ฮั่วซูเม่ยตั้งครรภ์บุตรของเซียนหยางชินอ๋องแต่คนผู้นั้นกลับคิดจะแต่งสตรีอื่นเป็นภรรยา แล้วไฉนนางจึงต้องยินยอมแล้วปล่อยไป **** 'ฮั่วซูเม่ย' คุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว วันดีขึ้นคืนดีนางกลับตั้งครรภ์ท้องใหญ่โตโดยไม่ทันได้ออกเรือน นับว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้าทำให้สกุลฮั่วอับอายขายหน้าไม่น้อย ทำนางท้องแล้วไม่คิดจะรับผิดชอบ มิหนำซ้ำบุรุษผู้นั้นยังคิดตบแต่งสตรีอื่นมาเป็นภรรยางั้นหรือ? 'เซียนหยางชินอ๋อง' ในวันที่เขายกสินสอดมาสู่ขอสตรีผู้หนึ่ง แต่จู่ ๆ กลับมีสตรีอีกผู้หนึ่งอุ้มท้องใหญ่โตร้องประกาศกล่าวอ้างว่าเขาคือบิดาของบุตรในท้องนาง เขาจึงได้กลายเป็นบิดาของผู้อื่นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
View Moreฮั่วซูเม่ยเดินมาถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว สายตาของนางทอดมองเข้าไปข้างในด้วยความแข็งกร้าว มุมปากหยักยิ้มเยาะเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้ยินเสียงของพวกบ่าวรับใช้ซุบซิบนินทาเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปริปากบอกข้ากระมังว่ามีบุรุษมาสู่ขอน้องรองแล้ว
เสียงหัวเราะที่สะท้อนออกมาอย่างสนุกสนานนั้น ทำให้นางทำใจปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ “พี่ใหญ่!” “ซูเออร์!” การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮั่วซูเม่ยทำให้ผู้คนทั่วทั้งเรือนต่างยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจไม่น้อย เกรงว่านางคงไม่ได้มาที่นี้เพื่ออาละวาดใช่หรือไม่ ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้าง “ไฉนถึงใจราวกับเห็นผีกันเล่า” “เอ่อ…” ภายในใจของฮั่วหลิงเฟยร้อนรนเกรงว่าสตรีตรงหน้านี้กำลังจะอาละวาดก่อเรื่องแน่ “หลิงเออร์คิดว่าพี่ใหญ่คงกำลังพักผ่อนจึงไม่อยากรบกวน” “รบกวนหรือ” ฮั่วซูเม่ยเลิกคิ้วถามกลับ ดวงตาเมล็ดซิ่งหลุมตาต่ำก้มมองหน้าท้องของต้นเอง “เรื่องยินดีปรีดาเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการรบกวน” นางหาได้ตาบอดหรือโง่งม… เพียงแค่ปรายตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะกีดกันนางให้ออกห่างจากฮั่วหลิงเฟย จวนสกุลฮั่วนับได้ว่าเป็นจวนสกุลขุนนางสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จนกระทั่งภายหลังที่นายท่านฮั่วขึ้นเป็นผู้นำตระกูลนั้นก็ไม่มีบุตรชายถือกำเนิดออกมาไร้ทายาทสายตรงสืบทอดอีกเลย และไม่ว่าจะเป็นฮูหยินหรือเมียอนุใดก็ต่างตั้งครรภ์คลอดบุตรสาวออกมาทั้งนั้น เรื่องนี้สร้างความกุมใจให้นายท่านฮั่วไม่น้อย เกรงว่าจวนสกุลฮั่วคงไร้ทายาทแล้ว แต่สำหรับสายตาของผู้คนที่มองเข้ามาแล้ว ต่างก็คิดว่าต้องเป็นคุณหนูรองที่ต้องแต่งบุตรเข้าบ้านมอบหลานชายให้นายท่านฮั่วได้ชื่นใจแน่ แล้วบุตรสาวคนโตอย่างคุณหนูใหญ่ฮั่วซูเม่ยที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในตอนนี้เล่า… “กลัวข้าหรือ?” ฮั่วซูเม่ยเอ่ยถาม ฮั่วฮูหยินเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี สีหน้าของนางจึงย่ำแย่ลงไม่น้อยทว่ายังต้องคงวางท่าทางฝืนยิ้มเกรงจะขายหน้าต่อผู้อื่นได้ “ในเมื่อซูเออร์มาแล้วก็มานั่งข้าง ๆ แม่ตรงนี้เถอะ” “แม่หรือ..มารดาของนางลงหลุมฝังไปตั้งหลายปีก่อนแล้ว” ฮั่วหลิงเฟยหรี่ตามองพี่สาวต่างมารดาด้วยความไม่พ่อใจ “ท่านพี่!” สองมือของนางกำแน่น อารมณ์ของนายท่านฮั่วไม่ดีตั้งแต่ตอนเห็นบุตรสาวผู้นี้โผล่หน้าเข้ามาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเคราะห์อันใดนางถึงได้ทำให้ขายหน้าได้ไม่จบสิ้นเพียงนี้ ตั้งแต่นางตั้งเคราะห์แล้วไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นบิดาของเด็กแล้ว “ฮั่วซูเม่ย!” นายท่านฮั่วกัดฟันกรอด ฮั่วซูเม่ยนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในเรือนมาตลอดทั้งวัน ดังนั้นนางจึงเกิดความเบื่อหน่ายไม่น้อย แต่พอได้ออกมาพบผู้คนเช่นนี้อารมณ์จึงดีขึ้นมาก “ไม่ทราบว่าบุรุษผู้นั้น…น้องเขยของข้าอยู่ที่ใดหรือ” ราวกับว่าสายตาข่มขู่ที่มองมานั้นคือพวกแมลงที่นางไม่ใช่ใจ นางค่อย ๆ ประคองหน้าท้องที่นูนออกมาสักเล็กน้อยก้าวเข้าไปภายในเรือน สายตาพลางกวาดหาบุรุษผู้นั้น แม่สื่อเองก็พอจะได้ยินผ่านหูมาบ้างว่าคุณหนูใหญ่สกุลฮั่วมีนิสัยเป็นเช่นไร “เอาไว้วันหลังข้าจะมาใหม่เจ้าค่ะ…รบกวนฮั่วฮูหยินและนายท่านฮั่วแล้ว” นางจึงรีบถอนตัวออกมาก่อนจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายไปมากกว่านี้ “แม่สื่อเองก็กลัวข้าหรอกหรือ” ฮั่วซูเม่ยกลับไปยืนขวางไว้ “เกรงว่าการกระทำของคุณหนูคงจะไร้มารยาทเกินไปแล้วกระมัง” ในสายตาของเซียนหยางซินอ๋องนั้นนางช่างเป็นสตรีที่หยาบกระด้าง ดวงตาคมกริบเพ่งมองแผ่นหลังสตรีเบื้องหน้าไม่วางตา “ขายหน้าชินอ๋องแล้วเพคะ” ฮั่วหลิงเฟยรีบลุกขึ้นยอบกายคารวะบุรุษตรงหน้าทันที ในขณะที่คนอื่น ๆ นั้นที่เห็นเซียนหยางชินอ๋องปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าต่างก็ตกใจไม่แพ้กันจึงพากันลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงยอบกายคารวะ ชินอ๋องหรือ? พอได้ยินถ้อยคำนั้นแล้วจู่ ๆ หางตานางก็พลันกระตุกริก ๆ “น้องสาวข้าช่างวาสนาดีได้เป็นหวางเฟยแล้ว” ฮั่วซูเฟยยังคงพร่ำพูดไม่หยุดพลางเหลียวหลังหันไปมองน้องเขยผู้สูงศักดิ์เช่นกัน “วาจาของคุณหนู…” เขายืนหยุดอยู่ข้างหลังนาง ตอนที่สตรีผู้นี้หันหลังกลับมานั้น จู่ ๆ เซียนหยางชินอ๋องพลันเกิดเห็นภาพทับซ้อนของสตรีผู้หนึ่งเขามาในหัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ “…..” ไฉนนางจะจำคนตรงหน้าผู้นี้ไม่ได้กัน “ที่แท้ก็เป็นคุณชายเองหรอกหรือ” ถ้อยคำและน้ำเสียงราวกับสนิทสนมเปล่งออกมาจากปาก ฮั่วซูเม่ยยิ่งทำให้นายท่านฮั่วโมโหจนเลือดขึ้นหน้าพลางเดินดุ่ม ๆ พุ่งตรงหน้าจะกระชากบุตรสาวออกมา “หยุดไร้มารยาทได้แล้ว!” น้ำเสียงของชายหนุ่มกดเสียงต่ำด้วยความโมโห สีหน้าของฮั่วฮูหยินเองก็ย่ำแย่เช่นกัน นางไม่รู้ว่าลูกเลี้ยงผู้นี้ไปก่อเรื่องอันใดไว้อีก มือทั้งสองข้างของฮั่วหลิงเฟยกำจิกเข้าหากันแน่น ภายในใจเต็มไปด้วยความโกรธที่เป็นพี่สาวผู้นี้อีกแล้วที่คอยแก่นแย่งทุกอย่างไปจากนาง ฮั่วซูเม่ยหัวเราะคิกคัก “ผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่เดือนลืมข้าไปซะแล้ว..” “ข้าบอกให้หยุด!” เพียงชั่วพริบตาร่างของนางก็เซถลาโอนเอียงเล็กน้อยจากแรงฉุดดึงของนายท่านฮั่ว นางปรายตามองบิดา “มิใช่เป็นท่านพ่อหรอกหรือที่กำลังกระทำกิริยาไร้มารยาทต่อชินอ๋องผู้นี้” นายท่านฮั่วกัดฟันกรอดยังคงมีท่าทางสงบเสงี่ยมจากนั้นจึงปรายสายตาไปมองเซียนหยางชินอ๋องแทน การที่จะหาวันดี ๆ เช่นนี้มีไม่ง่ายนักและโอกาสที่เซียนหยางชินอ๋องจะออกปากตกลงให้แม่สื่อมาทาบทามบุตรสาวนับเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดฝันก่อน นายท่านฮั่วไม่มีทางยอมให้บุตรสาวผู้นี้มาพังทลายแน่ “เจ้ากำลังทำให้ข้าหมดความอดทนฮั่วซูเม่ย!” “ปล่อยได้แล้วไม่เห็นหรือว่าท่านกำลังรังแกหลานชายอยู่” ฮั่วซูเม่ยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างเหนือก่อน ไม่ว่าในครรภ์ของนางจะเป็นบุตรชายหรือไม่ ทว่าพอยกเรื่องนี้ขึ้นมาข้าจะมีผู้ใดบ้างการรังแกสตรีตั้งครรภ์ได้ “…..” เซียนหยางชินอ๋องยังคงยื่นแน่นิ่งตัวแข็งทื่อ ภายในใจเต็มไปด้วยความสับสนไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ และพอได้ยินถ้อยคำหนึ่งออกมาจากปากของสตรีตรงหน้านั้น เขาอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคงกำลังฝันไปแน่ ๆ “ข้าลืมไปเลยกระมัง” นางปรายจากตามองบุรุษตรงหน้า “ไม่ทราบว่าข้าเคยพบเจอแม่นางมาก่อนหรือไม่” ถึงอย่างไรเขาก็อยากตรวจทราบให้แน่ชัดว่าไม่ได้จำคนผิด “บุตรในท้องข้าคือลูกของท่าน” “บัดซบเถอะ!”“กรี๊ดดดด….!!!”ฮั่วซูเม่ยหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดเมื่อจู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาในกายนางด้วยความคับแน่น“อ๊าาา….” น้ำเสียงทุ้มครางแหบพร่าเซียนหยางชินอ๋องกัดฟันกรอดด้วยความปวดหนึบแก่นกาย ไฉนเลยจะคิดว่านางถึงยังคับแน่นเพียงนี้คำตอบภายในใจของเขากระจ่างแจ้งแล้วน้ำเสียงหวานสั่นเครือ “หยุ…หยุดก่อน”สองมือของนางออกแรงดันสะโพกของบุรุษผู้นี้เอาไว้ไม่ให้ขยับ ฮั่วซูเม่ยหอบหายใจเฮือกอีกใจหนึ่งก็นึกหวาดกลัวว่าบุตรในครรภ์จะปลอดภัยหรือเซียนหยางเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไรจึงยังคงแน่นิ่ง“เจ้ารัดข้าแทบหายใจไม่ออก”ภายในโพลงสวาทอุ่นร้อนบีบรัดแก่นกายของเขาแน่นจนแทบตบะแตก เซียนหยางกัดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าอดทนรอคอยให้สตรีใต้ร่างปรับตัวได้อีกสักนิดเขาเองก็เกรงว่าหากรุนแรงไปคงกระทบต่อเด็กในครรภ์ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวดจนน้ำตาเล็ด ตั้งแต่วันนั้นนางก็ไม่ได้ร่วมรักกับผู้ใดอีกเลยฮั่วซูเม่ยนึกแล้วก็โมโหบุรุษผู้นี้คอยดูเถอะหากโอกาสมาถึงเมื่อไหร่นางเอาคืนแน่!“ข้าจะทำเบา ๆ” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบกระซาบข้างใบหูขาวเนียนหลังจากนั้นจึงขบกัดเล็กน้อยฮั่วซูเม่ยผ
ไม่จู่ ๆ เพราะเหตุใดในยามนี้เขามองนางอยู่ถึงมีภาพเหตุการณ์จากค่ำคืนนั้นทับซ้อนขึ้นมากัน เซียนหยางชินอ๋องไม่พร่ำพูดให้เสียเวลา เขาพลันถอนอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกทันที “ข้ามีเวลาไม่มากนักถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกซะ” !!!! สีหน้าของนางย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด ฮั่วซูเม่ยตกใจไม่คิดว่าวิธีพิสูจน์ของบุรุษผู้หรือจะหมายความว่าเช่นนี้ “ข้าท้องอยู่ตาบอดหรือไรกัน!” น้ำเสียงหวานตะโกนตอบ หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ ทว่าฮั่วซูเม่ยกับนั่งแน่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับหรือลุกหนีจากไป สายตาของนางยังคงจับจ้องการกระทำของบุรุษตรงหน้าไม่วางตา เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นเซียนหยางพลันเปลือยเปล่าต่อหน้าสตรีผู้นี้โดนไร้ความเขินอาย “นี่อย่างไรข้ากำลังพิสูจน์” ตุบ!! “เจ้าคนลามก!” สุดท้ายแล้วความอดทนของนางก็ขาดผึงลง ฮั่วซูเม่ยคว้าหมอนโยนกระแทกใส่เซียนหยางด้วยความโมโห “ใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้!” มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเห็นนางเดือดดาลโมโหแทบกระอักเลือดเช่นนี้เซียนหยางยิ่งนึกสนุก “ไฉนคุณหนูฮั่วยังไม่คุ้นชินอีก” เขาพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง “ค่ำคืนนั้นทั้งข้าและคุณหนูต่างเปลือยเปล่าทั้งคู่มิใช่
เซียนหยางยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์สตรีผู้นี้ยามนอนหลับช่างไม่ต่างจากเด็กน้อยผู้หนึ่งต่างกันลิบลับกับตอนตื่นขึ้นช่างเป็นสตรีที่ไม่ควรจะเข้าใกล้จริง ๆ“ตายแล้วหรือ!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าวเขาพลางเดินไปตรงหน้าหยุดลงอยู่ข้าง ๆ เตียงจากนั้นจึงโน้มใบหน้าก้มมองใกล้ จู่ ๆ ภายในใจของเซียนหยางชินอ๋องก็รู้สึกพึงพอใจอยู่มากริมฝีปากอวบอิ่มจมูกรั้นจิ้มลิ้มหรือแพขนตางอนยาวนางเป็นตุ๊กตาผ้างั้นหรือ?ฮั่วซูเม่ยหลับสนิท แม้จะมีเสียงรบกวนทว่านางยังคงไม่ตื่นขึ้นมาดูเพียงส่งเสียงสะลึมสะลือราวกับละเมอเท่านั้น “อือ…”“…..”เซียนหยางเบิกตากว้างตัวแข็งทื่อ ก่อนจะฉุดคิดไว้ตอนนี้ตนกำลังทำอันใดอยู่จึงดีดตัวยืนเหยียดหลังตรงพลางกระแอมไอเล็กน้อย “เจ้าไม่คิดจะตื่นจริง ๆ หรือ!”น้ำเสียงทุ้มเอ่ยดังจากคราวก่อนทว่าไม่ถึงกลับดังเกินไปที่จะปลุกคนทั้งจวนตื่นขึ้นมาได้นางยังคงนอนหลับอย่างสบายใจเรื่องเกิดเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วอายุครรภ์ของนางในตอนนี้อยู่ราว ๆ สักสี่เดือนเศษได้ แต่ทุกวันนี้ฮั่วซูเม่ยกลับมีนิสัยเกียจคร้านยิ่งนั้นเหมือนสตรีที่ใกล้คลอดแล้วยามกินก็กินจนหนังท้องตรึงพอยามหลับก็หลับลึกเสมือนว่าตา
ฮั่วซูเม่ยกะพริบตามองบุรุษตรงหน้าปริบ ๆ โดยไร้ความเกรงกลัวในขณะที่โทสะของเซียนหยางชินอ๋องนั้นเพิ่มขึ้นจนคับอก สายตาคมกริบเพ่งมองสตรีเบื้องหน้าอย่างแข็งกร้าว มุมปากหนาพลันหยักยกขึ้นจากนั้นจึงยกมือขึ้นบีบลำคอนางทันทีอึก!“คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าหรือ” นัยน์ของเซียนหยางในยามนี้มิต่างจากสัตว์ป่าดุร้ายตนหนึ่งคนที่อวดดีเช่นนี้สมควรถูกสั่งสอนดวงตาจองนางเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจจนสีหน้าซีดเผือดลงทันที และด้วยสัญชาตญาณนางยกมือโอบกอดหน้าท้องของตนเองไว้ทว่ากับมิได้ขัดขืน“……”ฝ่ามือหนายิ่งออกแรงกดบีบมากเรื่อย ๆ เมื่อสตรีผู้นี้ยังเอาแต่จ้องเขม็งไม่ปริปากส่งเสียงวิงวอนเซียนหยางชินอ๋องเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่านางจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่ “หึ! ใจกล้าอวดดีไม่น้อย”“เซียนหยางชินอ๋องเพคะ!”“……”เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่เหลียวหลังมาตามเสียงจากนั้นจึงผ่อนแรงลงปล่อยมือออกจากลำคอของนาง“แค่ก ๆ แค่ก!” ทันทีที่เป็นอิสระฮั่วซูเม่ยสำลักน้ำลายสูดอากาศหายใจจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ทว่าสายตาของยังคงจดจ้องบุรุษตรงหน้าไม่วางตา“เกรงว่าสวรรค์คงยังไม่รับคนบาปเช่นเจ้า”มุมปากของนางยกยิ้มเยาะ “บาปหรือ?...แล้วผู้ที่คิดสังหาร
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะหลิงเออร์”“จะให้ลูกใจเย็นอย่างไรกันท่านแม่!” ฮั่วหลิงเฟยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวไม่สู้ดีเหอฮูหยินเห็นสภาพของบุตรสาวโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้แล้ว คนเป็นมารดาเช่นนางปวดใจยิ่งนัก “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ย่อมต้องมีทางแก้ไขแน่”“แก้ไขหรือ…” ฮั่วหลิงเฟยหันมามองมารดาผ่านม่านน้ำตา “เรื่องนี้จะแก้ไขได้อย่างไรกัน”เห็นได้ชัดว่าฮั่วซูเม่ยจงใจแย่งชิงวาสนาของนาง!ตั้งแต่เกิดมาฮั่วหลิงเฟยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจ ขอเพียงเอ่ยปากชี้นิ้วอยากได้อะไรย่อมได้ ภายในใจของนางในตอนนี้ย่อมเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทั้งสิ้น“ขอแม่คิดก่อนหลิงเออร์” ฮั่วฮูหยินพลางโอบไหล่บุตรสาวไว้หลวม ๆ ท่าทางของนางราวกับคิดไม่ตกหากเป็นบุตรชายสักตระกูลไม่ว่านางเอ่ยปากญาติฝั่งใดย่อมมีผู้ช่วยเหลือได้แน่ทว่าคนผู้นี้กับมีฐานะเป็นถึงชินอ๋อง นางมองไม่เห็นหนทางเลยฮั่วหลิงเฟยมองมารดานิ่ง ๆ ด้วยความคาดหวังตอนนี้ภายในใจของนางร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุมอยู่ในอก เกรงว่าวาสนาที่นางกำลังตั้งตาเฝ้ารอคอยมาตลอดหลายปีจะถูกช่วงชิงไปในชั่วพริบตาแก้ไขไม่ทันนางโมโหมากจริง ๆแล้วยิ่งแม่สื่อมากมายผู้นั้นเล่นป่าวประกาศไปทั่ว
เช้าวันรุ่งขึ้นฮั่วซูเม่ยตื่นขึ้นมาด้วยความเกียจคร้านปนเหนื่อยล้าไปทั่วทั้งร่าง นางสวมใส่อาภรณ์สีฉูดฉาดปักลวดลายเล็กน้อยประดับอย่างประณีตอีกทั้งยังรวบเกล้าผมขึ้นเป็นมวยสูงเฉกเช่นกับสตรีออกเรือนแล้วฮั่วซูเม่ยปล่อยให้พวกสาวใช้จัดการได้อย่างตามใจ เพียงแต่การแต่งแต้มใบหน้านั้นนางเป็นคนลงมือจัดการเองอารมณ์วันนี้ของนางเบิกบานอย่างเห็นได้ชัดพวกสาวใช้ที่อยู่บริเวณในห้องนั้นเห็นท่าทางของคุณใหญ่แล้วก็ต่างพากันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความเกรงกลัว ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นคุณหนูใหญ่อารมณ์ดีเช่นนี้“มีเรื่องยินดีอันใดหรือเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้หญิงใจกล้าเปิดปากถามออกไปฮั่วซูเม่นเหลียวมอง “ข้ายิ้มไม่ได้หรือ” นางเอียงคอเลิกคิ้วถามก่อนจะยกมือลูบท้องของตนเอง “หากมารดาอารมณ์ดีบุตรในท้องก็อารมณ์ดีด้วยมิใช่หรือ”“เจ้าค่ะ!” สาวใช้ผู้นั้นพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย ถึงแม้ภายในใจจะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องอันใดก็ตาม นางพอปะติดปะต่อได้ว่าคงเป็นเหตุการณ์ที่คุณใหญ่ยกเลิกงานหมั้นหมายจองคุณหนูรองเป็นแน่แม้ทั้งคู่จะเป็นพี่น้องร่วมบิดากันแล้วอย่างไรคุณหนูใหญ่ดันเกิดก่อนคุณหนูรองที่มีมารดาเป็นฮูหยินเอกมีผู้ใดบ้างจะพึงพอใจยอมรั
“ถอยออกไปให้ห่างก่อนที่ข้าจะโมโห”เซียนหยางชินอ๋องเพ่งมองสตรีใต้ร่าง ดวงตาสีดำคมกริบในยามนี้ดูลุ่มลึกยากจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ฤทธิ์ของสุราแรงที่ดื่มเข้านั้นยิ่งทำให้เขาขาดสติ แล้วยิ่งมีสตรีงามอยู่ตรงหน้าอีกเขาเองก็หาใช่ก้อนหินแข็งทื่อ“ดอกไม้งามอยู่ในมือแล้วไฉนถึงต้องปล่อยไปโดยไม่ทันได้สูดดมเล่า” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างใบหูของนาง พร้อมกันโน้มใบหน้าสูดดมความหอมจากซอกคอพอได้ยินประโยคนี้พร้อมกับการกระทำที่ล่วงเกิน ฮั่วซูเม่ยไม่อาจสามารถอดทนใจเย็นได้อีกเลย“เจ้าคนมักมาก!”ตุบ!! ตุบ!นางเองก็พอมีแรงอยู่บ้างจึงทำการทุบตีบุรุษร่างโตตรงหน้าที่คร่อมทาบทับไว้ก่อนที่จะอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นั้นงุนงงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว“ข้าน่าจะปล่อยให้เจ้าตายอยู่ในนี้ผู้เดียว”สถานที่แห่งนี้แม้ภายนอกบรรยากาศจะหนาวเหน็บเย็นสะท้านเข้ากระดูกแล้วอย่างไร ทว่าภายในกลับร้อนระอุราวกับกำลังถูกแผดเผาให้มอดไหม้นั่นคือโรงเตี๊ยมไป๋ชานและนางคือนายหญิงของที่นี่ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องใดล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของนางฮั่วซูเม่ยปรายตามองบุรุษผู้นั้นความเกรี้ยวกราด แม้ภายในห้องจะมืดสนิททว่ายังคงมีแสงจั
ฮั่วซูเม่ยเดินมาถึงเรือนส่วนหน้าแล้ว สายตาของนางทอดมองเข้าไปข้างในด้วยความแข็งกร้าว มุมปากหยักยิ้มเยาะเล็กน้อย “หากข้าไม่ได้ยินเสียงของพวกบ่าวรับใช้ซุบซิบนินทาเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดปริปากบอกข้ากระมังว่ามีบุรุษมาสู่ขอน้องรองแล้วเสียงหัวเราะที่สะท้อนออกมาอย่างสนุกสนานนั้น ทำให้นางทำใจปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ“พี่ใหญ่!”“ซูเออร์!”การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮั่วซูเม่ยทำให้ผู้คนทั่วทั้งเรือนต่างยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจไม่น้อย เกรงว่านางคงไม่ได้มาที่นี้เพื่ออาละวาดใช่หรือไม่ใบหน้าของฮั่วซูเม่ยระบายยิ้มกว้าง “ไฉนถึงใจราวกับเห็นผีกันเล่า”“เอ่อ…” ภายในใจของฮั่วหลิงเฟยร้อนรนเกรงว่าสตรีตรงหน้านี้กำลังจะอาละวาดก่อเรื่องแน่ “หลิงเออร์คิดว่าพี่ใหญ่คงกำลังพักผ่อนจึงไม่อยากรบกวน”“รบกวนหรือ” ฮั่วซูเม่ยเลิกคิ้วถามกลับดวงตาเมล็ดซิ่งหลุมตาต่ำก้มมองหน้าท้องของต้นเอง “เรื่องยินดีปรีดาเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นการรบกวน”นางหาได้ตาบอดหรือโง่งม…เพียงแค่ปรายตามองแวบหนึ่งก็รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะกีดกันนางให้ออกห่างจากฮั่วหลิงเฟยจวนสกุลฮั่วนับได้ว่าเป็นจวนสกุลขุนนางสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จนกระทั่งภายหลังที่
Comments