รถมาที่เตรียมไว้อบอุ่นและพรั่งพร้อมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากกู้ตงหยางต้องการดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิดทำให้ไฉ่หงออกมานั่งข้างสารถีซึ่งเด็กสาวก็ยินดี เพราะได้มองทิวทัศน์ระหว่างเดินทางจ้าวจื่อรั่วอยู่ในรถม้าอย่างสุขสำราญ การเดินทางกลับสบายราวกับมาท่องเที่ยวต่างจากยามที่เข้ามามาก จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนอี้ซวนมาส่งจะกล่าวคำอำลา“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” กู้ตงหยางเอ่ยถาม การเดินทางราบรื่นด้วยเพราะมีทหารลับของซย่าเจียวซิ่งคุ้มกันตลอดเส้นทาง เขาส่งข่าวมาล่วงหน้าแล้ว คนของตนก็รออยู่ที่ชายแดนจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลนัก“ถามข้า...ข้าก็ใช้ชีวิตพรานป่านะสิ” อีซวนหัวเราะเสียงดังตามประสานิสัยของเขา“แล้ว...”“แล้วอะไรกัน?”กู้ตงหยางเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปาก “อย่างไรข้ากับเจ้าก็นับเป็นสหาย เป็นดุจคนในครอบครัว หากอยากให้ข้าช่วยยกสินสอดทองหมั้นก็บอกมา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้าได้”“หากบุรุษแต่งงานมีภรรยาแล้วพูดจาไร้สาระเช่นเจ้า ข้าไม่แต่งดีกว่า” อี้ซวนเบ้ปากแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาจากในรถตู้ ใครเลยจะคาดคิดว่านักรบปราบศัตรูเช่นกู้ตงหยางจะพ่ายแพ้แก่สตรีตัวเล็กๆไร้วรยุทธ์ผู้หนึ
สองบุรุษหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากันโดยมีกาสุราตั้งอยู่บนโต๊ะ กู้ตงหยางมีท่าทีเฉยชาไร้ความวิตกกังวลใดราวกับเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเรื่อง “เมื่อฮูหยินของข้าทำตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว ข้าก็จะพานางกลับแคว้นแม้เจ้าจะไม่ไปส่ง ข้าก็หาทางกลับเองได้”ผู้บัญชาการซย่าได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าฝีมือระดับแม่ทัพกู้ผู้นี้คงเคยเข้าออกแคว้นของเขาเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับตัวเขาเองก็ยังเคยไปสืบข่าวที่แคว้นของอีกฝ่ายเช่นกัน“ถ้าหากข้ารั้งท่านหมอหญิงไว้ให้อยู่ต่อ ดูแลจนหลี่หรูคลอดลูกเล่า”“ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องอยู่ต่อ การที่ฮูหยินของข้ารักษาคุณหนูหลี่หรูให้แล้วนั้นแล้วก็นับว่าทำตามที่ผู้ลั่นวาจาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เจ้าจะไม่ไปส่งข้าก็ต้องหาทางพาภรรยากลับอยู่ดี เจ้าคิดหรือว่าคนของเจ้าแค่นี้จะสามารถสกัดกั้นข้าได้ หรือเจ้าอยากลองเปิดศึกสองแคว้น”“ท่านอยากฉีดสัญญาสงบศึกหรือ?” ซย่าเจียวซิ่งรินสุราให้ตนเอง“ข้าย่อมไม่ต้องการทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน เจ้าก็รู้เหมือนที่ข้ารู้ การศึกคราใดผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือชาวบ้านตาดำๆ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการให้เกิดศึกสงคราม ไม่ว่ากับผู้ใดก็ตาม
เพียงริมฝีปากสวยเผยอขึ้น องุ่นปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าปาก ปลายนิ้วหยาบกระด้างสัมผัสริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มทอดสายตามองภรรยาสาวที่ช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาทะเล้น บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับถอนหายใจเบาๆ อาการสิ้นหวังนี้กลับทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเคี้ยวองุ่นด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่” หญิงสาวหยอกเย้าสามี รู้ว่าเขาอดทนอดกลั้นมากเพียงใด แต่เพราะหลายวันก่อนนางถอนพิษให้หลี่หรูจนร่างกายอ่อนเพลียเป็นลมไป กู้ตงหยางคอยดูแลไม่ห่างแม้นางฟื้นขึ้นยืนยันว่าตัวเองปลอดภัยดี เขาก็ยังคงไม่วางใจจึงหักห้ามใจหากจะร่วมรักกับนางในช่วงเวลานี้ “เจ้าแข็งแรงดีเมื่อใด เราจะเดินทางกลับทันที” “อืม ข้าเชื่อฟังท่าน” หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง “ข้าทำตามคำพูดตนเองแล้ว รักษาแม่นางหลี่หรูให้ฟื้นได้สำเร็จ ส่วนเรื่องที่เหลือนนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกแล้ว” สีหน้ากู้ตงหยางค่อยดีขึ้นเมื่อได้ยินภรรยารักพูดเช่นนั้น หากนางยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ เห็นทีเขาคงต้องลักพาตัวภรรยากลับบ้านแล้ว “แท้จริงแล้ว เรื่องโลหิตเป็นยาขับพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าต้องการลองใจรัชทายาท”
“ข้ายินดี ท่านหมอหญิงโปรดใช้เลือดของข้าเถิด” เฉียนฟานกล่าวไร้ความลังเล แววตาที่มองหญิงสาวในวงแขนเต็มไปด้วยความรักและเมื่อเงยหน้าสบตากับหมอหญิง แววตาของเขาก็จริงจังดั่งคำที่กล่าวไป “ดี เช่นนั้นโปรดยื่นแขนของท่านมา” “ได้!” ชายหนุ่มขยับตัวม้วนแขนเสื้อขึ้นยื่นท่อนแขนของตนให้หมอหญิง จ้าวจื่อรั่วโน้มตัวลงมองท่อนแขนกำยำนั้นแล้วพยักหน้ารับ “ท่านยอมรับว่าเด็กในครรภ์แม่นางหลี่หรูเป็นบุตรของท่าน” “นางมีข้าเพียงคนเดียว ข้าเป็นผู้ชั่วช้าที่พรากความบริสุทธิ์ของนาง” เฉียนฟานเอ่ยแล้วสบตากับซยาเจียวซิ่ง “ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจเพียงหลอกนาง เพื่อให้เจ้าเจ็บปวดใจ แต่เมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดหรูเอ๋อร์ นางทำให้ข้ารู้ว่าความรักที่แท้เป็นเช่นไร ข้าไม่เคยคิดทอดทิ้งนางเพียงแต่เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดนี้เพราะข้าสารภาพเรื่องนี้กับเสด็จแม่ คิดว่าท่านจะช่วยส่งเสริมข้า แต่กลับกลายเป็นว่า...หรูเอ๋อร์ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนข้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว แม้เอาชีวิตข้าไปก็ยังไม่สาสมกับความชั่วช้าที่ได้ทำลงไป” โทสะในอกพลันดับลง บุ
รัชทายาทเฉียนฟานเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน แม้ภายนอกดูเป็นบุรุษเสเพลแต่หาใช่อ่อนด้อยเรื่องเพลงยุทธ์ ทหารลับของซย่าเจียวซิ่งแม้ฟังเพียงคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่กล้าลงมือรุนแรงกับผู้ที่เป็นรัชทายาทนัก“ช่างกล้านัก มิคิดว่าเจ้าจะกล้ามาเหยียบที่นี้!”ซย่าเจียวซิ่งกัดฟันกรอดแล้วชักกระบี่ออกมาหมายเด็ดชีวิตของเฉียนฟานโทษฐานที่ทำให้หลี่หรูต้องอยู่ในสภาพนี้ มือของเฉียนฟานที่จับกระบี่รับคมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งสั่นระริก เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมบริเวณหน้าผาก เขากัดฟันแน่นไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ รัชทายาทแม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ไม่เคยลงสนามศึกจริง พละกำลังของตนย่อมด้อยกว่าผู้บัญชาผู้กรำศึกอยู่ชายแดน แววตาของซย่าเจียวซิ่งแดงก่ำราวกับสีโลหิตแต่เฉียนฟานก็ไร้ความหวาดกลัวเพราะเวลานี้ หัวใจของเขาร่ำร้องเพียงต้องการพบหลี่หรูเท่านั้นในขณะที่เรี่ยวแรงของเฉียนฟานถดถอยลงทำให้คมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งเข้าใกล้ใบหน้าเขามากยิ่งขึ้น หินก้อนหนึ่งพุ่งมาปะทะกระบี่ของผู้บัญชาการ ความเร็วและแรงที่ส่งมาถึงกับทำให้กระบี่เปลี่ยน ทิศทางคมกระบี่พ้นใบหน้าของรัชทายาท ดวงตาคมปลาบตวัดมองไปทางผู้ที่เดินเข้ามา“กู้-ตง-หยาง!”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล