“ข้าไม่อยากไปเห็นหน้าแม่นางชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่เบ้ปาก
“รีบไป แล้วคอยอยู่ดูจนแน่ใจว่าแม่นางเฉียวฉู่หลับสนิทแล้วค่อยกลับออกมา” พ่อบ้านกำชับ “พวกเจ้าก็คอยดูอย่าให้ใครไปใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ”
คราแรกทุกคนทำหน้างุนงง แต่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย ทุกคนรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่อิดออด พ่อบ้านได้แต่ยิ้มกริ่มแล้วเดินไปตระเตรียม ‘ยา’ ให้ท่านแม่ทัพ
จ้าวจื่อรั่วมีเพียงใจที่ต้องการช่วยเหลือท่านแม่ทัพ พ่อบ้านแนะนำอย่างไร นางก็ท่องจำในใจได้ครบทุกขั้นตอน เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ แม่ทัพกลับจากค่ายทหารเข้ามาที่เรือนของตน นางจึงถือถาดยาเข้าไปหา
กู้ตงหยางประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวเข้ามาในเรือนของเขา เขาจ้องนางเขม็งแต่หญิงสาวยังฝืนยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้
“ใครให้เจ้าเข้ามา”
จะเอ่ยตอบว่าเป็นพ่อบ้านก็เกรงว่าแม่ทัพใหญ่คงเรียกพ่อบ้านมาลงโทษ นางจึงตอบไปว่า
“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มน้อยๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ “ผู้อื่นมีงานล้นมือ ข้าจึงอาสามาปรนนิบัติท่านแม่ทัพ”
“ปรนนิบัติข้า?” เขาทำเสียงดูแคลน เอาเถอะ นางอยากทำก็ให้ทำไป หากเห็นรอยแผลบนกายเขาก็คงขยาดหวาดกลัวไม่กล้ามาอีก
จ้าวจื่อรั่วมองร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกางแขนออก นางจึงเข้าไปช่วยถอดเสื้อของเขาออกที่ละชั้น การเคลื่อนไหวเงีบบเฉียบเรียบร้อยตามลำดับขั้นตอนดูแล้วสบายตาไม่ขัดเขิน เขามองนางเพลินจนกระทั่งท่อนบนเปลือยเปล่า ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วเรียวแตะโดนบริเวณแผลของเขา
“ท่านแม่ทัพจะอาบน้ำเลยไหมเจ้าค่ะ น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้ว”
“อืม” เขาตอบรับแล้วเดินไปหลังฉากกั้น เพียงครู่เดียวก็ถอดกางเกงออกแล้วลงไปในอ่างน้ำ “หากไม่เข้ามาถูหลังให้ข้าก็ไสหัวออกไป”
หญิงสาวสะดุ้งแล้วตั้งสติครู่หนึ่งก่อนเดินไปหลังฉากกั้น แม้เป็นหญิงออกเรือนแล้วแต่นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษเต็มวัยเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็แค่ดูแลน้องชายทั้งสอง แต่นั้นก็เพียงแค่เด็กชายเท่านั้น นางพยายามข่มใจม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อหยิบผ้ามาถูแผ่นหลังให้เขา
นางไม่ได้กลัวรอยแผลเป็นน้อยใหญ่บนร่างกายเขา กลับรู้สึกเห็นใจและ...เอ่อ...สงสาร... ใครเลยจะรู้ว่าการชนะศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนต้องแลกกับสิ่งใดบ้าง บางแผลเหล่านี้อาจเล็กน้อยเท่านั้นหากเทียบกับชีวิตที่สูญเสียไป
สิ่งที่นางรู้สึกนั้น กู้ตงหยางย่อมไม่รู้ และเข้าใจไปว่า นางก็เป็นเช่นสตรีอื่นที่เห็นบาดแผลของเขาแล้วหวาดกลัว แรงกดที่บีบนวดไปตามเนื้อตัวทำเอาเขาแทบหลุดเสียงคราง ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมาจนจ้าวจื่อรั่วรู้สึกได้
“เจ็บหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะเบามือ”
นางถามอย่างกังวล พ่อบ้านบอกว่ามีแผลที่ด้านหลัง แต่แผ่นหลังของท่านแม่ทัพ นอกจากแผลเป็นที่มีมาแต่เดิมแล้ว นางยังไม่เห็นแผลใหม่ที่ใดอีก นางพยายามเพ็งตามองให้ถ้วนทั่ว หรือพ่อบ้านจำตำแหน่งผิด น่าจะเป็นด้านหน้าเสียกระมัง ที่หน้าอกมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ เป็นรอยเหมือนถูดดาบฟัน นางเผลอยื่นหน้ามองข้ามไหล่มาด้านหน้า ลืมไปกว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของตนอยู่ใกล้กับใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่
รวดเร็วจนไม่ทันกะพริบตา จ้าวจื่อรั่วถูกจับเหวี่ยงลงอ่าง ร่างเล็กตะเกียดตะกายขึ้นจากน้ำ ทว่ามือใหญ่กดไหล่นางไว้ หญิงสาวสำลักน้ำเพียงแค่อึดใจสั้นๆ มือใหญ่ก็ดึงร่างนางขึ้นมา นางไอโขลกๆ พลางยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“คนเลว!”
จ้าวจื่อรั่วเผลอตวาดออกไป นางเป็นอะไรไปไม่สำคัญ ถ้าหากจมน้ำตายไปจริงๆ น้องชายสองคนจะอยู่อย่างไร! นางจะพบหน้าท่านแม่ในปรโลกได้อย่างไร คำสั่งเสียสุดท้ายของมารดาคือดูแล น้องชายทั้งสองให้ดี ที่ผ่านมานางก็ ‘พยายาม’ และ ‘พยายาม’ อย่างที่สุด หากชีวิตนางไม่มีเฟยฉี และ เฟยหลิง น้องชายสองคนนี้ นางคง...
น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักราวเม็ดฝนและทำให้เสียงหัวเราะของชายหนุ่มหายไปในทันที.
“คนเลว!”
กู้ตงหยางถึงกับชะงักไป ไม่คิดว่าจะถูกเสียงหวานตวาดเอา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือหยาดน้ำตาหยดใสไหลจากดวงตาคู่งาม มือเล็กๆ เหวี่ยงเปะปะไปมา เขาแค่หยอกล้อเท่านั้นไม่คิดว่าจะตกใจถึงเพียงนี้ หรือเขาอยู่กับพวกทหารมากเกินไป เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จึงทำให้นางโกรธ และยามนี้เขา ‘ปลอบใจ’ ไม่เป็น มือเล็กปัดป่ายไปมาแตะถูกใบหน้าของเขา กู้ตงหยางยื่นมือไปคว้าท้ายทอยนางไว้แล้วกดริมฝีปากลงกับริมฝีปากที่สะอึกสะอื้นอยู่
แม้เป็นสามีภรรยาแต่ยังไม่เข้าหอ จ้าวจื่อรั่วแตกตื่นตกใจยิ่งขยับตัวถอยหนี ทั้งใช้มือไม้ดันแผ่นอกของเขาออก แต่เพราะท้ายทอยถูกจับไว้แน่นและลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก
“อื้อ!” นางได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ ถูกกอดรัดแน่นขึ้นจนมือของนางชิดที่แผ่นอกของแม่ทัพหนุ่มจนขยับไม่ได้อีก ดวงตาฉ่ำหยดน้ำตาสบตากับดวงตาร้อนแรงของเขาแล้วก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่าง แม้ยามนี้ร่างกายเปียกชุ่มเพราะอยู่ในอ่างอาบน้ำ
อ่างอาบน้ำ
จ้าวจื่อรั่วได้สติเพิ่งนึกได้ว่าถูกเหวี่ยงลงน้ำซ้ำยังโดนกดน้ำอีก นี่เขายังใจร้ายปิดปากนางจนแทบหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว
เพราะร่างเล็กดิ้นขลุกขลักทำให้กู้ตงหยางได้สติ เขาคลายวงแขนที่กอดรัดร่างนุ่มนิ่มพร้อมกับถอนริมฝีปากอย่างเสียดาย ใบหน้างามแดงก่ำขยับตัวถอยไปชิดอีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ ดวงตาหรี่มองเรือนร่างในอาภรณ์เรียบง่ายที่ยามนี้รัดรึงสัดสวนจนเห็นความเย้ายวนเบื้องหน้า เหมือนนางจะเพิ่งรู้ตัวจึงรีบทรุดกายลงไปในน้ำ มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามองเขา
“ท่าน...ท่านรังแกข้า!” นางพูดเสียงสั่น
“ถ้าใช้แล้วอย่างไร” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่สายตายังคงจ้องมองที่นาง
“ท่าน! ท่านกดข้าจมน้ำ”
“ข้าเป็นสามีเจ้า จะทำสิ่งใดก็ย่อมได้”
จ้าวจื่อรั่วพูดไม่ออก น้ำตาที่หยุดไหลก็เอ่อล้นออกมาอีกระลอก
“ท่านเป็นสามี...ต้องการสิ่งใดก็ย่อมได้...” นางพึมพำออกมา “ถ้าท่านต้องการให้ข้าตาย ข้าก็ตายสินะ”
‘หรือว่า... คนอย่างข้าตายไปเสียก็ดี มีชีวิตอยู่ก็เกะกะลูกตาผู้อื่น’
รถมาที่เตรียมไว้อบอุ่นและพรั่งพร้อมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากกู้ตงหยางต้องการดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิดทำให้ไฉ่หงออกมานั่งข้างสารถีซึ่งเด็กสาวก็ยินดี เพราะได้มองทิวทัศน์ระหว่างเดินทางจ้าวจื่อรั่วอยู่ในรถม้าอย่างสุขสำราญ การเดินทางกลับสบายราวกับมาท่องเที่ยวต่างจากยามที่เข้ามามาก จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนอี้ซวนมาส่งจะกล่าวคำอำลา“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” กู้ตงหยางเอ่ยถาม การเดินทางราบรื่นด้วยเพราะมีทหารลับของซย่าเจียวซิ่งคุ้มกันตลอดเส้นทาง เขาส่งข่าวมาล่วงหน้าแล้ว คนของตนก็รออยู่ที่ชายแดนจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลนัก“ถามข้า...ข้าก็ใช้ชีวิตพรานป่านะสิ” อีซวนหัวเราะเสียงดังตามประสานิสัยของเขา“แล้ว...”“แล้วอะไรกัน?”กู้ตงหยางเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปาก “อย่างไรข้ากับเจ้าก็นับเป็นสหาย เป็นดุจคนในครอบครัว หากอยากให้ข้าช่วยยกสินสอดทองหมั้นก็บอกมา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้าได้”“หากบุรุษแต่งงานมีภรรยาแล้วพูดจาไร้สาระเช่นเจ้า ข้าไม่แต่งดีกว่า” อี้ซวนเบ้ปากแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาจากในรถตู้ ใครเลยจะคาดคิดว่านักรบปราบศัตรูเช่นกู้ตงหยางจะพ่ายแพ้แก่สตรีตัวเล็กๆไร้วรยุทธ์ผู้หนึ
สองบุรุษหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากันโดยมีกาสุราตั้งอยู่บนโต๊ะ กู้ตงหยางมีท่าทีเฉยชาไร้ความวิตกกังวลใดราวกับเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเรื่อง “เมื่อฮูหยินของข้าทำตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว ข้าก็จะพานางกลับแคว้นแม้เจ้าจะไม่ไปส่ง ข้าก็หาทางกลับเองได้”ผู้บัญชาการซย่าได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าฝีมือระดับแม่ทัพกู้ผู้นี้คงเคยเข้าออกแคว้นของเขาเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับตัวเขาเองก็ยังเคยไปสืบข่าวที่แคว้นของอีกฝ่ายเช่นกัน“ถ้าหากข้ารั้งท่านหมอหญิงไว้ให้อยู่ต่อ ดูแลจนหลี่หรูคลอดลูกเล่า”“ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องอยู่ต่อ การที่ฮูหยินของข้ารักษาคุณหนูหลี่หรูให้แล้วนั้นแล้วก็นับว่าทำตามที่ผู้ลั่นวาจาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เจ้าจะไม่ไปส่งข้าก็ต้องหาทางพาภรรยากลับอยู่ดี เจ้าคิดหรือว่าคนของเจ้าแค่นี้จะสามารถสกัดกั้นข้าได้ หรือเจ้าอยากลองเปิดศึกสองแคว้น”“ท่านอยากฉีดสัญญาสงบศึกหรือ?” ซย่าเจียวซิ่งรินสุราให้ตนเอง“ข้าย่อมไม่ต้องการทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน เจ้าก็รู้เหมือนที่ข้ารู้ การศึกคราใดผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือชาวบ้านตาดำๆ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการให้เกิดศึกสงคราม ไม่ว่ากับผู้ใดก็ตาม
เพียงริมฝีปากสวยเผยอขึ้น องุ่นปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าปาก ปลายนิ้วหยาบกระด้างสัมผัสริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มทอดสายตามองภรรยาสาวที่ช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาทะเล้น บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับถอนหายใจเบาๆ อาการสิ้นหวังนี้กลับทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเคี้ยวองุ่นด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่” หญิงสาวหยอกเย้าสามี รู้ว่าเขาอดทนอดกลั้นมากเพียงใด แต่เพราะหลายวันก่อนนางถอนพิษให้หลี่หรูจนร่างกายอ่อนเพลียเป็นลมไป กู้ตงหยางคอยดูแลไม่ห่างแม้นางฟื้นขึ้นยืนยันว่าตัวเองปลอดภัยดี เขาก็ยังคงไม่วางใจจึงหักห้ามใจหากจะร่วมรักกับนางในช่วงเวลานี้ “เจ้าแข็งแรงดีเมื่อใด เราจะเดินทางกลับทันที” “อืม ข้าเชื่อฟังท่าน” หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง “ข้าทำตามคำพูดตนเองแล้ว รักษาแม่นางหลี่หรูให้ฟื้นได้สำเร็จ ส่วนเรื่องที่เหลือนนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกแล้ว” สีหน้ากู้ตงหยางค่อยดีขึ้นเมื่อได้ยินภรรยารักพูดเช่นนั้น หากนางยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ เห็นทีเขาคงต้องลักพาตัวภรรยากลับบ้านแล้ว “แท้จริงแล้ว เรื่องโลหิตเป็นยาขับพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าต้องการลองใจรัชทายาท”
“ข้ายินดี ท่านหมอหญิงโปรดใช้เลือดของข้าเถิด” เฉียนฟานกล่าวไร้ความลังเล แววตาที่มองหญิงสาวในวงแขนเต็มไปด้วยความรักและเมื่อเงยหน้าสบตากับหมอหญิง แววตาของเขาก็จริงจังดั่งคำที่กล่าวไป “ดี เช่นนั้นโปรดยื่นแขนของท่านมา” “ได้!” ชายหนุ่มขยับตัวม้วนแขนเสื้อขึ้นยื่นท่อนแขนของตนให้หมอหญิง จ้าวจื่อรั่วโน้มตัวลงมองท่อนแขนกำยำนั้นแล้วพยักหน้ารับ “ท่านยอมรับว่าเด็กในครรภ์แม่นางหลี่หรูเป็นบุตรของท่าน” “นางมีข้าเพียงคนเดียว ข้าเป็นผู้ชั่วช้าที่พรากความบริสุทธิ์ของนาง” เฉียนฟานเอ่ยแล้วสบตากับซยาเจียวซิ่ง “ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจเพียงหลอกนาง เพื่อให้เจ้าเจ็บปวดใจ แต่เมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดหรูเอ๋อร์ นางทำให้ข้ารู้ว่าความรักที่แท้เป็นเช่นไร ข้าไม่เคยคิดทอดทิ้งนางเพียงแต่เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดนี้เพราะข้าสารภาพเรื่องนี้กับเสด็จแม่ คิดว่าท่านจะช่วยส่งเสริมข้า แต่กลับกลายเป็นว่า...หรูเอ๋อร์ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนข้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว แม้เอาชีวิตข้าไปก็ยังไม่สาสมกับความชั่วช้าที่ได้ทำลงไป” โทสะในอกพลันดับลง บุ
รัชทายาทเฉียนฟานเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน แม้ภายนอกดูเป็นบุรุษเสเพลแต่หาใช่อ่อนด้อยเรื่องเพลงยุทธ์ ทหารลับของซย่าเจียวซิ่งแม้ฟังเพียงคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่กล้าลงมือรุนแรงกับผู้ที่เป็นรัชทายาทนัก“ช่างกล้านัก มิคิดว่าเจ้าจะกล้ามาเหยียบที่นี้!”ซย่าเจียวซิ่งกัดฟันกรอดแล้วชักกระบี่ออกมาหมายเด็ดชีวิตของเฉียนฟานโทษฐานที่ทำให้หลี่หรูต้องอยู่ในสภาพนี้ มือของเฉียนฟานที่จับกระบี่รับคมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งสั่นระริก เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมบริเวณหน้าผาก เขากัดฟันแน่นไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ รัชทายาทแม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ไม่เคยลงสนามศึกจริง พละกำลังของตนย่อมด้อยกว่าผู้บัญชาผู้กรำศึกอยู่ชายแดน แววตาของซย่าเจียวซิ่งแดงก่ำราวกับสีโลหิตแต่เฉียนฟานก็ไร้ความหวาดกลัวเพราะเวลานี้ หัวใจของเขาร่ำร้องเพียงต้องการพบหลี่หรูเท่านั้นในขณะที่เรี่ยวแรงของเฉียนฟานถดถอยลงทำให้คมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งเข้าใกล้ใบหน้าเขามากยิ่งขึ้น หินก้อนหนึ่งพุ่งมาปะทะกระบี่ของผู้บัญชาการ ความเร็วและแรงที่ส่งมาถึงกับทำให้กระบี่เปลี่ยน ทิศทางคมกระบี่พ้นใบหน้าของรัชทายาท ดวงตาคมปลาบตวัดมองไปทางผู้ที่เดินเข้ามา“กู้-ตง-หยาง!”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล