ตอนที่ 17 โรงน้ำชาหม่าเถา [1]
โรงน้ำชาหม่าเถา
“เจ้าดื่มสุราได้หรือไม่” เจียอวี่เอ่ยถามหลังจากที่เขานั้นพาเธอเดินมาหยุดหน้าโรงน้ำชามีชื่อ
“หม่าเถา..” หลี่เฟยหลงแหงนใบหน้าขึ้น อ่านป้ายชื่อของโรงน้ำชาหลังนี้ ก่อนจะพยักหน้าให้เจียอวี่
สองเท้าก้าวเดินตามสหายเข้าไปด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของที่นี่ไม่ต่างจากในซีรีส์ที่เธอดูเลยสักนิด หลี่เฟยหลงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างตื่นตา เมื่อกำลังนึกสนุกคิดว่าตนเองนั้นกำลังอยู่ในซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เธอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง ทั้งสองเดินผ่านโถงกลางร้านที่มีผู้เฒ่าหนวดขาวท่าทางจะใจดี กำลังนั่งเล่านิทานอย่างออกรสออกชาติ เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้สายตาของเธอนั้นจดจ้องผู้เฒ่านั้นอย่างนึกสนใจในเรื่องราวที่เขาเล่าขาน
“เจ้าอยากฟังงั้นหรือ.. เช่นนั้นเราไปนั่งด้านบนดีหรือไม่” เจียอวี่หันมาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเห็นว่าเฟยหลงนั้นหยุดเดิน พร้อมทั้งยังยืนมองไปที่นักเล่านิทานอย่างไม่ละสายตา
“อืม..” แม้ว่าเธอนั้นจะยังไม่ละสายตาจากชายชราผู้นั้น แต่สองเท้าของเธอกลับยังคงก้าวเดินตามเจียอวี่ไม่ห่าง
ปึก!
“โอ๊ย!”
แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอนั้นจะขาสั้นไปนิดทำให้เดินตามสหายไม่ทันและ เพราะเธอไม่ได้มองทางให้ดี ร่างบอบบางของเธอจึงกระแทกเข้ากับมนุษย์อีกคนจนเกือบล้มหน้าคะมำลงไปวัดกับพื้น แต่โชคยังดีที่มนุษย์ผู้นั้นจับเธอไว้ได้ เฟยหลงปรายตามองใบหน้าของชายเบื้องหน้าอย่างตั้งใจพิจารณา แม้ว่าบุรุษผู้นี้ใบหน้าจะดูหวานหยดราวกับสตรี แต่แววตาของเขานั้นช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง หลี่เฟยหลงจ้องมองเข้าไปในดวงตาสวยคู่นั้นอย่างหลงในมนตร์สะกด สายตาของบุรุษผู้นี้ช่างดุดัน เยือกเย็นและน่ากลัว รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของจิตสังหารจนเธอนั้นรู้สึกขนลุกเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในมิติแห่งนี้
‘แม่นางท่านนี้.. เหตุใดท่านถึงมาอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ที่ของท่าน’
บุรุษผู้นี้ยืนขึ้นเต็มความสูงขยับพยุงให้เธอนั้นยืนขึ้น แม้จะไม่เข้าใจนักแต่เห็นได้ชัดว่าสายตาของเขานั้นจ้องมองที่เธอด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ แววตาของเขาจ้องมองเข้ามาในตาของเธอราวกับว่าเขานั้นกำลังสะกดจิตให้เธอนั้นไม่อาจละสายตาจากเขาได้ หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของเขาอยู่ในหัว เป็นคำพูดที่ค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าริมฝีปากของเขานั้นไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย.. บุรุษผู้นี้มิใช่คนธรรมดาทั่วไป
“อาเพ่ย” เสียงของเจิงเจียอวี่ช่วยสะกิดให้เธอนั้นหลุดออกจากภวังค์ของบุรุษผู้นี้
และเมื่อเธอนั้นรู้สึกว่าตนเองได้สติครบถ้วนดีแล้ว รีบกวาดสายตามองหาบุรุษผู้นั้นอีกครั้ง แต่โชคดีอาจมีเพียงคราเดียว หลี่เฟยหลงมองเห็นคนผู้นั้นได้เดินจากเธอไปเสียแล้ว เขาจากไปโดยทิ้งคำถามมากมายไว้ให้เธออย่างคิดไม่ตก ไม่มั่นใจเลยว่าตนเองนั้นคิดมากไปเองหรือไม่ แต่ในมีแวบหนึ่งแม้จะเพียงสั้น เธอมองเห็นว่าดวงตาของชายผู้นั้นเวลาที่จ้องมองเข้ามาในดวงตาของเธอ แวบหนึ่งเธอเห็นดวงตาของเขานั้นมันเป็นประกายสีทองที่สุกสกาวแบบที่ไม่เคยพบจากที่ใดมาก่อน พร้อมทั้งเสียงที่ดังกึกก้องในหัวนั้นด้วย
“อาอวี่.. เจ้ารู้จักบุรุษผู้นั้นหรือไม่” หลี่เฟยหลงปรายตามองสหายก่อนจะชี้นิ้วถามกับเขาอย่างสงสัย
“ข้าไม่เคยพบมาก่อน.. แต่จากใบหน้าและท่าทางที่เห็นเหมือนว่าชายผู้นั้นจะมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองนี้.. นามของเขาที่ชาวบ้านเรียกกันน่าจะอันใดนะ.. อ๋อ! เจ้าหมอดูพเนจร.. ข้าคิดว่าเขานั้นค่อนข้างประหลาดคนอยู่มาก เจ้าอยากรู้เพราะเหตุใดงั้นหรือ” เจียอวี่เอ่ยขึ้นเสียงเรียบเฉย สายตาจ้องมองชายผู้นั้นที่กำลังเดินออกจากโรงน้ำชาด้วยท่าทางสบายอารมณ์
“ซังเซวี่ย!” ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะละสายตาจากหน้าประตู ได้มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นราวกับคนที่โมโหอย่าถึงที่สุด แม่นางผู้นี้ยืนเท้าเอวใช้สายตากวาดมองไปรอบโรงน้ำชาแห่งนี้อย่างมิได้เกรงกลัวผู้ใดเลยแม้แต่น้อย
“ซังเซวี่ย! เจ้าอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” หญิงสาวที่มีใบหน้าหวานหยดย้อยราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ ที่ดูแล้วช่างแตกต่างจากกิริยาของเธอในตอนนี้อยู่ไม่น้อย เธอกวาดสายตามองไปรอบโรงน้ำชานี้อีกครั้ง
“แม่นางจิ่ว.. เหตุใดท่านถึงได้มาโวยวายที่นี่อีกแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อท่านหนึ่งเดินเข้าไปหาแม่นางผู้นั้นที่ไม่ได้มีท่าทางจะสงบเลยแม้แต่น้อย ด้วยท่าทางพะว้าพะวังช่างน่าสงสาร
หลี่เฟยหลงยังคงมองแม่นางผู้นั้นด้วยสายตาที่ชื่นชม นางเป็นสตรีที่งดงามเพียงนี้ แต่ที่ถูกใจเฟยหลงคงเป็นหัวใจของนาง ที่ช่างแกร่งกล้าไร้ความเกรงกลัวผู้ใดนั้นของนางกระมัง ดูแล้วนางน่าจะเป็นบุตรสาวของจวนแม่ทัพใดสักแห่งเป็นแน่.. ถึงมิได้เกรงกลัวผู้ใดเช่นนี้
“อาเพ่ย.. เราขึ้นด้านบนกันก่อน” เสียงของเจียอวี่นั้นเรียกให้เธอนั้นละสายตาจากสตรีผู้นั้นได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเดินนำเธอขึ้นไปยังด้านบน จัดการหาที่นั่งสำหรับนั่งฟังนักเล่านิทานได้ชัดที่สุด เมื่อทันทีที่ทั้งสองนั่งลงไม่ถึงนาทีนั้น ได้มีเสี่ยวเอ้อนำอาหารมากมายพร้อมทั้งสุรามาวางให้แทบจะทันที
“พวกข้ายังมิได้สั่ง” เฟยหลงหันไปบอกเสี่ยวเอ้อที่ยังวางอาหารได้ไม่ครบดี ทำให้เขานั้นชะงักมือค้างกลางอากาศก่อนจะมองหน้าเจียอวี่อย่างขอความเห็น
“เป็นเมนูที่ข้ามากินเป็นประจำ” เจียอวี่หันไปส่งสัญญาณให้เสี่ยวเอ้อลงอาหารต่อจนครบ เจิงเจียอวี่ยื่นก้อนเงินให้เขาก้อนหนึ่ง ก่อนที่เสี่ยวเอ้อนั้นจะขอตัวแล้วเดินจากไป
“เจ้า.. มาที่เช่นนี้บ่อยงั้นหรือ” เฟยหลงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ได้สนใจในคำตอบของเขานัก ไม่เพียงไม่สนใจเท่านั้น หลี่เฟยหลงยังใช้ตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ชิมจานนั้น ลิ้มรสจานนี้อย่ามีความสุข
“เป็นเรื่องปกติของมนุษย์.. เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ” เจียอวี่เอ่ยตอบพร้อมทั้งยื่นจอกสุราให้ หลี่เฟยหลงได้ยื่นมือไปรับมาด้วยความยิเต็มใจ ในเมื่อต้องใช้ชีวิตในมิตินิยายประหลาดเช่นนี้แล้ว จะมัวเครียดหรือหดหู่อยู่ก็เกรงว่าจะไม่ได้ เช่นนั้นแล้วก็เที่ยว กิน ดื่มให้เต็มที่เลยแล้วกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นจอกเหล้าจอกน้อยได้ถูกมือเรียวของเธอนั้นยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด และเมื่อได้สัมผัสถึงรสชาติของมัน ยิ่งทำให้เธอนั้นตกใจในรสชาติขึ้นอีกเท่าตัว
“อาอวี่.. เจ้านี่เรียกว่าสิ่งใดกัน” เฟยหลงสูดดมกลิ่นของสุราในจอกอย่างหลงใหล แน่นอนว่าเฟยหลงไม่ใช่หญิงสาวกุลสตรีที่ไม่รู้จักสุราเมรัย เพียงแต่ในโลกปัจจุบันนั้นเธอยังไม่เคยพบสุราที่ให้รสชาติที่ดีและกลิ่นที่หอมเช่นสุราจอกนี้มาก่อน
“นี่คือสุราใบไผ่.. และต้องเป็นที่นี่เท่านั้นที่จะได้รสชาตินี้” เจียอวี่สาธยายให้เธอฟังพร้อมทั้งเทให้อีกจอก
“แต่สุรานี้ทำให้เจ้าเลอะเลือนได้.. เช่นนั้นเจ้าดื่มให้น้อยหน่อย” เฟยหลงพยักหน้ารับแบบขอไปที ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเบือนมองไปที่สตรีผู้นั้นที่เดินมานั่งกอดอกฟังนักเล่านิทานด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยว
“อาอวี่.. เจ้าว่าซังเซวี่ยผู้นี้ใบหน้าเป็นเช่นใดกัน”
ปึง!
จอกเหล้าที่กำลังจะเข้าปากเป็นต้องชะงักค้างกลางอากาศ เมื่อมีบุคคลที่สามเดินเข้ามาตบโต๊ะที่ทั้งสองนั่งอยู่จนเกิดเสียงดังลั่นราวกับว่ากำลังจะเกิดเรื่อง นั่นจึงเป็นเหตุให้โต๊ะของพวกเขานั้นเกิดเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที
“พวกเจ้าทิ้งข้าไว้คนเดียวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!”
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน