ตอนที่ 16 ลับลมคมใน [2]
และเพราะความไม่สบายใจที่สุมอยู่ในอกนั้น ทำให้หลี่เฟยหลงต้องดันตัวเองลุกให้ขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าหวานเบือนไปจ้องยังประตูหน้าห้องพักอย่างชั่งใจ เธอใช้เวลานั่งจ้องประตูนั้นอยู่เกือบหนึ่งเค่อ สลับกับปรายตามามองยังโต๊ะข้างเตียงอย่างคิดหนักเอาการ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองลูกดอกที่ยังคงปักอยู่ข้างโต๊ะไม้ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมันอย่างเบามือพร้อมทั้งดึงมันออกมาห่อด้วยผ้าผืนบาง เมื่อรู้สึกว่าหากอยู่เช่นนี้อย่างไรจิตใจก็ไร้ทางที่จะสงบ เฟยหลงจึงตัดสินใจก้าวสองเท้าของเธอย่องอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเธอนั้นเป็นโจรย่องเบามายังประตูหน้าห้องพัก เธอเอียงหน้าใช้หูแนบบานไม้เพื่อฟังเสียงของด้านนอก เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสงัด มือเรียวยกขึ้นมาก่อนจะใช้มันดันประตูไม้บานนั้นให้เปิดออกอย่างเบามือที่สุด
ใบหน้าหวานยื่นออกมาด้านนอกห้องเพียงเล็กน้อย เธอหรี่สายตากวาดมองซ้ายมองขวาก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ในเมื่อด้านนอกห้องพักนั้นไม่มีใครในบริเวณนี้ หลี่เฟยหลงจึงรีบก้าวเท้าออกจากห้องพักอย่างเร็วที่สุด ทำทุกอย่างด้วยความเงียบเชียบพร้อมทั้งปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ
เธอยกสองมือขึ้นมากอดห่อผ้าที่ด้านในนั้นมีลูกดอกน่าสงสัย ย่องเดินไปยังเรือนหลังนั้นทันทีด้วยหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เมื่อคิดถึงภาพของต้นท้อสีชมพูที่บานสะพรั่งหัวใจที่ฟุ้งซ่านเมื่อหลายชั่วยามเปลี่ยนเป็นความสุขราวพลิกฝ่ามือ และเมื่อหลี่เฟยหลงกวาดสายตามองซ้ายมองขวาดีแล้ว สองเท้าของเธอรีบขยับจ้ำอ้าวไปยังเรือนหลังนั้นทันที
“ว้าว~ สวยมาก! ราวกับฝันไปอยู่เลย บุญตาของแกแล้วละหลี่เฟยหลง” เธอโยนห่อผ้าห่อนั้นทิ้งไว้ใต้โคนต้นท้ออย่างไม่ใส่ใจนัก สองเท้าขยับออกห่างโคนต้นเล็กน้อย ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นด้านบนมองดูดอกไม้สีชมพูที่พากันออกดอกสะพรั่งเต็มต้น
สายลมโชยมาปะทะร่างกายและใบหน้าของเธอชวนให้หลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม นั่นยิ่งทำให้เฟยหลงสะดุดใจลืมตาหันไปมองตามทิศทางของกระแสของลมนั้น หากสายลมสามารถพัดเข้ามาได้อย่างเต็มแรงเช่นนี้นั่นคงหมายความว่าเรือนหลังนี้ไม่ได้ทึบอึมครึม เธอเบือนหน้ากลับมามองดอกท้อเหล่านี้อีกครั้ง กลิ่นของมันช่างหอมหวานละมุนทำให้เธอนั้นสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ นี้เข้าจนเต็มปอด สายลมพัดปะทะใบหน้าเป็นระลอกยิ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกสบายใจเป็นที่สุด
“ฉันรู้สึกถูกชะตากับเรือนหลังนี้จัง”
ดวงตากลมปรายมองเรือนไม้หลังนี้แทบจะไม่ละสายตา แม้นว่าจะเป็นเรือนร้างที่เงียบเหงา แต่ยามที่มองเข้าไปกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างไร้คำอธิบาย เมื่อชื่นชมเรือนไม้งามจนเต็มตาแล้ว สองแขนเรียวของเธอนั้นเริ่มขยับกางออก ใบหน้าหวานแหงนหน้าขึ้นพร้อมทั้งหลับตาพริ้มอีกครั้ง
สองเท้าเล็กเริ่มขยับหมุนตัวเป็นวงกลม เธอใช้หัวใจสัมผัสและซึมซับกับบรรยากาศนี้ แม้นว่าจะยังหลับตาอยู่เช่นนั้น แต่ร่างกายกลับรับรู้ได้ถึงกลีบดอกไม้ที่พากันร่วงหล่นลงมาปะทะใบหน้าของเธออย่างไม่ขาดสาย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสายลมที่เริ่มพัดแรงขึ้นแต่ยังคงอ่อนโยน
“เดี๋ยวนะ! อากาศเช่นนี้.. หรือว่าฝนกำลังจะตกกัน”
เมื่อรู้สึกว่าสายลมนั้นเริ่มพัดแรงขึ้น หลี่เฟยหลงจึงรีบลืมตาขึ้นมาทันที แต่ภาพที่เธอเห็นหลังลืมตานั้นกลับทำให้เธอยืนนิ่งค้างราวกับว่ากำลังถูกสาปให้เป็นก้อนหิน ภาพของกลีบดอกท้อที่พากันพัดปลิวไปตามสายลมอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเป็นภาพสโลโมชั่นตามอนิเมะหรือซีรีส์ที่ดูบ่อย ๆ
“สวยจัง~”
เธอหยุดนิ่งมองภาพนั้นด้วยอารมณที่ตื่นเต้น แต่ที่ทำให้เธอใจฟูมากกว่ากลีบดอกที่ปลิวว่อน คงเป็นภาพของต้นท้อสีชมพูต้นนี้กำลังถูกแทรกแซงด้วยเหล่าหิ่งห้อยตัวน้อย ที่ทยอยพากันมาบินไปทั่วพื้นที่นี้จนกลีบดอกท้อนั้นเริ่มถูกปนด้วยสีเหลืองเป็นประกาย
“ว้าว~ สวย.. สวยมากเลย หลี่เฟยหลงแกกลับไปปัจจุบัน แกจะได้เห็นภาพแบบนี้ได้อีกไหม”
ดวงตากลมจ้องมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่อิ่มเปรม เธอตัดสินใจทิ้งตัวเองให้ล้มตัวลงบนพื้นหญ้าราวกับว่าที่ตรงนั้นถูกปูด้วยที่นอนแสนนุ่ม สองแขนกางออกนอนราบไปกับพื้นขยับขึ้นลงราวกับปลาที่ว่ายน้ำ สายตาจ้องมองภาพที่เห็นนั้นอย่างตั้งใจ เธอใช้สมองกักเก็บความงดงาม ความรู้สึก และความทรงจำทั้งหมดเอาไว้ให้มากที่สุด
ภาพที่เห็นนั้นทำให้หัวใจของหลี่เฟยหลงที่ห่อเหี่ยวนั้นพองฟู ราวกับว่าตัวเองกำลังร่ายรำอยู่บนทรวงสวรรค์ สายตายังคงจ้องมองภาพบรรยากาศที่หาดูได้ยากเช่นนี้อย่างตั้งอกตั้งใจ ดวงจันทร์สีเหลืองนวลกลมโตส่องสว่างเหนือต้นท้อ ล้อมรอบไปด้วยดวงดาวที่เคลื่อนตัวมารวมตัวกันส่องแสงระยิบระยับราวกับใช้เวทมนตร์
“ฮื่อ!! สวยจัง~ อยากมีกล้องมาถ่ายเก็บไว้เสียจริง” ริมฝีปากบางขยับพึมพำกับตัวเองอย่างเปรมสุขราวกับคนบ้า
หิ่งห้อยนับหมื่นนับแสนพากันบินเกาะไปตามส่วนนั้นส่วนนี้ของต้นท้ออย่างอิสระ มีอยู่หลายตัวที่บินมาใกล้เธออย่างหยอกเย้า แต่เมื่อหลี่เฟยหลงตั้งใจที่จะจับหิ่งห้อยเหล่านั้นกลับพากันบินหนีเธอไปราวกับกำลังกลั่นแกล้ง
ผ่านไปนานหลายชั่วยามที่เธอนอนมองเจ้าพวกนี้ร่ายรำ ก่อนจะถูกความหนักของเปลือกตาเข้าครอบงำจนสติที่มีเริ่มหายไปจนสิ้น
“แม่นางเพ่ย.. ตื่นหรือยังเจ้าคะ”
เสียงสาวใช้ด้านนอกเรียกสติให้เฟยหลงลืมตาพรึ่บขึ้นมาอย่างตกใจ เธอหันมองรอบกายพบว่าตัวเองนั้นได้นอนอยู่บนเตียงในห้องพักของตน
เฟยหลงลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงงก่อนจะหันมองที่โต๊ะที่น่าจะถูกลูกดอกปักไว้เมื่อคืน แต่ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ร่องรอยที่ถูกปักราวกับว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น สายตาสอดส่องมองหาห่อผ้าที่เธอจำได้ว่าเก็บลูกดอกไว้ แต่กลับไม่พบเช่นกัน
“นี่เราฝันไปงั้นหรือ”
ก๊อก! ก๊อก!
“ข้าตื่นแล้ว”
เธอสะบัดความคิดของตัวเองออกทั้งหมดก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู สาวใช้คนเดิมเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ที่คาดว่าอายุน่าจะใกล้เคียงกัน ทั้งสองเดินนำเสื้อผ้าและของใช้มาวางไว้ให้ก่อนจะเดินไปหยิบสิ่งของอื่นเพื่อช่วยจัดการกับร่างกายของเธอในเช้านี้
“ขอบใจเจ้าทั้งสองมาก.. พวกเจ้ามีนามว่าอะไรงั้นหรือ” เฟยหลงเอ่ยพร้อมทั้งหยิบไม้ที่คาดว่าน่าจะใช้ทำความสะอาดฟันขึ้นมาถูไปมาจนคิดว่าสะอาด พร้อมทั้งบ้วนปากทำความสะอาดเป็นอย่างดี นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่สาวใช้คนเดิมยื่นกระจกทองแดงที่แสนจะเบลอมาให้
“ข้าน้อยหมี่เฟยเจ้าค่ะ”
“ข้าน้อยอู๋หมิงเจ้าค่ะ”
“เจ้าทั้งสองใบหน้าช่างงดงามยิ่งนัก.. ข้าถูกใจพวกเจ้า”
หลี่เฟยหลงยิ้มหวานให้สตรีทั้งสองก่อนจะพยักหน้ายืนยันในคำพูดของตนเอง ที่ยังคงทำหน้าที่ช่วยจัดการเปลี่ยนชุดให้เธอ ชุดที่จัดหามานั้นช่างดูเรียบร้อยเป็นทางการมากกว่าเสื้อผ้ามอมแมมที่เธอสวมก่อนหน้านี้มากโข ทั้งคู่ยิ้มเขินให้พร้อมทั้งจัดการทุกอย่างจนแล้วเสร็จ
“คุณชายแจ้งว่า.. หากแม่นางเรียบร้อยแล้วจะพาไปเที่ยวเล่นในเมืองเจ้าค่ะ” ถึงแม้จะถามไถ่ชื่อเสียงเรียงนามไปบ้างแล้ว แต่ต้องบอกเลยว่าคนอย่างหลี่เฟยหลงนั้นหรือจะจำได้
“แล้วเจ้าจิ้งจอก เอ่อ.. สหายอีกคนของข้าเรียบร้อยแล้วงั้นหรือ” เธอหันไปมองทั้งสองที่ส่ายหน้าพรืดพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร” หลี่เฟยหลงมองทั้งสองที่มีอาการอึกอัก ก่อนจะขมวดคิ้วจนเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ
“ส.. สหายของแม่นางยังนอนกรนเสียงดังไปสามบ้านเจ็ดบ้านอยู่เลยเจ้าค่ะ.. ข้าน้อยทั้งสองพยายามเรียกแล้วแต่ไร้ท่าทีว่าจะตื่นง่ายในยามนี้.. เมื่อครู่คุณชายรองเข้าไปแล้ว เพียงแต่..”
“เพียงแต่อันใดงั้นหรือ”
“เพียงแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นง่ายเจ้าค่ะ” สาวน้อยวัยขบเผาะนี้เห็นจะเป็นแม่นางอู๋หมิงกระมัง
แม่นางตอบออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนที่ทั้งสองจะถอยร่นออกไปรอที่หน้าประตูห้องพัก เมื่อเห็นเช่นนั้นเฟยหลงจึงสลัดความคิดเรื่องเจ้าจิ้งจอกออกจนสิ้น เธอเองกลับคิดว่าการที่เดินสำรวจในเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียหายอะไร เผลอ ๆ เผื่อจะได้เบาะแสหรือจุดที่ทำให้เธอนั้นตามหาวิธีที่จะออกจากที่นี่ได้บ้างก็เป็นได้
โรงน้ำชาหม่าเถา
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน