สตรีนางอื่นคงจะข้ามภพมาเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคมากมายจนกลายเป็นวีรสตรี กู้ชาติกู้แผ่นดิน แต่สำหรับข้านั้น “ความรักไม่แน่นอน แต่ความง่วงเป็นสิ่งที่ต้องนอนแน่ๆ”
View Moreบทนำ
ไพริน สัตว์แพทย์หญิง ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อรักษาสัตว์เลี้ยงจนไม่มีเวลาให้แฟนหนุ่ม วันแต่งงานของทั้งคู่ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ไพรินก็ยังปลีกตัวมาลองแม้กระทั่งชุดแต่งงานกับว่าที่เจ้าบ่าวไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นแพทย์อายุรกรรมเขาก็มีเวลาน้อยไม่ต่างจากเธอ ไพรินขอบคุณแฟนหนุ่มอยู่เสมอที่เขาเข้าใจว่างานของเธอนั้นสำคัญไม่ต่างจากงานของเขา
แต่ความเข้าใจในวันนั้นกลับกลายเป็นช่องว่างให้อีกฝ่ายทรยศและหักหลังเธอ
กว่าไพรินจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว เธอร่อนการ์ดแต่งงานแจกญาติมิตรเพื่อนฝูงไปจนหมด
พี่โอ๋แฟนหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวของเธอทำเพื่อนรักตั้งแต่เสมอเรียนมหาวิทยาลัยของเธอท้อง ไม่ใช่ว่าไพรินจับได้เอง แต่เป็นนิดที่ส่งรูปภาพโป๊เปลือยของทั้งคู่บนเตียงและแนบผลการตั้งครรภ์มาให้ดู
ครั้งสุดท้ายที่เจอนิดคือร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เธอและนิดมักจะไปฉลองในโอกาสสำคัญๆ
ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองผ่าทะลุมิติมาอยู่ในยุคจีนโบราณเสียแล้ว มาอยู่ในร่างของคุณหนูใหญ่สกุลอู่ ต้องเข้ามาอยู่ในวังวนรักสามเศ้า เราสามคนอีกแล้วเหรอ อู่เหมยตาฮวยคนเดิมอาจจะทนได้ แต่ไพรินคนนี้ไม่ทนจ้า
สตรีนางอื่นคงจะข้ามภพมาเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคมากมายจนกลายเป็นวีรสตรี กู้ชาติกู้แผ่นดิน แต่สำหรับข้านั้นสู้รบกับรถติดของเมืองหลวง ทนให้เจ้านายจิกหัวใช้รายชั่วโมงเหนื่อยพอแล้ว ในเมื่อมีโอกาสได้ทะลุมิติมาก็ขอขี้เกียจหน่อยก็แล้วกัน ข้าจะนอน!พวกเจ้าไปคลั่งรักให้ไกลๆข้าได้หรือไม่
“ความรักไม่แน่นอน แต่ความง่วงเป็นสิ่งที่ต้องนอนแน่ๆ”
บทที่1
“อื่อ” เสียงหวานครางแผ่วมาจากเตียงนอนหลังใหญ่
“คุณหนูพื้นแล้ว!”
เสียงสตรีตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังลั่นไปทั่ว ทำเอาไพรินจำต้องปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นดูว่าเป็นเสียงของใคร ไม่ช้าคนกลุ่มใหญ่ก็วิ่งเข้ามารุมล้อมข้างเตียง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหมยตาฮวย” มือเหี่ยวย่นของสตรีชราบีบนวดไปทั้งแขนของเธอ แต่ไพรินก็ไร้ซึ่งแรงจะขัดขืนใครกัน เหมยตาอวย ชื่อโคตรแปลก
“พวกคุณเป็นใคร คุณป้าล่ะ” ไพรินถามด้วยเสียงแหบพร่า
“ข้านี่ไงท่านป้าของเจ้า” สตรีวัยกลางคนที่บีบแขนไพรินอยู่รีบตอบ
“ไม่ใช่ ฉันไม่รู้จักพวกคุณ” ไพรินส่ายหน้าวืด พยายามขืนตัวลุกขึ้นแต่พบว่าตัวเองนั้นไร้เรียวแรง
“ท่านหมอ” จางฮูหยินน้ำคลอ หันไปหาหมอหลวงที่ฮองเฮาส่งมารักษาอาการของอู่เหมยตาฮวยด้วยน้ำเสียงสั่นครือ
“จางฮูหยินไม่ต้องเป็นกังวล ข้าตรวจดูชีพจรคุณหนูใหญ่แล้ว อาการไม่น่าเป็นห่วง คงจะยังมีอาการกระทบกระเทือนความทรงจำจากพิษไข้ อีกไม่กี่วันคงจะหายเป็นปกติ คุณหนูยังไม่สร่างไข้ดีนัก ทานยาต้มอีกสัก 2-3 วัน อาการคงทุเลา ระหว่างนี้ข้าจะมาตรวจอาการของคุณหนูทุกเช้า”
ไพรินได้ยินชายชราหนวดเครายาวเหยียด ผมสีดอกเลาหันไปพูดกับคนกลุ่มนั้น เธอจึงพยายามลืมตาเพ่งมองอย่างตั้งใจอีกรอบ พบว่ารอบๆ กายผิดแปลกไปจากความเป็นจริงไปหมด ไม่ว่าจะการแต่งการ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในห้อง ไพรินจำได้ว่าตกแม่น้ำ หากถูกงมขึ้นมาจากแม่น้ำได้เธอต้องตื่นมาที่โรงพยาบาล ไม่ใช่ที่แปลกๆๆ แบบนี้
อย่าบอกนะ!
ยิ่งสตรีใช้ชุดสีขาวบีบนวดปลายเท้าของไพรินอยู่ในตอนนี้ แรงบีบและน้ำหนักมือที่กดลงบนฝ่าเท้า ตอกย้ำว่าตอนนี้เธอไม่ได้กำลังฝันอยู่
นี่ฉันทะลุมิติอย่างนั้นหรอ
“แน่ใจหรือเจ้าค่ะ” จางฮูหยินถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับอู่เหมยตาอวยระหว่างที่มาพักอาศัยอยู่ที่จวนสกุลจาง แค่นางตกน้ำสลบไสลหลับไม่พื้นมาสามวันสามคืน ใจของนางก็ตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว แค่นี่ฮองเฮาก็พิโรธโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่หลานรักพระองค์มาตกน้ำตกท่าในจวนของนางแบบนี้ ถึงขั้นส่งหมอหลวงในวังมารักษาเอง เพราะไม่ไว้ใจคนสกุลจางอีกแล้ว
“แน่นอน” หมอหลวงกล่าวย้ำ เข้าใจถึงความกังวลของจางฮูหยินเป็นอย่างดี
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ค่อยวางใจหน่อย ชิงชิง เจ้าดูแลคุณหนูเจ้าให้ดี ข้าจะออกไปส่งท่านหมอที่หน้าจวน” จางฮูหยินหันไปบอกสาวใช้คนสนิทของเหมยตาฮวย
เมื่อคนกลุ่มใหญ่หายยกขบวนออกไปจากห้อง ไพรินที่หลับตาทบทวนสติอยู่เงียบๆ ก็ค่อยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหนูท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ อยากดื่มน้ำหรือน้ำแกงร้อนๆ หรือไม่”
ได้ก็ดี กำลังคอแห้ง ไพรินจึงพยักหน้ารับ
เมื่อชิงชิงเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตือออกจากห้องไป ไม่กี่อึดใจก็กลัวเข้ามาพร้อมน้ำแกงชามโต นางประคองชามน้ำแกงเข้าใกล้ริมฝีปากไร้สีเลือด ไพรินอ้าปากรับอย่างไม่อิดออด
“เธอเป็นใคร” เมื่อดื่มน้ำแกงและตามด้วยน้ำชาเรียบร้อย ไพรินจึงคิดว่าถึงเวลาที่ต้องสอบถามข้อมูลจากคนตรงหน้า
ชิงชิงขมวดปมคิ้วจนยุ่ง เหตุใดคุณหนูจึงพูดแปลกๆ
“คุณหนูหมายถึงสิ่งใดเจ้าค่ะ”
ไพรินแทบจะยกมือขึ้นกุมศีรษะ โอ้ยจะคุยยังไงให้เข้าใจกันเนี่ย ความรู้ท่วมหัว จะเอาตัวไม่รอดก็งานนี้ล่ะ
“ฉัน..ข้าเป็นใคร เจ้าเป็นใคร”
“คุณหนูก็เป็นคุณหนูใหญ่สกุลอู่ ข้าเป็นสาวใช้คนสนิทของท่านอย่างไรละเจ้าคะ”
“เจ้าชื่อ”
ชิงชิงเริ่มเข้าใจคำว่ายังไม่สร่างไข้ของท่านหมอหลวง คุณหนูของนางยังไม่ตื่นดีคงจะยังสับสนในหลายๆ อย่างอยู่ ไม่เป็นไร ชิงชิงคนนี้จะช่วยเหลือคุณหนูเอง
“ข้าชื่อชิงชิง ส่วนท่านมีนามว่าอู่เหมยตาฮวย”
ไอ้ชื่อแปลกๆ นั้นคือชื่อเจ้าของร่างงั้นเหรอ
ไพรินพรูลมหายใจยาวทิ้งศีรษะลงบนหมอนอีกครั้ง นึกถึงความทรงจำก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาในโลกแปลกๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ความร้อนมากมายก็แล่นริ้วไปทั่วขอบตา ความปวดร้าวที่ถูกคนที่ไว้ใจถึงสองคนทรยศหักหลัง แต่นั้นยังไม่พอนิดยังพลักเธอลงแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอนั้นว่ายน้ำไม่เป็น
พิเศษใส่ใจ 2“ฟอด ทำอะไรอยู่” ชางเจี้ยเดินเข้ามาโอบกอดฮูหยินจากด้านหลัง หอมแก้มนวลฟอดใหญ่ ยิ่งนางนี้ครรภ์เบายิ่งเสพติดกลิ่นกายของนาง แทบอยากจะขอลาออกจากหน้าที่องครักษ์มาอยู่บ้านเฝ้านาง เพราะห่างนางเมื่อไรเขาต้องเวียนหัวจนบ้านหมุน ถูกรัชทายาทล้อเลียนมาหลงฮูหยินจนแพ้ท้องแทน พระชายามาได้ยินก็ถามว่า แล้วที่จ้าวหยุ่นหลงไม่ได้แพ้ท้องแทนนางเพราะไม่ได้รักนางใช่หรือไม่ จ้าวหลุ่นหลงถึงได้เงียบปากเรื่องนี้“ข้ากำลังเตรียมเขียนสูตรยาแก้ปรสิตของสัตว์เลี้ยง พวกเห็บหมัด ไรเรื้อนต่างๆ” เหมวยตาฮวยพออาสาไปดูแลพระชายาได้เพียงเดือนเดียว ก็พบว่าตนตั้งครรภ์ โชคดีที่นางไม่แพ้ท้องเลย สามีของนางเหมาอาการทั้งหมดไปหมดแล้ว อีกทั้งตอนนี้นางก็ไม่อย่าทำงานหนัก อยากดูแลเด็กในท้องให้ได้มากที่สุด เพราะรู้ความเสี่ยงมากมานที่จะเกิดขึ้นอการแพทย์ในยุคนี้ทันสมัยที่ไหนกัน จึงทำได้แค่เขียนสูตรยาต่างๆ และคัดลอกตำราที่เขียนเอาไว้ให้แพทย์รักษา หนึ่งฉบับส่งไปที่แคว้นหยางมอบให้ไท่จื่อ ส่งนอีกฉบับมอบให้รัชทายาทแคว้นจ้าว เหมยตาฮวยเพิ่งค้นพบว่า ข่าวลือเรื่องรัชทายาทความเหี้ยมโหดของพระองค์นั้นไม่เป็นความจริง พระองค์ทำทุกอย่างเพื่อสร้
พิเศษใส่ใจ 1ขบวนรถม้าเกือบร้อยคันขนสินเดิมของเจ้าสาวและสินสอดที่เจ้าบ่าวมอบคืนให้บุตรสาว บิดาของอู่เหมยตตาฮวยไม่เก็บเอาไว้แม้แต่ชิ้นเดียว แม้เขาจะเป็นบิดาของนาง แต่เป็นฮองเฮาที่เลี้ยงดูและอบรมนางมา ขบวนรถขององครักษ์ชาวและฮูหยินเดินทางมาถึงเมืองหลวงของแคว้นฉู่ในที่สุด ชาวเมืองออกมายืนขนาบสองข้างถนนจนแน่นขนัด อยากรู้อยากเห็นว่าองครักษ์ข้างกายของรัชทายาทผู้เหี้ยมโหดแต่งสตรีเช่นใดเข้าจวน จะโหดร้ายอย่างพระชายาของรัชทายาทหรือไม่ขบวนรถขับเคลื่อนไปถึงประตูของจวนสกุลชาง ราชครูออกมายืนรอบุตรชายและลูกสะใภ้ ในที่สุดบุตรก็คิดแต่งงานเขานึกว่าชาตินี้คงไม่มีลูกหลานสืบสกุล วันๆ บุตรชายเขาก็ตาสอารักขารัชทายาทไปทั่ว พอชาวเจี้ยส่งม้าเร็วมาว่าจะแต่งงานให้ส่งสินสอดไปขอบุตรสาวจากสกุลอู่ ราชครูแทบจะขนสมบัติขึ้นรถม้าจนเกือบหมดคลัง ก่อนไปยังสั่งให้รถม้าเร่งฝีเท้าให้ไวที่สุดอเกรงว่าเจ้าสาวจะเปลี่ยนใจ ราชครูเตรียมงานเลี้ยงรอไว้ต้อนรับอย่างดี ชะเง้อคอแล้วชะเง้อคอเล่า เมื่อไหร่ลูกสะใภ้จะมาถึงสักที บ่าวรับใช้วิ่งมาบอกว่าขบวนรถม้าของบุตรชายเขาผ่านประตูเมืองเข้ามานานแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นหัวขบวนเมื่อขบวนรถท้
บทที่25 จบบริบูรณ์ ขบวนสินสอดทองหมั้นยาวจนสุดถนน กองทัพของรัชทายาทแคว้นจ้าวร่วมอารักขาปลอดภัยของขบวนสินมาตั้งแต่ออกจากแคว้น โดยจะมีการคัดเลือกทหารที่มีความสามารถและเป็นผู้ได้รับการฝึกฝนอย่างดีเพื่อให้เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในงานนี้ ด้วยความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ของขบวนสินสอดทองหมั้น ทำให้เป็นที่น่าสนใจจนชาวเมืองต่างพากันมายืนออดูเต็มสองข้างทาง งานแต่งระหว่างราชทูจากแคว้นจ้าวกับคุณหนูใหญ่สกุลอู่ ช่างแต่แตกต่างจากงานแต่งของท่านแม่ทัพจางอดีตคู่หมั้นของนางเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ก็เป็นพระราชทานสมรสเช่นเดียวกัน นอกจากในขบวนจะมีสินสอดของเจ้าบ่าวแล้ว ยังมีสินเดิมของเจ้าสาวที่ฮองเฮาขนออกมาเกทับเจ้าบ่าวอีกด้วย ขบวนจึงยิ่งอลังการเทียบเคียงงานแต่งงานเชื้อพระวงค์คนนึงเลยทีเดียว ในรอบเกือบห้าสิบปีเพื่งจะมีงานแบบนี้หลังจากงานอภิเษกของฮองเต้และฮองเฮาจ้าวหยุ่นหลงไม่ได้เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยเพราะพระชายากำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ซึ่งชางเจี้ยก็เข้าใจสหายในเรื่องนี้ดี แค่เขาส่งกองทัพมาดูแลเขาก็รู้สึกดีแล้วเสียงจุดประทัดดังสนั่น เหมยตาฮวยรีบวิ่งไปดู แต่ออกไปได้ไม่ไกลก็ถูกแม่สื่อลากกลับเข้ามาในเรือน ริม
บทที่24“หาววววว” ร่างบางลุกจากที่นอนบิดขีเกียจ จนกระดูกลั้นกรั๊บ หลังจากให้ชิงชิงไปอยู่กับเม่ยเหนียงแล้ว นางก็ไม่ให้ใครมาเป็สาวใช้คนสนิทอีก ใครมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป ส่วนตัวนางนั้นดูแลตัวเองได้ “มาแต่เช้าเลย ว่าไงเจ้าตัวเล็กวันนี้มีอะไรมาเล่า” พอพวกมันรู้ว่าเหมยตาฮวยกำลังจะแต่งงานกับราชทูตที่มาจากแคว้นจ้าว ก็พาวกันบินวนเวียนไปที่วังของไท่จื่เพื่อสืบข่าวเรื่องของว่าที่สามีของคุณหนู ‘ก็เหมือนทุกวัน ตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นมาฝึกวรยุทธ พอตกบ่ายก็คงจะเดินทางมาหาคุณที่จวน’ นกน้อยรายงาน ‘ข้าๆ ข้ามีข่าวใหม่’ นกน้อยอีกตัวร้องบอก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโอ้อวดที่ไปรู้เรื่องใหม่ๆ ที่นกตัวอื่นไม่รู้ “ข่าวใหม่” เหมยตาฮวยเอียงคอ คุณชายชางเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันเป็นด้วยงั้นเหรอ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานางเห็นเขาทำอะไรเดิมๆ ซ้ำอยู่แค่นี้ จนข้าแทบจะเดาได้ว่า ตกบ่ายวันนี้เขาต้องโผล่หน้ามาหานางที่จวน‘ไม่ใช่ข่าวจากวังไท่จื่อ แต่เป็นข่าวจากจวนท่านแม่ทัพ’ร่างบางพิงกายแนบหน้าต่าง เขี่ยถ่านในเตาแล้วยกกาน้ำชาขึ้นวาง เช้าๆ เช่นนี้ดื่มอะไร อุ่นๆ ดีกับร่างกาย นางใส่ใจกับตัวเองมากขึ้น หวังให้วิญญาณทั้งสองผสาน
บทที่23“ท่านป้ายินดีด้วย” งานสมรสพระราชทานของแม่ทัพจาง แน่นอนว่าเหมยตาฮวยย่อมต้องมาร่วมงาน เพราะเจ้าสาวอย่างไรนางก็คือญาติผู้น้องของตน อีกทั้งนางอยากมาดูป้าจางด้วยตาของตนเองว่าจะยินดีกับงานแต่งครั้งนี้มากขนาดไหน“ตามสบาย ข้าต้องดูแลแขกคนอื่นๆ ในงาน คงดูแลเจ้าได้ไม่มาก” ป้าจางยิ้มขื่นรับ สุดท้ายไม่ว่าอย่างไรสะใภ้ของนางก้ไม่พ้นคนสกุลอู่ หากต้องเลือกระหว่างอู่เหมยตาฮวยกับอู่เม่ยเหนียง แม้อู่เหมยตาฮวยจะทำตัวราวกับเป็นเจ้าของจวน แต่นางก็สามารถเชิดชูวงค์ตระกูลจางให้กก้าวหน้าได้ ผิดกับเม่ยเหนียง เป็นเพียงคุณหนูสกุลอู่ บิดาก็ไม่มี อำนาจในวังหลวงก็แทบจะไร้หนทา“ไม่ต้องห่วงข้า ท่านดูแลแขกคนอื่นเถิด คนกันเอง จากนี้ไปก็ฝากญาติผู้น้องของข้าด้วย” เหมยตาฮวยหยอบกาย ก่อนจะหันไปมองเจ้าบ่าวที่ยืนต้อนรับแขก “ยินดีด้วยท่านแม่ทัพ หวังว่าท่านจะมีชีวิตคู่ที่สุขสมหวัง มีบุตรให้ท่านป้าอุ้มไวๆ “นางไม่ลืมที่จะมองสตรีอีกนางหนึ่งที่ยืนก้มหน้าอยู่ไม่ไกล ไม่เพียงเหมยตาฮวยที่มองสตรีนางนั้น แขกคนอื่นๆที่มาร่วมงาน พอแสดงความยินดีกับจางฮูหยินแล้ว ก็ต้องนึกส่งสารไป๋ซานกันทุกคน เป็นถึงคนรักที่รอคอท่านแม่ทัพมานาน คอยดูแ
บทที่22เรื่องวุ่นวายหน้าประตูจวน ปล่อยให้พี่ชายของนางจัดการ นางมีเรื่องที่ต้องตกลงกับคุณชายชางเพียงลำพัง เมื่อมาถึงเรือนนอนก็รีบเชิญให้เขานั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่าง“พี่ชางเจี้ยนั่งตรงนี้ก่อน ข้าจะไปหยิบกระดาษกับชุดเครื่องเขียนหนังสือมาให้ ท่านรอครู่เดียว” ร่างหนาชุดทรุดลงนั่ง ทำตัวตามสบายราวกับว่าเรือนนอนแห่งนี้เป็นของตน จนเหมยตาฮวยอดจะนึกหมั่นไส้ไม่ได้ มือบางกวักเรียกนกน้อยสองสามตัวที่อยผู้บริเวณนั้น “ตัวเล็กมานี่หน่อย พวกเจ้าช่วยไปดูต้นทางให้ข้าที หากมีคนเข้ามาใกล้เรือนนอนของข้าให้รีบร้องบอก” ไม่ใช้งานเปล่า นางหันไปเปิดกล่องเมล็ดของต้นปอป่าน หรือในยุคปัจจุบันเรียกว่า เมล็ดแฟลกซ์ สามารถป้องกัน และต่อต้านโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคระบบย่อยอาหาร โรคความดันโลหิตสูง สัตว์ทานได้มนุษย์ทานดีมีประโยชน์ เมื่อได้รับรางวัลแล้ว นกน้อยทั้งสามก็บินไปประจำการคนล่ะทิศ เพื่อเฝ้าระวัง“นึกว่าราวสับจะเป็นเมล็ดทานตะวันหรือผลไม้เสียอีก” ชางเจี้ยมองเมล็ดพันธุ์อะไรสักอย่างในกล่อง มันเล็กมาจนแมบจะปลิวตามลมได้เลย“ท่านอย่าดูถูกพวกสัตว์ พวกมันหากินเก่งนัก เมล็ดทานตะวัน ผัก ผลไม้ พวกมันหากินของพวกนั้นได้เองอย่างง่
บทที่21รถม้าแล่นมาถึงจวนหน้าสกุลอู่ อู่ไท่จงยืนรอเหมยตาฮวยด้วยท่าทีกระสับกระส่าย ข้างกันนั้นมีเม่ยเหนียงยืนอยู่ไม่ห่าง นางก็มีท่าทีไม่ต่างจากเขาเท่าไร พอเขารู้ว่าน้องสาวเข้าวังก็ร้อนใจ กลัวเหมยตาฮวยจะทำไม่สำเร็จแต่หากจะตามเข้าวังไปก็ไม่สามารถทำได้ ถึงเขาจะเป็นหลานของฮองเฮาเช่นเหมยตาฮวย แต่หากจะเข้าวังหลังก็ต้องส่งจดหมายเข้าไปขออนุญาตก่อนจะบุ่มบ่ามบุกเข้าวังไปเช่นน้องสาวไม่ได้ ทุกอย่างล้วนมีขั้นตอน มีเพียงเหมยตาฮวยเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้นในทุกเรื่อง อู่ไท่จงจึงทำได้เพียงยืนรอฟังข่าวด้วยความกระวนกระวายใจ ส่วนเม่ยเหนียงนั้นพอรู้ว่าท่านแม่ทัพเข้าวังเพื่อของราชโองการแต่งงาน นางก็ร้อนใจไม่ต่างกัน จึงต้องมายืนรอกับอู่ไท่จงอยู่หน้าจวนเช่นนี้“น้องหญิง” อู่ไท่จงปรี่เข้าไปประชิดรถม้าทันทีที่รถม้าจอด สายตาคมมองบุรุษบนหลังอาชาด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย ยิ่งเห็นชิงชิงลงรถม้าด้วยดวงหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เขายิ่งร้อนใจ “เจ้าไปขัดขวางจางชานฟงไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ”เหมยตาฮวยหันไปส่งยิ้มให้พี่ชาย ก่อนจะหันไปทางเม่ยเหนียง “ยินดีกับจ้าด้วย อีกไม่นานแม่ทัพคงจะจัดเกี้ยวเจ้าสาวมารับเจ้าเข้าจวน” “หมาย
บทที่20เหมยตาฮวยถือม้วนราชโองการพระราชทานสมรสเดินออกมาถึงประตูทางเข้าพระราชวัง เมื่อชิงชิงเห็นนางเดินออกมาก็รีบวิ่งปรี่เข้ามาหา“คุณหนู เสร็จแล้วหรือเจ้าค่ะ” ชิงชิงประคองเจ้านายของตนขึ้นรถม้า ทุกครั้งที่คุณหนูเข้าวังไม่ว่าจะด้วยเรื่องใด นางไม่เคยได้เข้าไปด้วย ทำได้เพียงยืนรออยู่ที่รถม้าเท่านั้น พักหลังๆ คุณหนูก็มัดจะให้นางยืนรออยู่ห่างๆ ไม่ให้ยืนใกล้ชิดเหมือนเช่นเดิม ความทรงจำยังคงกลับมาไม่ครบถ้วนจึงยังดูแปลกๆ ไปในบางครั้ง“อืม รอนานหรือไม่” เหมยตาฮวยนั่งลงประจำที่ อีกฟากมีสาวใช้คนสนิทนั่งอยู่ รถม้าคันเล็กเคลื่อนตัวออกจากบริเวณหน้าวัง มุ่งตรงกลับจวนสกุลอู่ “อีกไม่นานสกุลอู่จะมีงานใหญ่” เหมยตาฮวยยื่นม้วนกระดาษให้ชิงชิง “สมรสพระราชทานกับราชทูตแคว้นจ้าว ใช่คุณชายชางเจี้ยหรือไม่เจ้าค่ะ” ชิงชิง กวาดสายตาอ่านทวนราชโองการอยู่หลายรอบ เพื่อจดจำข้อความทั้งหมดไปบอกคุณหนูเม่ยเหนียง“ใช่ แต่ไม่ได้มีเพียงงานแต่งของข้า แต่มีงานแต่งของเม่ยเหนียงด้วย” เหมยตาฮวยมองสาวใช้คนสนิทด้วยแววตาเย็นเฉียบ หากนางต้องแต่งออกไปอยู่แคว้นจ้าว นางก็ไม่ลืมที่เตรียมหนทางไว้เอาให้ชิงชิงด้วย“ห๊า คุณหนูเม่ยเหนียงจะแต่งก
บทที่19เหมยตาฮวยอดที่จะยิ้มขำสีหน้าของจางชานฟงไม่ไหว เดิมนางแค่ต้องการหยุดความคิดเห็นแก่ตัวของเขาเท่านั้นไม่คิดว่าฮองเต้จะมอบราชโองการแต่งงานให้เขานั้นแต่วกับเม่ยเหนียง แต่ก็ดีแล้วเม่ยเนียงจะได้สมหวังและออกไปจากจวนสกุลอู่เสียที “พวกเจ้าออกมาได้แล้ว” สุรเสียงเข้มเอ่ยให้คนที่อยู่หลังม่านทั้งสองออกมา เหมยตาฮวยรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเปิดผ้าม่านออกไปออก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อพบว่าไม่ได้มีเพียงฮองเต้เท่านั้นที่อยู่ภายในห้องนี้ “เสด็จป้า พระองค์มาตั้งแต่เมื่อไร”ฮองเฮาเดินไปนั่งเก้าอี้ที่กงกงยกมาให้ พระนางนั่งลงเคียงข้างฮองเต้หยางเช่นนี้ตลอดเวลากว่าครึ่งชีวิต“เจ้าเข้าวังมา ข้าจะไม่ได้รู้ได้อย่างไร ข้าก็นั่งอยู่ห้องข้างๆ นี่ล่ะ”“เสด็จป้าได้ยินอะไรหรือไม่” เหมยตาฮวยภาวนาให้ผนังห้องด้านข้างหนาจนฮองเฮาไม่ได้ยินสิ่งใดที่เกิดขึ้นในโถงแห่งนี้“ข้าได้ยินทุกอย่างล่ะ” ฮองเฮางอมยิ้มกล่าวดับความหวังของเหมยตาฮวยได้ยินทุกอย่าง แสดงว่าเสด็จป้าก็ต้องได้ยินที่นางคุยกับคุณชายชางด้วย“ว่างอย่างไรองครักษ์ชางเจี้ย เจ้าจะแต่งงานกับหลานสาวของข้าแล้วจะยกเกี้ยวมาเมื่อไรดีล่ะ” สินเดิมเจ้าสาวพร้อม ยกเกี้ยวเจ้าสา
Comments