีเหมือนกับรู้จักกันมานาน มือบางทำท่าจะเคาะประตู แต่เลขานุการก็บริการเคาะประตูห้องให้เอง และเมื่อได้รับคำอนุญาตจากคนด้านใน เธอจึงเปิดประตูให้ตรีชฎาเข้าไปทันที
ร่างสูงในชุดสูทเรียบหรูกำลังนั่งอ่านโครงการเปิดโรงแรมสาขาใหม่ที่กระบี่ ได้ยินเสียงคนเปิดประตูก็เข้าใจว่า บุคคลที่เข้ามาคือเลขานุการสาวที่เอากาแฟมาเสิร์ฟให้ เสียงทุ้มจึงโพล่งออกไป ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง กะจะบอกให้เลขานุการสาวเอาเอกสารของโครงการในส่วนที่เหลือมาให้เขาด้วย
“คุณลี เฮ้ย ตรีชฎา!”
ใบหน้าคมสันนั้นดูจะตกใจไม่น้อย เมื่อคนที่เข้ามาไม่ใช่ลินลณี แต่เป็นนางยั่วที่เขาไม่อยากจะเจอหน้าสวย ๆ ของเธอเป็นที่สุด
จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากบางเฉียบ ซุกไซ้ซอกคอขาวเนียน สูดดมความหอมละมุนจากกลิ่นกายของภรรยาสาว ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งคลั่งไคล้ในตัวเธอ ลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียละเลียดไปตามผิวเนื้อนวลลออราวกับกำลังกินเค้กหน้านิ่มก็ไม่ปาน“เมียผมหอมจังเลย”เขาค่อย ๆ แทะเล็มขบเม้มทั่วลำคอระหง ใช้ปากร้อนงับติ่งหูของเธอสลับกับไล้ปลายลิ้นไปตามใบหูช้า ๆ จนตรีชฎาต้องหลับตาพริ้ม เบี่ยงหน้าไปอีกทาง เพราะความสยิวลามไปทั่วกลางหลัง ก่อนที่เขาจะจูบพรมไล่ตามซอกคอลงมาถึงเนินอกอวบอิ่มสิบทิศดึงเชือกคล้องคอชุดของขวัญวาบหวิว จับรั้งโบตรงช่วงอกลงมาให้เต้าทรวงหลุดออกจากพันธนาการฝ่ามือหนากอบกุมข้างหนึ่ง เคล้นคลึงเบา ๆ ก่อนใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอก อีกข้างก็ใช้ริมฝีปากครอบครอง ดูดดื่มปทุมถันอย่างหิวกระหาย“นมผิงอร่อยที่สุดเลย”เสียงทุ้มพร่าเอ่ยชม ลิ้นหนาตวัดเลียเม็ดบัวสีหวาน ซึ่งเป็นจุดกระตุ้นอารมณ์ของเมียรักได้เป็นอย่างดี“คุณสิบขา”ดวงตากลมโตหยาดเยิ้มปรือมองดูสามีกำลังดูดเลียปลายถันที่แข่งกันชูชันทั้งสองข้างของเธออย่างเมามัน เขาปลุกเร้าเธอจนเสียวซ่าน เสียงหวานครางเบา ๆ แอ่นอกประเคนตัวเองอยากให้เขาใช้ปากอันร้อนรุ่มสัมผัสปทุมถันของเธอซ้
‘อย่าลืมนะครับ คืนนี้เรามีนัดแกะของขวัญกัน’ตรีชฎานึกถึงประโยคที่สามีย้ำเตือน ก่อนที่เธอจะเข้ามาอาบน้ำ หญิงสาวมองดูตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องอมยิ้มให้กับชุดของตัวเองของขวัญที่สิบทิศพูดถึงหมายถึงตัวเธอ เป็นของขวัญวาเลนไทน์ที่เขาควรจะได้เมื่อวานแต่ก็ไม่ได้ เพราะติดที่ลูก ๆ มานอนด้วย เธอเลยต้องเลื่อนวันมาให้เขาในคืนนี้แทน“ผลัวะ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำ ทำให้ร่างสูงที่สวมชุดนอนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้างต้องหันมามองโดยอัตโนมัติภาพที่ปรากฏในดวงตาคมกริบ สิบทิศถึงกับคำรามในลำคอทันที ร่างบางระหงในชุดผูกคอ ช่วงอกแต่งเป็นโบขนาดใหญ่ทำด้วยผ้าสีแดง ปล่อยห้อยชายผ้าลงมาตรงหน้าท้องแบนราบ มีสายเส้นเล็กสองเส้นแนบขนาบลำตัว เชื่อมโยงกับกางเกงชั้นในที่เป็นแค่ผ้าสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ปกปิดจุดสงวน กำลังเยื้องกรายมาหาเขาแค่เห็นเลือดในกายก็พุ่งพล่าน ปลุกให้ความเป็นชายแข็งผงาด ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสร่างกายกันด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะนี่เขากำลังจะได้เมียผูกโบของแท้“ชุดอะไรของผิงเนี่ย”สิบทิศดีดตัวลุกนั่งทันทีที่ภรรยาสาวก้าวขึ้นเตียงมานั่งใกล้ ๆ ไล่มองชุดตั้งแต่บนลงล่างไม่วางตา ก่อนจะรั้งตัวเธอให้มานั่งคร่อมตักแกร่ง“ก็
“คุณสิบจะแกะเส้นนี้ออกทำไมคะ” เสียงหวานท้วง“อ้าว ก็นี่มันแค่สร้อยลูกปัดธรรมดา เอาออกเถอะครับ เดี๋ยวผมจะใส่เส้นนี้ให้แทน”“ไม่เอาค่ะ กำไลเส้นนี้เป็นเส้นแรกที่คุณสิบซื้อให้ผิง มันเป็นความประทับใจนะคะ”เขาปลาบปลื้มใจในคำตอบของเธอ จนอยากมอบจูบหวาน ๆ สักจูบสองจูบเพื่อเป็นรางวัล กำไลลูกปัดเส้นนี้ เขาซื้อให้เธอเมื่อครั้งไปฮันนีมูนครั้งแรก แม้เวลาจะผ่านมาหกปีแล้ว เธอก็ยังใส่ติดตัวไว้ตลอด แถมยังรักษาไว้เป็นอย่างดีอีกด้วย“ก็ได้ครับ ไม่ถอดก็ได้ งั้นผมใส่เส้นนี้ให้เลยแล้วกันนะครับที่รัก”ว่าแล้วสิบทิศก็สวมกำไลข้อมือราคาแพงให้ภรรยาคนสวย แล้วยกมือบางขึ้นจูบแผ่วเบา“ขอบคุณค่ะ ผิงก็มีของขวัญให้สามีของผิงเหมือนกันค่ะ เดี๋ยวนะคะ ขอผิงหยิบก่อน”ตรีชฎาวางช่อดอกกุหลาบ เดินไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้สามีสุดที่รัก ซึ่งเป็นปากกาด้ามทอง สลักชื่อเธอกับเขาไว้ด้วยกัน“ปากกาด้ามนี้ คุณสิบต้องเอาติดตัวตลอดนะคะ ผิงรักสามีที่สุดเลยค่ะ”เธอยื่นปากกาสวยหรูให้เขา โถมตัวกอดเขาด้วยความรักสุดหัวใจ แล้วจูบปลายคางอย่างออดอ้อน“ขอบคุณนะครับที่รัก เอ ผมให้ของขวัญผิงตั้งสองอย่าง แต่ผิงให้ผมแค่อย่างเดียวเองนะครับ”“อ้าว ผิงม
“ฮือ ๆ ฮือ ๆ”ไอ้เสือน้อยที่กำลังยื่นลูกโป่งให้น้องสาว หันไปตามเสียงสะอึกสะอื้น นัยน์ตาสุกใสเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด แถมที่หัวเข่าก็ถลอกแดงเหมือนหกล้ม เด็กชายสรวิศจึงรีบเดินเข้าไปหา ซึ่งเด็กหญิงสิราวรรณก็เดินตามไปด้วย“น้องหกล้มเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม ขอพี่ผลดูหน่อยนะครับ”มือเล็กของไอ้เสือน้อยจับหัวเข่าของเด็กหญิงเพื่อสำรวจดู แต่ร่างเล็กก็สะดุ้งชักขาออกทันที“เจ็บ ฮือ ๆ ฮือ ๆ”เสียงเล็กใสสะอึกสะอื้นไห้ด้วยความเจ็บ “พี่ผล เราจะทำยังไงกันดี น้องหกล้มจนหัวเข่าถลอกเลย อ้อ น้องผักบุ้งนึกออกแล้ว เดี๋ยวน้องผักบุ้งไปตามคุณพ่อคุณแม่มาดูน้องนะคะ”ริมฝีปากจิ้มลิ้มเจื้อยแจ้วบอกพี่ชาย ก่อนจะรีบวิ่งไปตามบิดามารดาที่อยู่ในร้านไอศกรีม“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วครับ”เด็กชายสรวิศปลอบประโลมเด็กหญิง เหมือนที่คุณพ่อกับคุณแม่ชอบปลอบเวลาเขาหกล้มเสมอ เมื่อเห็นน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าเล็ก มือน้อยจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อนักเรียน มาเช็ดน้ำตาให้เด็กหญิง“พี่ผล คุณพ่อกับคุณแม่มาแล้วค่ะ”น้องผักบุ้งวิ่
“รักเหรอครับ เหมือนที่น้องผลกับน้องผักบุ้ง รักคุณพ่อกับคุณแม่ใช่ไหมครับ”ริมฝีปากสีแดงสดคลี่ยิ้มให้บิดามารดาอย่างน่ารัก มือหนาจึงเอื้อมมาลูบศีรษะทุยของลูกชายเบา ๆ“ไม่ใช่ครับลูก มันไม่เหมือนกัน รักของน้องมินที่มีให้น้องผล ก็เหมือนกับที่พ่อมีให้คุณแม่ไงครับ อืม เอาไว้น้องผลโตขึ้น เดี๋ยวน้องผลก็จะเข้าใจเอง หมดข้อสงสัยหรือยังเจ้าตัวแสบ ไปกินไอศกรีมกันดีกว่านะลูก”สิบทิศอุ้มเจ้าตัวแสบที่ยังคงทำหน้าสงสัยขึ้นรถ ตามด้วยลูกสาวคนสวย ก่อนจะเปิดประตูให้ภรรยาสาว ส่วนตัวเขาก็เดินอ้อมไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับ แล้วขับรถออกจากโรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าทันทีครอบครัวธาราธรณ์พากันมาร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยสีสันน่ารัก สิบทิศเลือกที่นั่งด้านใน ซึ่งเป็นโต๊ะโซฟายาว น้องผลนั่งฝั่งเดียวกับคุณพ่อสุดหล่อ ส่วนน้องผักบุ้งก็นั่งฝั่งเดียวกับคุณแม่คนสวย“พี่สาวคนสวยครับ น้องผลเอารสช็อกโกแลตนะครับ เอาแบบรูปนี้เลยครับ”เมื่อพนักงานในร้านมารับออร์เดอร์ เด็กชายสรวิศก็สั่งไอศกรีม พร้อมกับชี้รูปในเมนูให้ดู“น้องผักบุ้งจะทานไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีค่ะ เอาแบบเดียวกับพี่ผลด้วย”นางฟ้าน้อยบอกพนักงานเสิร์ฟเจื้อยแจ้ว“คุณแม่จะทานรสอ
“พี่ผล”เสียงเล็กใสของใครคนหนึ่งเรียกชื่อไอ้เสือน้อย เจ้าตัวเลยต้องหันไปตามเสียง แล้วส่งยิ้มให้คนที่ยืนเหนียมอายอยู่ตรงประตูห้องเรียน“อ้าว น้องมิน ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ”เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามน้องมินที่เรียนอยู่คนละชั้นปีกับตน ก่อนจะเดินไปหาร่างเล็กในชุดกระโปรงแบบเดียวกับน้องสาว เด็กน้อยหางเปียติดกิ๊บรูปกระต่ายสีชมพู ยื่นดอกกุหลาบให้เด็กชายสรวิศ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองหน้าเด็กชาย“น้องมินให้พี่ผลค่ะ”ไอ้เสือน้อยเจ้าเสน่ห์ยื่นมือมารับดอกกุหลาบจากมือเล็ก เพียงเท่านั้นเด็กหญิงตัวเล็กก็รีบวิ่งหนีไปอย่างเขินอาย นัยน์ตาสีนิลมองตามหลังเด็กหญิงด้วยความไม่เข้าใจ ว่าทำไมจะต้องวิ่งหนีเขาด้วยเวลาบ่ายสามโมง สิบทิศกับตรีชฎาก็มารับลูกชายลูกสาวเฉกเช่นทุกวัน ทั้งสองจะมารับลูกด้วยตัวเองเสมอ นอกเสียจากว่าวันไหนติดธุระไม่สามารถมารับลูก ๆ ได้ สิบทิศถึงจะส่งบอดี้การ์ดของเขามารับลูก ๆ แทนเจ้าหนูน้อยทั้งสองวิ่งมาหาคุณพ่อคุณแม่พร้อมด้วยของพะรุงพะรัง ไอ้เสือน้อยกับนางฟ้าน้อยหอมแก้มผู้เป็นบิดามารดา ก่อนจะถูกคุณพ่อยังหนุ่มกับคุณแม่ยังสาวหอมแก้มนุ่มนิ่มกลับคืน“น้องผล ของอะไรน่ะลูก ทำไมถือมาเต็มมือไปหมดอย่างนี